อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 - ตอนที่ 125 วันสถาปนาชาติของสหพันธรัฐฟอเรสเทีย
- Home
- อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》
- ตอนที่ 125 วันสถาปนาชาติของสหพันธรัฐฟอเรสเทีย
ในขณะที่ฮิคารุมุ่งหน้าไปยังกี ควินแบรนด์ ที่ฟอเรสซาร์ดเมืองหลวงของสหพันธรัฐฟอเรสเทียได้เริ่มงานวันสถาปนาชาติแล้ว
ถึงจะบอกว่างานพิธีแต่ประชาชนทั่วไปไม่ได้เข้าร่วม ถึงกระนั้นก็เป็นงานที่เกิดขึ้นปีละครั้ง เลยผ่อนปรนเรื่องการตั้งร้านหรือเป็นโอกาสให้เอาสต็อคค้างของประเทศมาขาย เดิมทีมันเป็นช่วงหลังการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้ในเมืองคึกคักราวกับมีงานเทศกาล
ตัวแทนของแต่ละดินแดน—-ยกเว้นคิรีฮาลเดินทางมาด้วยรถม้าหรูหรา พอขบวนรถม้ามาถึง ประชาชนจะพูดกันว่า “โอ้ จาราซักล่ะ”, “ไม่โน้นมันลูมาเนียต่างหาก” หรือไม่ก็ “ดูดีๆสิ ของโคโทบี้ไม่ใช่เหรอ” ด้วยความยินดี
เนื่องจาก “อยู่ท่ามกลางสายตาของประชาชน” ตัวแทนของแต่ละดินแดนเลยพยายามทำตัวให้เด่นเพื่อเสริมบารมี แต่การที่คิรีฮาลไม่นั่งรถม้ามาเพราะว่าผู้นำของคิรีฮาลคือองค์ราชินีปัจจุบันซึ่งเธอพำนักอยู่ที่ฟอเรสซาร์ด
“ฟอเรสซาร์ดดูดีขึ้นมากเลยนะครับเนี่ย”
“ฮึ ถ้าเทียบกับลูมาเนียแล้วก็เหมือนพวกบ้านนอกชอบโวยวายนั่นแหละ”
รีกที่มาในฐานะตัวแทนของลูมาเนียพอพูดความรู้สึกออกมา ทำให้พ่อบ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ
สิ่งนั้นเป็นแค่ความเจ็บใจที่เกิดจากพ่ายแพ้ ฟอเรสซาร์ดที่ในอดีตเคยเป็นพรมแดนของยูราบะกับโคโทบี้นั้นเป็นเมืองที่ถูกสร้างขึ้นมาหลังการก่อตั้งสหพันธรัฐทำให้เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันผิวเผิน ถ้าเทียบกับเมืองหลวงเดิมของลูมาเนียแล้วถือว่ามีขนาดเล็กกว่า แต่กลับงดงาม แน่นอนว่าหลังจากนี้ฟอเรสซาร์ดคงคึกคักมากยิ่งขึ้นกว่านี้
ถึงรีกจะรู้สึกว่าสหพันธรัฐจะ “กระจัดกระจาย” แต่ถ้าฟอเรสซาร์ดคึกคักอย่างนี้คงพอคาดหวังได้ว่าสหพันธรัฐจะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้ เป็นปัญหาที่ต่อให้รีกไม่ต้องฝืนเกินตัวคงจะแก้ไขได้หากให้เวลากับมัน
(แต่……สถานการณ์โลกคงไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น)
ราชอาณาจักรพอนโซเนียกับจักรวรรดิควินแบรนด์ส่งทหารออกมาแล้ว ถึงตอนนี้จะยังอยู่ในสภาวะสงบอยู่ แต่ใช่ว่าจะไม่ตกเป็นเป้าในการโจมตี
“ไปกันได้แล้วรีก”
“ครับ”
งานพิธีเปิดจะเป็นงานรำลึกกับงานเลี้ยงกลางคืน
ตรงห้องโถงที่เพดานสูงและมีภาพวาดราวกับตอนสร้างสรรค์สวรรค์และโลกขึ้นมา ตัวแทนของ 6 ดินแดนยกเว้นคิรีฮาลมาถึงแล้ว ซึ่งมีหลายคนพาผู้ติดตามมาด้วย ถือเป็นงานเปิดตัวครั้งแรกของรีกที่มาพร้อมกับพ่อ
“ขอขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์มาเยือนในปีนี้ วันนี้รู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างมาก—–”
