อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 76 เมื่อทุกอย่างมาบรรจบกัน 2
ถูกเรียกว่าอัศวินดำเหมือนกัน…?!
มันพูดอะไรของมันออกมาฟะ
แต่ถ้าให้ว่ากันตามตรงชื่อนั้นก็เป็นสิ่งที่คนอื่นใช้เรียกฉันมาตั้งนานเลย ส่วนตัวไอ้ฉันก็ไม่ได้สนใจเสียด้วยว่าคนอื่นจะอะไรยังไงเลยไม่คิดถึงความหมายของมันมาก่อน
「……」
「หรือจะเป็นคำถามที่ยากไป? 」
ไอ้บ้าสวมสูทสีเกราะหนาสีดำที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้
แต่อยู่ดีๆ มันก็ฟาดหัวของมอทัลเรดซะยับอย่างง่ายดาย
นั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าเจ้านี่เคี้ยวไม่ง่าย
เอาเป็นว่าลองตามน้ำไปสักหน่อยละกัน
「ถ้าถามว่าทำไม ฉันก็ไม่รู้ คนอื่นมันเรียกแบบนั้นกันเองนี่หว่า」
ได้ยินแบบนั้นอัศวินดำอีกคนก็กอดอกราวกับบอกว่าเข้าใจฉัน
「……เหมือนกับฉันเลย」
「หะ หือ? 」
「……」
「……」
เหมือน…อะไรของมันฟะ?!
ใจฉันก็อยากจะเข้าไปซัดหน้ามันเลยให้จบ
แต่บรรยากาศแปลกๆ ที่ชวนไม่ให้ออกหมัดนี่มันอะไรกัน?!
「นั่นสินะ ถ้าให้พูดกันตามตรงแค่ไม่มีดาบก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช่อัศวิน」
「อ่า แล้ว? 」
「การที่คนเราจะถูกเรียกว่าอัศวิน ของอย่างพวกม้าหรือยานพาหนะอื่นก็น่าจะพอไปได้ไหมนะ เพราะการจำกัดแค่คนถือดาบเป็นอัศวินได้เนี่ย พวกที่ใช้หอกคงได้โวยวายแย่」
แล้วตูจะไปตรัสรู้ด้วยเหรอฟะ
อันที่จริงแอบสงสัยด้วยซ้ำว่าในจักรวาลนี้มันต้องสนใจแนวคิดอย่างพวกอัศวินไรงี้ด้วยเหรอ
ไม่สิเดี๋ยวก่อน ทำไมฉันต้องมานั่งคิดตามศัตรูด้วย?
「นั่นสินะ ฉันก็คงเป็นอัศวินดำได้แหละ」
「หือ? 」
「ก็ฉันมียานน่ะ ใหญ่มากด้วย」
หมายถึงยานอวกาศสินะ?
แม้ว่าฉันจะไม่เห็นหน้าเจ้าหมอนี่ แต่ก็มั่นใจได้ว่ามันคิดหนักจริงๆ
「อัศวินขาวเองก็ขี่มอเตอร์ไซค์ กับยานบิน….แล้วนายก็เป็นคนคนเดียวกัน ดังนั้นก็เรียกว่าอัศวินได้แหละ」
「……หา ฉันเคยขี่ไอ้ของแบบนั้นด้วยเหรอ!? 」
「หือ แปลกใจเรื่องนั้นหรอกเหรอ……? 」
「คัตซึน……」
จะว่าไปก็เคยเห็นฉันก่อนเสียความทรงจำขี่รถด้วยนี่หว่า?
