อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 77 เมื่อทุกอย่างมาบรรจบกัน 3
สำนักงานใหญ่จัสติสครูเซเดอร์ถูกโจมตี
เป็นเรื่องที่ฉันคาดไม่ถึงเลยสักนิด
แถมฝ่ายตรงข้ามยังเป็นศัตรูที่มีเทคโนโลยีต่างดาว
ก็จริงว่าการหาฐานลับของพวกเราได้คงไม่ใช่เรื่องยากนัก
แต่มันก็ไม่สบอารมณ์ชะมัด
「จัสติสครูเซเดอร์! ฉันอยากสู้กับพวกเธอมานานแล้ว!!」
「……」
มอทัลเรดใช้ดาบของเขาป้องกันดาบที่แทงตรงไปยังลำคอ
ต่างกับดาบยาวที่ฉันใช้ ไอ้หมอนั่นมันใช้ดาบใหญ่และร้องออกมาด้วยความดีใจ
「อย่าคิดจะทำร้ายเรด!!」
มอทัลพิงค์ได้ใช้เลื่อยไฟฟ้าคู่เข้ามาขวางฉันเอาไว้
ฉันจึงกระโดดถอยมาหนึ่งจังหวะแล้วใช้การฟัดกวาดใส่
เมื่อเว้นระยะได้แล้ว ฉันก็ไปยืนอยู่ข้างๆชิราคาวะจังที่กลายเป็นอัศวินขาว
「หือ」
เมื่อกี้นี้มัน…ฉันรู้สึกราวกับการมองเห็นของฉันมันถูกผนึกไปครู่หนึ่ง
ความสามารถของพวกศัตรูเหรอ?
หรือสูทของฉันเกิดปัญหาขึ้น?
「เรด……」
「อัศวินขาวจัง ทำได้ดีมาก หากไม่มีเธอ เราคงไม่สามารถอพยพคนได้ทัน」
ประธานบอกว่าการโจมตีปริศนาจากท้องฟ้าอยู่ดีๆก็พุ่งเข้ามาหาสำนักงานใหญ่ แถมพลังทำลายยังมากพอจะระเบิดที่นี่ไม่เหลือซากด้วย
แม้ว่าคนที่อยู่ใต้ดินจะปลอดภัย แต่พวกพนักงานธรรมดาและคนรอบๆคงไม่เหลือ
「ที่เหลือให้ฉันกับอัศวินดำคุงจัดการเอง หาจังหวะแล้วรีบหนีไปซะ」
ต้องรีบสร้างจังหวะให้เธอหลบหนี หากให้หนีไปไม่ดูอะไร มันได้เล็งเล่นเธอแหง
ก็ไม่รู้หรอกนะว่าพวกมันเคยเป็นพันธมิตรแห่งความยุติธรรมอะไรมาก่อนหรือเปล่า แต่จากที่เห็นตอนนี้หากมันได้หลุดออกไปเจอคนธรรมดาคงทำเรื่องเลวร้ายสุดๆแน่
คิราระกับอาโออิก็กำลังรับมือกับ มอทัลกรีน บลู เยลโล่ส่วนที่เหลือก็ฉันรับมือ
「ดูเหมือนว่ายังจะพอมีแรงใช่ไหม」
「ก็พอไหว แต่ระวังมอทัลเยลโล่ให้ดีล่ะ」
「ระวังเหรอ?」
「ใช่แล้ว เพราะเธอเป็นคนเดียวที่ยังไม่ตาย แถมสไตล์การต่อสู้ก็คล้ายกับพวกเธอด้วย」
ยังไม่ตาย….
ศัตรูที่ฆ่าไม่ได้สักทีไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น
จากประสบการณ์ของฉันสัตว์ประหลาดที่เป็นอมตะจะมีเงื่อนไขในการฆ่าเสมอ
สำหรับเจ้าพวกนี้ เงื่อนไขนั้นก็คือการทำลายยานรูปดาบบนหัวนั่น
「มอทัลบลูเหมือนจะไม่ได้อยากสู้กับพวกเราแต่แรก มอทัลกรีนใช้พิษได้ แต่เป็นพวกหัวเสียวง่ายหากถูกยั่ว」
พอมีข้อมูลเยอะขึ้นวิธีในการเอาชนะก็เยอะไปด้วย
ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็คือหาทางให้ชิราคาวะจังหนีและทำลายยาน…
「เราจะทำการใช้จังหวะที่พวกมันตายแล้วส่งร่างใหม่ทำลายยาน」
「อ้า」
「อื้อ จะยิงทิ้ง」
「ก่อนอื่นก็มากำจัดพวกมันให้หมด แล้วระวังมอทัลเยลโล่ไว้ด้วย」
เช่นเดียวกับพวกเรา เหล่าเซไคเซ็นไตก็กลับไปรวมตัวกัน
สำหรับการโจมตีก่อนหน้านี้คงจะเป็นเพียงการทักทายละมั้ง
「นั่นมัน」
「……?」
ในจังหวะนั้นเองฉันก็ละสายตาจากพวกมอทัลเรด แล้วจ้องมองไปยังทางที่คัตสึมิคุงกับอัศวินดำกำลังปะทะกัน
ระหว่างที่พวกเขาแลกหมัดกัน สภาพอากาศบริเวณนั้นก็เปลี่ยนไปด้วย ทั้งฟ้าผ่า ฝนตก มอทัลเรดที่เห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา
「นี่สิการต่อสู้ของผู้ที่ถูกเรียกว่าอัศวินดำ การต่อสู้เหนือมิติที่พวกเราไม่มีวันเอื้อมถึง」
「แต่อัศวินดำของเรายังไงก็ต้องชนะ」
「เรื่องนั้นก็ไม่มีใครรู้หรอก เพราะเสียงของเขาคืออาวุธที่ทำให้ทุกอย่างเป็นจริงได้หากต้องการ」
ไม่นานนัก พื้นที่ที่คัตสึมิคุงกับอัศวินดำต่อสู้กันก็ถูกห่อหุ้มด้วยของคล้ายรังไหมสีขาว
เขาโดนความสามารถศัตรูเล่นงานแล้วเหรอ?!