มัลเกโด้ มิราลูก้า คิรีฮาล ราชินีองค์ปัจจุบันของสหพันธรัฐกล่าวคำทักทาย พวกรีกคุกเข่าพร้อมกับเอามือขวาแตะตรงหน้าอกเพื่อแสดงความเคารพในฐานะที่ยศต่ำกว่า พร้อมกับฟังคำพูดของเธอ ในระยะใกล้เช่นนี้—-ถึงจะบอกเช่นนั้นแต่ก็เป็นระยะห่าง 10 เมตรกว่าๆ—-สำหรับรีกถือเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นราชินี
(……งดงามมากเลยนะเนี่ย)
ได้ยินมาว่าราชินีที่เป็นสปิริตเอลฟ์มีพลังเวทที่สูงโดดเด่นในหมู่อดีตราชวงค์คิรีฮาล ถึงเธอจะสวมมงกุฎที่ใหญ่โตไม่เข้ากับร่างกายที่มีขนาดเล็ก แต่มันก็เป็นแก็ปที่ดูน่ารักดี—-แต่พ่อของรีกที่อยู่เฉียงอยู่ด้านหน้ากลับหาวออกมา
ถึงราชินีจะน่าสนใจ แต่สิ่งที่รีกสนใจยิ่งกว่าคือผู้หญิงร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านหลังราชินี ถึงจะมีคนประมาณ 10 คนยืนอยู่ด้านหลังราชินี พวกเขาคือเหล่ารัฐมนตรีของสหพันธรัฐ ซึ่งคนอื่นทุกคนเป็นผู้ชาย แต่เธอกลับสูงไม่แพ้พวกเขาเลย
(โน้นเหรอเลขานุการเอกโซฟีร่า แวน โฮลเทนซ์)
ถึงจะมีร่างกายที่ใหญ่โต แต่ส่วนเว้าโค้งที่ควรมีก็ค่อนข้างโดดเด่น พอรีกมองเธอ ดูเหมือนทางนู้นจะรู้สึกตัวและส่งยิ้มกลับมาให้รีก
(……)
รีกรู้สึกอายและเสียมารยาทที่มองไปอย่างนั้น เลยก้มสายตาลง
(……ได้ยินว่ามีความสามารถมาก รัฐบาลผสมที่แทบจะไม่มีอำนาจใดๆเลย แต่ด้วยการสั่งสมอำนาจทีละก้าว—-ไม่สิทีละครึ่งก้าว……ไปพร้อมกับองค์ราชินี)
โซฟีร่าเกิดที่จาราซัก ส่วนมัลเกโด้เกิดที่คิรีฮาล รีกไม่รู้ว่าทั้งคู่มาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เป็นเหมือนภาพในอนาคตของสหพันธรัฐที่รีกวาดฝันเอาไว้ มันคงน่าเสียดายหากหมดช่วงดำรงตำแหน่งจนต้องเปลี่ยนตัวไป
(จะว่าไปเหมือนฮิคารุบอกว่า……คุยกับองค์ราชินีโดยตรงไว้แล้วนี่จริงเหรอ? ไม่สิ ฮิคารุไม่เคยพูดโกหก……คลอร์ดเองก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในคิรีฮาลเหมือนกัน)
สำหรับรีกแล้วการคงอยู่ของฮิคารุเป็นอะไรที่ลึกลับ ถึงเหล่าขุนนางจะบอกว่าเป็น “ราชาประดับ” แต่พอมาเห็นอย่างนี้ก็มีความกดดันแบบราชาอยู่ เป็นการคงอยู่ที่ห่างไกลกับรีกเป็นอย่างมาก แต่คนคนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับฮิคารุ—-
งานเลี้ยงกลางคืนเริ่มต้นขึ้น รีกพูดคุยกับเหล่าลูกสาวขุนนางหลากหลายคนและโดนชวนไปเต้นรำ ไม่ใช่แค่ลูกสาวขุนนางจากลูมาเนีย แต่รวมไปถึงลูกสาวขุนนางของดินแดนอื่นด้วย เพราะพวกเขารู้อยู่แล้วว่ารีกจะมาเข้าร่วมงานเฝ้าราชินีด้วย กล่าวคืออยากจะมาแนะนำตัวให้กับ “รีกว่าที่ผู้นำลูมาเนียคนถัดไป”
“อ้า……คุณหนูไปเอาชุดเดรสนั้นมาจากที่ไหนหรือคะ? มันเป็นงานอดิเรกที่แตกต่างกับสิ่งที่กำลังดังในช่วงนี้นี่คะ”
“โฮะๆๆ ชาวลูมาเนี่ยช่างน่ากลัวจริงๆเลยนะคะ ท่านรีกมาคุยเกี่ยวกับเรื่องวรรณกรรมกันหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
“ดิฉันได้ยินมาว่าท่านรีกชอบดอกไม้สีขาว เลยเลือกปิ่นปักผมที่เหมือนอย่างนั้นมาค่ะ”
“หือๆ บ้านนอกอย่างโคโทบี้มีดอกไม้สีขาวเบ่งบานด้วยเหรอ?”