แอบแปลกใจวุ้ยเพราะมันก็เป็นหนึ่งในความปรารถนาของฉันเหมือนกัน นี่ฉันไปทำตอนเสียความทรงจำเหรอฟะ
เมื่อฉันมองที่คิราระ กับอัศวินขาวที่ดูเหมือนจะรู้จักฉัน พวกเธอก็พยักหน้าให้เหมือนกับบอกว่าจริง
「นั่นเรื่องจริง」
「เอาจริงดิ……」
พอมองดีๆ ก็เห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์สีขาวดำจอดอยู่บนดาดฟ้าด้วย
ไอ้นั่นคือรถที่ฉันเคยขี่เหรอ ดีไซน์เท่ชะมัด
「อัศวินดำคุง จะดูก็ทีหลังเถอะ สนใจศัตรูก่อนไหม」
「อะ อื้อ นั่นสินะ」
ฉันรู้สึกตบใจกับความจริงนี้ แถมศัตรูยังอยู่ตรงหน้าด้วย
เอาเป็นว่าช่างมันก่อนละกัน
「คิดว่าจะแค่เฝ้าดูแท้ๆ 」
「ไม่เคยบอกจะทำแบบนั้น แค่เจ้ามอทัลเรดมันกวนบาทาเกินไป」
「……อ่า นั่นก็เรื่องจริง……」
หลังคุยกับมอทัลเยลโล่เสร็จ อัศวินดำก็มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
เหมือนจะมีบางอย่างใกล้เข้ามา
เงาของใครบางคนที่หนึ่งในนั้นได้ชักบางอย่างคล้ายกับดาบออกมาแล้วเหวี่ยงใส่อัศวินดำ
「นักรบของดาวโลก…… (ปลดปล่อย) 」 (ในวงเล็บคือภาษาปริศนา)
อัศวินดำลบการโจมตีของอีกฝ่ายทิ้งไปเหมือนกับที่ลบการโจมตีของฉัน
แล้วร่างของอีกฝ่ายที่โจมตีมาก็ปรากฏขึ้น เรดกับบลู พวกเธอกระโดดลงมายืนข้างๆ ฉัน
「บลู นั่นมันอะไร? 」
「จากที่วิเคราะห์น่าจะเป็นพลังจากคำพูด ภาษาลึกลับ ต้องขอให้ประธานช่วย」
「แต่จะพูดคุยกันตอนนี้ก็ไม่ไหวเพราะการสื่อสารไม่เสถียร….」
หลังสองสาวคุยกันเสร็จ พวกเธอก็หันมาหาฉัน
「มาร่วมสู้ไปด้วยกันเถอะอัศวินดำคุง」
「พวกเธอไม่ต้องทำเป็นเหมือนเคยเจอกันครั้งแรกหรอก….คิรา….ฉันได้ยินจากเยลโล่หมดแล้วว่าพวกเรารู้จักกันมาก่อน」
「「……」」
「ชิบ……!? 」
….ทำไมพวกหล่อนปลดปล่อยออร่าสังหารออกมาฟะ
แต่คงไม่แปลกมั้งเพราะยังไงพวกเธอก็ต้องต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดแบบเดียวกับฉัน
ถึงจะไม่เห็นใบหน้าของพวกเธอ แต่การแสดงออกนั้นก็นับว่าชัดมากแล้ว
หลังจากที่เรดกับบลูมาถึง ก็มีแสงสว่างส่องออกมาจากยานรูปดาบ
แล้วเสาแห่งแสงนั้นก็ปรากฏร่างของพวกเซ็นไตที่ถูกฆ่าตายไปเมื่อกี้
「เอาล่ะ ทุกคนพวกเรามาลุยกันต่อดีกว่า!!」
「บ้าจริง!! โดนฆ่าไปแล้วรอบหนึ่ง!!」
「นี่เรด ดูสิแขนของฉันกลับมาแล้ว เรด ดูสิๆ!!」
「……」
อุปกรณ์ที่ติดมาด้วยคราวนี้เยอะขึ้น
ดูท่าพวกมันจะระวังฉันมากขึ้นสินะ?
「ก็อยากคุยกับต่อหรอกนะ แต่จัดการพวกมันก่อนดีกว่า」
「นั่นสินะ รีบกำจัดพวกขยะทิ้งก่อนละกัน」
「เปิดรูที่ท้องเพื่อให้ระบายอากาศได้ดีขึ้น」
「โอ่ะ โอ้……」
ทำไมเป็นสาวเป็นนางถึงได้พูดอะไรหยาบคายแบบนี้ออกมากันนะ?
