อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 83 พลังใหม่และความมืดมิดที่แฝงอยู่
คิงเรกูลัส
นี่คือร่างใหม่ของเลโอกับฉัน
ในอดีตฉันทำได้เพียงดึงพลังของเลโอออกมาได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ทว่าตอนนี้เมื่อปลดล็อกเงื่อนไขบางอย่างสำเร็จ เลโอจึงยอมรับให้ฉันดึงพลังทั้งหมดออกมาได้
「เลโอ……」
ฉันมองชุดสูทตัวใหม่บนร่างของตัวเองพร้อมกับกำหมัดแน่น
ฉันที่เป็นฉัน
แทนที่จะทำตามที่ท่านรูอินบอก ฉันจะเป็นคนตัดสินใจเองว่าตัวเองจะทำอะไร
『โฮก!』
「!」
อันทีที่เลโอส่งเสียงร้องออกมา ความสามารถและวิธีการใช้พลังทั้งหมดของร่างนี้ก็ถูกส่งเข้ามาในหัวฉัน
แม้จะรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยที่ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ แต่ก็ต้องรีบไปรับมือกับอีกฝ่ายที่พุ่งเข้ามาหาแล้ว
「โฮร่าๆ คราวนี้เปลี่ยนเป็นร่างเขียวเหรอ!!」
「……!」
มอทัลกรีนกระโดดเข้ามาโจมตีฉันทันทีที่แปลงร่างเสร็จ
ขวานที่มีพลังทำลายล้างสูง ได้ปรากฏต่อ “สายตา” ของฉัน
「ย๊ากกก!!」
ภาพของมอทัลกรีนได้ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ ทุกการเคลื่อนไหว ทุกความเป็นไปได้ ถูกเปิดเผยต่อสายตาของฉันทั้งหมด
โอกาสที่จะขว้างขวานเข้ามา
โอกาสที่จะใช้พลังกัดกร่อน
โอกาสที่จะฟันด้วยขวาน
แล้วความเป็นไปได้ทั้งหมดเหล่านั้นก็มาบรรจบกันเป็นหนึ่งเดียว———อนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น
「———」
เมื่อฉันทำนายการเคลื่อนไหวของศัตรูได้เสร็จ ฉันก็ทำการกระแทกหมัดเข้าไปยังจุดที่เป้าหมายกำลังจะมุ่งไป
หมัดของฉันปะทะเข้ากับใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มๆ ก่อนจะเปล่งแสงสีเขียวออกมา
「อึก!? นี่แก!!」
「มองเห็นอนาคต พลิกกลับสมมติฐาน นี่แหละคือพลังที่แท้จริงของเลโอ」
ฉันไม่ได้ต้องการพลังที่เลียนแบบมาจากผู้อื่น
จะไม่แข็งแกร่งเหมือนท่านรูอินก็ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฉันสามารถพัฒนาขึ้นได้ด้วยพลังของตัวเอง
「จงเน่าตายไปซะ!!」
「ฉันก็หันหลังให้กับตัวเองจนเกือบจะเน่าตายมานานแล้ว แต่คราวนี้แหละที่ฉันจะเผชิญหน้ากับมันอีกครั้ง!!」
ฉันหลบขวานที่แกว่งเข้ามาด้วยการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยและต่อยสวนกลับไป