「พวกเราเองก็พ่ายแพ้ให้กับสิ่งนั้น ทันทีที่โลกใบนั้นถูกสร้างขึ้น เราก็ไม่เข้าใจถึงเหตุและผลที่เกิดภายในนั้นเลยสักนิด」
「……」
…มอทัลเยลโล่เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็เงียบไป
ด้วยเหตุผลบางอย่าง สัญชาตญาณของฉันบอกว่าพวกเขาทั้งสองไม่ได้อยู่ตรงนั้นอีกต่อไปแล้ว….
เขากำลังตกอยู่ในอันตรายหรือเปล่า….
「คิดว่าอัศวินดำจะกลับมาตอนไหน?」
「……เร็วๆนี้แหละ」
มอทัลเรดตอบคำถามของอาโออิ
รังไหมสีขาวยังไม่หายไปไหน
「คอยดูเถอะ เดี๋ยวอัศวินดำของพวกเราก็จะออกมา เพราะเขาคือคนที่จะต่อสู้จนกว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้」
รู้สึกโมโหคำพูดของเจ้านี่ะมัด เอาตัวเหมือนรู้ทุกอย่าง
แถมยังเป็นคำพูดของพวกที่จิตวิญญาณแตกสลาย ไม่กล้าจะเอาตัวจริงออกมาสู้
「ฉันไม่สนหรอกว่าพวกแกจะพ่นอะไรออกมา」
อดีตพันธมิตรแห่งความยุติธรรมเหรอ?
กลุ่ม 5 คนที่ปกป้องสันติภาพของจักรวาลเหรอ?
โห น่าทึ่งชะมัด ต้องชมไหม?
「สิ่งที่ฉันต้องทำก็แค่ฆ่าพวกแกที่มารุกรานโลกทิ้งซะ」
「……พูดอย่างงี้ถือว่าเป็นการท้าทายผู้ที่อยู่จุดสูงสุดของพวกเราด้วยไหม?」
「ก็แน่นอนสิ ยัยสตอล์กเกอร์น่าขนลุกที่ทำเรื่องบ้าๆกับอัศวินดำของพวเราที่ชื่อรูอินนั่น」
「…กล้าพูดออกมาได้ยังไง นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?」
จะคิดยังไงก็เรื่องของพวกแก
ฉันลดสะโพกลงก่อนจะเตรียมชักดาบยาวออกมาอีกครั้ง
「เชื่อมดวงดารา สรรสร้างขุมพลัง!! เหล่านักรบแห่งดวงดาว เซ———」
ฉันชักดาบออกมาฟันทีโดยไม่สนใจคำพูดของพวกมันอีก
———ทีนี้ก็ส่งต่อให้เยลโล่
「เยลโล่ สายฟ้าฟาด」
「จัดไป」
เยลโล่เหวี่ยงขวานที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้าใส่พวกมันเต็มกำลัง
กระแสไฟฟ้าแรงสูงได้พุ่งเข้าไปหาพวกเซไคเซ็นไต
「บลู」
「เข้าใจแล้ว」
บลูที่ถือไรเฟิลอยู่ได้เล็งและเหนี่ยวไกออกไปหกครั้ง
แสงวาบทั้งหกได้เจาะทะลุท้องกับขาของมอทัลบลูและมอทัลพิงค์ที่กำลังพยายามกระโดดหลบสายฟ้า
「ไม่มีประโยชน์ที่จะฆ่าพวกมัน สร้างบาดแผลไม่ให้สู้ต่อได้ดีกว่า」
「ทำไมถึงได้ทำแบบนี้?」
「่บ่นนักก็ปกป้องพวกพ้องให้ได้ การที่พวกแกสามารถเปลี่ยนร่างกายได้ตลอดก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นอมตะ ดังนั้นให้อยู่ในสภาพนอนเป็นผักจะง่ายกว่า」
บลูดึงไกไรเฟิลก่อนจะปลดปลอกกระสุนพลังงานออก
กลุ่มที่พวกเราสู้ตอนนี้คือพวกฆ่าไม่ตาย
ดังนั้นจากธรรมชาติของพวกมันความสามารถในการป้องกันจึงต่ำ
「……」
「ร่างกายของฉันมันแข็งไปหมดแล้ว?! หนะ หนาวจัง นี่ เรด นายอยู่ไหน นายอยู่ไหนกัน?」
การโจมตีของอาโออิทำให้ศัตรูไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
ก็หมายความว่าพวกมันต้องเลือกว่าจะฝืนอยู่ร่างนี้ต่อหรือสละร่างนี้ทิ้ง
「อย่างที่คิด บลู เธอนี่มันสมองหลุดโลกจริงๆ…!」
「ก็ไม่เท่าครีมสันบลัดที่เลือดท่วมตัว」
「「……」」
「ดะ เดี๋ยวก่อนสิพวกเธอ สนใจศัตรูก่อนเด้!! หือ!」
เยลโล่รีบหันหน้าไปทิศทางหนึ่งทันที โดยไม่ออกกล่าว
เธอส่งเสียงไม่พอใจออกมาเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกลอบโจมตี
กระสุนขนาดเล็กถูกหยุดเอาไว้บริเวณหน้าผากของเธอราวกับมีสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากันเอาไว้
「เฮ้อ น่ารำคาญจริงเด้ บ่รู้ตัวจนเกือบจะโดนแล้วสิ!」
「ดาวโลกมีแต่สัตว์ประหลาดหรือไงกัน!?」