“……ดูเหมือนผู้หญิงปากจัดของลูดันช่า คงไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าความเกรงใจสินะคะ”
การโต้ต้อบที่ดูค่อนข้างสุภาพยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จิตใจของรีกโดนบั่นทอนไปเรื่อยๆ จากความรู้สึกไม่สบายใจ……โรงเรียนนี่ดีจริงๆ ได้คุยกับอีวานและโรเย่ที่ร้าน “เอ้า ดื่ม” หรือดื่มค็อกเทลที่ฮิคารุทำ ไหนจะได้ฝึกซ้อมที่สนามฝึกอีก……
“—-ขอเต้นด้วยสักเพลงได้หรือเปล่าคะ?”
“!”
รีกมองผู้หญิงที่มาอยู่ตรงหน้าก่อนจะทำตาโต
“แน่นอน ไปกันเถอะครับ”
พอรีกตอบรับก็มีเสียง “เอ๊ะ” ดังออกมา ก่อนจะตามด้วย “ว่าไงนะ!?”, “ผู้หญิงจากที่ไหน!?” ออกมา
รีกไม่สนใจคำพูดเหล่านั้นแล้วยื่นมือไปหาอีกฝ่าย—-อีกฝ่ายซึ่งมีผิวสีน้ำเงินก็ยื่นมือมาแตะรีก
ผมสีฟ้าแซมเงินของเธอยังถักเปียเหมือนอย่างเคย ซึ่งมันเข้ากับชุดเดรสสีเขียวมรกตมาก
“ดูผิดตาไปเยอะเลยนะ เอคาเทริน่า”
“เข้ามากใกล้ขนาดนี้แต่ยังไม่รู้ตัวจนต้องใช้วิธีที่ดึงดันอย่างนี้ เพราะสาเหตุนั้นสินะ?”
เอคาเทริน่าผู้ที่เกิดในยูราบะหนึ่งในสมาชิกของสหพันธ์นักเรียน สหายร่วมอุดมการณ์อันน้อยนิดในสถานที่แห่งนี้
พอออกไปที่ลานเต้นรำ ก็แกล้งทำเป็นเต้นรำเพื่อเข้าหากัน
“คนอื่นล่ะ?”
“คุณซิลเวสเตอร์กับคุณลูกะมาถึงแล้วค่ะ ส่วนคุณอีวานบอกว่ารำคาญพวกงานเลี้ยงเลยออกไปที่สวน คุณคลอร์ดไม่ใช่ครอบครัวเดียวกับราชินีเลยไม่มา แต่มาถึงที่ฟอเรสซาร์ดแล้วค่ะ ส่วนอาจารย์เคธี่อยู่ที่โรงเรียน”
“……ฮิคารุกับลาเวียล่ะ?”
“ลาเวียจังส่งจดหมายมาว่ากลับมาถึงแล้ว ส่วนฮิคารุ……บอกว่ามีสิ่งที่ต้องทำอยู่”
“สิ่งที่ต้องทำ……?”
“อย่างไรก็ตาม ต้นตอปัญหาการขยายพันธุ์ผิดปกติของมอนสเตอร์ที่ป่าใหญ่อูน เอล โพลตันโดนกำจัดไปแล้วคงไม่ต้องเป็นห่วงสักเท่าไร ปล่อยไปสักพักเดี๋ยวก็คงกลับมาเอง”
รีกยิ้มเจื่อนๆ เอคาเทริน่านี่ยังเข้มงวดกับฮิคารุเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
“มาเข้าเรื่องกันเถอะ”
“เข้าเรื่องงั้นเหรอ? มีอะไรที่สำคัญกว่าการเต้นรำด้วยเหรอ?”
เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“อยากกลับไปหาฝูงจิ้งจอกสาวพวกนั้นสินะจะได้หยุดเต้น?”
