ฮันเตอร์สายฮีลผู้โดนแย่งแฟนและถูกทิ้งไว้ที่1ใน12ดันเจี้ยนที่อันตรายที่สุด - ตอนที่ 4: ฉันไม่กลัว
- Home
- ฮันเตอร์สายฮีลผู้โดนแย่งแฟนและถูกทิ้งไว้ที่1ใน12ดันเจี้ยนที่อันตรายที่สุด
- ตอนที่ 4: ฉันไม่กลัว
นิยามของคำว่า ” มนุษย์ ” ในความหมายที่เข้าใจกันอย่างดีอยู่แล้ว คือสัตว์ประเสริฐ แล้วคุณคิดว่ามันมีแค่นี้รึเปล่าล่ะ ถ้าเลิกมองคำนิยามนี่ในหนังสือแล้วมาอ่านคำนิยามสำหรับฉัน มนุษย์ส่วนมากนั้นไม่สนว่าสิ่งใดจะสำคัญถ้าเส้นชีวิตของตัวเองกำลังจะขาด ธาตุแท้จะเผยออกมาทันที แล้วธาตุแท้มีอะไรบ้างล่ะ ยกตัวอย่าง โลภ โกรธ หลง ริษยา และตัวอย่างพวกนี้มันกำลังวนเวียนอยู่รอบๆตัวฉัน ตลอดเวลา
วันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาก็มีเสียงกดกริ่งที่หน้าบ้านพอดี ฉันจึงเดินลงไปอย่างระมัดระวัง พอถึงหน้าประตูก็ส่องผ่านไปข้างนอกก็เห็นเคนกับผู้หญิงอีกคนที่ใส่สูทแต่งตัวมาอย่างดี และหน้าอกก็…..โอเครเราเป็นเพื่อนกันได้
“มีอะไรถึงมาแต่เช้า?”
“เธอคนนี้ชื่อ มีนา รุ่งทิพย์ ชื่อเล่นว่ามีน จะรับหน้าที่เป็นเลขาให้เธอตั้งแต่วันนี้ไป และเธอเชื่อใจได้แน่นอน”
เคนผายมือออกไปทางมีนแล้วแนะนำตัวแทน
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมีนยินดีที่ได้รู้จัก”
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”
มีนยื่นมือมาจะขอจับฉันก็ตอบรับเธอกลับไป
“คุณจะเริ่มงานตั้งแต่วันนี้สินะ?…งั้นอย่างแรก อีก1ชั่วโมงช่วยพาฉันไปหาหมอหน่อย”
“ได้ค่ะ ฉันจะรอคุณอยู่ตรงนี้”
มีนตอบรับแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาแล้วฉันก็เปิดทีวีให้เธอดูระหว่างรอ
ฉันพูดขึ้นมา เพราะตอนนี้อยากจะรักษาเรื่องอาการพูดคนเดียวให้หายก่อน พอพูดจบฉันก็เดินตรงไปอาบน้ำ แต่งตัวแล้วมากินข้าวเช้า ซึ่งมันก็มีแค่ข้าวเช้าจาก7-12ที่เคนซื้อมาให้เท่านั้น สภาพฮันเตอร์แรงค์ S ที่จนตรอกเรื่องอาหาร สื่อรู้ทีนี่ขึ้นข่าวหน้าหนึ่งแน่
“ครบ1ชั่วโมงแล้วจะไปกันเลยมั้ยคะ?”
“อืม คุณเตรียมรถมางั้นหรอ?”