อย่างที่คิดมอทัลเยลโล่รับมือยาก
เธอเป็นเพียงคนเดียวที่หลบเลี่ยงการโจมตีก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมดและยังโจมตีเยลโล่ได้โดยที่พวกเราเกือบไม่รู้ตัว
「เราใช้ปืนเหมือนกัน มาสู้กัน」
「หา?」
「กระสุนที่ไม่มีวันพลาด กับกระสุนที่โดนเป้าเสมอ มาพิสูจน์กันว่าอันไหนแข็งแกร่งกว่า」
บลูเปลี่ยนปืนไรเฟิลให้เป็นปืนพกคู่แล้วควงไปมา พร้อมหันไปหามอทัลเยลโล่
ก็แปลว่าคิราระกับฉันต้องจัดการมอทัลเรดกับกรีน
「เยลโล่ อย่าได้ลดการระวังตัวล่ะ」
「รับทราบ」
「เพราะพวกเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกันหลังจากนี้」
「เอ๋」
ทำไมเธอถึงมาพร้อมกับอัศวินดำคุงได้…ต้องไปถามประธานต่อด้วยสินะ?
ฉันกระโดดเข้าไปฟันมอทัลเรดด้วยดาบยาว โดยไม่รอคำตอบจากเยลโล่
「เป็นการโจมตีที่เฉียบคมจริงๆ!!」
「……」
ดาบของฉันถูกกันไว้ด้วยดาบใหญ่อีกครั้ง
จากนั้นฉันก็กระโดดแล้วฟันคอเขาต่อ
「ทุกจุดที่เล็งคือจุดตาย ช่างเป็นนักรบที่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารจริงๆ」
「!」
มันป้องกันได้อีกครั้งราวกับรู้ว่าฉันจะโจมตีตรงไหน
ฉันประหลาดใจนิดหน่อยก่อนจะโถมโจมตีไปเรื่อยๆ ไม่นานนักก็เกิดแสงสว่างดังขึ้นจากอัญมณีบนด้ามดาบใหญ่
「เชื่อมโยงพลังแห่งดวงดาว สตาเอนเนอร์จี้!!」
มันเป็นแสง 5สีที่ผสมเข้าด้วยกัน
แสงอันสว่างสดใสที่รวมกัน ได้กลายเป็นสีดำและสร้างคลื่นกระแทกเข้ามาที่ร่างของฉันอย่างรุนแรง
……ชิ!
「คึก……」
ฉันต้านแรงกระแทกนั้นด้วยการเอาดาบแทงไว้กับพื้นเพื่อไม่ให้กระเด็น
….ไม่ใช่คลื่นกระแทกธรรมดา
「ก็บอกไปแล้วนี่ว่าเป็นพลังแห่งดวงดาว」
「พลังน่ารำคาญชะมัด……」
ฉันเริ่มหายใจไม่ค่อยออก พอสังเกตพลังลึกลับที่ไหลออกมาจากตัวดาบแล้วบวกกับจุดศูนย์ถ่วงของร่างฉันมันไม่มั่นคงแบบนี้
บางทีพลังของมอทัลเรดน่าจะเล่นกับแรงโถ้มถ่วงได้
「เปล่าประโยชน์แล้ว เพราะตอนนี้พวกเรารู้การเคลื่อนไหวและความสามารถของพวกเธอหมดแล้ว ดังนั้นจึงหาทางรับมือได้」
「……」
「การโจมตีสายฟ้าแลบที่ไม่สนใจชาวบ้านนั่นก็ด้วย นอกจากนี้สูทที่เราใช้ตอนนี้ก็เหนือกว่าพวกเธอ」
หมายความว่ามันพัฒนาอุปกรณ์มารับมือกับพวกเราโดยเฉพาะสินะ
ไม่แปลกใจเลยที่จะมีของแบบนั้นอยู่ แต่มันก็อดหงุดหงิดกับท่าทางของมันไม่ได้จริงๆ
「….พวกแก พยายามจะทำลายสำนักงานใหญ่สินะ….」
「? มันก็ใช่อยู่หรอก แต่นั่นก็เพราะอยากจะล่อพวกเธอออกมายังไงล่ะ ถึงการฆ่าพวกมนุษย์โลกให้ตายไปเลยจะได้ผล———」
「ทั้งที่มันเป็นสถานที่ ที่รอให้เขากลับไป…」
ความทรงจำที่ฉันมีร่วมกับเขา
สถานที่ที่เปลี่ยนให้อัศวินดำคุงกลับมาเป็นมนุษย์
นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงอยากจะปกป้องมันเอาไว้แม้ในวันที่เขาเสียความทรงจำไปแล้ว
ทว่าคนพวกนี้กลับจะทำลายมันทิ้ง
「คงไม่ได้คิดใช่ไหมว่าพวกแกจะได้ตายง่ายๆ……?」
「หา」
ไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด
ฉันปักดาบลงกับพื้น แล้วกดไปที่อุปกรณ์เสริมของเครื่องแปลงร่าง
อุปกรณ์ที่ได้รับการปรับปรุงมาแล้ว แม้จะไม่สมบูรณ์นักแต่ดาบก็ไม่ใช่สิ่งเดียวที่ฉันใช้งานได้
เมื่อสัมผัสได้ถึงบางอย่าง มอทัลเรดก็ปล่อยพลังงานออกมาจากดาบของเขาอีกครั้ง
「ปกติฉันก็ไม่ใช้ของแบบนี้หรอกนะ」
ฉันพูดพร้อมกับดึงบางอย่างที่สูงกว่าตัวเองมากออกมา อาวุธปลายแหลมสีแดงรูปกากบาท ปรากฏขึ้นตรงหน้าของฉัน
