อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 85 ซาจิทาเรียสแห่งความรัก
อากาเนะกับอาโออิกำลังตัดสินใจว่าฉันจะต้องไปอยู่กับใครพวกเธอก็เลยกำลังประลองกันอยู่
แต่ถึงจะบอกว่าประลองพวกเธอก็คุยกันไว้แต่แรกแล้วว่าจะสลับกันไปมา เอาง่ายๆ ก็คือฉันต้องไปอยู่ฟรีกินฟรีบ้านคนนั้นที่คนนี้ทีนั่นแหละ
….ตอนนี้ก็กะจะเข้าไปขัดว่าให้ฉันอยู่โรงแรมอะไรทำนองนั้นแทนก็ได้ถ้าต้องลำบากไปมา ยัยพวกนั้นก็แสดงสีหน้าอย่างกับสัตว์ประหลาดออกมา ฉันเลยต้องยอมอยู่เงียบๆ
สำหรับฉันให้ว่ากันตามตรงอยู่บ้านคิราระต่อก็ได้แท้ๆ ถ้าหวยออกมาหน้านี้ แต่ก็ยัยนั่นก็ดันบอกว่าคงไม่ได้แล้วซะงั้น
『การต่อสู้นี้จะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!! ไปเลยโดริวซึ!! ใช้ท่าแผ่นดินไหวใส่โมรุเปโกะซะ!!』
『ไม่มีทาง เปโกะ ใช้เฟคเอาท์ซะ』
『อึก ใช้ท่าล้มเหลวเหรอ……!? ถ้าอย่างงั้นก็แค่ต้องโจมตีใหม่อีกรอบ!!』
『น่าเสียดายแต่ไม่ยอมหรอก ใช่ไหมล่ะ เปโกะจัดการเจ้าโดริวซึสุดกระจอกนั่นซะ ด้วยพลังโจมตีและค่าสปีทที่อัพมาเต็มขั้นยังไงก็สามารถจัดการมันได้ในทีเดียว ใช้ท่าแก้แค้น』
『โดริววววววววววซึ!? 』
….ดูท่าทางยัยพวกนี้จะสนุกกับการเล่นเกมชะมัด
เอาเป็นว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักพัก ฉันเลยตัดสินใจออกมาคุยกับเรมะที่ห้องแยก
ส่วนเรื่องที่จะคุยด้วยก็คือเรื่องของอาซึ หญิงสาวลึกลับที่บอกว่าตัวเองเป็นแม่ของอัลฟ่า
「แม่ของอัลฟ่ายังมีชีวิตอยู่ แถมเธอยังเป็นลำดับที่ 6 ตัวตนลึกลับที่แม้แต่ฉันตอนอยู่ในองค์กรยังไม่รู้นั่นน่ะเหรอ?!」
「อ้า」
แม่ของอัลฟ่า
จากที่ได้ยินยัยนั่นเคยพูดเธอคิดว่าแม่ของตัวเองตายไปแล้ว ฉันเลยตัดสินใจว่าจะปิดเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
….ถึงคนที่ชื่ออาสึจะเป็นแม่ของเธอจริงๆ แต่จากที่เห็นเธอไม่ได้สนใจอัลฟ่าเลยสักนิด
แม้จะบอกว่าไม่คิดเป็นศัตรู แต่ใช่ว่าฉันจะต้องไว้ใจ
「เรื่องจริงเหรอ? 」
「อ้า ฉันเจอยัยนั่นที่ร้านของชินโดซังซึ่งกำลังเนียนเป็นอัลฟ่าอยู่ ถึงยัยนั่นจะบอกว่าแค่ล้อเล่นแต่เห็นได้ชัดเลยว่าหากฉันไม่รู้สึกตัวก็ตั้งใจจะมาแทนอัลฟ่าทันที」
「….ร้านกาแฟของชินโดซังเป็นแหล่งรวมของประหลาดเหรอนั่น? 」
「พูดถึงเรื่องนั้นลำดับที่ 3 ซันนี่ ก็มาที่ร้านนี้เป็นประจำนะ ตอนที่ฉันยังเป็นคัตสึกิ ชิราคาวะได้แล้วมั้ง แถมได้ข้อมูลติดต่อเขามาด้วยสิ…แล้วก็…..」
….เห็นทีคงต้องเล่าเรื่องนั้นด้วย เพื่อไม่ให้เรมะเข้าใจผิดตอนไปเจอจริวงๆ