ถึงไอ้ฉันจะพูดจาไม่เข้าหูเหมือนกันก็เถอะ หรือพวกเธอได้อิทธิพลไปหว่า
ไม่สิๆ ทำไมฉันถึงได้เผลอคิดว่าตัวเองเป็นพวกถ่อยกันฟะ?
เฮ้อ ช่างหัวมันก่อนละกัน
「ถ้างั้นก็ไปเลยกันเลย จัสติสครูเซเดอร์!」
「โอ้!」
「ฉันจะจัดการกับเจ้าสูทดำนั่นเอง ส่วนพวกเธอไปเก็บพวกเซไคเซ็นไตละกัน!」
「รับทราบ……!!」
บลูยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้ฉัน ก่อนที่ฉันจะหันไปหาอัศวินดำ
ในขณะเดียวกันพวกเซไคเซ็นไตก็ถืออาวุธในมือกันพร้อมเริ่มบรรเลง
「ดูเหมือนสมาชิกจะมากันพร้อมหมดแล้ว งานนี้จะต้องสนุกมากแน่ๆ!!」
「ทั้งที่เป็นพวกกระจอกที่ไม่กล้าเอาร่างจริงตัวเองมาสู้แท้ๆ 」
พวกมันคือร่างปลอมส่วนตัวจริงอยู่บนยาน
จะฆ่าไปกี่ครั้งก็กลับมาได้
「คิดว่าการที่ไม่มีวันตายแล้วจะแข็งแกร่งเหรอ? ของแบบนั้นหากไม่ผ่านความเป็นตายจริงไม่มีทางได้มาหรอก」
「……พวกเธอจะมารู้อะไรเกี่ยวกับพวกฉันกัน? 」
「ไม่รู้และไม่คิดจะสนใจ」
มันเป็นคำพูดที่เหมือนกับจะบอกว่า พวกมอทัลเรดก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ประหลาดที่พวกเธอเคยสู้ด้วย
「เห้อ พอทำบ่อยๆ แล้วคิดกลับกันฉันก็อยากร้องไห้เหมือนกันนะถ้าโดน」
「อัศวินดำคุงทำตลอด พวกสัตว์ประหลาดต้องโดนแบบนี้…」
「โหดแท้น้อ……」
「ทำไมเหมือนพวกหล่อนบอกว่าการกระทำของตัวเองมันได้มาจากฉันหมดฟะ โฮ่ย? 」
คู่ต่อสู้ของฉันไม่ใช่พวกเซไคเซ็นไต
แถมตัวที่เคี้ยวยากสุดก็เป็นอัศวินดำตรงหน้านี่แหละ
———ชิ!
ไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ เลยสักนิด พอหันสายตาไปหาอีกฝ่ายหมัดกับดาบก็เข้าปะทะกันแล้ว
อัศวินดำกับฉัน จัสติสครูเซเดอร์กับเซไคเซ็น
「ฮึบ!!」
「อึก」
พลังงานเส้นสีแดงถูกปล่อยปล่อยออกมาจากคอของฉัน หมัดของฉันก็ถูกเสริมพลังพุ่งไปด้วยความเร็วสูง
จากนั้นฉันก็ถีบร่างของอัศวินดำให้ปลิวไป
「เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะจัดการกับพวกนี้เอง!!」
「ใช่แล้ว ลุยต่อเลยอัศวินดำคุง!!」
「หา!? 」
「ชนะให้ได้ล่ะ!!」
ไม่จำเป็นต้องบอกก็จะทำอยู่แล้ว!!
ฉันเตะพื้นพุ่งตามร่างของอัศวินดำที่ปลิวไปพร้อมกับประเคนหมัดให้
「คู่ต่อสู้ของแกคือฉันนี่แหละเฟ้ย……!!」
「ก็คงจะเป็นแบบนั้น ฝากตัวด้วย」
……มันไม่เป็นอะไรเลยสักนิด!! ให้ตายสิ!!
