ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 3: บทนำ ส่งท้ายด้วยคำสารภาพรัก
บทนำ ส่งท้ายด้วยคำสารภาพรัก
เมื่อเข้าสู่กระบวนการสุดท้ายชายหนุ่มก็เริ่มแผนการตัวเองทันที เปิดฉากสารภาพรักกับหล่อน สารภาพความในใจออกไปทั้งหมดไม่มีกักเก็บหวังเพียงว่าโชคชะตาจะเข้าข้างมอบบทเพลงแห่งชัยชนะมาให้
“ชอบครับ ชอบมาตลอด” ทราเวียร์หน้าแดงเป็นที่สุด
เขาเอ่ยไปแล้วเรียบร้อย เอ่ยถ้อยคำปรกติธรรมดาเพียงไม่กี่คำที่ใครบางคนตลอดชั่วชีวิตนี้ไม่อาจหยิบยกออกมาพูดได้ หรือต่อให้เปิดปากพูดใช่ว่าจะสมความปรารถนาดั่งใจหวัง
เหมือนกับเขาคนที่ต้องผิดหวังเพราะคำว่า “รัก”
“…” รอยยิ้มคู่สนทนาแข็งค้างตื่นตระหนกตกใจเป็นที่สุด
“รักเธอ~ ฉันยังคงรอยคอยเธออยู่เสมอ~” บทเพลงยังดำเนินต่อด้วยเสียงร้องขับขานหวานชื่นประดุจเพลงจากสรวงสวรรค์อวยพรให้ทั้งสองหลงรักกันไปตลอดชั่วชีวิตไม่มีแยกจากกันตลอดกาล
ตามมาด้วยเสียงปรบมือดังสะนั่นไปทั่วทั้งห้อง
“ยินดีด้วย”
“ยินดีด้วยค่ะ”
“พระเจ้าช่วยอิจฉาเป็นบ้าเลย”
“นั้นสินะ อยากได้แบบนี้บ้างจัง” ทุกคนต่างหยิบยื่นไมตรีให้ไม่ขาดสาย ต่างร้องยินดีอวยพรไปตามแบบฉบับของตัวเองไม่มีคำสบถอารมณ์เสียหรือว่าคำสาปส่ง เว้นคนผู้หนึ่งให้อารมณ์แตกต่างจากผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง
หญิงสาวนิ่งเงียบไม่คิดพูดจาคล้ายหัวสมองหยุดนิ่งครุ่นคิดอะไรไม่ออก
“…” ร่องรอยยินดีสมควรปรากฏบนใบหน้าหญิงสาวหายลับไปจากสายตา ราวกับทุกสิ่งอย่างที่เขาพานพบเป็นเพียงปราสาททรายขาวเมื่อโดนคลื่นทะเลพัดพาก็หอบเอาทุกสิ่งอย่างกลับไป
ไม่หลงเหลืออะไรให้นอกจากความเจ็บปวดและความว่างเปล่าไร้ชีวิต
“นายสารภาพกับฉัน?”
“…ครับ”
“นาย” เธอกดข้อมือตัวเองแน่นใต้โต๊ะ
ร้อยล้านคำพูดมากมายจุกอยู่ในอกมันพูดออกมาไม่ได้ สำหรับหญิงสาวแล้วนี่เป็นสถานการณ์ไม่คาดฝัน สถานการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ดันเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ไม่อาจหักห้าม ไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้
…‘ทำไมนายต้องสารภาพกับฉันด้วย!’
“…”
“…ขอโทษ”
“…” สักขีพยานแห่งรักทั้งหลายต่างนิ่งเงียบไปในทันที เพลงบรรเลงเองก็สะดุ้งลงก่อนจะกลับมาบรรเลงใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าผู้คนมากมายไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขาสนใจชายหนุ่มหญิงสาวคู่หน้ามากกว่า
สนใจว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะดำเนินไปยังทิศทางไหน
“นิ—” ทราเวียร์อ้าปากค้างคิดกล่าวต่อก็โดนอีกฝ่ายแทรกเสียก่อน
“…ฉันน่ะ ไม่ได้คิดกับนายแบบนั้นหรอกนะ เวียร์” หญิงสาวตอบเสียงเจือปนไปด้วยความเศร้าโศก หล่อนไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ดำเนินมาหลายปี ต้องจบลงด้วยการเป็นคนแปลกหน้า
แต่อะไรที่มันต้องเกิดก็ต้องเกิดไม่อาจเข้าไปหยุดยั้งได้
“ไม่ได้คิดกับผม?”
“แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร?”
“…” อารมณ์ต้องการอยากรู้อยากเห็นในตอนแรกแปรเปลี่ยนหมดสิ้นไม่มีหลงเหลือร่องรอยหยอกล้อไปตามอารมณ์ทุกสิ่งอย่างราวกับเป็นเพียงภาพลวงตา กระทั่งรอยยิ้มแจ่มใสคอยมอบความกล้าหาญให้กับทราเวียร์
ยังหม่นหมองเจือปนไปด้วยประกายดำสิ้นหวัง
“บางที นายอาจคิดไปเองคนเดียว”
“เป็นไปไม่ได้!”
“…นิ นี่” ทราเวียร์กุมหน้าอกตัวเองแน่น
“…” หล่อนกัดปากตัวเองแน่นจนแทบเรียกเลือด ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บปวดรวดร้าวไปถึงขั้ววิญญาณ ภาพชายหนุ่มมือสั่นสะท้านพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา พยายามทำตัวให้ปรกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
น่าเสียดายมันล้มเหลวไม่เป็นท่า
“…ทำไม?” น้ำเสียงแหบแห้งเกือบพังทลาย
“…” หล่อนนิ่งเงียบหลบหน้าไม่คิดตอบ ไม่ว่าทราเวียร์จะพยายามถามมากมายเพียงใด พยายามใช้น้ำเสียงอ่อนโยนขนาดไหน เธอก็ยังคงนิ่งเงียบเหมือนเดิมคล้ายไม่ต้องการพูดคุยอีกเป็นครั้งที่สอง
จนเขาหงุดหงิดควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
ปัง!
ทราเวียร์กำหมัดตัวเองทุบโต๊ะ
“ฉันถาม!” เชิงเทียนสั่นไหวนเกือบล้มลง
“ใจเย็นน้องชาย!”
“อย่าทำอะไรเกินเลย!”
ฝ่ามือขาวเนียนปิดกั้นไม่ให้ใครคนอื่นเข้ามา
“…” หล่อนส่ายหน้าไม่ต้องการให้ใครหน้าไหนเข้ามายุ่งวุ่นวายกับสถานการณ์เบื้องหน้า นี่เป็นเรื่องระหว่างเธอกับเขา ก็ต้องจบลงด้วยเธอกับเขาเท่านั้น ห้ามใครคนอื่นโดยเฉพาะคนนอกเข้ามายุ่งเกี่ยว
ทราเวียร์เมินเฉยทุกสิ่งอย่างมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่อยู่ในหัวสมองว่างเปล่า
“ขอร้องละ” นั้นคือเหตุผลปฏิเสธทำไมหล่อนถึงได้ปฏิเสธเขา
“ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าทำไมถึงปฏิเสธฉัน?”
“…” รอยยิ้มกลับมาบนใบหน้าหล่อนอีกครั้ง “เหตุผลมีเยอะแยะมากมายถ้านายอยากฟัง”
“พูดมาเถอะฉันรับได้หมดแหละ”
“ได้ถ้านายอยากฟัง” เธอพยักหน้ากล่าวต่อ
“ฉันรู้ว่ามันไม่ง่ายที่นายจะเค้นเอาความกล้าของนายออกมา เพื่อสารภาพรักกับฉัน”
“แต่เชื่อเถอะ พวกเราทั้งสองคนไม่เหมาะสมกันหรอก ต่อให้ฉันยอมรับคำสารภาพรักของนาย ชั่วชีวิตนี้ก็จะมีแค่เจ็บปวดทุกข์ทรมาน ความสุข คำยินดี คงไม่โผล่เข้ามาทักทายนาย—” แม้ว่าช่วงหลังประโยคหล่อนคิดเบี่ยงเบนให้มันเป็นเรื่องตลกคิดสร้างบรรยากาศผ่อนคลายกลับกลายเป็นว่าทำให้คนผู้หนึ่งตวาดขึ้นมาแทน
ทราเวียร์กำหมัดตัวเองแน่นรู้สึกแน่นหน้าอกไปหมด
“ไม่จริง! มันจะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ฉันน่ะ ฉัน”
“จริงหรือว่าไม่จริง ไม่ใช่นายเป็นคนกำหนด”
“แล้วใครเป็นคนกำหนด?!”