「ซันนี่หลงรักชินโดซังน่ะ……!!」
「ว่าไงนะ ลำดับที่ 3 ตกหลุมรักชินโดซัง!! ถ้าแบบนี้ก็คงต้องขอให้เขาพยายามสักหน่อยแล้วดึงลำดับ———」
「ไม่ไหวหรอกเรมะ หมอนั่นเป็นตัวผู้」
「……」
「……」
「คิดซะว่าฉันไม่ได้พูดละกัน ฉันก็ไม่ใช่ปีศาจมารร้ายอะไรด้วยสิ」
ฉันพยักหน้าตอบเขากลับไป
ไม่รู้ทำไมซันนี่ถึงได้ไปตกหลุมรักชินโดซังได้เหมือนกันแฮะ
ไม่สิ ฉันไม่ควรไปสอดรู้เรื่องของคนอื่นให้มากดีกว่า พวกเอเลี่ยนก็คงมีความคิดแบบเอเลี่ยนแหละ มั้ง…
「นอกจากนี้ซันนี่ก็มีอุปกรณ์แปลงร่างได้เหมือนกับชิโระและเลโอที่เป็นคู่หูของคอสโม่ด้วย」
「หา? คัตสึมิคุง แล้วรู้ชื่อของเจ้านั่นหรือเปล่า? 」
「ถ้าจำไม่ผิด…เจ้านั่นชื่อเวอร์โก้」
「หาาาาาา!? 」
「เรมะ!? 」
เรมะถึงกับสะดุ้งลุกจากเก้าอี้ก่อนจะล้มตัวกระแทกกับพื้น
ฉันที่รู้สึกตกใจกับท่าทีผิดปกติของเขาเลยตั้งใจจะถาม แต่เขาก็ตอบกลับมาเสียก่อน
「มะ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเวอร์โก้จริง ทั้งที่คิดว่ามันคือผลงานล้มเหลวเพราะไม่สามารถเปิดใช้งานแกนกลางได้แท้..หึ…ฮ่าๆๆๆๆๆ สุดท้ายก็สำเร็จสินะ เห้อ ฉันควรจะมีความสุขหรือปวดหัวดีนะ!!」
「……เรมะเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเหรอ? 」
ฉันรู้ว่าเรมะเป็นเอเลี่ยน
แล้วก็รู้ด้วยว่าเขาเคยเป็นอดีตลำดับแห่งดวงดาราแต่เรื่องนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนวุ้ย
「ฉันไม่เคยบอกนายสินะ ทั้งเรกูรัสของคอสโม่ เวอร์โก้ของซันนี่ พวกมันต่างก็เป็นผลงานของฉันทั้งนั้น….ถึงสุดท้ายจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ก็เถอะ」
「หื้ม ถ้างั้นโปรโตก็เหมือนกับน้องเล็กที่สุดในกลุ่มเหรอ」
『ฉันอาวุโสสุดและแกร่งสุดต่างหาก』
『โฮก』
หือ มันนับเรื่องลำดับกันยังไงฟะเนี่ย
แถมไม่รู้ทำไมชิโระถึงได้ตอบกลับมาด้วย
「เห้อ เอาเป็นว่ากลับเข้าเรื่องหลักก่อน เกี่ยวกับลำดับที่ 6…」
「จากที่เห็นตอนนี้ยัยนั่นก็ไม่คิดจะเคลื่อนไหวอะไรต่อนะ แต่อย่างน้อยฉันอยากจะให้เรมะปิดเรื่องนี้เอาไว้จากอัลฟ่าก่อนจะได้ไหม? 」
「แต่ถ้าเป็นแบบนั้นคนที่สามารถรับมือกับพลังของอาสึได้ก็มีแค่อัลฟ่านะ จะดีเหรอ? 」
「ฉันคิดว่ายัยนั่นคงไม่ใช้พลังทำเรื่องแปลกๆ หรอก…..」
ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าจะปล่อยให้อาสึมาเจอกับอัลฟ่าไม่ได้เด็ดขาด
เธอไม่ได้สนใจอัลฟ่าเลยสักนิด
….ถึงจะเห็นแบบนั้นอัลฟ่าก็ยังเป็นแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง…..