เจ้านี่แข็งแกร่งกว่าพวกเซไคเซ็นไตแบบเทียบไม่ติดเลย
「คึก!」
หมัดรอบนี้ของฉันถูกมันสกัดเอาไว้ได้ แต่แรงกระแทกก็ไม่ได้หายไป ร่างของมันปลิวไปชนเข้ากับอาคารใกล้ๆ
ทางฉันจึงพุ่งตามไปเพื่อเตะซ้ำ แต่มันก็กระซิบพูดคำบางอย่างออกมา
「ไม่มีใครสามารถหยุดเสียงเรียกนี้ได้」 (ภาษาปริศนา)
วินาทีนั้นเอง รอบตัวของฉันก็กลายเป็นสีเทาไปจนหมด
「!」
จัสติสครูเซเดอร์ที่กำลังต่อสู้ได้หยุดนิ่ง บาทาที่ฉันจะประเคนใส่มันก็หยุดค้างในอากาศด้วยเช่นกัน
———มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันฟะ!?
ในขณะที่ฉันกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงของมันก็ดังขึ้นผ่านหน้ากากอีกครั้ง
「สายฟ้าฟาด!」 (ภาษาปริศนา)
หลังสิ้นเสียงนั้น
ร่างกายของฉันที่หยุดนิ่งก็กลับมาเคลื่อนไหวได้ แต่อยู่ดีๆ สายฟ้าฟาดก็ผ่าเข้ามาหมายจะโจมตีร่างของฉันจากข้างบนฟ้า
『คัตสึมิ สายฟ้าปริศนาผ่าลงมาแล้ว!!』
「……!!」
ฉันกระโดดขึ้นไปแล้วรัวหมัดใส่สายฟ้านั้น
ทุกสิ่งรอบตัวฉันเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวได้แล้ว
ถึงมันจะดูเป็นวิธีการบ้าบอ แต่ฉันมั่นใจว่าตัวฉันในตอนนี้สามารถจัดการสายฟ้านี้ได้
「นี่แกหยุดเวลาได้เหรอฟะ? 」
「น่าตกใจจริงๆ ยังมีสติอยู่ด้วยเหรอ? 」
อัศวินดำส่งเสียงประหลาดใจออกมาในขณะที่ฉันร่อนลงบนหลังคาของอาคารอีกฟาก
「ก็ไม่ใช่สิ่งที่สะดวกขนาดนั้นหรอก แต่เป็นพลังที่ต้องใช้ผ่านคำพูดมากกว่า」
「ทำมาเป็นพูด แต่ถ้ามันไม่มีข้อจำกัดอะไรเลย แกคนจะเสกเป็นพายุสายฟ้ามาแล้วแหง」
พอจะเริ่มวิเคราะห์พลังของเจ้านี้ได้บ้างแล้ว
ถึงพลังของมันจะน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีรับมือ
「งั้นฉันก็พอเดาได้แล้วว่าแกจะเกลียดการโจมตีแบบไหน」
「แบบไหนกันล่ะ? 」
ฉันกระโดดไปหาอัศวินดำเพื่อจะต่อยอีกครั้ง
แน่นอนว่าเวลาก็หยุดนิ่งไปเช่นเดิมทว่าคราวนี้การโจมตีของฉันกลับไม่ได้หยุดลงและโดนเข้าที่หน้ากากของอัศวินดำ
「———อึก!」
「แกน่ะจะเกลียดพวกไม่ใช้หัวคิดเลยยังไงล่ะ!!」
พลังในการหยุดเวลาเป็นพลังที่สุดอันตรายอย่างแน่นอน แต่มันก็เท่านั้นแหละ
เพราะจากที่ฉันเห็นอีกฝ่ายก็ไม่สามารถทำอะไรฉันในช่วงหยุดเวลาได้เหมือนกัน การโจมตีทั้งหมดจะเริ่มหลังจากเวลาเดินอีกครั้งเท่านั้น งั้นก็ไม่ต้องไปสนว่าจะโดนอะไรหลังจากเวลาเดินไหม แค่ประเคนหมัดใส่มันต่อก็จบ
「ก็เกลียดจริงๆ นั่นแหละ」
หลังจากที่ฉันจะรัวหมัดใส่ซ้ำ อีกฝ่ายก็ดึงดาบออกมาจากเอวแล้วฟันฉัน
พอเห็นว่ามีควันบางอย่างออกมาจากดาบด้วย ฉันเลยรีบชักหมัดกลับแล้วปล่อยบีมออกจากหมัดแทน
「ปลดปล่อย」
เสียงนั่นเสริมพลังให้กับดาบเหรอ?!