“ไม่รู้เหมือนกัน อย่างน้อยก็ไม่ใช่ฉันคนนี้” คำปฏิเสธของหล่อนดูยังไงมันก็เป็นเพียงข้ออ้างหลอกเด็ก ข้ออ้างง่ายดายง่ายต่อการมองออกถึงเส้นสนกลใน ถึงจะมองออกแต่ความจริงที่ว่าหล่อนปฏิเสธก็ยังไม่มีเปลี่ยนแปลงอยู่ดี
ทราเวียร์กัดปากตัวเองสับสนจนเริ่มทำอะไรไม่ถูก
“…”
บรรยากาศเต็มเปี่ยมไปด้วยแรงกดดันมหาศาลพวยพุ่งกดให้ทุกคนรอบกายมีอารมณ์ร่วม ทั้งที่วันนี้สมควรกลายเป็นวันยอดเยี่ยมที่สุดของชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่ง กลับพลิกผันชนิดที่ว่ากลับหัวเป็นหางกลับหางเป็นหัว
เปลี่ยนจากฝันดีหวานชื่นกลายเป็นฝันร้ายชั่วนิรันดร์
“…เศร้าวะ ฉันรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอแบบนี้เข้าสักวัน แต่พอเจอเข้าจริง แม่งอึดอัดเป็นบ้าเลย”
“เห็นด้วย”
“จบงานนี้คงต้องพักงานกันยาว” ขณะคนไม่ประสบพบเจอโดยตรงยังมีขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่โดนเข้าโดยตรงความเจ็บมันคงไม่พ้นต้องมากเป็นสิบเท่าหรือร้อยเท่า
มากจนจินตนาการไม่ออกบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
“…” หญิงสาวเบื้องหน้าทราเวียร์ยังเผยรอยยิ้มไม่จางหายเพียงแต่ว่ารอยยิ้มนี้มันช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม จะเศร้าโศกก็ไม่เศร้าโศกเสียทีเดียว สภาพแปรปรวนจนยากจะหาความเป็นจริงจากหล่อน
เธอถอนหายใจไม่คิดรั้งอยู่ต่อไป
“ถ้านายไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉันขอตัวกลับนะ”
“หรือว่าผมเคยทำอะไรไม่ดีเอาไว้”
“ไม่สิเป็นผม เป็นผมไม่ได้เหรอหรือว่าผมดีไม่พอ” ทราเวียร์ยังคงดึงดันไม่เลิกรา
ต่อให้มันต้องจบลงด้วยล้มเหลวไม่เป็นท่า ต้องเศร้าหมองโดนกระทบกระเทือนจิตใจจนแตกสลาย เขาก็ยังคงดึงดันต่อไปอย่างน้อยที่สุดก็ได้พยายาม ได้ลองทุกวิธีทาง ได้ทำสิ่งที่ตนอยากทำ
ไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปโดยเปล่าประโยชน์
“เปล่าเลย ปัญหาไม่ได้อยู่ที่นาย”
“นายน่ะดีพออยู่แล้ว เป็นฉันต่างหากที่ดีไม่พอ”
“…ไม่จิรง—” ชายหนุ่มยังไม่ทันได้กล่าวต่อก็โดนกล่าวดักเอาไว้เรียบร้อย
“หยุดเถอะ นายก็รู้ว่าต่อให้พูดมากกว่านี้มันก็เปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี ฉันไม่ได้รักนาย นายสารภาพรักไม่สำเร็จ เรื่องราวทั้งหมดมันก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรยากเย็น” ถ้อยคำรุนแรงกระทบกระแทกหัวใจ ไม่สิต้องบอกว่าทุบทำลายไม่ปล่อยให้มีโอกาสพลิกหวนคืนกลับมาก็ยังได้ด้วยซ้ำ