เพียงแค่การแกว่งเพียงครั้งเดียว มันก็สามารถทำลายคลื่นพลังของมอทัลเรดไปได้ จนทำให้อีกฝ่ายตะลึง
「นั่นมันหอกอะไรกัน……」
「หอกมันก็คือหอกน่ะสิจะเป็นไปอะไรไปได้อีก」
มอทัลเรดกำดาบไว้แน่น ก่อนจะจ้องมองฉันที่ถือหอกไว้ในมือ
「หากเป็นเรดก็ควรจะใช้ดาบเท่านั้นสิ!!」
「การที่ฉันเลือกใช้ดาบก็เพราะมันแกว่งง่ายกว่า แต่ถ้าให้พูดถึงการแทงและฟันมันก็ไม่ต่างกันหรอก」
แม้จะมีคำกล่าวที่ว่าดาบเป็นอาวุธที่ใช้ง่ายที่สุด แต่ฉันคิดว่ามันไม่ได้มีสลักสำคัญอะไรเลยตราบใดที่ฉันสามารถใช้อะไรก็ได้ในการฆ่าศัตรูลงสำเร็จ
ฉันได้ลองใช้มันตอนที่อยู่สนมฝึก แล้วก็พบว่ามันเข้ามือฉันพอสมควร แถมยังเป็นของที่ดีในการรับมือกับศัตรูที่วิเคราะห์การต่อสู้แบบปกติของฉันมาเป็นอย่างดีด้วย เรียกว่าสถานการณ์ตอนนี้เหมาะที่จะใช้
「เธอมันพวกนอกรีต!!」
เขายกดาบขึ้นมาแล้วพุ่งเข้ามาโจมตีพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นพลังงานเข้ามาหาฉัน
ฉันจึงใช้หอกของตัวเองเข้ารับมือ
「อะไรก็ไม่สำคัญขอแค่ฟันแกทิ้งได้」
「คึก คิดจะฟาดฟันพลังงานแห่งดวงดาวที่สร้างโดยเทคโลยีสุดล้ำเหรอ?! เธอมีสมองไว้ทำอะไรกัน!!」
ที่พูดก็เพราะฉันคิดว่าทำได้
ไม่เห็นต้องไปสนใจทฤษฎีอะไรเลยสักนิด
ฟาดฟันอากาศที่ถูกบิดเบือน แล้วแทงหอกเข้าไปตรงดาบใหญ่ของมอทัลเรดจากข้างบน
「อึก」
「อ่านง่ายเกินไปแล้ว」
ฉันดึงหอกกลับมาแล้วฟันเข้าไปที่ไหล่ของเขา
นอกจากนี้ก็ทำการหยิบดาบที่ปักอยู่ฟันเข้าไปที่ลำตัวของมันซ้ำอีกที ทว่ามันกลับสร้างเกราะบางอย่างขึ้นมาป้องกันได้ทัน
「ยังหรอกน่า!!」
「……」
ฉันเข้าใจว่ามันไม่มีประโยชน์ที่จะฆ่าร่างนี้เพราะมันไม่ใช่ร่างจริงตั้งแต่แรกแต่ว่า
「ยังไงก็ต้องทำลายให้สิ้นซาก」
มอทัลเรดเคลือบพลังงานไว้ที่ดาบใหญ่อีกครั้งหมายจะปลดปล่อยใส่ฉัน แต่ฉันที่รู้อยู่แล้วว่ามันคิดจะทำอะไรก็ทำการคว้างดาบออกไปแทงทะลุแขนขวาของมันจนขาดวิ่น
「———อึก?」แขนขวาของเรดที่ควรจะถือดาบเอาไว้ได้ร่วงลงกับพื้น ฉันไม่รอช้ารีบใช้หอกที่ถืออยู่ในมือขว้างใส่ลำตัวของมัน
「เคลื่อนไหวโง่สุดๆ」
「อึก!?」
「พึ่งพาแต่พลังพิเศษเยอะเกินไป」
「อั๊ค!」
หอกที่ฉันคว้างใส่มอทัลเรดได้ทำการตรึงร่างของมันติดกับผนัง
ในเวลาเดียวกันนั้นเองฉันก็คว้าเอาดาบใหญ่ที่ปลิวขึ้นไปบนฟ้าเพราะแขนขวาของมอมัลเรดขาด ชี้ไปที่ร่างของมัน
「มีดีแค่พลังและความเป็นอมตะ มาตรการตอบโต้หรือคาดเดาการณ์เคลื่อนไหวกระจอกชะมัด」
「พูดอะไรของเธอ?」
「ไอ้พวกสัตว์ประหลาดบนโลกยังน่ากลัวกว่าอีก เพราะพวกมันคือความชั่วร้ายที่บริสุทธิ์สุดๆ」
พวกสัตว์ประหลาดบนโลกคือสิ่งชั่วร้ายโดยกำเนิด
สัตว์ประหลาดที่เปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นหุ่นและทรมานพวกเขาโดยที่พวกเขาตอบโต้ไม่ได้เลย
สัตว์ประหลาดที่ลบล้างการโจมตีได้เกือบทุกแบบก่อนจะสวนกลับอย่างเจ็บแสบ
ไหนจะสัตว์ประหลาดที่สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวและทักษะของพวกเราแล้วขโมยมันไปพัฒนาต่อ
เทียบกับเจ้านี่แล้วที่ต้องคาดเดาการโจมตีของมันให้ได้
นับว่าง่ายเสียยิ่งกว่าง่ายอีก
「……เยลโล่เธอเป็นไงบ้าง」
『คอร์ระยำมันไปอยู่ไสยะ!! บักห่าขั่วนี่ ได้ยินบ่ฉันจะฆ่าแก!!』
『อั๊ก อุก อ๊าคคค!?』
「……สมกับเป็นสายบ้าพลัง」
เยลโล่เหวี่ยงขวานไปมาใส่มอทัลเยลโล่จนร่างยับเยิน
ดูเหมือนเกือบจะปิดงานได้แล้ว
หือ?