「….นายก็คงมีเหตุผลของนายแหละ เข้าใจแล้ว ฉันจะช่วยปิดไว้ให้」
「ขอบคุณ」
「ฉันไม่ได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่อะไรให้ต้องขอบคุณสักหน่อย ว่าแต่อัลฟ่าตอนนี้ก็กลายเป็นอัลฟ่าของดาวโลกไปแล้ว….แต่การที่แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่แบบนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นกันนะ? 」
「ถ้าพูดให้ชัดพวกเธอก็ไม่ใช่แม่ลูกกันหรอก ต้องบอกว่าเป็นร่างแยกที่มีอัตตาเป็นของตัวเองจะเหมาะกว่าไหมนะ」
แถมยังเหมือนกันตรงที่มีพลังแบบเดียวกันนี่แหละ
ปริศนาหลายๆ อย่างยังไม่สามารถไขได้ เว้นเสียแต่จะได้เจอกับยัยนั่นอีกครั้ง
「ว่าแต่เรื่องของชินโดซังจะเอายังไงต่อเหรอ? 」
「….จากที่ได้ยินนายพูด ชินโดซังได้กลายเป็นคนสำคัญของทั้งชิราคาวะคุง นาย แล้วก็กรีนแล้ว พวกลำดับแห่งดวงดาราบางคนอาจจะเล็งเป้าไว้ด็ได้ ทางที่ดีคงต้องให้เขาอยู่ในจุดที่พวกเราจับตามองได้น่าจะดีกว่า」
ฉันติดหนี้บุญคุณเขามากมายจริงๆ
แม้จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของฉัน เขาก็ยังคอยดูแลและจ้างงานฉันในฐานะคัตสึกิ ชิราคาวะ
「ตอนที่ตัวตนของฉันถูกเผยออกไป ร้านของชินโดซังก็ได้รับผลกระทบพอสมควร จนมีช่วงหนึ่งที่อัลฟ่าต้องใช้พลังเข้าช่วย แต่ข้อกำจัดมันก็ยังมีอยู่…ไหนจะเรื่องพี่สาวอะไรนั่นอีกหัวจะปวด」
「หือ? 」
「อ้า เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เอาเป็นว่าเรื่องการดูแลความปลอดภัยของเขากับร้านขอฝากนายด้วยละกัน」
「อ้า ฝากไว้ให้เรมะผู้นี้ได้เลย」
นอกจากนี้ฉันก็เดาไม่ออกเลยสักนิดว่าซันนี่จะทำยังไงถ้ารู้ว่าร้านของชินโดซังถูกระเบิดไป
「นั่นสินะ ตั้งแต่ความทรงจำกลับมาพวกเราก็ไม่ได้มานั่งคุยกันแบบนี้เลยนี่นา」
「อื้ม ถ้านับครั้งล่าสุดจริงๆ ก็คงจะเป็นก่อนการโจมตีของพวกกลุ่มผู้กอบกู้ละมั้ง นานเหมือนกันแฮะ」
「……อ้า」
หลังจากนั้นฉันก็เสียความทรงจำ
ถึงเรมะจะไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเป็นพิเศษออกมา แต่เขาก็คงกังวลไม่ต่างกับพวกอากาเนะ
「ว่าตามตรงชีวิตประจำวันในฐานะคัตสึกิ ชิราคาวะมันก็ไม่ได้แย่นะ ถึงฮาคัวจะจับฉันไปทำน้องชายก็เถอะ….ตอนที่ได้ยินเรื่องความเป็นมาของเธอฉันก็โกรธไม่ลงแล้ว」
