ฮาเดสผู้สังหารพระเจ้า [冥王杀神陈纵横任] - ตอนที่ 27 กว่าจะเป็นเทวทูตแห่งความตาย
ตอนที่ 27 กว่าจะเป็นเทวทูตแห่งความตาย.
ชิวชวงเซี่ยกระพริบตากลมโตจ้องไปที่พี่สาวที่นั่งอยู่ข้างๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชิวอี้เหลินก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายออกมายังไงดี เธอเหลือบมองไปที่เฉินซ้งเหิงที่นั่งอยู่ไม่ไกลและพูดออกมาว่า “น้องไม่ต้องสนใจเรื่องนี้หรอก มันเป็นแค่ข่าวลือ กินข้าวเถอะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่ซับซ้อน
“ไม่!หนูไม่เชื่อ! ตอนนี้ทั้งเมืองกำลังวุ่นวายเพราะเรื่องนี้ มันจะต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอน!”
ชิวชวงเซี่ยจ้องชิวอี้เหลินพร้อมกับถือปูขนฮอกไกโดในมือ
“หนูไม่รู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร แต่เขาเจ๋งมากๆเลยที่กล้าเข้าไปทำลายงานศพของนายน้อยหวงแบบนั้น!” ดวงตากลมโตของชิวชวงเซี่ยเต็มไปด้วยความชื่นชม
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ไม่เหมือนกับเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ เธอมักจะรังแกเด็กผู้ชายที่โรงเรียนเป็นประจำ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เด็กสาวคนนี้จะปลื้มใครสักคนหนึ่ง เพราะคนที่เธอจะปลื้มนั้นจะต้องเป็นคนที่กล้าหาญและแข็งแกร่งมากๆ
“กินข้าวเถอะ” ชิวอี้เหลินพูดอีกครั้งเพื่อหยุดน้องสาว
แต่ชิวชวงเซี่ยก็ยังไม่ยอมหยุด เธอบ่นพึมพำออกมาโดยไม่เก็บอาการปลาบปลื้มบนใบหน้าของเธอเลยแม้แต่น้อย
“หวงซู่หยางได้ทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมาย สมแล้วที่เขาถูกลงโทษ คนที่ทำลายงานศพของเขานั้นเท่มากๆเลย มีเพียงเขาเท่านั้นที่คู่ควรกับหนู”
“เฮ้อ!~ หนูไม่รู้ว่าเขาหล่อหรือเปล่า บางทีเขาอาจจะอายุเท่าหนูก็ได้ แต่ถ้าเขาหล่อสักหน่อยนะ หนูก็พร้อมจะแต่งงานกับเขาทันทีเลย” ดวงตาที่สวยงามของชิวชวงเซี่ยเป็นประกาย หญิงสาวตัวเล็กๆนั่งเพ้อฝันไปยิ้มไป
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
เฉินซ้งเหิงที่กำลังนั่งทานอาหารอยู่เงียบๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่ชิวชวงเซี่ยพูด เขาก็สำลักอาหารออกมาทันที
ชิวชวงเซี่ยสะดุ้งจ้องมองไปที่เฉินซ้งเหิงแล้วถามว่า
“เป็นอะไรไป? ทำไมถึงหน้าซีดแบบนั้น? คุณหล่ออยู่นะ แต่อ่อนแออย่างกับคนป่วยแหนะ” เธอยังไม่รู้ว่า‘ชายในฝัน‘ที่เธอพร่ำเพ้อถึงนั้นกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเธอ
ป่วย?
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฉินซ้งเหิงก็สำลักออกมาอีกครั้ง
เขาคือเทพมรณะผู้เลือดเย็นที่มือแปดเปื้อนไปด้วยเลือด แต่ตอนนี้เขากำลังถูกหญิงสาวตัวเล็กๆคนนี้บอกว่าเขาอ่อนแอราวกับ‘คนป่วย‘งั้นเหรอ?
“ดูสิ คุณสำลักอีกแล้ว คุณมาเป็นผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงภายในได้ยังไง? ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมพี่สาวถึงได้เลือกคนอย่างคุณมาทำหน้าที่นี้” ใบหน้าสวยของชิวชวงเซี่ยกำลังล้อเลียนเขาอย่างทะเล้น
“อย่าพูดแบบนั้น! ให้ความเคารพต่อคุณเฉินด้วย!” ในที่สุดพ่อของเธอที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะก็ทนไม่ไหวและดุเธอ
เธอทำหน้ามุ่ยจ้องมองไปที่เฉินซ้งเหิง จากนั้นก็ก้มหน้าลงกินปูของเธอต่อ
ดวงตาที่สวยงามของชิวอี้เหลินมองไปที่เฉินซ้งเหิงอย่างซับซ้อน
คำพูดของน้องสาวเธออาจทำให้คุณเฉินรู้สึกไม่พอใจได้ เธอจึงรู้สึกกังวลขึ้นมา
แต่ตรงกันข้ามกับที่เธอกังวล ตอนนี้เฉินซ้งเหิงกำลังนั่งเพลิดเพลินไปกับอาหารเย็นของเขาอย่างเงียบๆ โดยไม่สนใจใคร
มันราวกับว่าสิ่งที่น้องสาวเธอพูดไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเลย
ความรู้สึกมากมายเผยออกมาให้เห็นในดวงตาของชิวอี้เหลิน เธอไม่สามารถคาดเดาความคิดของผู้ชายคนนี้ได้เลย
อารมณ์ของชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่เปลี่ยนไปเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
ไม่ว่าเขาจะเผชิญกับวิกฤตหรือการสังหารแบบไหน อารมณ์ของเขาก็ไม่เปลี่ยนไปเลยงั้นเหรอ?
ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์เลือดเย็นที่ไร้ความรู้สึก…
……
คืนนี้เป็นค่ำคืนที่ยาวนาน
ในที่สุดค่ำคืนอันยาวนานก็ผ่านพ้นไป
หกโมงเช้า… เฉินซ้งเหิงตื่นขึ้น
หลังจากเสร็จสิ้นกิจวัตรประจำวันการวิดพื้น 10,000 ครั้ง
เขาก็อาบน้ำและสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ดูสะอาดตา หลังจากแต่งตัวเสร็จก็ไปที่คฤหาสน์ของตระกูลชิวที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
ภายในคฤหาสน์ของตระกูลชิว พี่เลี้ยงได้เตรียมอาหารเช้าไว้เรียบร้อยแล้ว
ที่โต๊ะอาหาร คู่พี่น้องที่สวยงามกำลังนั่งรอทานอาหารเช้าอยู่
เมื่อชิวชวงเซี่ยเห็นว่าเฉินซ้งเหิงมาถึงแล้ว เธอก็ทำหน้ามุ่ยออกมาทันที ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนี้จะไม่อยากเห็นหน้าเขา เพราะเธอโทษว่าทั้งหมดเป็นความผิดของเขาที่ทำให้เธอถูกพ่อตำหนิ
อย่างไรก็ตามเฉินซ้งเหิงไม่ได้ให้ความสนใจกับเด็กหญิงเลย เขาทำเพียงแค่นั่งลงที่โต๊ะอย่างสงบและเริ่มทานอาหาร
ขณะที่เฉินซ้งเหิงหยิบแซนวิชขึ้นมาจากจานตรงหน้า แววตาเจ้าเล่ห์ก็แว๊บขึ้นมาในดวงตาของชิวชวงเซี่ยที่นั่งอยู่ตรงข้าม เธอมองเขาราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง…
เฉินซ้งเหิงหยิบแซนวิชเข้าปาก กัดแล้วเคี้ยวช้าๆ
จากนั้นเขาก็จิบนมและกัดแซนวิชคำต่อไป
หืม!? ชิวชวงเซี่ยกระพริบดวงตาที่กลมโต เธอตะลึงกับสิ่งที่เห็น! ทำไมเขาไม่เป็นอะไรเลยล่ะ??
ความจริงแล้วเธอแอบบีบวาซาบิก้อนใหญ่ลงไปในแซนวิชชิ้นนั้น แต่ทำไม… ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไม่เป็นอะไรเลยล่ะ…?
เขาเคี้ยวแซนวิชอย่างเอร็ดอร่อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง?
ท่าทางสบายๆของเขาทำให้เธอแปลกใจอย่างมาก
เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆกำลังสงสัยอย่างมากว่า ทำไมเฉินซ้งเหิงถึงได้กินวาซาบิก้อนนั้นได้ราวกับว่ามันเป็นวิปครีม?
เขาต้องรู้สึกเหมือนกันกำลังกินทะเลเพลิงเข้าไปไม่ใช่เหรอ?
ความจริงเรื่องนี้ก็ไม่ได้แปลกอะไร!