มอทัลกรีนส่งเสียงร้องและผงะถอยไป แม้จะพยายามโจมตีสักเท่าไหร่การโจมตีพวกนั้นก็มาไม่ถึงตัวฉันเลยแม้แต่น้อย เพราะมันถูกฉันมองเห็นหมดแล้ว
「สะ สลายหายไปซะ!!」
ฉันตบหัวเข็มขัดอย่างรุนแรงขณะรับมือกับพลังกัดกร่อนของอีกฝ่าย
『PUNISH→KING LEO!!』
ฉันกระแทกหมัดที่เคลือบออร่าเอาไว้ใส่ลำตัวของมอทัลกรีน
พลังงานนั้นได้ควบแน่นกันและทะลุร่างของกรีนไป จนอีกฝ่ายก็ตกใจว่าจะเกิดขึ้น
「อะไรกัน……!? 」
『FATAL BLOW!!』
หลังความเงียบงันได้ผ่านพ้นไป ร่างของมอทัลกรีนที่รับพลังงานดังกล่าวก็เกิดการระเบิดขึ้นจากภายใน
หลังยืนยันแล้วว่าอีกฝ่ายระเบิดหายไป ฉันก็สัมผัสได้ถึงการโจมตีของมอทัลเรดจากด้านหลัง ฉันจึงตัดสินใจเรียก อาวุธ ขึ้นมาในมือ
「ฮ่า!!」
มอทัลเรดฟาดดาบที่ห่อหุ้มด้วยพลังงานอันน่ารังเกียจใส่ฉัน แต่เมื่อเห็นดาบสองคมของฉันสามารถต้านมันได้อย่างง่ายดายก็ถึงกับตกใจ
「ได้ยังไง……」
「นี่แหละคืออาวุธใหม่ของฉัน……!!」
ดาบที่มีด้ามจับยาวพอจะถือได้ด้วยมือทั้งสองข้าง คมดาบของมันปล่อยแสงสีเขียวออกมา
จากนั้นเลโอก็ส่งเสียงตะโกนออกมาราวกับบอกถึงการมีอยู่ของดาบเล่มใหม่
『LION SABER!!』
「……ไลอ้อน เซเบอร์!!」
「เดี๋ยว แค่เอาคำว่าสิงโตมาติดเฉยๆ เลยเนี่ยนะ……?」
『LION SABER!!』
「ไม่ คือแบบ……」
『LION SABERRRRRRRRR!!!!』
「ขะ เข้าใจแล้วน่า!」
เหมือนเลโอจะโวยวายที่ฉันมีปัญหากับชื่อที่ตั้ง
จะว่าไปตอนที่อยู่ร้านกาแฟจำได้ว่าเลโอชอบดูรายการเกี่ยวกับสัตว์ไม่น้อยเลยเหมือนกัน ได้รับอิทธิพลมาจากเรื่องนั้นหรือเปล่านะ?!
「ฮ่าๆ! อะไรล่ะนั่น ดาบสิงโตเหรอ!!」
「หุบปาก ฮิลด้า!!」
「ตายละ โดนโกรธเข้าแล้วสิ!」
ฉันตะโกนใส่ฮิลด้าที่เห็นได้ชัดเลยว่าใช้มอทัลเรดเป็นหนูทดลองและทำเพียงจับตามองดูพวกเรา
ฉันจึงตัดสินใจโฟกัสศัตรูตรงหน้าก่อนเพราะว่ากันตามตรงการรับมือกับเธอลำบากกว่ามอทัลเรดหลายเท่า….
「แต่ว่า เธอนี่สุดยอดจริงๆ!! คอสโม่คุง!!」
「……หา? 」
มอทัลเรดที่ถือดาบใหญ่ไว้ในมือ พูดด้วยความดีใจ
จนถึงตอนนี้ ฉันรู้ว่ามันเป็นศัตรูที่น่ารังเกียจ แต่ดูเหมือนว่าสาเหตุของความน่ารังเกียจพวกนี้มันจะไม่ได้เกิดจากตัวเขาเพียงอย่างเดียว
เมื่อฉันใช้ดวงตามองไปยังเขาก็พบกับความจริงพวกนั้น
「หากเธอมีพลังขนาดนี้ ถึงจะเป็นอัศวินดำก็ต้องลำบากอย่างแน่นอน! ยังไงพวกเราทั้งสองก็เป็นคนที่พ่ายแพ้ให้กับอัศวินดำ ทำไมไม่มาเป็นพวกพ้องกันเสียล่ะ?!」
「……เป้าหมายจริงๆ ของแกคืออะไรกันแน่? 」