「คึก ถ้ารู้แบบนี้ฉันคงจะติดอุปกรณ์เสริมที่ดีกว่า———」
「หนวกหู」
หัวของมอทัลเรดปลิวไปทันทีหลังกำลังพยายามเรียกอุปกรณ์บางอย่างออกมา
หากมีของให้ใช้ก็ควรรีบใช้แต่แรกสิยะ
ไม่งั้นก็จะโดนกระทืบเป็นกระสอบทรายแล้วแพ้ก่อนจะได้ทำอะไร
「เยลโล่ ฉันจะไปทำลายยานละนะ!!」
「เข้าใจแล้ว ฉันไปด้วยเด้!」
「อ๊าคคค!?」
เยลโล่ทำการบดขยี้มอทัลกรีนด้วยสายฟ้าฟาดก่อนจะวิ่งไปยันยานของตัวเอง
เป้าหมายคือยานรูปดาบทั้ง 5 นั่น หากมันถูกทำลายลงพวกเซไคเซ็นไตก็เท่ากับแพ้!!
「โอ้ ไปกันเลย!!」
ยานสองลำของฉันกับเยลโล่กำลังบินขึ้นบนฟ้า
ตรงไปแบบนี้แหละ….หือ!!
「เยลโล่!!」
「บางอย่างกำลังใกล้เข้ามา!!」
ทันทีที่พวกฉันเปลี่ยนทิศการบิน ก็มีแสงบางอย่างพุ่งผ่านฉันกับคิราระไป
ฉันเบิกตากว้างทันทีเพราะมันเร็วเหมือนกับดาวตกเลย แถมที่น่าตกใจกว่าคือมีมนุษย์อยู่ภายในลำแสงนั้น
「มนุษย์เหรอ!? ทางนั้นมัน..อัศวินดำคุง!!」
ลำแสงพุ่งตรงไปหารังไหมสีขาวที่อัศวินดำคุงและศัตรูกำลังต่อสู้กัน
กระแสไฟฟ้าขนาดใหญ่ได้ก่อตัวขึ้นไปรอบๆ
「คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีศัตรูตัวใหม่มาอีก…!!」
「เรด ดูเหมือนไอ้รังไหมกลมๆนั่นมันจะบ่ท่าแล้วเด้อ!!」
แสงได้ส่องออกมาจากภายในรังไหมสีขาวนั้น
ในขณะเดียวกันก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังลั่นขึ้นพร้อมกับเสียงของบางอย่างกำลังปะทะกัน
「! เยลโล่!」
「ฮู้แล้ว!! ท่าทางจะงานยากละสิ!!」
รอยแตกร้าวของรังไหมค่อยๆใหญ่ขึ้นแล้วในที่สุดมันก็ระเบิดออกมา
**
ชักไม่รู้แล้วสิว่าฉันสู้มานานขนาดไหน
หนึ่งชั่วโมง สองเหรอ หรือสาม….แต่เอาเป็นว่าฉันงัดกับพวกสัตว์ประหลาดที่ไอรีนเป็นคนสร้างออกมาไม่หมดเสียที
เหมือนกำลังถูกซื้อเวลาเลยวุ้ย
แม้ไม่มีข้อพิสูจน์แต่ฉันแอบคิดว่าเวลาข้างในกับข้างนอกนี่มันต่างกันแหง
อะไรกันฟะ ความรู้สึกที่เหมือนเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน
「ขอได้โปรด…อย่าลืมเลือนตัวฉันอีกเลย….」 (ภาษาปริศนา)
บทเพลงแห่งความโศกเศร้าได้เริ่มเปลี่ยนไป น้ำเสียงที่เธอใช้ดูสดใสขึ้น
ถึงฉันจะไม่เข้าใจความหมายของเพลงเลยก็เถอะ
ทว่าความรู้สึกที่เหมือนกับสีสันถูกแต่งเติมภายในบทเพลงนั้นมันชัดเจนเหลือเกิน
「——ฉันพอใจแล้ว」
ก่อนจะรู้ตัว พื้นที่โดยรอบที่ฉันเห็นก็ไม่ใช่ดงพายุหรือฝูงยักษ์อีกแล้ว แต่เป็นทุกหญ้าอันกว้างใหญ่ที่งดงาม
ไอรีนคุกเข่าลงแล้วเฝ้าดูดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งอยู่พร้อมกัยยิ้มให้ฉัน
「ทั้งที่จะฆ่าฉันก็ได้แท้ๆ ทำไมนายถึงไม่ทำล่ะ」
「ตัวฉันเองก็ไม่รู้หรอกเฟ้ย」
「……เห็นอยู่แล้วว่าเข้าใจ ไม่ซื่อตรงเลยนะ」