หลังรูอินปรากฏตัวขึ้นบนโลก ฉันก็ได้ยินเรื่องราวของฮาคัวด้วย
เหมือนเธอจะเป็นน้องสาวของอัลฟ่าและโหยหาครอบครัวโดยไม่รู้ตัว พอเจอฉันเข้าก็เลยจับฉันมาทำน้องชายซะเลย
『คือว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ นะ』
『คงไม่ได้แค้นกันเลยแกล้งอะไรแบบนั้นใช่ไหม พี่ฮาคัว』
『อึก』
『โห้ว เป็นอะไรไปเหรอ พี่ฮาคัว หน้าแดงหมดแล้วนะ』
『อะ เอ่อ คือ……』
『จะว่าไปแล้ว การใช้ชีวิตของเธอนี่สภาพดูไม่ได้เลยนะ พี่ฮาคัว』
『มะ มั่นแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ……!? 』
ฉันแกล้งแหย่ฮาคัวที่ตัวสั่นเหมือนสไลม์อยู่พักหนึ่งหลังได้พูดคุยกัน
อย่างไรก็ตามฉันก็ได้เรียนรู้ถึงความเป็นมาของเธอด้วยว่าเธอเกิดเติบโตมาแบบไหน
ถึงเธอจะถูกเรียกว่าเป็นน้องของอัลฟ่า แต่ความเป็นจริงมันไม่ต่างอะไรกับร่างโคลนของอัลฟ่าเลยสักนิด
「ถึงจะเป็นแผนของรูอินที่ทำให้นายเสียความทรงจำไป แต่ฉันว่าเธอคงไม่คิดหรอกว่านายจะสร้างความสัมพันธ์กับชิราคาวะคุง」
「สิ่งที่ยัยนั่นต้องการคือทำให้ฉันแข็งแกร่งขึ้น แถมยังชอบมาอยู่ในหัวฉันบ่อยๆ ด้วย」
ยัยนั่นเอาแต่มาคุยกับฉันในหัวทุกวี่ทุกวัน น่ารำคาญชิบ
แถมไอ้ฉันก็ดันเชื่อใจแล้วทำตามซะนี่ เหลือจะเชื่อ
「แล้วตอนนี้ล่ะ? 」
「อ้า ทันทีที่ความทรงจำทั้งหมดของฉันกลับมา เหมือนว่าสัญญาณการเชื่อมต่อที่หัวของฉันกับยัยนั่นจะขาดไป…หรือจะบอกว่ายัยนั่นตัดมันเองนะ」
ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร แต่ครั้งต่อไปฉันจะต้องเอาชนะยัยนั่นให้ได้
หนี้แค้นถึง 2 ครั้งจำเป็นจะต้องได้รับการชำระ
「ดูเหมือนว่าฉันจะทำให้อากาเนะกับคนอื่นๆ ต้องเป็นกังวลมากเลยสินะ คงต้องไปบอกพวกเธอด้วย….」
「ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้ก็พอแล้ว」
「ไม่ แต่ว่า……」
「แค่นายรับรู้ถึงความรู้สึกของพวกเธอก็พอแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดเพื่อความปลอดภัยของนายเอง…!!」
เรมะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
แล้วไหงการที่ฉันไปเล่าเรื่องพวกนี้มันถึงเกี่ยวกับความปลอดภัยของฉันฟะ?