มอทัลเรดเคียงหัวสงสัยให้กับคำถามของฉัน
「จุดประสงค์ของฉันมีเพียงหนึ่งเดียวมาตั้งแต่แรก นั่นคือการคืนความยุติธรรมให้กับผู้คน」
「คนที่ฉันถามน่ะ・・ไม่ใช่แกสักหน่อย」
ฉันมองไปถึงบางสิ่งที่กำลังควบคุมมอทัลเรดอยู่
ในที่สุดก็เข้าใจสักที
「แกเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงเข้ามาใช้ร่างกายนี้・・・・・? 」
「แ ก มั น ตั ว อั น ต ร า ย เธอกำลังพูดอะไรของเธอ?」
หลังมอทัลเรดพูดอะไรแปลกๆ ออกมาเขาก็เข้ามาโจมตีต่อทันที
อีกฝ่ายใช้พลังแรงโน้มถ่วงและออร่าอันน่ารังเกียจนั้นโหมโจมตีเข้ามา ทางฉันที่ทำนายการโจมตีของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วก็ใช้ไลอ้อนเซเบอร์ในการเข้ารับมือ
「มาเป็นพวกพ้องกันเถอะ! ยอมรับพลังแห่งดวงดาราซะ!!」
「ถ้าอยากให้ฉันเป็นหุ่นเชิดละก็ ขอปฏิเสธ!!」
เสียงปะทะดังลั่นราวกับเสียงคำราม
ในขณะที่ฉันต้านพลังของอีกฝ่าย ฉันก็ใช้มืออีกข้างหยิบอีวิลคีย์ขึ้นมาจากเอวแล้วเสียบเข้าไปที่ด้ามดาบของไลอ้อนเซเบอร์ที่คล้ายกับหน้าของสิงโต
『เสียบ!』
『LA! LA! LA! LIOOOooN!!!!』
…..เป็นไปได้ไหมที่ฉันจะขอให้เลโอเปลี่ยนเสียงบ้านี่ทีหลัง?! คือนอกจากดังแล้วมันยังรู้สึกแปลกชะมัด
เอ๋? ไม่ได้? ดะ เดี๋ยวสิ ทำไมฉันถึงเข้าใจความรู้สึกของเลโอได้เนี้ย…!!
ฉันรู้สึกเหมือนน้ำตาตกใน ขณะมองดูอาวุธในมือเปล่งแสงออกมา
『EAT→EVIL!!』
『DELICIOUS!!』
พลังงานได้ปลดปล่อยออกมาจากดาบเป็นจำนวนมาก ก่อนที่มันจะถูกเหวี่ยงใส่มอทัลเรด
แรงระเบิดได้เกิดขึ้นเป็นทางราวกับปฏิกิริยาลูกโซ่
「อะ อ๊าคคค!! ได้ยังไงกัน!? 」
「ยังหรอกน่า!!」
การโจมตีได้เกิดขึ้นอีกหลายครั้งและสร้างความเสียหายให้กับมอทัลเรด
เพื่อให้การโจมตีรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ฉันจึงหมุนด้ามจับอีกครั้ง แล้วพลังงานก็พวยพุ่งออกมาเพิ่ม
「อะ อ๊ากกกก!? 」
การโจมตีซ้ำทำให้เกิดแรงระเบิดขึ้นอีกและเรดก็กลิ้งล้มลงไปกับพื้น
「มันจบแล้ว……!!」
「อย่ามาล้อกันเล่นน่า!!」
เมื่อเห็นแบบนั้นฉันจึงตัดสินใจจะปิดเกม ทางมอทัลเรดเองก็แกว่งดาบใส่อย่างสิ้นหวัง———ไม่สิฉันต้องหลบ
ฉันหยุดการโจมตีและหลบการฟันที่เหมือนจะเป็นการฟันปกติ ทว่าเพียงเสี้ยววิจุดที่ฉันเคยยืนอยู่ก็เกิดรอยฟันขนาดใหญ่ขึ้น
「นี่มัน……」
「เทคนิคดาบของจัสติสเรดยังไงล่ะ!! ไม่มีทางที่เธอจะรับมือได้แน่!!」
มันขโมยเทคนิคการฟันของเรดได้เหรอ…?