หลังสิ้นเสียงนั้น มันก็เหวี่ยงดาบแล้วทำลายบีมของฉันทิ้งอย่างง่ายดาย
ป้องกันได้อีกแล้ว!!
「คึก」
「คิดถูกที่ชักหมัดกลับแต่——」
มันชี้นิ้วมาทางฉันที่กระโดดถอยอกอมาแล้วเวลาก็หยุดนิ่งอีกครั้ง
「ฝ่าเท้าแห่งยักษา」
ทันใดนั้นเอง เท้า ขนาดยักษ์ก็ปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าและกระแทกเข้ากับร่างของฉัน ก่อนจะหายไป
「———คึก ไอ้ระยำเอ้ย!!」
พลังของมันจะโกงเกินไปไหมฟะ?!
อะไรก็เสกออกมาได้หมด
แต่ถ้าแค่นี้จะหยุดฉันได้ละก็ผิดแล้ว
ฉันตั้งสติแล้วพุ่งเข้าไปหามันอีกรอบ
「อย่าคิดว่าแค่นี้จะทำอะไรฉันได้ล่ะ!!」
「ก็คงแบบนั้น เท่าที่ฉันเห็นความสามารถทางกายภาพของนายมันสัตว์ประหลาสุดๆ 」
อัศวินดำเตรียมรับมือกับการโจมตีของฉันทันที
เหมือนว่าจะมาคำบางอย่างถูกสลักเอาไว้ตรงดาบของเขาด้วย เมื่อเขาพยายามจะชักมันออกมาอีกครั้งฉันก็หาทางรับมือทันที
「หึ」
「อะไรกัน……? 」
ฉันใช้หมัดของตัวเองหยุดการชักดาบของมันเอาไว้
ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันคืออะไร แต่ถ้าไม่ได้ใช้ก็เปล่าประโยชน์
ชิบ เหมือนมันจะหยุดเวลาอีกครั้งแล้ว
「อย่าหยุดเวลาเอามั่วซั่วสิฟะ มันน่ารำคาญ!!」
「คึก……」
ฉันทำการใช้หัวตัวเองโขกเข้าไปที่หน้าของอีกฝ่ายเพื่อหยุดพลังเอาไว้
ถ้าเจอหยุดเวลาไปบ่อยๆ ใครก็รู้สึกรำคาญไหมฟะ เหมือนเล่นเกมอยู่แล้วโดนกดปุ่มหยุดตลอดเนี้ย
จากนั้นฉันก็หมุนตัวจะเตะส่งมันให้ขาดครึ่ง แต่มันกลับใช้ฝักดาบมารับการโจมตีของฉันได้ทัน
「ห่าฝน」 (ภาษาปริศนา)
……น้ำเหรอ!!
เวลาที่ถูกหยุดไปครู่หนึ่งกลับมาเดิน แล้วก็เกิดห่าฝนตกลงมาจำนวนมาก
ทางฉันพยายามจะโจมตีต่อโดยไม่สนใจมัน แต่อัศวินดำก็ชักดาบออกมาได้สำเร็จแล้วชี้มาที่ฉัน
「เยือกแข็ง」 (ภาษาปริศนา)
ร่างกายที่เปียกของฉันถูกแช่แข็งในทันที
「หยุดใช้กลกระจอกได้แล้วเว้ย!!」
「……!」
ด้วยพลังขับเคลื่อนของฉัน ฉันได้หลุดออกจากผนึกนั้นทันที จากนั้นฉันก็ยัดหมัดใส่หน้าอีกฝ่ายจนหน้ากากของอีกฝ่ายแตกไปส่วนหนึ่งแล้วกระเด็นถอยไป
「ดูเหมือนผลหยุดเวลาจะเริ่มเบาลงแล้ว เอ้ามีอะไรก็งัดมาอีกสิบทเพลงของแกน่ะอัศวินดำ!!」
「……บทเพลง? 」
「เอ้า ก็คำพูดที่แกพ่นออกมาได้สักพักหนึ่งนั่นไง มีอะไรก็งัดมาซะ!!」
ฉันไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร
แต่สิ่งที่เจ้าหมอนี่พูดออกมาจะกลายเป็นความจริง
ทว่ามันก็ไม่มีผลกับสิ่งมีชีวิตโดยตรงแน่
ไม่งั้นฉันคนระเบิดตัวแตกไปแล้ว
「……งั้นเหรอ」
「!」
บรรยากาศของมันเปลี่ยนไป!
