ฮาเร็มวุ่นวายของนายทราเวียร์ - ตอนที่ 11: ตอนที่ 8 ผมขอช่อดอกไม้ในมือคุณได้ไหม
ตอนที่ 8 ผมขอช่อดอกไม้ในมือคุณได้ไหม
“เธอกล้าขึ้นเสียงใส่ฉัน!”
“ทำไมจะขึ้นเสียงใส่ไม่ได้ ทีเธอยังแดกดันใส่ฉันไม่มีพัก แค่ขึ้นเสียงนิดหน่อยมันไม่ตายหรอก” ณัชชากำหมัดแน่นระบายอารมณ์ทั้งหมดไม่มีกักเก็บ “อีกอย่างเลิกนะคะ”
“ไอ้นิสัยเอาแต่ใจ ชอบเอาตัวเองเป็นใหญ่ ชอบยุ่งวุ่นวายกับงานคนอื่นเขา โดยเฉพาะงานของฉัน งานของฉัน ฉันทำเองได้ ไม่ใช่หน้าที่ของเธอ อย่ายุ่งวุ่นวายให้มันมากนัก”
“เห็นแก่ตัว ฉันอุตส่าห์ช่วยงาน ช่วยทั้งที่งานตัวเองก็ยังมีให้สะสาง อุตส่าห์เห็นอกเห็นใจ ดันไม่เห็นคุณค่า” ปลายสายเค้นเสียงไม่พอใจทั้งยังหยิ่งยโสโอหัง “ไอ้พวกไม่มีตา เพราะแบบนี้ไงถึงได้อยู่ตำแหน่งเดิมไม่ก้าวหน้าสักที”
“เธอต่างหาก—”
“…” ยังไม่ทันได้พูดจบก็โดนตัดสายใส่หน้าเฉย
“กล้าตัดสายใส่ฉัน!” ดวงตาดำมืดมากไปด้วยโทสะ
ตอนนี้หล่อนภาวนากับพระเจ้าอยากได้ขาเพิ่มอีกเป็นสิบเป็นร้อย หรือให้ดีขอให้บินได้จะเป็นการดีที่สุด หล่อนอยากพุ่งทะยานเข้าไปตบปากเน่าเหม็น สั่งสอนอีกฝ่ายให้รู้จักคำว่า “มารยาท” เหลือเกิน
ขณะกำลังเดือดดาลอยากระบายอารมณ์
ติง!
“…” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งแรก ด้วยประสบการณ์เมื่อครู่พร้อมกับห้วงจิตใจยังเต็มเปี่ยมไปด้วยโทสะสายตาของหล่อนเลยยังคงเอาไว้ซึ่งความแหลมคมจดจ้องมองพร้อมหรี่ตาไม่ขาดสาย
แต่พอเห็นว่าไม่ใช่ยัยปากดีจอมขโมยผลงานโทรเข้ามาหล่อนก็ตัดสินใจเปิดดูทันที
“…ส่งอะไรมาให้?” เป็นรุ่นน้องสาวส่งเข้ามา
จากเดิมที่แย่อยู่แล้วยิ่งแย่หนักหน่วงเข้าไปใหญ่ ทั่วทั้งใบหน้าณัชชาดำมืดเสมือนว่าต้องการเก็บเกี่ยวชีวิตใครสักคนยิ่งมองดูอารมณ์ร่วมยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี
กระทั่งโทรศัพท์ผู้ไร้ซึ่งความผิดยังต้องกลายเป็นอุปกรณ์รองรับอารมณ์ไปชั่วขณะ
“ดี ดี ดี”
“นังสารเลวไม่รู้จักจำ ทั้งที่บอกว่า ห้าม แต่ก็ยังทำอยู่ดี” รุ่นน้องสาวส่งคลิปวิดีโอความยาวไม่ถึงนาที เป็นคลิปหญิงสาวคุ้นหน้าคุ้นตากำลังหัวเราะสะใจเป็นที่สุดก่อนหอบงานการบนโต๊ะทำงานของณัชชาไปหน้าตาเฉย
แน่นอนว่าไม่มีใครคิดห้ามเพราะล่วงรู้อารมณ์เกรี้ยวกร้าวของอีกฝ่ายดี ว่ามันทรงอานุภาคมากมายขนาดไหน
“…” สุดท้ายปลายทางก็ทำได้แค่ปล่อยผ่านเท่านั้นเอง
“ไว้ใจไม่ได้เลยสักคน” เธอจ้องมองโทรศัพท์ มองเพื่อนร่วมงานยืนสงบนิ่งปล่อยผ่านไม่คิดเข้ามายุ่งเกี่ยวกระทั่งเหลือบมองยังไม่คิดสนใจทำด้วยซ้ำ “ไม่มีความสามารถมากพอยังจะดันทุลังไม่เข้าเรื่องเข้าราว”
“รอก่อนเถอะ รอฉันกลับไปก่อน!”