ไม่เป็นไปไม่ได้หรอก
เมื่อมองให้ดีๆ มันเป็นเพียงการประยุกต์ใช้พลังแรงโน้มถ่วงเท่านั้น
「มีคนกำลังควบคุมหมอนี่อยู่……」
พลังลึกลับที่แทรกซึมเข้าไปในร่างของมอทัลเรดกับมอทัลกรีน พลังที่มาจากบางสิ่งซึ่งไร้รูปร่างและมันกำลังควบคุมพวกเขาเหมือนกับหุ่นเชิด แถมมอทัลเรดเหมือนจะโดนพลังดังกล่าวกลืนกินมากกว่าคนอื่นเป็นพิเศษ
「ถึงจะยังไม่รู้ว่าทำไม」
『โฮก!』
「อ้า แต่ก็มาเอาชนะมันก่อนเถอะ」
การโจมตีระดับนี้ฉันยังรับมือได้สบาย
มอทัลเรดเหมือนจะประหลาดใจที่ฉันสามารถตอบโต้การโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย
「ทะ ทำไมกัน ทำไมถึงเห็นได้ขนาดนี้….」
「แกรู้ไหมว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้จัสติสเรดน่ากลัว」
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดเกี่ยวกับจัสติสเรดไม่ใช่เทคนิคการฟัน แต่เป็นเจตนาฆ่าที่แฝงอยู่ในการโจมตี
“จะฆ่าให้ตาย”
แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกมาเป็นคำพูด แต่การโจมตีทุกครั้งของเธอมันแฝงไปด้วยสิ่งนั้น
ถึงจะเห็นการโจมตีของเธอ เจตนาฆ่าที่เธอส่งมาด้วยก็จะทำการจำกัดการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายแทน
มันคือสิ่งที่สุดแสนน่ากลัวจนไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากมนุษย์โลกได้
ถึงตัวฉันตอนนี้จะสามารถคาดเดาการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ ฉันก็ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับเธอเลย
ก็มันน่ากลัวนี่นา
「ไม่มีทาง เรื่องบ้าบอแบบนั้น!!」
「ถึงเวลานี่แกจะได้รู้ตัวสักทีว่าตัวเองถูกชักใยอยู่!!」
ฉันพุ่งตัวเข้าไปเตะมอทัลเรดจนกระเด็นไปบนท้องฟ้า
จากนั้นฉันก็คว้างไลอ้อนเซเบอร์ออกไปแล้วเปิดใช้งานท่าพิเศษ
『PUNISH→KING LEO!!』
พลังงานสีทองถูกปล่อยออกมาจากช่องว่างบริเวณเกราะไหล่และข้างหลังของสูทจนกลายเป็นเสื้อคลุม
ฉันกระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วเตะ ที่เหยียบซึ่งสร้างขึ้นมาจากก้อนพลังงานเข้าหามอทัลเรด
「ฮ๊าาาาา!!」
มอทัลเรดสาดพลังงานที่น่ารังเกียจออกมา
ทว่าฉันก็คาดเดาการเคลื่อนไหวของเขาได้หมดแล้ว และเลือกเส้นทางที่เหมาะสมที่สุดในการเข้าสู้ตำแหน่งเตะปิดเกม
「หยุดเดี๋ยวนี้!!」
『FATAL JUDGEMENT!!』
「สะ สุดท้ายฉันก็แพ้อีก———」
ทันทีที่ลูกเตะกระแทกเข้ากับร่างของมอทัลเรด พลังงานสีทองที่ก่อตัวเป็นรูปร่างของสิงโตก็บดขยี้ร่างของมอทัลเรด ก่อนที่ลูกเตะของฉันจะทะลุร่างของมอทัลเรดและร่อนลงพื้น
ร่างของมอทัลเรดระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
「……คนต่อไปก็แก ฮิลด้า」