ตอนแรกฉันก็ตั้งใจจะฆ่าเธอหรอก
แต่บางส่วนในใจของฉันมันไม่ยอมให้ทำแบบนั้น
「บางทีฉันอาจจะใจอ่อนลงมั้ง」
「……ล้อเล่นได้ตลกดีนะ อัศวินดำ」
ถึงจะถูกมองว่าล้อเล่นก็เถอะวะ
ในอดีตฉันได้ทำการฆ่าพวกสัตว์ประหลาดไปมากมาย
พวกมันคือศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์และชั่วร้าย
ทว่าพวกเอเลี่ยนบางตัวต่างออกไป
พวกมันมีเหตุผลไม่ต่างกับพวกเรา
「อัศวินดำ…นายคงจะไม่ลืมฉันใช่ไหม?」
「…เดี๋ยวๆ ทำไมหล่อนถึงพูดประโยคที่เหมือนคนกำลังจะตายฟะ?!」
「หรือจะจับฉันเข้าคุกแทนหรอก? เอางั้นก็ได้นะฉันไม่สนหรอก」
「สนหน่อยสิเห้ย!?」
ช่วยคิดให้มันมากกว่านี้หน่อยเถอะ
ว่าแต่ทำไมฉันจะต้องมาสนยัยคนที่คิดจะฆ่าตัวตายหรืออะไรทำนองนี้ด้วยฟะ?!
สมองฉันคงจะไปหมดแล้วมั้ง?!
「นี่!」
「หือ?」
ฉันชี้นิ้วไปที่ไอรีนซึ่งเงยหน้าขึ้นมามองฉัน
「อย่ามายุ่งกับโลกอีก!!」
「อื้อจะไม่ยุ่งแล้ว」
「งะ..งั้นเหรอ….ถ้าเธอโกหกละก็ คราวหน้าฉันจะฆ่าเธอโดยไม่ถามไถ่อะไรแน่ เข้าใจไหม?」
「เข้าใจแล้ว」
ยัยนี่เหมือนลูกหมาเลยวุ้ย…
แอบรู้สึกประหลาดใจกับความว่าง่ายนี้นิดหน่อย
「งั้นตอนนี้ช่วยปลดพื้นที่นี้ทีได้ไหม คงไม่เกินมือเธอหรอกนะ?」
「ได้สิ」
ถึงจะเล่นใหญ่กันไปสักหน่อย แต่ตอนนี้ยัยนี่ก็น่าจะไม่ทำอะไรฉันแล้ว
หลังออกไปก็ต้องไปทำลายยานของพวกเซไคเซ็———หือ
「คุ」
「นั่นมัน?」
ฉันเงยหน้าขึ้นแล้วปล่อยหมัดออกไปทันที
ในจังหวะเดียวกันนั้นเองหมัดของฉันก็ปะทะเข้ากับบางอย่างที่ทะลวงมิตินี้เข้ามาจากภายนอก
「ศัตรูใหม่เหรอฟะ……!!」
มนุษย์ไฟฟ้า?
ฉันถอยห่างจากมนุษย์ไฟฟ้าที่ลอยอยู่ระหว่างฉันกับไอรีน
จากนั้นมนุษย์ไฟฟ้าก็หันไปหาไอรีนพร้อมกับปล่อยกระแสไฟฟ้าไปรอบตัว
「ทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้ได้กันล่ะลำดับที่ 8!! แต่เอาเถอะ ถึงเวลาเปลี่ยนตัวแล้ว ตาฉันบ้าง!!」
อยู่ดีๆก็โผล่มาซะงั้นอะไรของมันฟะ
จากที่มันคุยคงจะเป็นเอเลี่ยนพวกเดียวกับไอรีย แถมท่าทางจะอารมณ์เสียเพราะอะไรก็ไม่อาจทราบได้
「……ชิ」
「หา? มาเดาะลิ้นไม่พอใจกันเฉย? …ไม่สิหรือจะเป็นเสียงของไฟฟ้ากันนะ ช่างเถอะ!!」
ฉันใช้หมัดขวาต้านการโจมตีของหญิงสาวที่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมา
กระแสไฟฟ้าที่กระจายไปรอบๆก็ได้เริ่มทำลายมิตินี้ลง
「ลำดับแห่งดวงดาราที่ 7 ดาราแฝดเรม!! เอาล่ะ ฆ่าฉันให้ได้สิ!!」
……。
……、……。
「นี่แกเข้าใจความหมายของคำพูดตัวเองไหม อยู่ดีๆก็โผล่จากไหนไม่รู้ให้ตายสิ!!」
ฉันกระโดดถอยออกมาแต่อีกฝ่ายก็พุ่งตามมาด้วยความเร็วพอๆกัน
หมัดของฉันปะทะเข้ากับอีกฝ่ายจนเกิดกระแสไฟฟ้าสีแดงและทองกระจายไปทั่ว
「……อึก!!」