“โทษที แค่อยากจะลองพูดล้อเล่นดูบ้างน่ะ”
“จริงๆเลย……ฉันเตรียมใจโดนคุณหนูพวกนั้นเกลียดไว้แล้วนะ?”
“แบบว่า ขอโทษด้วยจริงๆ”
“ถ้าจบตรงนี้แล้วช่วยสะบัดมือฉันแรงๆด้วย เพราะถ้าฉันสะบัดคงโดนเกลียดหนักยิ่งกว่านี้ แต่ถ้าโดนสะบัดทุกคนคงยอมรับแล้วเดี๋ยวก็ลืมไปนั่นแหละ”
“……ระ รับทราบ”
รีกคิดขึ้นมาว่าผู้หญิงนั้นช่างน่ากลัว
“เกี่ยวกับข้อตกลงของสหพันธ์นักเรียนแทบจะไม่มีจุดที่ต้องแก้ไขเลย ถึงจะมีจุดที่ยังดูแปลกๆอยู่แต่คิดว่ามันเพียงพอสำหรับข้อเสนอ ถ้า 7 ดินแดนรับทราบแล้วค่อยมาแก้ภายหลังก็ได้”
ก่อนที่รีกจะออกจากสกาล่าซาร์ด ได้ฝากให้ฮิคารุดูเกี่ยวกับข้อบังคับของสหพันธ์นักเรียนไปแล้ว ที่ไปขอร้องเพราะอยากได้ความคิดเห็นของฮิคารุกับเอคาเทริน่า แต่ฮิคารุไม่มาการตรวจสอบเลยกลายเป็นหน้าที่ของเอคาเทรริน่า
“เรื่องของฉันหมดแล้ว”
“แค่นี้เหรอ? อุตส่าห์ยอมตกเป็นเป้าเกลียดชังของคุณหนูคนอื่นๆเพื่อมาบอกว่า ‘ไม่มีปัญหา’ งั้นเหรอ?”
“ช่วยไม่ได้นี่ ถ้าไม่มาบอกว่า ‘ไม่มีปัญหา’ คงคิดจะแบกความรับผิดชอบทั้งหมดนั้นไว้กับตัวเองคนเดียวใช่ไหมล่ะ”
เธอพูดถึงรีก ทำให้เขาหลับตาเพราะพูดแทงใจดำ
“ลาเวียจังกับฮิคารุเองก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ถึงงานของฉันจะดูเล็กน้อย แต่ก็ต้องทำให้มันสำเร็จไง—-เพลงจบแล้ว กลับกันเถอะ”
“เอ๊ะ อ้อ……”
รีกรู้สึกตัวแล้วว่าการพูดคุยทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบเป็นไปตามจังหวะของเธอ แทบจะไม่เคยเกิดขึ้นเลยที่ตัวเองไม่สามารถเป็นฝ่ายนำการพูดของคนในรุ่นราวคราวเดียวกันได้
“มาถึงขนาดนี้แล้ว สะบัดแขนให้สุดแรงด้วยนะ”
“…………เข้าใจแล้ว”
ถึงจะบอกว่าแกล้งทำ แต่การทำเย็นชากับผู้หญิงนั้นค่อนข้างเจ็บปวดอยู่ แล้วยิ่งได้รับความเห็นใจอย่างนี้ด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แต่—-อย่างที่เอคาเทริน่าบอกเอาไว้ว่าต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้สำเร็จ เธอเลยยอมรับหน้าที่ที่เสื่อมเสียอย่างนี้ ถ้าไม่ตอบรับเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว
รีกสูดลมหายใจเข้า ก่อนจะทำสีหน้าไร้อารมณ์
“—-ไม่อยากเต้นห่วยๆอย่างนี้อีกแล้ว”
“ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้คุณเสียเวลาเช่นนี้”
เอคาเทริน่าโค้งให้ ทำให้เหล่าลูกสาวขุนนางคนอื่นๆถึงกับดีใจ คนที่ตบมือกันก็มี
รีกพอเห็นคนพวกนั้นก็ได้แต่กัดฟันแน่น
(……จะต้องทำให้สำเร็จ จะทำให้ผ่านการประชุมให้ดู เพราะอย่างนั้น—-)
รีกคิดว่าอยากจะชดเชยสิ่งนี้ให้ที่สกาล่าซาร์ด ว่าแต่อะไรที่จะทำให้ผู้หญิงจู้จี้คนนี้ดีใจได้นะ?