「เธอแข็งแกร่งขึ้นแล้วจริงๆ สินะ คอสโม่」
ฉันไม่ได้รู้สึกโล่งใจเลยสักนิดที่เหลือ1ต่อ1
ศัตรูคนนี้รับมือได้ยากลำบาก
ฮิลด้าพูดขณะนั่งทำตัวสบายๆ อยู่ตรงสนามเด็กเล่นในสวน พร้อมโบกมือให้กับฉัน
「คงต้องใช้เวลาสักพักในการฟื้นตัวสิน้า เจ้าพวกนั้น」
「……แกทำอะไรกับพวกมัน? 」
「อุ๊ย รู้ด้วยเหรอ? ก็แค่ทำอะไรนิดหน่อยเพื่อไม่ให้มอทัลเรดกับกรีนฟื้นร่างได้เร็วน่ะ」
ยัยนี่ต้องการอะไรกันแน่ ไม่เข้าใจเลยสักนิด
ถ้าแค่ทำไปเพราะสนุกมันก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ปัญหาจริงๆ คือพลังลึกลับที่ควบคุมเรดกับกรีนมันดันไม่มีผลกับเธอ
เธอสามารถดึงพลังที่เรียกว่าพลังแห่งดวงดารามาใช้งานได้สบายๆ
「ดูเหมือนว่าเธอจะเห็นหลายๆ อย่างด้วยพลังของเธอสิน้า」
「……」
「แต่เธอกลับไม่สามารถมองเห็นข้างในฉันได้ใช่ไหมล่ะ? ก็นะความสามารถของฉันในฐานะอัลฟ่ามันป้องกันเอาไว้น่ะ!」
ฮิลด้าพูดออกมาอย่างสนุกสนานราวกับมั่นใจ
「เซไคเซ็นไต ปกป้องความสงบสุขของจักรวาล? อยากจะขำ ไม่เคยคิดเลยสักนิดว่ากลุ่มที่สร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องความยุติธรรมกลับกลายเป็นความชั่วร้าย แถมยังเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้รุกรานเสียเอง」
「ผู้รุกราน……? 」
「ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เป็นพวกที่คอยแย่งชิงและควบคุมพลังงานแห่งดวงดารานั่นแหละ แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอะไรหรอก」
ก็หมายความว่ามีกลุ่มบางกลุ่มกำลังก่อตัวขึ้นสินะ
แถมกลุ่มเหล่านั้นยังอยู่ในลำดับชั้นแห่งดวงดาราที่ท่านรูอินควบคุมอยู่
….ไม่มีทางที่ท่านรูอินจะไม่รู้ถึงตัวตนของพวกมัน
แต่บางทีท่านอาจจะแค่ปล่อยมันไว้แบบนั้นเฉยๆ
「ฮ่าๆ แต่ส่วนตัวฉันว่ามอทัลบลูนี่น่าทึ่งนะ ต้องกลายมาอยู่ในสภาพแบบนั้นเพราะพยายามปกป้องมอทัลเยลโล่จากสิ่งมีชีวิตปริศนา ความรักของคนในครอบครัวนี่สุดยอดชะมัด」
「ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ถึงเวลาที่แกต้องโดนกำจัดสักที」
「……หื้ม ก็อยากหรอกน้า แต่ว่า」
ฮิลด้ายิ้มออกมาก่อนจะดูนาฬิกา
「เวลาของพวกเราหมดแล้วสิ ฉันขอกลับก่อนละกัน」
「คิดจะหนีเหรอ? 」
「รู้ไหมว่าพลังแห่งดวงดารามันสามารถใช้ในการวาร์ปไปยังที่ต่างๆ ได้เหมือนกับการสร้างประตูมิติ」
ว่าแล้วร่างของฮิลด้าก็ถูกปกคลุมด้วยแสงปริศนา
ฉันที่ตกใจอยู่จึงตอบสนองได้ช้าไปหน่อย แต่ทันทีที่ฉันจะเข้าไปโจมตีฮิลด้า เธอก็โบกมือให้ฉัน
「ชิ!」
「ฝากทักทายคัตสึมิคุงด้วยล่ะ!」
การโจมตีของฉันไม่ถึงตัวเธอ
ร่างของเธอได้หายไปเสียแล้ว ถึงจะมองเห็นแต่ก็ไปไม่ทัน
ยัยผู้หญิงนิสัยเสียเอ้ย!!
