อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 98 ฐานทัพกับพวกพ้องคนใหม่
คำว่าเรียกว่า ผู้แสวงปัญญาลึกลับ อาจจะฟังดูเท่น่ะ แต่ถ้าถามฉันมันก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่างานอดิเรกของพวกที่มีเวลาเหลือเยอะ
อย่างน้อยฉันก็เห็นมันเป็นแบบนั้น
แถมฉันก็ดันเป็นคนที่มีเวลาเหลือเฟือด้วย
การต้องมานั่งบันทึกเสียงพูดของตัวเองกลายเป็นกิจวัตรไปเสียแล้ว ก็ขอให้เข้าใจกันหน่อยเถอะ
หากจะให้พูดถึงพวกที่มีเวลาว่างมากแบบฉันอีกคนก็คงจะเป็น ลำดับแห่งดวงดาราที่ 77 เคฟก้าแห่งการไต่สวน
เขาเองก็มักจะใช้สติปัญหาและความรู้ที่เขามีในการต่อสู้กับศัตรู
ทว่าในตอนที่เขาต้องไปยังโลกมนุษย์ จากมุมของฉันแล้วนับว่าเป็นการต่อสู้ที่น่าขัน
สติปัญญาของเขามันสูงส่งเกินกว่าที่จะเรียกว่าเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องปรับเปลี่ยนการต่อสู้ของตัวเองให้มันดูยุติธรรมสำหรับเขาขึ้น โดยการลดสติปัญญาของตัวเองให้ต่ำลงแล้วไปสู้ในเชิงพูดจาดูถูกใส่กันแทน
แต่สุดท้ายเขาก็ดันพลาดแล้วตายไปซะได้
หาเป็นการแข่งด้วยความรู้ล้วนๆยังไงเขาก็น่าจะเอาชนะได้
ทว่าหากเขาชนะจริง ชายคนนั้น คงจะคลั่งที่เห็นพวกจัสติสครูเซเดอร์ต้องตาย ผลกระทบที่ตามมาคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
เอาเถอะ ยังไงมันก็เป็นแค่เรื่องที่ผ่านมาแล้ว
ที่ฉันพูดขึ้นก็แค่อยากสรุปถึงความเป็นไปได้เฉยๆ
ตอนนี้จะขอบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอัลฟ่าและโอเมก้าสักหน่อยแล้วกัน
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ถึงต้นกำเนิดของพวกมัน
ปัจจัยทั้งสองคือสิ่งมีชีวิตทรงปัญญาซึ่งพลังจะเกื้อหนุนกันเพื่อพัฒนาไปทั้งสองฝ่าย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะกำเนิดขึ้นภายในสิ่งมีชีวิตหลายรูปแบบเพื่อยกระดับพวกมันให้กลายเป็นสุดยอดแห่งนักรบ
ตามหลักฐานในอดีต อัลฟ่าและโอเมก้านั้นไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่เคยมีมาก่อน
มันไม่ใช่ตัวตนที่กำเนิดขึ้นมาพร้อมกับจักรวาล
ถ้าถามว่าแล้วพวกมันโผล่ขึ้นมาได้ยังไงละก็
หึ ก็คงต้องบอกว่าฉันนี่แหละเป็นคนพาพวกมันมาเอง
หากจะใช้ภาษาดาวโลกในการอธิบายก็คงประมาณสายพันธุ์เอเลี่ยนนั่นแหละ
ต้นกำเนิดของพวกมันคงต้องย้อนไปถึง 3 จักรวาลก่อนหน้านี้
จักรวาลที่เป็นจุดกำเนิดของสิ่งมีชีวิตที่เรียกกันว่าอัลฟ่า
พลังและความดุร้านของมันนั้นเหนือการควบคุมสุดๆ
ร่างกายที่เหมือนกับสัตว์ประหลาด ซึ่งสามารถปลุกพลังให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นได้
มันทำการกลืนกินดวงดาวและดูดซับพลังจากชีวิตทั้งมวล ถึงขั้นจะกลืนกินจักรวาลที่ตัวเองอาศัยอยู่
นั่นคืออัลฟ่าต้นกำเนิด
และสิ่งมีชีวิตที่ทำการหยุดยั้งมันเอาไว้ก็คือโอเมก้าต้นกำเนิด
ตัวตนซึ่งตรงกันข้ามกับอัลฟ่า มันเป็นตัวตนที่แสนอ่อนโยน พลังต่อสู้ก็ด้อยกว่าอัลฟ่าเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าไม่มีคุณสมบัติใดๆโดดเด่นเป็นพิเศษ ทว่าเขากลับสามารถหยุดยั้งอัลฟ่าที่กำลังขาดสติได้ด้วยการพูดคุย
เขาเข้าใจถึงตัวตนของอัลฟ่าและยอมรับมัน
นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
ฉันได้ทำการสกัดเซลล์ของพวกมันมาเพาะเลี้ยงเพื่อใช้เป็นปัจจัยในการส่งต่อให้กับสิ่งมีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงอื่น ซึ่งนั่นจะทำให้ถือกำเนิดนักรบที่ทรงพลังขึ้นบนดวงดาวต่างๆ ภาษาชาวโลกก็อันโนวละมั้ง
หือ?