—-
เรียวขางดงามก้าวพ้นจากประตูห้องน้ำ สายตาผู้คนไม่ต่ำกว่าสิบเหลือบมองจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร ณัชชาเผยรอยยิ้มเล็กน้อยนึกภูมิใจตัวเองที่ดึงดูดสายตาผู้ชายได้ไม่มีเสื่อมคลาย
ใบหน้าเสื้อผ้าทรงผมทุกสิ่งอย่างล้วนถูกจัดระเบียบเรียบร้อย ไม่มีร่องรองหลงเหลือให้เห็นเลยว่าพึ่งผ่านพ้นประสบการณ์พังทลายไม่สมหวังเพราะความรัก
จะเหลือก็แค่ช่อดอกไม้ในมือเท่านั้นที่ยังอยู่ไม่ไปไหน
“…” สายตาเธอจดจ้องมองช่อดอกไม้
“ของไร้สาระ”
สำหรับหญิงสาวอกหักในตอนนี้ดอกไม้แห่งรักได้กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจ็บปวดไปเป็นที่เรียบร้อย เกรงว่าตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ต่อจากนี้ เธอคงไม่อาจหลบหนีหลุมลึกสิ้นหวังไปได้ ทำได้เพียงจมปรักอยู่กับมันจดจ้องท้องฟ้าจากก้นหลุมไม่อาจปีนเข้ามาได้อีกตลอดกาล
ขณะมือไม้กำลังสั่นสะท้านต้องการโยนช่อดอกไม้ทิ้งลงถังขยะ
“…”
“เลือกสถานที่วางดอกไม้ผิดรึเปล่าครับ?”
“ใคร?!”
“สวัสดีครับ” เป็นชายหนุ่มสวมแว่นยืนพิงผนังอ่านหนังสือ สายตาราบเรียบไม่แสดงธาตุแท้ภายในจดจ้องมองตัวอักษรในหนังสือไม่มีเหลือบขึ้นมามองคู่สนทนาด้วยซ้ำ
ด้วยเพราะบรรยากาศอีกฝ่ายมันแปลกประหลาดเกินไป
“…” ณัชชาหญิงสาวพึ่งผ่านประสบการณ์อกหักเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย
ยิ่งเห็นผู้ชายยืนหยุดรอหน้าห้องน้ำมีเป้าหมายคือตัวหล่อน ท่วงท่าต้องการเป็นศัตรูแสดงออกมาให้เห็นชัดเจนมือกำช่อดอกไม้ในมือแนบแน่นคล้ายต้องการใช้เป็นอาวุธเกิดผู้มาใหม่คิดกระทำอะไร
“ฉันถามว่านายเป็นใคร?”
“ใจเย็นครับ ผมไม่ได้มาร้าย แค่มีธุระนิดหน่อยกับคุณเท่านั้น”
“…” ต้องเป็นธุระแบบไหนถึงกล้ามาหยุดยืนรอหน้าห้องน้ำ นอกจากไม่น่าเชื่อถือยังทำให้ณัชชาขมวดคิ้วไม่พอใจตั้งท่าเตรียมพร้อมลงมือทุกเมื่อ ขอเพียงอีกฝ่ายลงมือหล่อนก็พร้อมสนองให้ทันที
ไม่มีทางยินยอมกลายเป็นลูกไก่ในกำมืออีกฝ่ายแน่นอน
“ก็ได้ครับ ก็ได้”
“จะทำอะไร หยุดเลยนะ!”
“แค่แสดงจุดยืนครับ ไม่ได้คิดขยับไปไหนด้วยซ้ำ” มือทั้งสองข้างของชายหนุ่มสวมแว่นยกขึ้นเหนือหัวเล็กน้อยบ่งบอกว่ามาสันติไม่ได้มาร้าย ถึงจะแสดงเจตนาออกมาชัดเจน
แต่ณัชชาก็ยังไม่คิดยินยอมเชื่อใจซึ่งมันก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดา
“พอมีเวลาให้ผมหน่อยได้ไหม? ไม่ถึงนาทีก็ได้”
“…”
“นายมีธุระกับฉัน”
“ครับ”
“จำไม่เห็นได้เลยว่านัดคนแบบนายเอาไว้ ไม่สิต้องบอกว่านี้น่าจะเป็นการพบเจอหน้าครั้งแรกของพวกเราทั้งสองด้วยซ้ำ นายคงไม่ใช่ว่าต้องการทำอะไรฉันใช่ไหม?” ต่อหน้าข้อกล่าวหาของหล่อน
เขาทำได้แค่ปฏิเสธไม่เลือกตอบตกลง
“คิดไปเรื่อยเปื่อยครับ”
“…”
“อย่างว่าละนะ เจอผู้ชายดักรอหน้าห้องน้ำไม่ว่าใครก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา” ทราเวียร์พยักหน้าเห็นด้วยถ้าเป็นเขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับเธอก็คงเลือกทำแบบเดียวกัน “ผมเข้าใจ”
“ฉันจะถามเป็นครั้งสุดท้าย นายมีธุระอะไรกับฉัน?”