「……จริงสิ คัตสึมิคุง ฉันมีเรื่องอยากจะปรึกษาหน่อย」
หา? เรมะปรึกษาฉัน?
หาได้ยากจริงๆ ที่คนแบบเขาจะมาปรึกษาใคร
「ถ้าฉันช่วยได้ละก็…」
「ขอบคุณมาก ก่อนอื่นคงต้องถามก่อนว่านายได้ยินเสียงของพวกแกนพลังงานสินะ? 」
เสียงของแกนพลังงาน?
….มันก็ได้ยินหรอก แต่ถ้าพูดให้ชัดต้องบอกว่าสัมผัสถึงความรู้สึกได้มากกว่า
「ของฉันไม่เชิงว่าเสียง แต่เป็นความรู้สึกน่ะ」
「หืม? 」
「ฉันจะอธิบายไม่ถูกเหมือนกัน แต่บางครั้งฉันก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของโปรโตกับชิโระน่ะ」
「เป็นเพราะว่ามีความเข้ากันได้หรือเป็นเฉพาะอัลฟ่าแต่ละคนกันนะ….แต่ว่า ฉันอยากจะให้นายลองฟังเสียงของซาจิทาเรียสดูสักหน่อยน่ะ」
「ซาจิทาเรียส? 」
ฉันเอียงคอสงสัยเพราะเป็นคำที่เคยได้ยินครั้งแรก จากนั้นเรมะก็ลุกขึ้นยืนแล้วเปิดประตูไปยังห้องทดลอง
ฉันก็เดินตามเขาไปแล้วก็พบกับของที่เหมือนโทรศัพท์สีทองกับสูทสีทองถูกเก็บเอาไว้ในห้องทดลอง
ดูเหมือนว่าสูทตัวนี้จะยังไม่สมบูรณ์ดูจากการที่มีปลั๊กหลายอันต่อติดเอาไว้
「ถ้าฉันจำไม่ผิด สูทตัวนี้เป็นสูทที่ศัตรูตอนที่ฉันฟื้นความจำในอดีตกลับมาได้บางส่วนใช้นี่? 」
「อ้า มันคือสูทที่ฉันใส่ตอนยังเป็นลำดับแห่งดวงดารา ซาจิทาเรียส ถ้าพูดให้ชัดก็คือชุดของฉันจัสติสโกลด์ ฉันตั้งใจว่าจะใช้สูทนี้ในการคอยช่วยเหลือเหล่าจัสติสครูเซเดอร์น่ะ」
「เรมะก็จะออกไปสู้เหรอ!? 」
「เป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะอยู่แต่ภายในศูนย์บัญชาการตลอดไปนี่นา」
ฉันแอบตกใจเหมือนกันแฮะที่เขาคิดจะสู้
「ทว่าด้วยอาการบาดเจ็บในอดีต การต่อสู้ตรงๆ คงจะเป็นไปได้ยาก ดังนั้นฉันคงจะเน้นไปทางงานสนับสนุนมากกว่า」
「แบบนี้นี่เอง…ว่าแต่ที่จะปรึกษาล่ะ? 」
เรมะเดินไปที่คอมภายในห้อง แล้วฝากครอบก็เปิดออกเผยให้เห็นสูทสีทอง
หากมองใกล้ๆ จะเห็นว่ามีอนุภาคบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวเหมือนกับคลื่น
「คัตสึมิคุง นายช่วยสัมผัสถึงความรู้สึกของซาจิทาเรียสที่มีต่อฉันหน่อยสิ」
「ทำไมล่ะ? 」
ฉันถามกลับอย่างสงสัย
「อย่างที่นายรู้ ก่อนหน้านี้ซาจิทาเรียสได้ตกไปอยู่ในมือของศัตรู แถมแกนพลังงานของมันก็มีความนึกคิดเป็นของตัวเองไม่ต่างอะไรกับโปรโตและชิโระ….」