พวกเธอกำลังถามว่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกปลูกฝังปัจจัยแห่งโอเมก้าเข้าไปจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดหรือเปล่างั้นเหรอ?
หากโอเมก้าแห่งต้นกำเนิดเป็นตัวตนที่อ่อนโยนและสงบนิ่ง มันก็แปลกสินะที่พวกมันจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดคลั่ง?
งั้นลองกลับไปมองถึงนิสัยที่แท้จริงของชายที่ชื่อว่าคัตสึมิ โฮมุระสิ
ฉันว่านั่นน่าจะตอบคำถามทั้งหมดได้แล้วหรือเปล่า?
แต่ว่า…หากจะให้เจาะลงลึกกว่านี้ก็เอาเป็นโอกาสหน้าแล้วกัน
ถึงการบันทึกเสียงคราวหน้าฉันอาจจะไม่ตอบอยู่ดีก็เถอะ แต่ก็นับว่าเป็นเสน่ห์ของเรื่องราวนะว่าไหม?
จักรวาลที่สุดแปลกประหลาด อนาคตที่ไม่อาจคาดเดาได้ มันไม่ต่างอะไรเลยกับหีบสมบัติที่เต็มไปด้วยมณีรอให้ฉันค้นพบ
เพราะที่แห่งนี้ทั้งท่านรูอินและคัตสึมิ โฮมุระได้ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกัน
เป็นเรื่องราวที่ไม่เคยเกิดขึ้นในจักรวาลอื่นมาก่อน
ตอนนี้สำหรับผู้ใดก็ตามที่กำลังฟังข้อความนี้อยู่
บางทีอาจจะเป็นตัวฉันในอดีตหรือไม่ก็ตัวฉันในจักรวาลอื่น
หรือจะเป็นตัวฉันในจักรวาลนี้นะ…เอาเป็นว่าก็ไม่รู้หรอก แต่ฉันจะขอทิ้งท้ายเกี่ยวกับตัวตนของฉันที่เป็นอยู่ในจักรวาลนี้ละกัน
ลำดับแห่งดวงดาราที่ 2 นักท่องมิติ######
ผู้แสวงปัญญาลึกลับเนื่องจากมีเวลาว่างมากเกินไป
****
สำนักงานใหญ่ของจัสติสครูเซเดอร์เสร็จสมบูรณ์แล้ว
แอบรู้สึกแปลกใจเหมือนกันที่สำนักงานใหญ่สร้างเสร็จแล้วทั้งที่ผ่านไปไม่กี่สัปดาห์นับตั้งแต่เรื่องนั้น แต่เอาเป็นว่ามันก็เป็นข่าวดีสำหรับฉันที่ไปเกาะชาวบ้านกินอยู่พักหนึ่ง
อามัตสึกะ อาราซากะ ต่อด้วยฮินาตะ
ต้องไปอยู่บ้านคนนั้นทีคนนี้ แต่ก็สนุกแหละ
แม้จะเป็นแค่ช่วงสั้นๆ มันก็ทำให้ฉันได้รู้จักคำว่าครอบครัวปกติเป็นอย่างไร
หลังจากได้รับแจ้งว่าสำนักงานใหญ่จะกลายเป็นที่พักใหม่ของฉัน ฉันก็มุ่งหน้าไปพร้อมกับพวกอากาเนะทันที….