“ค่ะ”
พอจบบทสนทนาในบ้านเธอก็พาฉันขึ้นรถแล้วมุ่งตรงไปยังโรงบาลฯทันที ตอนนั้นฉันพูดไปว่ายังไม่ได้พบแพทย์หลังจากออกมาจากดันฯ ซึ่งยังไม่มีเคสของฉันเกิดขึ้น ทำให้แพทย์แต่ละคนต่างรอเพื่อจะตรวจอาการของฉันอย่างสมัครใจแน่นอน และอาจเป็นไปได้ว่าพวกสื่อก็คงดักรอสัมภาษณ์ฉันหลังจากตรวจอาการเสร็จอยู่เป็นแน่
และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ทันทีที่ฉันรู้เรื่องอาการที่เป็นอยู่แล้วกำลังเดินออกมาจากโรงบาลฯพร้อมมีน พวกนักข่าวต่างไม่รอช้ารีบเข้ามาถามสัมภาษณ์ฉันทันที ถ้าพวกแกมีพลังขึ้นมา ฉันว่าคงเคลียร์ดันฯไปหลายที่ในเวลาอันสั้นแหง พุ่งเข้ามาหาฉันเร็วจนมองไม่ทัน
“”””ขอสัมถาษณ์หน่อยครับ/ค่ะ””””
“เข้าใจแล้วค่ะ ทีละคำถามเหมือนเมื่อวานนะคะ”
“คุณฮันเตอร์หงส์หลังจากที่คุณตรวจอาการแล้วหมอได้บอกอะไรบ้างคะ?”
คำถามแรกที่ใครก็เดาได้
“นั่นสินะคะ ดูเหมือนนอกจากสื่อในประเทศนี้แล้วยังมีสื่อต่างประเทศด้วยหรอคะ? เอาเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”
“อาการที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ คือ Autophobia เป็นอาการของคนที่กลัวการอยู่คนเดียวน่ะค่ะ”
ฉันโกหกหรอกน่า ความจริงไม่ได้เป็นอะไรที่ว่านั่นเลยด้วยซ้ำ ก็แค่ในตอนนั้นพูดคนเดียวจนเลิกยากเท่านั้นแหละ
หลังจากนั้นคำถามต่างๆก็เริ่มยิงเข้ามาหาฉันเป็นจำนวนมาก ทั้งเรื่องที่คิดจะตั้งปาร์ตี้มั้ยหลังจากรํอาการ แน่นอนว่าไม่ มันเสี่ยงที่คนในปาร์ตี้จะเป็นหนอนบ่อนไส้ และเลวร้ายกว่านั้นฉันอาจถูกสืบตัวจริงจนไปถึงหูเอก บอกตามตรงเป็นเรื่องยากเลยที่จะฆ่าบุคคลสำคัญของกิลด์นาคราชได้โดยไม่มีเรื่องบาดหมางกันต่อ
พอฉันให้สัมภาษณ์จบก็เดินตรงไปที่รถทันที มีนที่สแตนด์บายรออยู่แล้วก็ขับรถออกทันทีหลังจากฉันปิดประตู
“เอ่อ…ทำไมคุณถึงโกหกเรื่องนี้ไปคะ?”
มีนเริ่มถามฉันขึ้นมา ในระหว่างที่ฉันกำลังดูเรื่อง ดันฯตกค้าง ในที่ต่างๆ
“คุณไม่คิดงี้หรอ? จะมีคนเชื่ออยู่สองประเภท ประเภทนึงคือพวกเป็นห่วงฉัน อีกประเภทคือเห็นว่าถ้าฉันอยู่คนเดียวดันฯ ฉันจะบ้าคลั่งแล้วเคลียร์ดันฯได้อย่างรวดเร็วและอาจจะสามารถเคลียร์ดันฯ ระดับSด้วยตัวเองคนเดียวก็ได้”
ฉันถามกลับ
“จริงด้วยสิ “
“นี่คุณมีนฉันมีคำถามอยากจะถามคุณเหมือนกัน คุณรู้สึกยังไงกับการมาเป็นเลขาของฉันหรอคะ?”
ฉันลองถามวัดใจดู
“รู้สึกดีใจมากที่ได้กระทบไหล่คนดังน่ะค่ะ”
“ตรงไปแล้วแม่คุณ!”