“ไม่ได้มีกับคุณซะทีเดียว แต่มีกับดอกไม้ในมือคุณต่างหาก” ทราเวียร์ชี้ไปยังช่อดอกไม้ในมือหล่อนแทน ซึ่งคำพูดดังกล่าวทำเอาหญิงสาวอกหักแปลกประหลาดใจไม่น้อย
หล่อนเหลือบมองช่อดอกไม้ในมือ
“ดอกไม้ในมือฉัน?”
“ครับ”
“นายอยากได้ดอกไม้ของฉัน?” ช่อดอกไม้เตรียมทิ้งลงถังขยะ ช่อดอกไม้ที่หล่อนไม่ต้องการ ช่อดอกไม้เปรียบเสมือนกับฝันร้ายไม่มีวันตื่น ตอนนี้ดันมีคนผู้หนึ่งเข้ามาแทรกแซงอยากได้ดอกไม้ในมือหล่อน
เหตุการณ์แปลกประหลาดเกิดขึ้นโดยไม่ปล่อยให้หล่อนได้ตั้งตัว
“ครับ”
“ไม่ได้มีธุระกับฉัน?”
“ถ้าพูดให้ตรงประเด็นมันก็ใช่ ซึ่งคุณจะให้ก็ได้ไม่ให้ก็ได้นะ” เป็นหล่อนเข้าใจผิดไปเองนึกว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าต้องการเข้ามายุ่งวุ่นวายเหมือนกับผู้ชายน่ารังเกียจคนอื่น
เมื่อคิดได้ก็รีบขอโทษขอโพยทันที
“ขะ ขอโทษด้วยค่ะ มะ เมื่อกี้ที่ฉันเสียมารยาทไป”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจพักเรื่องราวเข้าใจผิดพวกนั้นไปเถอะ ผมไม่ถือสาหรอก” ทราเวียร์ยิ้ม
“…ขอถามเหตุผลได้รึเปล่าคะ?” พอรู้สึกตัวว่าสิ่งที่ตนถามค่อนข้างละเมิดความเป็นส่วนตัว หล่อนรีบโบกมือปฏิเสธทันทีไม่คิดปล่อยให้ทราเวียร์ได้เปิดปากตอบก่อนด้วยซ้ำ
“อะ ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ไม่ถึงกับบอกไม่ได้ เอาเข้าจริงเหตุผลมันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่หรือว่าลับลมคมในมากนักหรอก” ชายหนุ่มสวมแว่นถอนหายใจขณะมองช่อดอกไม้เต็มไปด้วยสีสัน “เพียงแค่รู้สึกน่าเสียดายที่ต้องปล่อยให้ช่อดอกไม้ของคุณต้องเสียเปล่า”
“เสียเปล่า?”
“ครับ เสียเปล่า”
“…เสียเปล่าสินะคะ” รอยยิ้มหม่นหมองปรากฏขึ้นบนใบหน้าณัชชา หล่อนเข้าใจได้ทันทีเลยว่าทราเวียร์กำลังกล่าวถึงสิ่งใด และเพราะล่วงรู้ถึงความหมายแท้จริงซุกซ่อนอยู่ภายในมันก็อดไม่ได้ที่จะอารมณ์ร่วมดิ่งเหว
ดวงตางดงามกระพริบไล่อารมณ์ขุ่นมัวทั้งหมด
“…”
“ถ้ามันทำให้คุณต้องรู้สึกไม่สบายใจก็ต้องขอโทษด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจถึงประเด็นที่คุณต้องการจะพูดเพียงแต่ว่ามันค่อนข้าง” ณัชชายิ้มแห้งบาดแผลยังไม่ทันหายกลับต้องตีหน้าสงบเสงี่ยมตามเดิมปิดกั้นทุกอารมณ์ไม่เปิดเผยช่องว่างให้คนอื่นเล่นงานตามใจชอบ
หล่อนเลือกยิ้มกลับไปหาทราเวียร์ชายหนุ่มสวมแว่น
“อึดอัดไปสักหน่อย”
“ผมไม่ได้อยากจะทำร้ายความรู้สึกของคุณ ถ้ามันทำให้คุณไม่สบายใจก็ต้องขอโทษด้วย”
“…ค่ะ”
พอเห็นหญิงสาวแสนสวยจมดิ่งอยู่กับห้วงความคิด
“…” ทราเวียร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับรอยยิ้มแปลกประหลาด ทำเอาหญิงสาวที่หวาดระแวงอยู่แล้วถอยหลังไปหลายต่อหลายก้าวแน่นอนว่าชายหนุ่มสวมแว่นไม่ได้ก้าวรุกหน้าต่อเพียงกระซิบเบาบาง
ให้รับรู้ว่าตนต้องการสื่อสารอะไรให้อีกฝ่ายรับรู้
“รู้ไหมว่าครั้งหนึ่งผมเองก็เคยอยู่จุดเดียวกับคุณ”