「ร้านกาแฟเหรอ?」
「ร้านกาแฟจริงด้วย……」
ปลายทางที่เรียกว่าสำนักงานใหญ่ทำไมเป็นร้านกาแฟล่ะ
ป้ายมันเขียนเอาไว้ว่าร้านกาแฟเซอไซนัส ก็แปลว่าเป็นร้านกาแฟของชินโดซังสินะ แต่ดูจากขนาดร้านแล้วมันไม่น่าจะเป็นสำนักงานใหญ่ได้เลยนะ
จะว่าไปที่ที่ฉันอยู่มันก็ไม่ไกลจากบ้านหรือโรงเรียนที่พวกอากาเนะอยู่กันเลย รอบๆก็ไม่มีตึกใหญ่โตอะไรอยู่ด้วย
ฉันมาถูกที่แน่เหรอเนี่ย
ระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นเอง ก็มีสาวผมสีเขียวคนหนึ่งเปิดประตูออกมาจากร้าน
「เอ๋? หือ โฮมุระกับคนอื่นๆก็มาเหรอ」
「คอมโม่จังนี่เอง ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่ที่นี่ด้วย」
「ฉันก็กำลังมาถึงน่ะ เอาเป็นว่าหยุดยืนคุยกันตรงนี้แล้วเข้ามาข้างในซะ」
ฉันพยักหน้าให้คอสโม่ก่อนจะเปิดประตูร้านเข้าไป
ภายในร้านดูจะกว้างกว่าร้านเก่านิดหน่อย
บรรยากาศก็ดูน่าเข้า ลูกค้าคงจะเยอะกว่าเดิมแหง
「ชินโดกับคนอื่นอยู่ชั้นสอง」
「หืม ชั้นสองเหรอ」
「ชั้นหนึ่งมันมีไว้สำหรับพวกลูกค้าน่ะ」
ร้านก่อนที่ถูกทำลายไปมีเพียงชั้นเดียว
การสร้างใหม่ถึงสองชั้นแบบนี้ก็น่าจะบอกถึงวัตถุประสงค์ใหม่ไหมนะ
「โอ้ เหมือนจะมากันแล้ว」
「ยินดีต้อนรับ ดีใจจริงๆที่พวกเธอมากันสักที」
พอขึ้นบันไดไปก็เจอกับเรมะและมาสเตอร์ชินโดนั่งรออยู่
บางทีพวกเขาอาจจะกำลังชงกาแฟกันเสร็จไม่นานมานี้ ไอสีขาวจากถ้วยของเรมะถึงยังเด่นชัด
「เรมะ นี่น่ะเหรอฐานใหม่ที่บอก?」
「อื้อ…จะบอกว่าใช่มันก็ใช่แหละ แต่ก็ไม่เชิงเสียทีเดียว」
「อย่าเอาแต่กั๊กบอกมาได้แล้ว」
「มันเสียเวลารู้บ่」
「จะเก็บเงินค่าเสียเวลา」
「ยัยพวกคนอ่านบรรยากาศไม่ออก…!!」
เรมะบ่นใส่พวกอากาเนะก่อนจะจิบกาแฟเพื่อสงบอารมณ์
「ก่อนอื่นฉันคงต้องอธิบายเกี่ยวกับร้านกาแฟแห่งนี้ซะก่อนนี่เป็นร้านกาแฟเซอไซนัสแห่งใหม่ ซึ่งสร้างขึ้นมาแทนร้านเก่าที่ถูกทำลายไปเพราะจากโจมตีจากเซไคเซ็นไต」
「ตอนนั้นฉันละตกใจสุดๆ」
คงเป็นเรื่องตอนที่คอสโม่ออกไปสู้
ไม่ได้เจอกับเขามาตั้งแต่เรื่องคราวนั้น ก็สงสัยอยู่หรอกว่าเป็นยังไงบ้าง
「ตอนแรกฉันตั้งใจจะจัดการเรื่องซ่อมแซมร้านให้เพื่อเป็นการขอบคุณที่ช่วยเหลือคัตสึมิคุงตอนเสียความทรงจำ แต่เพราะข้อมูลที่ฉันมองข้ามไม่ได้หลายๆอย่างก็เลย…..」
「หมายถึงเรื่องซันนี่สินะ?」
「อย่างที่นายว่า เพราะชินโดซังถูกจับตามองโดยลำดับที่ 3 ฉันจึงตัดสินใจว่าปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพังคงไม่ดีนัก….ในหลายๆความหมาย」
ว่ากันตามตรงฉันก็ไม่คิดว่าหมอนั่นจะนิสัยเสียอะไรหรอกนะ
ถึงอาจจะมีโอกาสที่ต้องสู้กัน แต่ฉันมั่นใจว่าเขาจะไม่ทำร้ายชินโดซังเด็ดขาด
「ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าร้านของฉันมันจะเรียกเอเลี่ยนมาขนาดนี้」
「ก็คุณไปทำให้เขาหลงรักเองนี่ครับ?」
「เป็นความผิดของนายเองไม่ใช่หรือไงชินโด?」
「หุบปากไปซะ! เจ้าพวกอยู่ฟรีหมายเลข 2 กับ 3 !!」
หมายเลข 1 คงเป็นฮาคัว
ชินโดได้ตอบกลับถึงสิ่งที่ฉันกับคอสโม่พูด