อย่าว่าแต่ว่าซาบิเลย แม้แต่ตะขาบที่มีพิษร้ายแรงที่สุดหรือแมงมุมที่น่ากลัวที่สุดในโลกเขาก็กินมาหมดแล้ว
ชีวิตเขาต้องผ่านอะไรที่ยากลำบากมาอย่างมากมาย
กว่าจะมาถึงทุกวันนี้ วันที่เขาถูกเรียกว่า‘เทวทูตแห่งความตาย‘ เขาต้องผ่านสิ่งที่คนทั่วไปคิดไม่ถึงมาไม่น้อยเลย
กว่าที่เขาจะได้กลายมาเป็นเทพมรณะผู้เลือดเย็นในวันนี้ ชีวิตของเขาต้องผ่านความตายมามากมาย ทั้งความตายของศัตรูและของมิตรสหาย
หลังจากมื้อเช้า เฉินซ้งเหิงรู้สึกสดชื่นขึ้นมา
เขาเช็ดคราบวาซาบิที่มุมปากของเขาราวกับว่าเขาพอใจกับอาหารมื้อนี้อย่างมาก
ดวงตาที่สวยงามของชิวชวงเซี่ยหม่นลง เธอสะพายกระเป๋านักเรียนเดินออกไปที่นอกคฤหาสน์อย่างไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าเธอผิดหวังอย่างมากที่เฉินซ้งเหิงไม่เป็นอะไรเลย
ไม่นาน Lamborghini LP700 สีชมพูก็คำรามขับออกจากคฤหาสน์ไป
เหลือทิ้งไว้เพียงสองคน เฉินซ้งเหิงและชิวอี้เหลินเดินออกจากคฤหาสน์อย่างช้าๆ
เมื่อมองไปที่รถสปอร์ตสีชมพูที่ขับออกไป ชิวอี้เหลินก็รู้สึกกังวลขึ้นมาและสั่งให้บอดี้การ์ดสองคนรีบตามน้องสาวของเธอไป
“คุณสองคนขับรถตามชวงเซี่ยไปห่างๆนะ คอยดูแลความปลอดภัยตอนที่เธออยู่ที่โรงเรียนให้ดี หากมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นให้รายงานฉันทันที เข้าใจมั้ย!?” ชิวอี้เหลินสั่งอย่างจริงจัง
บอดี้การ์ดทั้งสองพยักหน้าก่อนจะขับรถเบนซ์ตามออกไป
ตอนนี้สถานะการณ์ความปลอยภัยของตระกูลชิวอยู่ในระดับความเสี่ยงสูงสุด ชิวชวงเซี่ยอาจตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา และไม่ใช่แค่ชิวชวงเซี่ย แต่เป็นทุกๆคนในตระกูลชิว
เธอจึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อความปลอดภัยของทุกคน
……
เวลาเก้าโมงเช้า รถ Mercedes-Benz ของชิวอี้เหลินก็มาถึงหน้าบริษัทอย่างปลอดภัย
ตลอดทางแม้ว่าไม่มีมีอะไรเกิดขึ้น แต่เธอก็รู้สึกว่ามันเงียบเกินไป
นับตั้งแต่ที่เฉินซ้งเหิงไปสร้างความโกลาหลให้กับงานศพของตระกูลหวง ทุกๆอย่างมันก็ดูราวกับว่ามันผิดปกติไปทั้งหมด
เมื่อเธอขึ้นลิฟต์มาถึงชั้น 99
ซุนเสวี่ยเลขาส่วนตัวของเธอก็รีบวิ่งมารายงานเรื่องด่วนทันที
“ท่านประธานคะ… คุณหรวนอยู่ที่นี่ค่ะ เขากำลังรออยู่ที่หน้าห้องทำงานของท่านค่ะ”
คุณหรวน?
เธอขมวดคิ้วและคิดในใจ ‘ทำไมเขายังมาที่นี่อีกล่ะ?’
“เข้าใจแล้ว เธอไปทำงานของเธอต่อได้” จากนั้นชิวอี้เหลินก็เดินตรงไปที่ห้องทำงานของเธอด้วยความรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
เฉินซ้งเหิงเดินตามชิวอี้เหลินไปติดๆ เนื่องจากห้องทำงานของเขาอยู่ถัดจากห้องทำงานของชิวอี้เหลิน ดังนั้นห้องทำงานของเธอจึงต้องเป็นทางผ่านของเขา
ในเวลานี้ ที่หน้าประตูห้องทำงานของประธาน หรวนเหวินเหย่ายืนอยู่ที่นั่น เขาสวมชุดสูทราคาแพงพร้อมกับรอยยิ้มที่หล่อเหลาบนใบหน้า
เมื่อเขาเห็นชิวอี้เหลินกำลังเดินเข้ามา รอยยิ้มของเขาก็สดใสขึ้นมาทันที เขาเดินเข้าหาเธอช้าๆแล้วพูดว่า “ชิวอี้เหลินในที่สุดคุณก็มา”
ชิวอี้เหลินขมวดคิ้ว สำหรับเธอแล้วคุณหรวนคนนี้เป็นเหมือนแมลงวันที่ส่งเสียง‘หึ่งๆ‘ไปรอบๆ จนทำให้เธอรู้สึกรำคาญ
“คุณหรวน คุณมาที่นี่ทำไมเหรอคะ?” ชิวอี้เหลินถามพร้อมกับพยายามควบคุมอารมณ์ของเธอ
ตระกูลของหรวนเหวินเหย่าเป็นหุ้นส่วนของชิวฉีกรุ๊ป
หรวนกรุ๊ปของเขาและชิวฉีกรุ๊ปของเธอทำงานร่วมกันมาเป็นเวลานาน มันจึงไม่ค่อยจะเหมาะสมที่เธอจะแสดงอารมณ์ของตัวเองออกไป