เรมะค่อยๆ สัมผัสสูทตัวนั้นด้วยมือของเขา
จากนั้นอนุภาคที่อยู่รอบชุดก็ค่อยๆ คลานไปหานิ้วของเขา
เขารีบดึงมือออกมาด้วยความรวดเร็ว จากสีหน้าที่แสดงออกมาเขาคงเจ็บปวดพอสมควร
「มีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะไม่ชอบฉันแล้วน่ะ」
『นายไปทำอะไรกับเด็กคนนี้มาเนี่ย? 』
โปรโตที่อยู่ตรงแขนของฉันถาม
「…ก่อนที่ฉันจะหนีจากองค์กร เกาส์มันขโมยสูทของฉันไปน่ะ เพื่อป้องกันไม่ให้มันสามารถไปผลิตสูทใหม่เพื่อทำลายดวงดาวอื่นต่อได้ ฉันจึงตัดสินใจระเบิดห้องทดลองไปพร้อมกับสูทนั้นน่ะ」
『โดนเกลียดแหง』
「อึก……!? ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา!!」
เรมะพูดพร้อมกับเข่าทรุด
ฉันรู้สึกประหลาดใจกับอาการของเขาจริงๆ
「ดะ เดี๋ยวสิ เป็นอะไรของนายน่ะ เรมะ!!」
「ถ้าซาจิทาเรียสเกลียดฉันขึ้นมาจริงๆ ฉันจะทำยังไงดีล่ะคัตสึมิคุง!! หรือต้องให้ฉันตายถึงจะสาสมใจกัน!!」
「นี่นายพูดอะไรของนายน่ะ จะตงจะตายอะไรเนี้ย?!」
การกระทำของเขามันเริ่มทำให้ฉันสับสนไปหมด
อย่างที่คิดเอาไว้ ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง
「หากต้องการชีวิตนี้ฉันก็พร้อมจะยกให้ แต่ขอแค่ให้จบศึกคราวนี้ก่อนเถอะ!! ฉันยังมีอะไรอีกหลายอย่างที่จำเป็นต้องทำและปกป้อง!!」
『ไอ้ผู้ใหญ่คนนี้มันดิ้นเป็นปลาดาวไปแล้ว』
『ชิโระก็บอกว่าน่าสมเพช』
เรมะอาการหนักเกินไปไหม?!
「…ฉันเข้าใจแล้ว จะตรวจสอบอารมณ์ของสูทตัวนี้ให้」
「ฝากด้วยล่ะ……!!」
ถึงจะไม่มั่นใจว่าจะสัมผัสได้หรือเปล่า แต่ถ้าเพื่อนของฉันกังวลขนาดนี้ฉันก็จำเป็นต้องช่วยแหละ
ว่าแล้วฉันก็สัมผัสไปที่สูทที่ทองตรงหน้าแล้วเพ่งสมาธิ
『คัตสึมิ จะดีเหรอ? 』
「อ้า ถ้าไปด้วยสวยก็จะดีกับเรมะและพวกอากาเนะด้วย」
ความรู้สึกและอารมณ์ได้แผ่ออกมาจากแกนพลังงานมาที่หัวของฉัน
มันเป็นความรู้สึกที่ครุมเครือ ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
ทั้งที่คิดว่าซาจิทาเรียสจะแสดงความโกรธออกมาซะอีก…แต่กลับไม่ใช่….นี่มันความรู้สึกเหงาเหรอ
ฉันรู้สึกร้อนวูบวาบอยู่ภายในอก ราวกับมันโหวงๆ
หะ?
เหหหหหห?