「มองในอีกมุมก็ถือเป็นโอกาสดีที่ชินโดซังจะได้ติดต่อกับซันนี่อีก ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจให้เขาเข้ามาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของพวกเราและเปิดร้านกาแฟเหมือนเมื่อก่อน」
「แต่จำเป็นต้องเปิดร้านกาแฟบังหน้าเหรอ?」
「แน่นอนสิ ถึงจะไม่ได้เกี่ยวกับชินโดซัง แต่อย่างน้อยที่นี่ก็จะกลายเป็นสถานที่ในการพักผ่อนของพวกเธอไง」
「……งะ งั้นอย่าบอกนะว่าชั้นสองนี่ก็」
เรมะพยักหน้าให้กับคำพูดของอากาเนะ
「ก็เป็นห้องเอาไว้ให้พวกเธอพักนั่นแหละ พอทำงานอะไรเสร็จจะไม่มีที่ให้พักเลยก็แปลกใช่ไหมล่ะ ดังนั้นฉันก็เลยสร้างขึ้นมาให้พวกเธอมาอ่านหนังสือ ทำนั่นนี่ยังไงล่ะ นอกจากนี้ก็ยังสามารถลงไปช่วยงานชินโดซังได้อีก」
ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ยังไง แต่อย่างน้อยก็รู้แล้วว่าที่นี่เป็นที่ไว้สำหรับเฮฮาของพวกเรา
「ว่ากันตามตรงแบบนี้ฉันก็สบายใจเหมือนกัน เพราะเมื่อก่อนยัยพวกนี้ชอบไปนั่งอัดกันในห้องขังฉันด้วยสิ」
「……」
「……」
「……」
「แล้วทำไมพวกหล่อนทำหน้าผิดหวังกันฟะ?」
อย่าบอกนะว่ายัยพวกนี้ตั้งใจจะบุกไปออกันอยู่ในห้องฉันที่สำนักงานใหญ่ใหม่อีก?
สามสาวหันหน้าไปทางอื่นเหมือนไม่อยากจะพูดอะไรต่อ จากนั้นชินโดซังก็เอามือเกาหัวก่อนจะพูดขึ้น
「ให้ฉันมามีส่วนร่วมด้วยขนาดนี้แล้ว หากมีอะไรที่ฉันช่วยได้ก็บอกแล้วกันจะทำเท่าที่ไหว」
「ชินโด แค่การมีอยู่ของนายก็ถือเป็นเหยื่อล่อชั้นดีแล้ว」
「คอสโม่ ถึงเธอจะแปลงร่างได้ แต่ฉันก็ต้องมาช่วยฉันล้างจานกับรับลูกค้าซะ」
「ไหงงั้นเล่า!!!」
พอเห็นหน้าของเขาแล้วก็นึกถึงเรื่องในอดีตจริงๆ
สัตว์ประหลาดแม็กม่า…ไม่สิตอนนี้เรียกว่าโลกาสินะ ถึงฉันจะเสียความทรงจำไปเขาก็ยังช่วยฉันเอาไว้
….จนทำให้ฉันกลายมาเป็นพนักงานร้านกาแฟ
ส่วนตัวฉันคิดว่าตัวเองก็ไม่ได้เป็นพวกหน้าตารับแขกอะไรขนาดนั้นแท้ๆนะ น่าแปลกใจชะมัดที่ทำได้นานพอสมควร
「เห้อ……」
「คัตสึมิคุง?」
「เปล่า ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าฉันก็พอเข้าใจเรื่องของชินโดซังกับร้านกาแฟแล้ว แต่มันเกี่ยวกับสำนักงานใหญ่ยังไงเหรอ?」
「จะอธิบายเดี๋ยวนี้แหละ」
เรมะวางถ้วยเปล่าลงแล้วยืนขึ้น ก่อนหันไปหาผนังห้องสีขาวแล้วยื่นมือไปแตะกำโปสเตอร์โฆษณาที่ติดไว้บนผนัง
จากนั้นเซ็นเซอร์สีแดงได้โผล่ออกมาสแกนมือของเขาทันที
วินาทีนั้นเองกำแพงสีขาวได้เปิดออกเหมือนกับประตูมิติหมุนวนไปมา
「สำนักงานใหญ่อยู่ทางนี้」
「ทำไมรู้สึกเหมือนมันโอเวอร์เทคโนโลยีแปลกๆเลยแฮะ」
「มันเป็นประตูมิติคนละอย่างกับของที่อัศวินขาวใช้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องความอันตรายหรอก เอาง่ายๆมันคือเทคโนโลยีเคลื่อนที่ทางไกลที่เห็นได้บ่อยในดาวอื่นน่ะ」
「หืม」
ฉันก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องพวกนี้มากนักหรอก แต่ประตูมิตินี่มันใช้กันได้ง่ายเลยเหรอ
รูอินเองก็ใช้มันเหมือนกัน ส่วนตัวฉันที่เคยใช้ก็มองว่าแอบใช้ยากอยู่นะ
