ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 12: ตอนที่ 9 คำตอบในใจ
ตอนที่ 9 คำตอบในใจ
หลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม คำพูดว่าครั้งหนึ่งเคยผ่านจุดเดียวกัน เคยต้องทุกข์ทรมานกับคำปฏิเสธบอกรัก ต้องกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น ต้องเปล่าเปลี่ยวแยกทางจากคนที่แอบหลงใหลหลงรัก ไม่อาจรักษาสายสัมพันธ์ดั่งเดิมได้อีกตลอดกาล จะบอกว่าเขาเองก็เคยพานพบประสบการณ์การเดียวกันเหรอ
ถึงมันจะดูล้อเล่นหยอกล้อไปตามอารมณ์
“…” แต่ณัชชาก็รับรู้ว่าคำพูดอีกฝ่ายมีเค้าโครงเป็นจริงอยู่หลายส่วน อย่างที่เขาว่ากันว่าผีย่อมเห็นผีคนพานพบประการณ์เดียวกันย่อมต้องมีบางสิ่งอย่างที่คล้ายคลึง อะไรบางอย่างที่เหมือนยิ่งกว่าเหมือนเพียงแค่เปรยตามอง
ก็จับสัมผัสรู้สึกได้
“ล้อเล่นรึเปล่าคะเนี่ย?” ณัชชาดูยังไม่เชื่อคำพูดของชายหนุ่มสวมแว่น
“…คิดว่าผมล้อเล่น?”
“เปล่าล้อเล่นเลยครับ ไม่มีล้อเล่นแม้แต่น้อย ต่อให้ผมจะมีนิสัยชอบหยอกล้อคนอื่นเขาไปทั่วแต่เรื่องแบบนี้ผมไม่มีทางเอามาเป็นเรื่องตลกแน่นอน ยิ่งกับคนแปลกหน้าแบบคุณแล้วด้วย ผมไม่มีทางล้อเล่นเด็ดขาด” ทราเวียร์กล่าวต่อด้วยรอยยิ้มแฝงไปด้วยอะไรหลายต่อหลายอย่าง “คุณคงไม่คิดว่าผู้ชายอย่างผมจะเป็นผู้ชายประเภทสันดานเสียชอบเอาบาดแผลคนอื่นมาล้อเล่นหรอกนะ”
ณัชชาตื่นตระหนกเล็กน้อยพอเจอชายหนุ่มทราเวียร์ตีเข้าตรงจุด
“ฉันยังไม่ทันได้กล่าวหาคุณ ทำไมถึงสรุปไปได้ขนาดนั้นกัน”
“ไม่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่” ชายหนุ่มยักไหล่
“ผมเองก็เคยอยู่จุดเดียวกับคุณ ถึงได้รู้ว่ามันทุกข์ทรมานขนาดไหน แน่นอนว่าระหว่างพวกเราทั้งสองคนสถานการณ์ออกจะแตกต่างไปสักหน่อย เนื่องจากตอนผมโดนหักอกไม่ได้มีใครคนอื่นเข้ามาปลอบใจเหมือนกับของคุณ” ทราเวียร์ยิ้มหัวเราะเล็กน้อย “เอาเข้าจริงผมค่อนข้างอิจฉาคุณไม่น้อยเลยนะครับ”
“…อิจฉา อะไรที่น่าอิจฉาละคะ?” ณัชชาแค่นเสียงไม่พอใจ “ต่อให้มีคนมาปลอบตอนเราล้ม แล้วมันยังไง สุดท้ายปลายทางทุกสิ่งอย่างมันก็ล้มเหลวอยู่ดี แทนที่จะอิจฉาฉันที่ได้คนอื่นมาปลอบประโลมสู้ไปอิจฉาคนอื่นไม่ดีกว่าเหรอ?”
“คนที่ประสบความสำเร็จจริง ๆ คนที่ได้รักกับคนที่รัก ได้แต่งงานกับคนที่ตนเองรัก”
“…” ทราเวียร์จ้องมองสอดผสานดวงตาคู่งาม เอาเข้าจริงก็เหมือนกับที่หล่อนบอกเอาไว้ไม่มีผิดแทนที่จะมาอิจฉาคนโดนปลอบประโลมจิตใจ สู่ไปอิจฉาคนที่ประสบผลสำเร็จได้ครองรักร่วมกันไม่ดีกว่าเหรอ
รอยยิ้มปรากฎมุมปากหัวเราะเบาบาง
“นั้นสินะ ถ้าความรักสมหวัง ได้รักกับคนที่รัก นั่นแหละถึงจะเรียกว่าน่าอิจฉา”
“อย่างที่คิดคุณนี่สุดยอดไปเลย”
“อะไรละคะที่สุดยอด?”