ฉันอุทานกับคำตอบของเธอ
“ดันฯตกค้างต่อไปที่ฉันจะไปเคลียร์คือที่พระโขนง ระหว่างนั้นถ้ามีคิวอะไรก็ฝากคุณด้วยนะคะ”
“ค่ะ ไว้ใจดิฉันได้เลย”
มีนยิ้มสวยตอบ
ดันฯตกค้างที่พระโขนง ฉันไม่รู้ตัวเลยว่า ทันทีที่ไปถึงมันก็แตกออกมาจนมอนฯข้างในยึดพระโขนงทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว และที่ไม่ทันคิดอีกก็คือ ดันฯตกค้างนี่ มันอยู่ในระดับAแต่ค่าแปรปรวนที่วัดได้มันเกือบใกล้เคียงระดับS
“….เวรแล้ว ไอบ้าเอ้ย!”
ฉันมาถึงก็สวมใส่ชุดเกราะแล้วหยิบหอกมังกรแล้วรีบพุ่งเข้าไปจัดการกับมนุษย์มังกรที่กำลังจะโจมตีคน
“ไป!!”
“คะ…ขอบพระคุณมากค่ะ”
ฉันตะโกนพูดเสียงดังให้เธอรีบวิ่งหนี ซึ่งทางที่หนีก็มีทหารรอรับอยู่
“รายงานครับ คุณคือฮันเตอร์หงส์ใช่รึเปล่าครับ?”
“ค่ะ ฉันเอง ตอนนี้สถานการณ์พอจะรู้แล้ว “
ทหารคนนึงวิ่งเข้ามาตะเบ๊ะแล้วถามยืนยันตัวตนกับฉัน
“ช่วยได้มากเลยครับ”
“จงเปลี่ยนร่าง”
“เหวอ!”
“แกคงจะไม่ว่าอะไรนะถ้าจะต้องฆ่าพวกนี้”
ฉันเปลี่ยนหอกมังกรให้กลายเป็นมังกรแดงตัวใหญ่ จนทหารคนนี้ที่กลับเข่าอ่อนลงกับพื้น ถ้าถาทว่าทำได้ยังไงนั่นเพราะฉันลองตีความคำอธิบายของหอกมังกรเพลิงดู จึงลองดูว่าได้รึเปล่า ผลก็เป้นอย่างนั้นน่ะแหละ
“เอาล่ะ งั้นฝากคุณรายงานด้วยว่ามังกรแดงตัวนี้คือมอนฯที่ฉันอัญเชิญมาละกัน”
“คะ ครับ!”
สิ้นสุดการสนทนาทหารคนนี้ก็รีบตะเบ๊ะแล้ววิ่งกลับไปรายงานให้พวกตัวเองทราบ
“เวลไม่ได้อัพมานานแล้วซะด้วยสิ ขอดูหน่อยเถอะถ้าจัดการพวกแกทั้งหมดจะได้ซักกี่เวลกันนะ?
ฉันพูดจบก็หยิบหอกศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้วพุ่งเข้าไปไล่สังหารพวกมอนฯอย่างรวดเร็ว มังกรแดงก็ไล่ฆ่าพวกมันอย่างไม่ลังเลใดๆแม้จะมีรูปร่างเป็นมังกร
『 ยินดีด้วยคุณเลเวลอัพแล้ว 』
『 ยินดีด้วยคุณเคลียร์ดันเจี้ยนนี้สำเร็จแล้ว 』
เสียงเตือนที่แสนคิดถึงและเสียงแจ้งเตือนการเคลียร์ก็ดีงขึ้นหลังจากที่ฉันใช้เวลาไปหลายชั่วโมงในการไล่จัดการพวกมอนฯไปไม่ต่ำกว่าพันตัว
“หลายพันตัวแต่ได้เลเวลเดียว หรือว่าฉันจะต้องไปที่….ช่างเรื่องนั้นก่อนดีกว่า”
มังกรแดงบินลงมาแล้วเปลี่ยนร่างตัวเองกละบเป็นหอกเช่นเดิม ความคิดชั่ววูบของฉันที่คิดจะไปหาดันฯอีก11ที่ที่เหลืออยู่ เพราะคิดว่ามันเหมาะที่เลเวลจะอัพขึ้นง่ายที่สุดแล้วแต่เลิกคิดไปเพราะสถานการณ์ตอนนี้ ผู้ประสบภัยที่พระโขนงต่างกำลังยกย่องฉันในฐานะวีรสตรี
• ───────────────── •