「หมายความว่ารูอินที่สามารถเปิดประตูมิติไปไหนมาไหนได้นี่ไม่ใช่ของหายากอะไรสินะ……」
「ไม่ใช่หรอก」
คอสโม่พูดปฏิเสธ
「การจะเปิดประตูมิติไปยังอีกที่หนึ่งได้ด้วยตัวมันเองน่ะเป็นไปได้ยากมาก ของที่โกลดี้ใช้มันคืออุปกรณ์การเคลื่อนย้ายมวลสารที่จำเป็นต้องติดตั้งต้นทางกลับปลายทางไว้แต่แรกน่ะ」
「แล้วพลังของคัตสึมิคุงล่ะ?」
「หมอนี่เองก็สามารถสร้างประตูมิติได้โดยไม่จำเป็นต้องมีตัวรับส่งปลายทาง」
….พอจะเข้าใจสิ่งที่เธอหมายถึงแล้วแฮะ
ก็แปลว่าประตูมิติอันนี้มันคนละแบบกับของฉันสินะ
「ประตูมิติของคัตสึมิคุงคือประตูไปที่ไหนก็ได้」
「นี่ โฮมุระ ยัยนี่พูดถึงอะไรอยู่น่ะ」
「……เป็นตัวอย่างที่ทำให้เข้าใจได้ง่ายเฉยๆ」
「「?!」」
หากเป็นชื่อนี้ฉันรู้จักอยู่นะเออ
แต่ไม่รู้ทำไมอาโออิที่เป็นคนพูดเองถึงแปลกใจด้วยซะงั้น
「ผู้ที่เกี่ยวข้องกับจัสติสครูเซเดอร์จะได้รับสิทธิ์ในการใช้งานประตูมิตินี้นะ ขอให้รู้ไว้ด้วย」
「มีคำถาม รวมฮารุด้วยไหม?」
「แน่นอนสิ เธอเป็นถึงเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์คนสำคัญของบริษัท เทรนของเธอก็ขึ้นติดท็อปชาร์จระดับโลกไปแล้ว เอาเป็นว่าเธอมีประโยชน์กับพวกเรามากเลยแหละ」
ก็แปลว่าฮารุ น้องสาวของอาโออิเองก็ไปที่สำนักงานใหญ่ได้เหมือนกัน
「เอาล่ะ คุยกันมานานแล้ว เดี๋ยวจะไม่มีเวลาพาไปดูเอา ดังนั้นชินโดซังจากนี้ก็ฝากด้วยนะ ไว้จะมาทานข้าวบ่อยๆ」
「อ้า คุณประธานเองก็โชคดีล่ะ」
ว่าแล้วพวกเราก็ตรงเข้าไปในประตูมิติที่เรมะเปิดให้
พอบอกลาชินโดซังเสร็จ ฉันก็เดินเข้าไปในประตูมิติสีขาวนี้ทันที
「อึก」
แสงได้ส่องจ้าจนฉันมองไม่เห็นอะไรไปครู่หนึ่ง
พอแสงมันเริ่มจางลงก็พบว่าตรงหน้าของฉันเป็นพื้นที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
เป็นพื้นที่ปิดซะด้วย
เพราะเมื่อมองขึ้นไปข้างบนก็พบว่ามันเป็นโดมเพดานสูง ซึ่งมีพนังงานจำนวนมากกำลังยุ่งทำอะไรกันเต็มไปหมด
พอหันไปดูข้างหลังก็พบว่านอกจากประตูมิติที่พวกเราเข้ามาแล้ว ยังมีประตูมิติอีกหลายอันถูกติดตั้งไว้
「กว้างชะมัด」
「โห สวมเครื่องแบบกันด้วยเด้」
「เหมือนในหนัง」
「ฉันว่ามันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรนะ」
คอสโม่มองพวกอากาเนะที่ตะลึกกันก่อนพูดขึ้น
อันที่จริงฉันว่าคอสโม่เองก็เหมือนจะสนใจพอสมควรแต่แค่เนียนเฉยๆ
「เพราะกำลังสร้างเสร็จได้ไม่นาน มันก็เลยวุ่นวายนิดหน่อยน่ะ ทนกันไปก่อนละกัน」
「น่าทึ่งชะมัด….ที่สร้างได้ใหญ่ขนาดนี้ คราวนี้ก็สร้างที่ใต้ดินเหรอ?」
พอถามแบบนั้นเรมะก็ยิ้มออกมา
「เปล่าเลย คราวนี้สำนักงานใหญ่ของเราตั้งอยู่บนพื้นดิน」
「ใหญ่ขนาดนี้เนี่ยนะ แล้วจะไม่มีคนรู้เอาเหรอ?」
「เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอกคัตสึมิคุง」
เรมะตอบกลับคำถามของฉัน
「ทาเรีย พร้อมหรือยัง?」
『——ได้เสมอค่ะ』
ขณะที่เรมะพูดชื่อของใครบางคน เสียงหญิงสาวที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้น