「โฮ่ย」
「อึก!!? 」
หัวใจของฉันเต้นรัวเมื่อได้ยินเสียงจากทางข้างหลัง
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าใคร
「แกสินะคนที่ระเบิดร้านของชินโดซัง แกทำเรื่องที่ไม่สมควรไปซะแล้ว」
หากฉันตอบอะไรพลาดไป มีหวังโดนเขาเล่นงานแน่
จริงสิตอนนี้ร่างของฉันกลายเป็นสีเขียวไปแล้ว แม้จะมีความทรงจำของอัศวินขาวอยู่เขาคงก็ไม่รู้ว่าเป็นฉัน
เสียงแห่งความตายกำลังใกล้เข้ามา———เมื่อสัมผัสได้ถึงการมาของโฮมุระ ฉันก็ตัดสินใจปลดการแปลงร่างออก
「……เอ๋!? 」
โฮมุระที่เห็นใบหน้าของฉันหลังยกเลิกการแปลงร่างก็ถึงกับแสดงท่าทีตกใจออกมาแม้จะอยู่ในร่างของอัศวินดำ
ฉันพูดกับเขาโดยแสดงท่าทีเกร็งๆ
「นะ นี่ฉันเอง……」
「โซระ!? 」
จะว่าไปแล้ว ฉันก็ใช้ชื่อ โซระ โคมิโดรินี่หว่า
ด้วยเหตุผลบางอย่างเหมือนโฮมุระจะสับสนเอามากๆ จนทำอะไรไม่ถูก
จากนั้นเขาก็ถามฉัน
「ว่าแต่ทำไมเธอถึงแปลงร่างได้กันล่ะ? 」
「เอ้า นายก็รู้จักฉันอยู่แล้วนี่ ฉันชื่อคอสโม่ไง」
「หา!? ยัยตัวก่อเรื่องจอมยุ่งนั่นอ่านะ!? 」
……。
「ที่พูดนี่อยากจะหาเรื่องกันใช่ไหม!!」
「ก็มันจริงนี่เห้ย! ฉันเกือบตายเพราะหล่อนนะ!」
「ระ เรื่องนั้นมันก็ แบบว่า….」
「อะ อ้า……」
สุดท้ายฉันก็ไม่สามารถเถียงอะไรกลับไปได้จนโฮมุระเหมือนจะแอบสงสาร
บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไปในทิศทางแปลกๆ จากนั้นโฮมุระก็มองไปรอบๆ แล้วเอามือก่ายหน้าผาก
「คนกำลังจะมากันแล้ว บางทีหน้าของเธออาจจะหลุดออกไปด้วยก็ได้ เอาเป็นว่ารีบหนีก่อนดีกว่า ชิโระ」
『โฮก!』
หมาป่าที่คล้ายกับเอโลโผล่ออกมาจากกล่องที่ติดอยู่ตรงด้านข้างของเข็มขัดที่อัศวินดำใช้ จำไม่ได้ว่าเคยเห็นมาก่อนแฮะ
จากนั้นมันก็ฉายแสงออกมาจากดวงตาและรถก็ถูกสร้างขึ้นมา
เป็นรถที่อัศวินขาวเคยขี่อยู่ประจำ
「เอ้า」
「เดี๋ยวสิ……」
ฉันรับหมวกกันน็อคที่เขาโยนมาให้
จากนั้นโฮมุระก็ขึ้นรถแล้วหันมาหาฉัน
「มาสิ」
「……เร่งเชียวนะ」
「ก็ช่วยไม่ได้นี่หว่า」