“ดูคุณจะตัดใจจากอีกฝ่ายได้แล้วนิ”
“…” ณัชชานิ่งเงียบไม่คิดพูดจา ต่อให้หล่อนเข้าใจนัยยะแอบแฝงทั้งหมดที่ชายหนุ่มสวมแว่นตรงหน้าพูดจา แต่หล่อนก็ไม่รู้สึกยินดียินร้ายหรือว่าต้อนรับคำสรรเสริญ
ออกจะเมยเฉยด้วยซ้ำ
“สับสน วุ่นวาย หลงทาง โกรธเกลียด รู้สึกไม่เป็นธรรม”
“…” ณัชชาหวั่นไหวหรี่ตามองแข็งกร้าว
“นั่นคือความรู้สึกหลังจากโดนปฏิเสธรัก” ทราเวียร์พลิกหน้าหนังสืออ่านบทความต่อไป ขณะปากยังคงกล่าวต่อบรรยายความคิดยอดเยี่ยมของตนให้ผู้อื่นรับฟัง เสมือนกับว่าตัวเองเป็นอาจารย์พร้อมสั่งสอนทุกองค์ความรู้ของโลกหล้า
ณัชชาหรี่ตาเล็กน้อย
“คุณโกรธรึเปล่าคะ ตอนที่โดนปฏิเสธรัก”
“โกรธสิครับ”
“โกรธ รู้สึกไม่ชอบธรรม รู้สึกอิจฉาริษยา ทุกความรู้สึกด้านลบล้วนถูกขยับขยายจนเกือบทำให้ผมกลายเป็นคนเลวร้าย เกือบใช้วิธีการเลวทรามต่ำช้าบีบบังคับหล่อน ให้หล่อนรักผมคนเดียวด้วยซ้ำ” ทราเวียร์ถอนหายใจไม่ว่าใครก็ตามหากตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับตนหรือว่าคนอกหักคนอื่นก็ต้องมีประสบการณ์ทางอารมณ์เลวร้าย
ส่วนมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับรากฐานภายในละนะ
“แค่นึกย้อนกลับไปมันก็รู้สึกแย่แล้วละ”
“…”
“วางใจได้ครับ มันเป็นแค่แนวคิดหลังจากเธอย้ายออกไปเมืองนอก กระทั่งตอนนี้เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเคยคิดใช้วิธีการเลวทรามต่ำช้าทั้งหลายบีบบังคับให้เธอจำยอม” เห็นณัชชาเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยตั้งท่าไม่มีโอนอ่อนให้ แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งน่าแปลกประหลาดสำหรับทราเวียร์ เขาเพียงเผยรอยยิ้มหัวเราะไม่เก็บมาใส่ใจ
เกิดเธอปล่อยผ่านให้ นั่นแหละคือสิ่งน่าประหลาดใจ
“คุณคิดจะทำจริง ๆ เหรอ?” ดวงตาจับผิดมองจ้อง
“บ้าน่า แค่คิดอีกทั้งไม่ใช่แนวคิดตอนนี้ แต่เป็นตอนโดนหักอกโน้น หลังจากอกหักใหม่ ๆ” ยอมรับว่าเคยอยากทำ เคยอยากลอง แต่ตอนนี้ความคิดเหล่านั้นมันจางหายไปหมดแล้ว “ตอนนี้ผมไม่มีความรู้สึกพวกนั้นแล้วละ ออกจะเป็นเบาสบายมากกว่าที่เธอคนนั้นปฏิเสธคำบอกรักของผม”
“เพราะอะไร?”
“เพราะแบบนั้นมันดีกว่า ดีกับตัวเธอ ดีกับตัวของผม” รอยยิ้มเหงาหงอยฉายปรากฏบนใบหน้าทราเวียร์ ไม่ว่าเป็นเพราะเหตุผลอันใดหล่อนเหมือนต้องการยื่นมือเข้าไปช่วยปลอบประโลมหัวใจอีกฝ่าย
แต่ก็ต้องหยุดหักห้ามใจเอาก่อนพยายายามตัดเข้าประเด็น
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับช่อดอกไม้ในมือฉัน เกี่ยวอะไรกับที่คุณพยายามพูดเรื่องอดีตของคุณด้วย”
“…” ทราเวียร์นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง “นี่เป็นคำพูดของผู้หญิงของคนหนึ่งที่เคยพูดเอาไว้กับผม”
“ผู้หญิงที่ผลักดันผมจนมาถึงจุดนี้” ทราเวียร์หวนนึกถึงอิสตรีผู้มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ อิสตรีที่เข้ามาช่วยเหลือโดยไม่คิดร้องเรียกค่าตอบแทน ยิ่งนึกเท่าไหร่ อารมณ์ความรู้สึกมากมายยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี
คำพูดหล่อนเมื่อครั้งหนึ่งเริ่มถูกไหลย้อนกลับเข้ามาในหัวสมองก่อนพูดให้ณัชชาได้รับฟัง
“ช่อดอกไม้ที่บรรจุความรู้สึกของนายเอาไว้เยอะแยะมากมายกลับต้องมาเสียเปล่า ต้องถูกทิ้งลงในถังขยะโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองด้วยซ้ำ น่าเสียดายออก” ใบหน้าสาวงดงามในความทรงจำยิ้มแย้มหัวเราะไม่นำพาต่อสีหน้าโลกแตกของชายหนุ่มสวมแว่นเลยแม้แต่น้อย
“แล้วเธอก็ขอช่อดอกไม้ในมือของผมไปหน้าตาเฉยเลย”
“…”
“เป็นผู้หญิงที่แปลกใช่ไหมครับ?” ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยพบเห็นหน้า กลับเดินตรงเข้ามาหาพร้อมขอดอกไม้สารภาพหน้าตาเฉย ทั้งยังหยิบยกเหตุผลแปลกประหลาดมาเป็นข้ออ้างไม่ขาดสาย
ไม่ว่าจะนึกไปกี่ครั้งก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้มหัวเราะเบาบาง
…‘เขายิ้มแบบนั้นเป็นด้วยเหรอ?’