「….เรมะ ฟังที่ฉันจะบอกให้ดีๆ นะ」
「อะ อื้อ」
ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าแกนพลังงานตัวนี้อยู่ในอารมณ์แบบนั้น
ฉันหันไปมองเรมะที่ตื่นเต้นสุดๆ อยู่
「เจ้านี่ไม่ได้เกลียดเรมะหรอก」
「เอ๋」
「อันที่จริงเจ้านี่รู้สึกเหงาน่ะ ตอนที่นายสัมผัสแล้วมันพุ่งเข้าใส่ก็แค่อยากจะให้นายรีบใช้มันแปลงร่างเร็วๆ น่ะ」
「ปะ เป็นอย่างงั้นหรอกเหรอ? แอบตกใจที่มันพุ่งเข้าใส่เหมือนจะกินกันก็เลยเข้าใจว่าอยากจะฆ่าแกงเสียอีก……」
……。
ฉันรับรู้ได้ว่ามันไม่มีอันตรายใดๆ แน่นอน
จากนั้นฉันก็เริ่มกดฝ่ามือขวาลงไปที่สูทสีทอง
「คัตสึมิคุง!? 」
『คัตสึมิ!? 』
อนุภาคสีทองได้ไต่มาถึงข้อมือของฉันแล้วก็หยุด
จากนั้นฉันก็คุยกับโปรโต
「โปรโต พอจะแปลงเสียงของเจ้านี่ออกมาได้ไหม? 」
『อะ อื้อ ก็ได้หรอก』
「หากนายได้ยินเสียงคงจะสบายใจกว่าด้วย? 」
ฉันหันไปคุยกับเรมะ โดยตั้งใจจะแปลงเสียงของซาจิทาเรียสผ่านโปรโต
ฉันแน่ใจว่าเจ้านี่คงอยากจะคุยกับเรมะหลายเรื่องเลย ดังนั้นต้องแก้ไขให้ถูกต้อง
หลังผ่านไปประมาณ 10 วิ เสียงของโปรโตที่ส่งออกมาก็เปลี่ยนไป
『กะ โกลดี้』
「ซาจิทาเรียส……」
เป็นเสียงของหญิงสาวที่ค่อนข้างโตระดับหนึ่งเลยแฮะ
ซาจิทาเรียสพูดชื่อของเรมะที่ใช่ในอดีต จากนั้นเรมะก็พูดขึ้น
「ฉันขอโท———」
『โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้โกลดี้……รักที่สุด』
จากนั้นเสียงก็ขาดไปเหมือนโดนวางสายโทรศัพท์
「「……」」
ความเงียบงันเกิดขึ้นภายในห้องทดลอง
เอาเป็นว่าก็ชัดแล้วสินะ
แต่ซาจิทาเรียสตัวนี้ก็ค่อนข้าง…..สุดเหมือนกันแฮะ ทางโปรโตกับชิโระเองก็เหมือนจะตกใจไม่น้อยกับท่าทางของซาจิ
จากนั้นฉันก็ปล่อยมือออกจากสูทแล้วหันไปหาเรมะ
「นะ นี่ เรมะ ทีนี้ก็รู้แล้วสินะว่าเจ้านี่ไม่ได้เกลียดเรมะ」
「คัตสึมิคุง」
「ตอนนี้นายน่าจะใส่สูทตัวนี้ได้สบายแหละ ฉันมั่นใจ จริงสิ ฉันต้องไปดูพวกอากาเนะแล้ว ขอตัว———」
「คัตสึมิคุงงงงงง!」
ในขณะที่ฉันจะหนีออกจากห้องทดลอง เรมะก็คว้ามือของฉันไว้
「ไม่ไหวหรอก จะให้ฉันอยู่ต่อน่ะ……!」
「ช่วยฉันด้วยเถอะ……!」
「ขอโทษนะ!!」
「คัตสึมิคุงงงงงงง!? 」
แม้แต่คนโง่แบบฉันก็ยังรู้
นี่มันแย่สุดๆ
ไม่มีทางที่ฉันจะทนรับมันไหวหรอก
『ฉันว่าฉันเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนนั้นนะ』
「ซาจิทาเรียสน่ะเหรอ? 」
『อื้อ ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าออกนี่นาที่เจอกับคนที่คู่ควรแต่เข้ากลับไม่ใช้งานเลย』
……รู้สึกแบบนั้นเหรอ
「โปรโต เธออยากจะได้ร่างเป็นหุ่นสัตว์แบบชิโระ เลโอ หรือ เวอร์โก้ไหม? 」
『โฮก!』
ฉันถามเพราะอยากจะรู้
ไม่เหมือนกับแกนพลังงานตัวอื่นที่มีร่างหุ่น สำหรับโปรโตแล้วเธอเป็นเพียงอุปกรณ์แปลงร่าง มันจะไม่ลำบากเอาเหรอ?