「……หึ!? ฮ่าๆๆๆ!! อย่างที่เจ็มบอก!! ฮ่าๆๆ เยี่ยมสุดๆไปเลย!!」
มันแปลกๆวุ้ย
พูดให้ถูกก็คือฉันรู้สึกว่าการโจมตีของฉันมันไม่ได้ผลกับยัยนี่
「ถึงจะโดนฉันต่อยก็ไม่หายไป!! ต่อให้ใกล้กันขนาดนี้ก็ยังไม่ชักดิ้นชักงอ!! ถามจริง นี่นายเป็นสิ่งมีชีวิตจากดาวโลกจริงเหรอ?! มันเกิดมนุษย์ไปไกลแล้วนะ!!」
「พูดมากน่ารำคาญชะมัดยัยบ้านี่!!」
「ฮุ้ยยยย!! โดนสวนกลับมาวะด้วยนานแค่ไหนแล้วนะ!! ไม่น่าเชื่อว่าสิ่งที่เจ็มพูดจะจริงทั้งหมด!!」
ยัยนี่พูดเก่งชะมัด
ถึงอยากจะปิดปากให้ยัยนี่เงียบ แต่ก็ดันแข็งแกร่งกว่าที่คิด
「ว่าแต่ที่นี่แคบจังเลยนะ!!」
「หล่อนช่วยเงียบหน่อยสิฟะ!!」
「นั่นสิเนอะ!! นายก็คิดว่ามันไม่เหมาะสำหรับการต่อสู้ของพวกเรา!!」
「ฟังที่ชาวบ้านเค้าพูดบ้างสิเห้ย!!」
「งั้นเดี๋ยวฉันจะทำให้มันกว้างขึ้นเอง!!」
สาวไฟฟ้าที่ชื่อว่าเรม พูดอะไรตามใจชอบก่อนจะลอยตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า
จากนั้นเธอก็รวบรวมกระแสไฟฟ้าเอาไว้ในมือตัวเอง ฉันที่เห็นก็เตรียมหมัดไว้ต้านทันที
「เอาละ ระเบิดให้หมดเลยละกัน!」
ห้วงมิติถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสว่างแล้ววินาทีต่อมา กระแสไฟฟ้าก็ได้กลืนกินทั้งห้วงมิตินี้
กระแสไฟฟ้าที่กระจายมาโดนฉันก็ทำลายด้วยหมัดของฉันทิ้งไปจนหมดแล้ว
ทว่ามิติที่ถูกทำลายเพราะกระแสไฟฟ้าก็ไม่สามารถรับพลังไฟฟ้าได้อีกจนมันหลุดออกไปข้างนอก
「ชิ พุ่งไปทางพวกเรดเหรอ!!」
ไม่เป็นไรหากเป็นพวกเธอต้องจัดการไหวแน่
ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องทำคือจัดการยัยไฟฟ้า——
『คัตสึมิ!! บนดาดฟ้า!!』
「!!」
ฉันหันไปดูที่ดาดฟ้าตามที่โปรโตบอก ก่อนจะพบว่ามันถูกกระแสไฟฟ้าทำลายลงร่วงลงไป
แล้วก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฉันเห็นไรเดอร์สีขาวร่วงลงมาด้วย
อัศวินขาว
บุคคลลึกลับที่แปลงร่างเป็นอัศวินขาวแทนตัวฉันในตอนที่ยังเป็นคัตสึกิ ชิราคาวะ
ฉันไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรแต่เมื่อเห็นอัศวินขาวคนนั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนจะคลั่ง
「ชิ!!」
ก่อนจะรู้สึกตัวร่างกายของฉันก็เคลื่อนไหวไปเอง
ฉันเตะเรมที่เข้ามาหาฉันแล้วพุ่งตัวไปในอากาศเพื่อเอื้อมมือไปรับร่างของอัศวินขาวที่ร่วงลงมาจากดาดฟ้า
ฉันไม่รู้ว่าเธอคือใคร
แต่มั่นใจว่าเธอคนคนสำคัญสำหรับฉัน
「ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกแน่นอน!!」
ฉัน…ไอ้คนขี้ขลาดที่ไม่สามารถช่วยพ่อแม่ของตัวเองที่กำลังจะตายได้
ทั้งที่ไม่อยากจะยอมรับ แต่มันก็เป็นเรื่องจริง
….ครอบครัวของฉันมันไม่เหลืออีกแล้ว
ทว่าฉันก็ได้รับโอกาสนั้นอีกครั้ง…..
