ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 15:ตอนที่ 12 ออกวิ่งตาม
ตอนที่ 12 ออกวิ่งตาม
ช่วงเวลาที่ยืดยาวนานหวังให้มันดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เป็นอันต้องจบลง ทราเวียร์ตัดสินใจหวนกลับคืนสู่เส้นทางเดิมต้องการแยกจากกันตรงนี้ทางใครทางมัน อย่างว่าละนะทุกคนต่างมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบกันทั้งนั้น
ไม่อาจปล่อยปละละเลยทำตามใจชอบได้
แน่นอนว่าหญิงสาวล่วงรู้ดีจึงยินยอมปล่อยผ่านไม่คิดรั้งเอาไว้ให้เปล่าประโยชน์หรือต่อให้คิดรั้งอยากให้เขาอยู่ต่อมันก็คงเป็นไปได้ยากยิ่งจนเกือบเป็นไปไม่ได้อยู่ดี
เนื่องจากเธอกับเขาก็ยังเป็นเพียงคนแปลกหน้าพานพบเจอกันด้วยเหตุบังเอิญเป็นเพียงหนึ่งเหตุการณ์แสนวิเศษที่โผล่เข้ามาในชีวิตก่อนจะหายลับไปจากสายตาเมื่อกระพริบมอง
…‘ฉันกลายเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัวไปตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย’
“…” ณัชชาเก็บรอยยิ้มหยอกล้อทั้งหมดยืนจดจ้องมองชายหนุ่มสวมแว่นเดินจากหายไปพร้อมช่อดอกไม้เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกนึกรัก นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เหนือความคาดหมายแต่พอเจอเข้าจริงก็อดรู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย
แม้ว่าแท้จริงในใจต้องการให้เขาอยู่ต่อแต่บางสิ่งอย่างที่มันเป็นไปไม่ได้ก็ไม่อาจเป็นไปได้อยู่ดี
สุดท้ายปลายทางมีแต่ต้องทำใจยืนหยัดด้วยตัวเองเท่านั้น
…‘ถ้าฉันไม่ได้นาย ฉันคง—’
รอยยิ้มงดงามหวังยิ้มส่งท้ายเป็นตัวบอกลา
“…” ขณะกำลังวางแผนใช้ชีวิตต่อจากนี้ คิดใช้ชีวิตยังไงให้ตัวเองไม่ต้องเจอพบเข้ากับประสบการณ์ปวดร้าวไปถึงขั้วจิตใจอีกเป็นครั้งที่สอง บางสิ่งอย่างที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเกิดขึ้นกับตัวหล่อนที่พึ่งเผยรอยยิ้มสดใจเหมือนฝ้าหลังฝน
อึก!
“…” ณัชชาหายใจลึก
แววตาหล่อนเริ่มหวั่นไหวสั่นสะท้านเกินจำเป็น เหงื่อไหลอาบไปตามโครงหน้าภาพบรรยากาศรอบกายกำลังบิดเบี้ยวสุ้มเสียงผู้คนกำลังดังกังวาลส่งตรงเข้าสมองเกินกว่าหัวสมองปรกติจะแบกรับได้
นิ้วมือทั้งสิบเกร็งชัก
“…อะ อะไร” ณัชชากุมหัวใจตัวเองเอาไว้แนบแน่นเนื่องจากหล่อนในตอนนี้กำลังรู้สึกทุกข์ทรมานมากขึ้นตามลำดับโดยเฉพาะหัวใจดวงโตที่กำลังเต้นเพิ่มจังหวะคล้ายคนวิ่งเหนื่อยหอบหวังมุ่งทะลุขีดจำกัดร่างกาย
เกิดปล่อยเอาไว้แบบนี้ต่อไปรับรองได้เลยว่า
“จะ เจ็บ” คงไม่พ้นต้องหมดสตินอนโรงพยาบาลหรือไม่ก็ต้องนอนรอความตาย
“…” ความรู้สึกหนึ่งที่คอยแทรกซึมจิตใจเริ่มแพร่ขยายตัวด้วยความเร็วเหนือล้ำจินตนาการ หล่อนครุ่นคิดมาเสมอว่ามันเป็นความรู้สึกนึกขอบคุณที่ทราเวียร์คอยอยู่ช่วยเหลือ คอยแบ่งรับเอาทุกข์โศกจากไป
แต่แล้วทุกสิ่งที่หล่อนครุ่นคิดมันก็เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
เมื่อความจริงปรากฏขึ้นมาแทนที่
…‘ตะ เต้เหรอ?’