ราวกับดวงวิญญาณหลุดออกจากร่าง
“…” ทราเวียร์นิ่งค้างไปเลย
…‘ขอโทษ เป็นไปได้ฉันเองก็ไม่ได้อยากพูดแบบนี้กับนายหรอกนะ’
“…” หล่อนเผยรอยยิ้มกลบเกลื่อนปิดกั้นอารมณ์ทุกสิ่งอย่าง “วันนี้ขอบคุณมาก ขอบคุณที่นายสละเวลามาเลี้ยงข้าวฉัน ยอมจ่ายเกือบหมื่นเพื่อมื้อสุดพิเศษมื้อนี้”
“พูดตามตรงฉันรู้สึกดีใจนะที่ได้มาเจอหน้านายอีกครั้ง เหมือนย้อนเวลากลับไปสมัยก่อน สมัยที่พวกเราอยู่โรงเรียนเดียวกัน เวลาเจอหน้าก็ต้องมาเจอกันจุดอับสายตา เพราะไม่มีใครเขาชอบขี้หน้าพวกเราสองคน พวกเราผ่านพ้นเรื่องราวมามากมาย” น้ำเสียงอ่อนโยนช่างปลอบประโลมหัวใจ ฝ่ามืออ่อนนุ่มเสมือนยาใจชั้นยอดในขณะเดียวกันมันก็คือคมมีดหอมหวานไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป
คว้าจับเข้าที่มือทราเวียร์
“ไม่ว่าจะหนักหนาขนาดไหน พวกเราก็ผ่านพ้นมาได้ตลอด”
“…”
“ครั้งนี้นายก็ต้องผ่านไปให้ได้ ฉันรู้อยู่แล้วว่านายน่ะไม่มีทางล้มเพียงเพราะเรื่องแค่นี้หรอก” หญิงสาวหลับตาแน่นไม่ต้องการมองเขาอีกเป็นครั้งที่สองเกรงว่าหากมองต่อไป
บางสิ่งอย่างที่อดกลั้นมาตลอดคงไม่พ้นต้องพังทลาย
“…ไปก่อนนะ” พริบตาที่หล่อนก้าวเท้าลุกจากโต๊ะเดินออกไปจากร้าน เสมือนกับว่าไม่ได้เดินออกไปจากร้านอย่างเดียว มันหนักหน่วงกว่านั้นราวกับหายไปท่ามกลางแม่น้ำกาลเวลา ห่างกันสุดขอบฟ้า ห่างกันสุดขอบโลก
ไม่อาจพบเจอหน้ากันได้อีกตลอดกาล
“คุณลูกค้าค่ะ”
“…” ทราเวียร์เงยหน้ามองก็เห็นพนักงานสาว
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ? อยากให้ฉันช่วยอะไรไหม?” สายตาเป็นห่วงเป็นใยคือความรู้สึกแท้จริงที่แสดงให้เห็นชัดเจน ไม่ใช่สิ่งเสริมเติมแต่งตามหน้าที่ พนักงานสาวไม่รู้ว่าพึ่งเกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายตรงหน้า แต่สภาพจิตใจแตกสลายเฉกเช่นนี้ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องดีหากปล่อยให้อยู่คนเดียวต่อไป
ปากอ้าหุบหลายต่อหลายครั้ง
“…” พยายามพูดระบายความในใจหรือโต้ตอบกลับไป ทำไม่ได้ ในหัวสมองเขามันว่างเปล่าไปหมด สุดท้ายก็ไม่มีคำกล่าวอะไรออกมานอกเหนือจากน้ำตาสองสายอาบไปทั่วทั้งใบหน้า
เป็นสิ่งสะท้อนความในใจทั้งหมด
“คุณคะ?!”