「พี่……!!」
「คัต……ซึน……」
ทันทีที่ฉันคว้ามือของอัศวินขาวเอาไว้ได้ ความทรงจำทั้งหมดของฉันก็กลับมา
「ก็คนดีไม่ใช่เหรอ」
「จะกวนบาทากันไปถึงไหน!! เดี๋ยวพ่อก็ฆ่าทิ้งซะหรอก!!」
หญิงสาวที่ร่าเริงและกวนประสาทฉันจนน่าประหลาดใจ
「ใจดี ไร้เดียงสา…แล้วก็แปลก」
「เอ่อ แบบคนแปลกๆ งี้เหรอ…」
หญิงสาวที่ดูนิ่งๆ แต่บุคลิกไม่ธรรมดาเลยสักนิด
「ฉันว่าไม่เชิงดูถูกนะ ต้องเรียกว่าหยอกเชิงสงสารมากกว่า」
「โว้ยยยยยยย……」
หญิงสาวที่พูดด้วยสำเนียงคันไซปลอมๆ
สามสาวที่ทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไป
「และเป็นน้องชายของฉัน……」
ถึงจะแอบขนลุกอยู่บ้างที่ทำไมฉันถึงอยู่ในตำแหน่งน้องชายไปได้ก็เถอะ
ทว่าชีวิตในฐานะน้องชายของคัตสึกิ ชิราคาวะมันก็ไม่เลวเลย
แม้จะต้องต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ฉันก็มีโอกาสได้สัมผัสกับความสดใสของโลกใบนี้ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน
นอกจากนี้ก็มีเรมะและพวกอากาเนะที่คอยสนับสนุนฉันจนทำให้ฉันกลายเป็นฉันในทุกวันนี้
「……」
ความทรงจำที่หายไปของคัตสึมิ โฮมุระ และคัตสึกิ ชิราคาวะได้กลับมาผสานเข้าด้วยกัน
และสิ่งสุดท้ายที่กลับมาด้วยก็คือ———
「คัตสึมิ รีบกลับมาหาฉันได้แล้ว」
「อย่าทำให้ฉันต้องรอนานขนาดนั้นสิ」
ศัตรูที่ฉันควรจะสู้ด้วย
ในที่สุด….ฉันก็จำมันได้หมดแล้ว
ฉันกระโดดเหยียบพวกเศษซากที่ร่วงลงมาโดยมีอัศวินขาวอยู่ในอ้อมแขน
「ยัยนั่น….จะต้องกลับไปคิดบัญชีทบดอกให้ได้」
「……คัตซึน……」
ร่างของอัศวินขาวได้ถูกปลดออก เหลือเพียงฮาคัวในอ้อมแขนของฉัน
เธอเงยหน้าขึ้นมามองฉันพร้อมกับดวงตาที่สั่นไหว
「ทำอะไรกับฉันไว้เสียเยอะเลยนี่ตอนฉันจำอะไรไม่ได้ โฮ่ย ฮาคัว」
「คัตซึน นี่นาย จำได้หมดแล้วเหรอ?」
「อ้า ก็จำได้หมดแล้วน่ะสิ แอบตกใจชะมัดที่รู้ตัวอีกทีก็มีพี่สาวไปซะแล้ว แถมยังเป็นเธออีก」
「……ขอโทษนะที่หลอกลวงนาย」
ทำไมต้องทำท่ารู้สึกผิดขนาดนั้นด้วยฟะ
ถึงอยากจะถามอะไรอีกมากมายก็เถอะ แต่เอาไว้ทีหลังละกัน
「ไม่ต้องขอโทษหรอก…เพราะสำหรับฉัน นั่นก็เรียกว่าฝันดีเลยแหละ」
ฉันวางฮาคัวลงกับพื้นแล้วมองขึ้นไปข้างบน
การต่อสู้มันยังไม่จบ และพวกมันก็กำลังรอฉันอยู่
「โปรโตปลดการแปลงร่างที」
『หะ หือ แต่ว่า』
「ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง」
โปรโตทำตามที่ฉันบอกและปลดการแปลงร่าง จากนั้นฉันก็อุ้มชิโระที่อยู่ตรงเท้าขึ้นมา
หมาป่าจักรกลอยู่ในฝ่ามือของฉัน———ท่าทางจะหงอยสุดๆไปเลยวุ้ย
「ชิโระ โทษทีนะที่ลืมแกมาจนถึงตอนนี้」
「หงิง……」
เป็นความผิดของฉันเองที่จำอะไรไม่ได้เลย
อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นความจริงที่เจ้านี่คือคู่หูของฉันไม่ต่างอะไรกับโปรโต
「ให้ฉันได้ยืนพลังของแกอีกครั้งได้ไหม?」
「……โฮก!!」
ฉันยิ้มให้กับชิโระที่พยักหน้าใส่
ตอนนี้จำได้หมดทุกอย่างแล้ว ดังนั้นก็มาทวนความหลังกันหน่อย
「ชิโระ ยังจำความอัปยศคราวก่อนได้ใช่ไหม?」
「! โฮก!!」
「ใช่แล้ว….ในตอนที่พวกเราต่อสู้ด้วยกันบนยานนั่น เอาล่ะ มาจัดการให้มันจบดีกว่า!!」
ฉันยกมือขวาขึ้นแล้วสิ่งที่ปรากฏออกมาก็คือไดรฟ์สีทอง
『TRUTH GRIP!!』
ฉันเสียบไดรฟ์เข้าไปที่ปากของชิโระหัวที่เปลี่ยนร่างเป็นหัวเข็มขัดและหมาป่าตัวนั้นก็กลายเป็นสีทอง
【TRUTH DRIVER!!】
「ลุยกันเลย ชิโระ」
ฉันเสียบหัวเข็มขัดเข้าไปที่เอวพร้อมกับกดปุ่ม
เสียงดังก้องกังวาลส่งออกมาทันที
『ARE YOU READY?! 』
『NO ONE CAN STOP ME!!』
เสียงของเด็กสาวที่ดูจะอายุน้อยกว่าโปรโต
เมื่อได้ยินเสียงนั้น ฉันก็พูดประโยคปิดทันที
「แปลงร่าง……!」
『TRUTHFORM! ACCELERATION!!』
เมื่อสิ้นเสียงนั้น เข็มขัดของฉันก็ส่องแสงออกมา
ความทรงจำและตัวตนของฉันทั้งหมดมันกลับมาแล้ว
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code