『ไม่เอาเด็ดขาด ฉันไม่ต้องการ』
「ไม่ต้องการ? 」
『เพราะแบบนี้จะได้อยู่ข้างๆ คัตสึมิง่ายกว่า』
『โฮก!!? 』
ก็จริงแฮะ ถ้าอยู่ตรงข้อมือฉันมันก็แปลงร่างได้สะดวกกว่าด้วย
ในกรณีฉุกเฉินก็คงจะรับมือกับหลายๆ อย่างได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ก็มีฟังก์ชั่นที่สะดวกสำหรับฉันเยอะด้วย
…ถ้าเธอว่างั้นก็แล้วไป
「ฉันว่ายัยพวกนั้นก็น่าจะใกล้แล้วนะ….」
ว่ากันตามตรงแค่ตอนอยู่กับคิราระก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว
แต่อพาร์ทเมนต์เก่าของฉันมันก็ดันโดนรู้กันหมด เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องขอพวกเธออยู่อาศัยต่อ
ระหว่างที่คิดฉันก็เปิดประตูห้องที่พวกสาวๆ กำลังแข่งขันกันอยู่
「มะ ไม่จริงน่า….?! ตัวฉัน บลูผู้นี้ พ่ายแพ้ให้กับเจ้าชิซาริเกอร์เนี่ยนะ…?!」
「นัดเดียวจอด!!」
「ไม่จริงงงงงงง!? 」
ภาพของอาโออิที่ทรุดตัวลงไปกับพื้นและอากาเนะที่ชี้หน้าเธอเหมือนกับปิดเกมได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉัน
ยัยพวกนี้ทำบ้าอะไรอยู่ฟะ
คิราระกับคอสโม่เองก็ตกใจไม่แพ้กัน
「ก้ามปูกิโยตินสีเลือด นี่น่ะเหรอ อากาเนะ ชิซาริเกอร์…!? 」
「ช่วยหยุดตั้งชื่อแปลกๆ ที่เหมือนกับชื่อนักมวยปล้ำได้ไหมยะ?!」
สรุปก็คือฉันจะได้ไปอยู่ที่บ้านอากาเนะก่อน
แม้จะเข้าไม่ใจเลยสักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องนี้
「คัตสึมิคุง จากนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ!!」
「จะไม่เป็นไรจริงเหรอ? ปรึกษาคนที่บ้านเธอก่อนดีไหม」
「……」
「โฮ่ย อย่าบอกนะว่าลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทน่ะ? 」
「มะ ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกน่า….ฉันมั่นใจว่าพวกพี่ๆ ก็คงไม่ว่าอะไร….」
หือ เดี๋ยว พี่?
เธอมีพี่น้องเหมือนคิราระด้วยเหรอเนี้ย?
ถึงจะแอบคาใจเรื่องที่ยัยนี่บอกว่าครอบครัวตัวเองเป็นครอบครัวธรรมดาก็เถอะ แต่ไม่ว่ามุมไหนฉันก็คิดว่ามันแปลกๆ อยู่ดี
–จบ–
ขอให้เรมะโชคดี…….
และยินดีกับคัตสึมิคุงที่จะได้ไปอยู่กับครอบครัว”ปกติ”
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code