ไม่ใช่เสียงโอโมริซังด้วยสิ
แต่รู้สึกเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน
『คัตสึมิ เสียงนั่นคือเสียงจากสูทของประธาน……』
「……หือ」
เป็นเสียงของแกนกลางที่น่าสยองนั่นเหรอ
เพราะเสียงคราวนี้มันดูสงบนิ่งเสียจนนึกไม่ออกไปพักหนึ่งเลย
เรมะที่ได้ยินเสียงตอบกลับอีกฝ่ายก็พยักหน้าแล้วพูดต่อ
「เปิดที่กำบังออกได้」
『รับทราบค่ะ มายมาสเตอร์』
โดมเริ่มถูกเปิดออกโดยไล่มาจาเพดานข้างบนซึ่งมันไม่มีเสียงรบกวนใดๆระหว่างเปิดเลย
ดูเหมือนจะถูกปิดเอาไว้ด้วยกระจกอีกชั้นหนึ่ง แต่พอเพดานเปิดแบบนี้แล้วก็ทำให้พวกเราได้เห็นวิวและรับแสงจากภายนอกได้ทันที
「……หา? ภูเขา?」
ภาพที่ฉันเห็นรอบๆคือภาพของธรรมชาติอันเขียวชอุ่ม
ภายนอกสำนักงานใหญ่ยังมีโดมขนาดใหญ่อีกหลายอันซึ่งถูกสร้างเอาไว้กลางภูเขา คล้ายกับฐานในหนังอวกาศเลยวุ้ย
เรมะเริ่มอธิบายให้พวกฉันที่กำลังตกใจกับฐานลับที่สร้างขึ้นในภูเขาลึก
「นี่คือสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนของเก่าซึ่งได้รับความเสียหาย นอกจากนี้ฉันยังได้เพิ่มอะไรหลายๆอย่างเพื่อความสะดวกขึ้นอีกด้วย」
「ถึงจะอยู่ในเขาลึกแบบนี้ก็เถอะแต่มันก็เสี่ยง….」
「เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันได้กางบาเรียที่ช่วยปิดบังสำนักงานใหญ่จากภายนอกเอาไว้แล้ว ไม่มีทางจะถูกเจอได้จากทั้งทางพื้นดินหรือดาวเทียมเด็ดขาด」
โห ทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย
ฉันฟังเรมะพูดพลางมองทิวทัศน์ภายนอก
จากนั้นพวกฉันก็เดินไปดูตามจุดต่างๆของสำนักงานใหญ่ ดูเหมือนมันจะกว้างกว่าของเดิมซะอีก
นอกจากนี้ยังมีจุดให้พนักงานพักผ่อนและอยู่อาศัยระยะยาวได้อีกด้วย
「หลังจากเรื่องคราวก่อน ฉันก็ได้เข้าใจถึงความคิดของซาจิทาเรียสสักที」
『ขออภัยที่แนะนำตัวช้าไปค่ะ ฉันมีชื่อว่าทาเรีย เป็นแกนพลังงานที่ทำการรับผิดชอบระบบทั้งหมดของสำนักงานใหญ่จัสติสครูเซเดอร์ที่ 2 』
เรมะได้พูดแนะนำเกี่ยวกับทาเรียและเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
『ท่านคัตสึมิ โฮมุระ ท่านโปรโต ต้องขอขอบคุณท่านทั้งสองเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคราวนั้นจริงๆค่ะ เพราะพวกคุณฉันถึงสามารถถ่ายทอดความรู้สึกจากใจไปยังมาสเตอร์ของฉันได้』
「อะ อ้า」
『ไม่ต้องคิดมากหรอก พวกเราก็เป็นเหมือนกันนี่นา』
จำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เธอ ยัยนี่น่าขนลุกสุดๆ แต่ดูเหมือนตอนนี้จะสงบลงแล้วสินะ…จากน้ำเสียง ชวนให้นึกถึงพวกคุณพี่สาวเลยแฮะ
「เป็นชื่อที่เรมะตั้งให้เหรอ?」
『ใช่ค่ะ ชื่อที่มาสเตอร์มีไว้เพื่อฉันคนเดียว…อุฟุฟุ』
「……เรมะ ดีใจด้วยนะ เหมือนนายจะได้เจอคู่หูที่ดีแล้วสิ」
「คัตสึมิคุง หันมามองตาฉันสิ ทำไมถึงเอาแต่หลบสายตาล่ะ!!?」
『คู่หูอะไรกันคะ ยังหรอกค่ะ เพราะเขายังไม่ได้ใช้สูทสีทองของฉันเลยนี่นา』
เป็นแค่จินตนาการของฉันหรือเปล่านะที่คิดว่าการใส่สูทมันเหมือนพาเจ้าสาวเข้าห้อง…..