“…” ณัชชาอ้าปากพร้อมยื่นมือเข้าไปหามั่นหมายจะคว้าดึงร่างชายหนุ่มกลับมาที่เดิม สุดท้ายปลายทางอาการที่ทราเวียร์พบเห็นอาการที่เหล่าพลเมืองดีทั้งหลายพบเจอก่อนหน้านี้ มันก็คืออาการของคนใจแตกสลายต้องการสิ่งค้ำจุน
อาศัยผู้อื่นคอยเป็นขาคอยพยุงตัวไม่ปล่อยให้จิตใจพังทลายไปมากกว่านี้ แต่หากถูกกระตุ้นเตือนด้วยบางสิ่งอย่าง ด้วยความรู้สึกนึกคิดบางอย่าง กระตุ้นรุนแรงมากพอให้เปลือกนอกจิตใจหวั่นไหว
อาการทั้งหมดของหล่อนก็จะกลับมาอีกครั้งทั้งมีแนวโน้มว่าจะรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่าตัว
…‘เต้ รอก่อน!’
“…” ต้นเหตุที่ทำให้อาการของหล่อนกลับมาอีกครั้งก็คงไม่พ้นต้องเป็นทราเวียร์ที่ตัดสินใจกลับไปใช้ชีวิตตามเดิม เลือกเดินหายไปจากชีวิตของหล่อนปล่อยให้หล่อนต้องอยู่เปล่าเปลี่ยวรักษาแผลใจไปตามลำพัง
อีกทั้งยังมีทีท่าว่าจะหนักหน่วงมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
…“นายเคยรักฉันรึเปล่า?”
…“เคยครับ”
ด้วยสภาพจิตใจเริ่มแปรปรวนทำให้หล่อนเสียการควบคุมจิตใจและร่างกายเกือบทั้งหมด มองทราเวียร์ซ้อนทับชายหนุ่มที่ตนหลงรักไปในที่สุด เมื่อมาถึงจุดนี้หญิงสาวงดงามณัชชาก็เข้าใจทันทีว่าความรู้สึกแปลกประหลาดที่คอยเข้าแทรกซึมจิตของหล่อนคืออะไร
เมื่อคิดขึ้นได้ขาข้างหนึ่งก็ก้าวนำหน้าออกไปก่อนเสียแล้ว
“รอก่อน”
…“แต่ตอนนี้ผมไม่ได้รักคุณแล้ว”
…“ลาก่อนครับ”
“…อย่าพึ่งไป อย่าทิ้งฉัน!” ณัชชากัดปากน้ำตาคลอเบ้า
“…” ฝีเท้าขยับส่งเรี่ยวแรงทั้งหมดออกวิ่งตามทราเวียร์ไปโดยไม่มียับยั้งช่างใจ แม้ว่าจะพบเห็นร่างชายหนุ่มในระยะสายตาแต่สำหรับณัชชาที่พึ่งสูญเสียสิ่งสำคัญมากที่สุดสิ่งหนึ่งในชีวิต
มันเหมือนกับว่าหล่อนกำลังจะสูญเสียไปอีกครั้ง
สูญเสียสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่พึ่งแทรกซึมเข้ามาในจิตใจหล่อนโดยไม่รู้ตัว
…“เลือกสถานที่วางดอกไม้ผิดรึเปล่าครับ?”
…“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย นายมีธุระอะไรกับฉัน?”
…“ไม่ได้มีกับคุณซะทีเดียว แต่มีกับดอกไม้ในมือคุณต่างหาก”
…“นายอยากได้ดอกไม้ของฉัน?”
…“ครับ”
…‘ความรู้สึกนี้มันเหมือนกับตอนนั้นเลย’
เหมือนตอนที่หล่อนสูญเสียทุกอย่างให้กับชายหนุ่มหน้าหล่อ สูญเสียถึงขั้นต่อให้ตายกลายเป็นศพก็ไม่มีอะไรให้เสียใจ ทั้งที่ตัวหล่อนอุตส่าห์ได้โอกาสพลิกฟื้นกลับมาอีกครั้ง
จะให้กลับไปรู้สึกแบบเดิมอีกเหรอ
อย่ามาล้อเล่นกันนะไม่ว่ายังไงหล่อนจะไม่มีทางยอมรับง่ายดายเด็ดขาด
…‘ไม่เอานะ ฉันไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว!’
“…” ภาพย้อนทราเวียร์ยืนอ่านหนังสือผิงพนักเฝ้ารอคอยให้หล่อนตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะมอบช่อดอกไม้ให้รึเปล่า นอกจากไม่แยแสยังปล่อยให้หล่อนได้ทำตามใจชอบเต็มที่ขอเพียงมอบช่อดอกไม้ให้ ภาพดังกล่าวเบื้องหน้ามันช่างตราตรึงหัวใจเหลือเกิน
สำหรับตัวเธอเขาคือผู้ชายแปลกประหลาดที่มีแนวคิดแปลกประหลาดยิ่งกว่า
…“รู้ไหมว่าครั้งหนึ่งผมเองก็เคยอยู่จุดเดียวกับคุณ”
…“เป็นช่อดอกไม้ที่วิเศษมากครับ”
…“เดี๋ยวผมจะหาเจ้าของใหม่ให้มันเอง”
…“ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ไม่ว่าจะต้องใช้ความพยายามเท่าไหร่ ผมสัญญาเลยว่าต้องพาเจ้าของดอกไม้คนใหม่ไปหาคุณให้ได้”
…‘นายอย่าพึ่งหายไปสิ ให้ฉัน รอฉันก่อน!’