“…”
“ค่ะ แล้วจากนั้น” สาวอกหักกล่าวถามไปโดยไม่รู้ตัว
“ผมก็ให้ไปแบบมึนงงไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองทำอะไรลงไป แต่รู้อะไรไหมไอ้การกระทำที่มึนงงไม่เข้าใจของผมวันนั้น มันทำให้ผมยืนหยัดได้มาถึงวันนี้” ทราเวียร์เว้นช่วงคำพูดไปครู่หนึ่งเฝ้าครุ่นคิดว่าจะพูดไปดีรึเปล่า ซึ่งพอเห็นใบหน้าหล่อนยังคงร่องรอยเศร้าหมองเอาไว้ เจ้าตัวเลยตัดสินใจเข้าช่วยเหลือ
แม้ว่าจะช่วยได้เล็กน้อยด้อยปัญญาแต่ก็ยังถือว่าได้ช่วยเหลือ ได้ยื่นมือมอบโอกาสพลิกฟื้นคืนให้
“นี่อาจเป็นเพียงความเห็นของผมคนเดียว แต่ถ้าคุณมอบช่อดอกไม้ในมือของคุณให้กับผม ยอมมอบความรู้สึกความรักของคุณทั้งหมดให้กับผม ผมจะหาบ้านหลังใหม่ให้กับเขาแน่นอน”
“ให้เขาได้ทำหน้าที่ของตัวเองอีกครั้ง ไม่ใช่จมปรักอยู่ในถังขยะกลายเป็นเพียงขยะที่ไม่มีใครต้องการ”
“…” ณัชชานิ่งเงียบ
“หลังจากได้รับฟังเรื่องราวของผมทั้งหมดแล้วคุณยังอยากทิ้งช่อดอกไม้ลงถังขยะหรืออยากมอบมันให้กับผม แน่นอนว่าผมให้ทางเลือกกับคุณไม่ใช่บีบบังคับให้คุณเลือก” ทราเวียร์เลือกหลับตาเขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าหากเล่นบทเดียวกับอิสตรีผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือครั้งนั้น ผลมันจะออกมาเป็นแบบไหน จะสามารถช่วยเหลือหญิงสาวได้มอบโอกาสพลิกฟื้นให้กับนาง หรือว่าจะล้มเหลวไม่เป็นท่าย้ำบาดแผลให้ร้าวลึกเข้าไปอีก
ซึ่งผลลัพธ์จะเป็นแบบไหนล้วนน่าตั้งตารอทั้งนั้น
“เชิญใช้วันเวลาคิดไตร่ตรองได้เลยครับ ผมรอได้”
ณัชชาเหม่อลอยไปชั่วขณะ ตั้งแต่ก้าวเท้าเดินออกจากสถานที่ต้องห้าม สถานที่โดนชายหนุ่มผู้เป็นที่รักปฏิเสธโหดเหี้ยม ดอกไม้ในมือ ดอกไม้ทดแทนความรู้สึกทั้งหมดมันได้แปรเปลี่ยนความหมายของตัวมันเองไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่ใช่ตัวแทนแห่งความรักในสายตาเธออีกต่อไป
มันได้กลายเป็นตัวแทนแห่งความเจ็บปวดต้องการละทิ้งไม่คิดเหลือบมองอีกตลอดกาล
…‘แปลกชะมัดเลย’
“…” ณัชชายิ้มหัวเราะก่อนกลับมาตั้งสติอีกครั้ง คำตอบหนึ่งในจิตใจถูกหยิบยกมาเรียบร้อยหลงเหลือเพียงตอบกลับไปเท่านั้น ตอบให้ชายหนุ่มเบื้องหน้าผู้แปลกประหลาดได้รับรู้
“เหมือนว่าคุณจะมีคำตอบอยู่ในใจ”
“ค่ะ”