ฉันหลบสายตาของเรมะและคิดเสียว่าทุกอย่างในหัวที่ฉันกำลังคิด ฉันคิดมากไปเอง
ใช่แล้วฉันคิดมากไปเองแหละ แต่อย่างน้อยก็ถามเพื่อให้แน่ใจละกัน
「เรมะ คือ…ทาเรียนี่จะไม่เป็นไรใช่ไหม?」
「ขอแค่ฉันไม่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นก็ไม่มีปัญหา ฮ่าๆๆๆๆ」
『โกลดี้…รักที่สุด」
เรมะหัวเราะแห้งออกมา ขณะที่ทาเรียส่งเสียงสุดเร่าร้อนใส่
เอาเป็นว่านี่คือปัญหาของเรมะกับทาเรีย ฉันอย่าเข้าไปยุ่งดีกว่า
อากาเนะกับคนอื่นๆที่เฝ้าดูก็เหมือนจะเข้าใจความสัมพันธ์ของพวกเขาแล้ว ถึงสีหน้าจะดูสับสนไปบ้างก็เถอะ
「พวกแกนกลางนี่มีแต่พวกแปลกๆสิน้า」
『ฉันเป็นคนเดียวที่ปกติสินะ?』
『โฮก』
『โฮ่ก』
「เจ้าพวกนี้ทำไมถึงคิดว่าคนอื่นผิดปกติหมดยกเว้นตัวเองล่ะ」
คอสโม่บ่นให้กับสิ่งที่ออกมาจากปากของ โปรโต ชิโระ เลโอ
「ประธาน ว่าแต่อัลฟ่ากับฮาคัวล่ะ พวกเขาอยู่ที่นี่ใช่ไหม?」
「อ้า ที่ที่พวกเราจะไปกันจากนี้ก็คือจุดพักอาศัย….ที่สำหรับคัตสึมิคุงและกรีนในการอาศัยอยู่หลังจากนี้」
「บ้านใหม่สินะ」
「อย่าเรียกฉันว่ากรีนนะเห้ย……」
เมื่อก่อนฉันไม่ใช่พวกเรื่องมากเกี่ยวกับที่ซุกหัวนอนหรอก ขอแค่มันนอนได้ก็พอแล้ว
ห้องขังก่อนหน้านี้นับว่าดีสุดๆ….นอกจากนี้คงต้องขอบคุณพวกอากาเนะด้วยที่ทำให้ฉันได้เห็นที่พักหลายๆแบบ
คงเป็นเพราะสิ่งที่ได้เจอมั้งฉันถึงได้เริ่มสนใจเรื่องของตัวเองบ้างแล้ว
「อยากจะกลับไปอยู่ที่บ้านของพวกเราซึ่งสร้างความทรงจำด้วยกันมาหลายปีก็ได้นะ」
「อย่ามาสร้างความทรงจำมั่วซั่วสิฟะ」
ผ่านไปแค่สัปดาห์เดียวเองนะเฟ้ย
อาโออิ เธอคงไม่ได้คิดใช่ไหมว่าฉันตั้งใจจะไปเกาะเธอกินเป็นปีๆน่ะ?
「พวกเราเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันนี่นา」
「หากฉันมีเพื่อนสมัยเด็กแบบเธอจริง ถึงจะเสียความทรงจำไปฉันว่าฉันก็คงไม่มีทางลืมเรื่องของเธอได้หรอก」
「……งื้อ」
「คนเขาด่าแท้ๆไหงเขินซะงั้นฟะ……?」
ยัยนี่ไม่เข้าใจเลยสักนิด!