“…” ณัชชาวิ่งออกจากพื้นที่ห้องน้ำออกสู่โลกภายนอก ใบหน้าหล่อนซีดเซียวไร้เลือดเหงื่อใสอาบไหลไปทั่วทั้งร่างกายเสมือนวิ่งออกกำลังกายหนักหน่วง ถึงอย่างนั้นหญิงสาวหาได้สนใจเลยแม้แต่น้อย
เธอยังคงวิ่งต่อไป
…‘อย่าพึ่งไปนะ’
“…” หลังจากเสียเวลาร่วมนาทีหล่อนก็ผ่านพื้นที่ปิดกั้น
ผ่านพ้นจากเงามืดชายคาห้องน้ำเสมือนกับว่าหลุดพ้นจากเงามืดภายในจิตใจกลับคืนสู่แสงสว่าง กลับคืนสู่สถานที่ควรคู่เหมือนได้กลับบ้านสัมผัสหวนคืนถิ่น หล่อนเตรียมพุ่งเข้าหาชายหนุ่มแปลกประหลาดที่เข้ามาในชีวิตในช่วงเวลาอับจน ช่วงเวลาที่โหดเหี้ยมไร้แสงสว่าง ช่วงเวลาต้องทนทุกข์ทรมานกับคำว่า “รัก”
ปราศจากเหตุผล ไม่มีสิ่งใดมารองรับสำหรับหล่อนตอนนี้ ทำเพียงเพราะอยากทำ อยากทำจึงต้องทำ ทำโดยไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นเพียงสัญชาตญาณบอกให้หล่อนวิ่งหน้าตั้งต่อไปเท่านั้น
“…” เพื่อไม่ให้ตนต้องเสียใจภายหลัง
และแล้วความพยายามก็ไม่เคยทำร้ายทำลายใคร ไม่ใช่แผ่นหลังชายหนุ่มทราเวียร์ผู้ถือดอกไม้แต่เป็นใบหน้าแฝงไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนชวนให้รู้สึกอบอุ่นไปทั่วหัวใจ เขาหยุดยืนนิ่งท่ามกลางแสงแดด
ณัชชาหอบหายใจวิ่งมาหยุดเบื้องหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว
“คุณ!”
“ครับ” ทราเวียร์ยืนอยู่นิ่งเงียบพร้อมรอยยิ้มเบาบาง เขาไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจที่พบเห็นณัชชาออกวิ่งติดตาม ออกจะเฉยชาคล้ายรับรู้อยู่แก่ใจ หญิงสาวอ้าปากต้องการพูดบางสิ่งอย่าง
แต่ไม่อาจพูดได้เนื่องจากหล่อนคิดไม่ออกเหมือนกันว่าอะไรเป็นเหตุผลที่ทำให้หล่อนวิ่งตาม
“…ฉะ—”
“ขอโทษนะครับ”
“…” กว่าจะรู้สึกตัวเรือนร่างอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกลี้ลับยากจะมองผ่านลึกทะลวงเข้าไปในจิตใจ ก็มาปรากฎเบื้องหน้าเธอพร้อมกับดึงร่างเล็กงดงามปานเทพธิดาเข้ามาสู่อ้อมกอด หากเป็นช่วงเวลาปรกติธรรมดาหล่อนคงดิ้นรนก่อนปิดฉากด้วยตบหน้าอีกฝ่ายที่กล้าล่วงละเมิดทางเพศ
แต่สำหรับทราเวียร์เขาให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป
…‘อุ่นมาก’
“…” น้ำตาสองสายไหลจากดวงตาหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว
อ้อมกอดของทราเวียร์ชายหนุ่มสวมแว่นล้วนปราศจากความคิดมุ่งร้าย มีเพียงความคิดอ่อนโยนปลอบประโลมหัวใจจากผู้พานพบประสบการณ์เดียวกัน มันคืออ้อมกอดแฝงไปด้วยแนวคิดต้องการช่วยเหลือหล่อนเต็มเปี่ยมไม่มีหวังผลตอบแทน
เป็นแนวคิดบริสุทธิ์สายหนึ่ง
“กะ แล้วคุณต้องวิ่งตามผมออกมา”
“…คุณรู้ได้ยังไง?”
“ก็ตอนนั้นตอนที่ผมโดนช่วย ผมก็วิ่งตามเธอออกมาเหมือนกัน” ทราเวียร์กระชับอ้อมกอดหญิงสาวแนบแน่นกว่าเดิมพร้อมโยกตัวเบาบางคล้ายต้องการปลอบประโลมหัวใจตัวเองไปในตัวด้วย
ระหว่างทั้งสองกำลังซึมซับไออุ่นซึ่งกันและกัน
“…”
“ขออยู่แบบนี้ต่ออีกหน่อยได้ไหมคะ?”
“ไม่มีปัญหาครับ” ทราเวียร์ยิ้มอ่อน
“ใช้เวลาได้เท่าที่คุณต้องการ”