ฉันถอนหายใจแล้วขึ้นไปซ้อนท้ายโฮมุระ ก่อนจะใช้มือทั้งสองโอบลำตัวของเขาเอาไว้
ไม่รู้ทำไมถึงได้ยินเสียงแปลกๆ ส่งมาจากพวกฝูงชนด้วย แต่โฮมุระก็ไม่ได้สนใจแล้วบิดคันเร่ง
รถทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนจะเข้าโหมดพรางตัว
『คัตสึมิก็แค่อยากจะขับรถล่ะสิ』
「อ้า」
『ซื่อตรงจริงๆ ……!』
ระหว่างที่ฟังบทสนทนาของโฮมุระกับอุปกรณ์แปลงร่าง ฉันก็ถามกับเขา
「ชินโดปลอดภัยใช่ไหม? 」
「อ้า แต่เหมือนจะตกใจมากที่ร้านของตัวเองถูกทำลาย ตอนนี้ก็เลยพาเขาไปที่ฐานชั่วคราวของฉันก่อนน่ะ」
「งั้นเหรอ ค่อยยังชั่ว……」
หากมีอะไรเกิดขึ้นกับชินโดเพราะฉัน ฉันคงไม่สามารถยกโทษให้ตัวเองได้
ดีจริงๆ ที่เขายังปลอดภัย
「ว่าแต่ นายบอกว่าฐานชั่วคราวเหรอ? 」
「อ้า เหมือนสำนักงานใหญ่จะซ่อมแซมอยู่น่ะ แถมคนที่คุมฐานชั่วคราวก็ประธานนั่นแหละ」
คงจะเป็นโกลดี้
ได้ยินมาว่าเขาคือนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจซึ่งสร้างเลโอขึ้นมา แถมยังเป็นเพื่อนกับพ่อของฉันด้วย
「……ในที่สุดเธอก็ยอมรับตัวเองได้แล้วสินะ? 」
「……!」
ฉันประหลาดใจกับคำพูดอันไม่คาดคิดของเขา
นั่นสินะ เขามีความทรงจำตอนเป็นอัศวินขาวแล้วนี่นา
……。
「การที่ทำให้ฉันยอมรับตัวเองในตอนนี้ได้ ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณนายแหละ」
「งั้นเหรอ แบบนั้นก็ดี」
「……อ้า」
「……。คงไม่คิดจะฆ่าฉันอีกใช่ไหม? 」
「ไม่ทำหรอกย่ะ!!」
ความรู้สึกที่เหมือนยกภูเขาออกจากอกนี่มันอะไรกัน
ไม่นานนัก หลังบินบนท้องฟ้าได้ประมาณ 2 3 นาที รถก็ลงจอดที่พื้น บางทีฉันน่าจะมาถึงจุดหมายแล้ว
มันเป็นบนอาคารหลังเก่าแห่งหนึ่ง
แม้ตัวอาคารจะค่อนข้างใหญ่ แต่รอบๆ ก็เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง ฉันหันไปมองโฮมุระด้วยความสงสัย
「……เป็นอาคารที่แปลกๆ นะ」
「ไม่ต้องห่วง ข้างในทำความสะอาดแล้ว」
ทำไมถึงได้มาตั้งฐานชั่วคราวไว้ในที่ที่เหมือนจะมีผีโผล่มาได้ตลอดเวลากัน?