จากนั้นอากาเนะและคิราระก็ได้เอามือวางไว้บนไหล่ของอาโออิที่กำลังแกล้งเขินไปมาด้วยการเอามือกุมแก้ม
「คิราระจับยัยนี่มัดไว้หน่อยได้ไหม?」
「บังเอิญจังเลยเด้ ที่ฉันก็คิดแบบเดียวกัน」
「หึ เหล่าหญิงสาวผู้พ่ายแพ้เอ๋ย จงคุกเข่าให้กับผู้ชนะคนนี้เสีย เพื่ออนาคตที่สดใสของฉัน ถอดใจกันซะ」
「พอไม่มีศัตรูให้สู้ก็มาตีกันเองสินะ….」
ฉันเดินต่อไปโดยคิดซะว่านี่คือเรื่องปกติของพวกเธอ
พอผ่านไปได้สักพักเรมะก็หยุดเดินแล้วเอามือชี้ไปยังห้องห้องหนึ่ง
「ตรงหน้านี้แหละคือห้องของนายกับกรีน」
「ไม่ใช่ห้องขังเหรอ」
「ก็ต้องไม่ใช่อยู่แล้วไหม? ฉันจะไปขังนายเอาไว้ทำไมอีกล่ะ」
「นั่นสินะ」
「ยังมีที่อื่นที่จะให้นายได้ดูอีก เอากระเป๋าไปเก็บแล้วตามมาได้เลย」
ฉันพยักหน้าให้เรมะก่อนจะเข้าไปที่โซนห้องของฉัน พอประตูเปิดก็พบว่ามีหญิงสาวสองคนนั่งรออยู่ข้างใน
สาวผมสีดำและขาว อัลฟ่ากับฮาคัว
ดูเหมือนยัยพวกนี้คงพักอยู่ไม่ไกลจากห้องฉันแหง
「เอ่อ กำลังรออยู่เลย คัตสึมิ」
「มาแล้วสินะ คัตซึน」
「เอ่อ…พวกเธออยู่ห้องโซนนี้เหมือนกันเหรอ?」
「อื้อ ตรงนั้นเป็นห้องของฮาคัว ส่วนห้องของฉันอยู่ตรงข้ามกับห้องคัตสึมิ 」
…หือ? แปลว่ายัยพวกนี้จัดการเรื่องห้องอะไรกันเสร็จสรรพเลยสินะ?
ไม่รู้เพราะอะไรยัยพวกนี้ถึงได้จัดห้องฉันไว้ติดกับห้องของพวกเธอเลย
ฉันมองดูคอสโม่ที่ทำหน้าสงสัยเหมือนกันก่อนจะตรงเข้าห้องของตัวเองไป
「เอาเถอะ ตอนที่เสียความทรงจำก็อยู่ห้องติดกับฮาคัวอยู่แล้ว คงไม่มีอะไรมากนัก แถมยังดีกว่าตอนนี้อยู่กับอัลฟ่าเมื่อก่อนซะอีก ตอนนั้นเรียกว่าห้องยังไม่ได้ด้วยซ้ำมั้ง」
เอาเป็นว่าถึงจะเปลี่ยนที่อยู่แต่สภาพแวดล้อมก็ไม่ต่างจากเดิมนัก
….ถึงจะแอบกังวลว่ายัยสองคนนี้จะใช้ชีวิตกันได้ดีไหม แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง…หรือเปล่า?
มองในอีกมุมหนึ่งพวกเธอก็เป็นแค่เด็ก 3 ขวบกับ 1 ขวบนี่หว่า
…เอาเป็นว่าเอาของไปเก็บในห้องก่อนละกัน
เรมะกับพวกอากาเนะก็รออยู่ด้วยสิ
「……กว้างเหมือนกันวุ้ย」
พอฉันเปิดประตูห้องออก มันก็เป็นห้องที่ใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้ถึง 3 เท่า
มีห้องน้ำในตัวไม่พอยังมีครัวอีกต่างหาก
พอมองออกไปนอกหน้าต่างก็พบกับวิวที่สวยงาม
「ต่อจากนี้ ที่นี่คือบ้านของฉันเหรอ」
การต่อสู้นับจากนี้ไปคงหนักหนากว่าเดิมแหง
「ก่อนอื่นคงต้องสอนฮาคัวให้สู้เป็นสักหน่อย」
แน่นอนว่าฉันไม่บังคับให้เธอต้องออกไปสู้ แต่อย่างน้อยก็พอให้ป้องกันตัวเองไหว
แม้จะมีเรื่องมากมายต้องสะสาง แต่ค่อยๆทำไปทีละเรื่องนี่แหละดีแล้ว
–จบ—
เปิดเล่มใหม่มาด้วยพล็อตมัลติเวิส แถมพอพูดว่าจักรวาลนี้มีทั้งคัตสึมิกับรูอิน แปลว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างละ ถ้าได้เจอกับคัตสึมิอีกมัลติเวิสหนึ่งคงไม่แปลกใจ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code