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดอยู่ พื้นใต้เท้าของพวกเราก็เปิดขึ้น
「……ดูเหมือนจะเป็นแบบที่นายพูดแฮะ」
「ฉันเองก็เพิ่งรู้เกี่ยวกับที่นี่เมื่อวานนี้เอง ไม่แปลงใจหรอกที่เธอจะประหลาดใจ」
เมื่อลงไปถึงปลายทาง ก็พบว่าเป็นฐานที่ประดับไปด้วยแสงไงอันงดงามเกินกว่าจะจินตนาการได้หากเห็นแค่ภายนอก
ตรงนั้นเป็นโรงซ่อมบำรุงยานของพวกจัสติสครูเซเดอร์สินะ…
「เหนื่อยหน่อยนะ คัตสึมิคุง!!」
「!」
「เอ่อ เรมะ」
ฉันหันไปมองเจ้าของเสียงที่พูดขึ้น ก่อนจะพบว่าเป็นชายร่างสูง ผมสีบลอนด์เดินเข้ามาหา
โกลดี้สินะ แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไม่น่าจะใช้มนุษย์โลก แถมยังปล่อยบรรยากาศพวกพิลึกออกมาอีก
「พวกอากาเนะล่ะ? 」
「สาวๆ กำลังกลับมาถึงเหมือนกัน ถ้ารู้ว่านายกลับมาแล้ว อีกสักพักพวกเธอคงโผล่หน้ามาเองแหละ…เอาล่ะ เธอเองสินะ คอสโม่คุง ฉันเรมะ คาเนะซากิ หรือจะเรียกฉันว่าโกลดี้ก็ได้ถ้ามันสะดวกปากเธอมากกว่า」
「……อ้า」
「แล้วก็…TYPE LEGURUS」
「โฮก」
โกลดี้….เรมะเบนสายไปทางเลโอ จากนั้นเขาก็พุ่งใส่เลโอจนล้มลงกับพื้น
「เรกูลัสสสสสส!! ไม่ได้เจอกันนานเลยน้าาาาา!!」
「โฮก!!」
「เดี๋ยวนะ!? 」
「ระ เรมะ!? 」
เลโอแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบการกระทำของเรมะเลยสักนิด
มันพยายามจะดิ้นให้หลุดออกจากแก้มของเรมะที่เข้ามาถู ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความโมโห
ในมุมของเลโอแล้ว อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายใส่สูทพุ่งเข้ามากอด จะโกรธก็ไม่แปลก
ในขณะที่ฉันกำลังคิดเรื่องพวกนี้แล้วมองดูโฮมุระกับคนอื่นๆ ———อยู่ดีๆ ก็มีมือหนึ่งเข้ามาสัมผัสที่ไหล่ของฉันโดยที่ฉันไม่ทันรู้ตัวเลยสักนิด
「ยินดีที่ได้รู้จักนะ คอสโม่จัง ฉันเรดเอง เธอจำได้หรือเปล่า? 」
「อึก……!? 」
「คงไม่ได้ลืมกันหรอกใช่ไหม เพราะพวกเราเป็นศัตรูกันนี่นา」
「อยากจะคุย เรื่องซ้อนท้ายนั่น」
อะ อะไรของพวกเธอ ทำไมฉันถึงสัมผัสไม่ได้ถึงตัวตนของพวกเธอเลยล่ะ?!
พวกมนุษย์โลกจะแปลกเกินไปหรือเปล่า?!
แล้วก็ โฮมุระ โฮ่ยนี่นายรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?! รีบมาฉันทีสิ!!
***
คุยท้ายตอน
คอสโม่ได้ค้นพบว่าตัวเองกำลังงานเข้าเสียแล้ว
นอกจากนี้พลังของคิงเลโอนั้นจะมีจุดเด่นในการของการมองเห็น ราวกับเป็นการบอกถึงตัวของคอสโม่ที่เคยดวงตามืดบอดได้เริ่มมองเห็นสิ่งรอบตัว
ส่วนไลอ้อนเซเบอร์นั้นเกิดมาจากความขี้เล่นของเลโอเองที่อยากจะแกล้ง
–จบ–
คอสโม่กับพลังในการมองเห็น แต่ไม่พ้นโดนเลโอแกงอยู่ดีสมกับเป็นเด็กโหลยโท่ยในสายตาของเลโอ ( La la la lionnnn ชิชิรอน?!?!)
ตัวตนปริศนาที่ควบคุมพวกเซนไตอวกาศอยู่คืออะไร
ฮิลด้าก็ยังคงเดาไม่ได้เหมือนเดิมว่าคิดหรืออยากทำอะไร
ส่วนเรดก็สมกับเป็นเรด…..แม้คอสโม่จะได้พลังใหม่มาก็ยังสยองอีกฝ่ายไม่หาย แต่คงต้องไปเคลียร์เรื่องที่ซ้อนท้ายโอบเอวกับสาวๆสักหน่อยนะ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code