ฉันหยุดการโจมตีและรีบถอยห่างจากมันทันที
อีกฝ่ายก็มองไปที่มือของตัวเองก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงอันสั่นเทา
「สำหรับนายมันคือบทเพลงสินะ…? 」
……ใครฟังก็รู้ป่าวฟะว่ามันเหมือนการร้องเพลง?
ไม่สิ ทำไมต้องมาสนใจเรื่องอะไรพวกนี้ด้วยกัน
「แล้วมันจะทำไมฟะ? 」
「ทั้งที่พูดออกมาเพียงแค่คำเดียว ก็รู้ว่าเป็นบทเพลงเหรอ? 」
「……? 」
「นี่ บทเพลงของฉันมันทำให้นายรู้สึกสบายใจหรือเปล่า? 」
เจตนาการต่อสู้ของอีกฝ่ายลดลงไป
อะไรของมันฟะ? เกิดประทับใจที่มีคนฟังเพลงตัวเองออกหรือไง?
「ใช่แล้ว สิ่งเหล่านี้คือบทเพลง บทเพลงจากดวงดาวของฉัน บ้านเกิด บทเพลงที่ไม่มีผู้ใดจดจำมันได้อีก」
ไม่สนแล้วเฟ้ย ยัดแม่มเลยละกัน!!
ในขณะที่ฉันยกกำปั้นขึ้นจะยัดใส่อีกฝ่าย เวลาก็เริ่มเดินช้าอย่างผิดปกติอีกครั้ง
「——อึก」
….นี่แหละเหตุผลที่อยากจะฆ่ามันให้ได้ เลิกหยุดเวลาได้เลยเฟ้ย!!
ยังดีที่อีกฝ่ายก็ขยับไปไหนไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็น่ารำคาญชะมัด!
「บทเพลงแห่งการขับร้องและเต้นรำ แด่ผู้ที่ข้าคำนึงหา กรงขังที่มีเพียงเราสอง」
คราวนี้ไม่ใช่คำต่อคำแบบครั้งก่อน แต่มันคือบทเพลงจริงๆ
แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เสียงนั้นก็ก้องกังวาลอยู่ในใจของฉัน พื้นที่รอบๆ เริ่มเปลี่ยนไป
「อะไรกัน……」
มีบางอย่างคล้ายกับฟิล์มโปร่งใสปกคลุมรอบตัวฉันกับมัน
มันกลายเป็นกรงขังที่กั้นระหว่างภายนอกกับข้างในเอาไว้
「คึก คิดจะขังฉันเอาไว้เหรอ? 」
「ไม่หรอก แค่ทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรรั่วไหลออกไป เอาเป็นว่าตอนนี้ก็มีแค่ฉันกับนายแล้ว」
พื้นที่รอบๆ ได้กลายเป็นความว่างเปล่า ฉันร่วงหล่นลงไปภายในมิตินี้ทันที
ไม่นานนักอีกฝ่ายก็กระโดดตามลงมาแล้วเหยียบส่วนที่น่าจะเป็นเหมือนแท่นเหยียบของห้วงมิตินี้
ไม่รู้เลยว่ามันตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?
「การทำลายโลกไม่ใช่สิ่งที่เธอคนนั้นต้องการ….เอาเถอะ หลังจากได้เจอกับนายฉันก็คิดแบบเดียวกัน」
「อะไรของแก? 」
ฉันที่ตั้งสติได้ก็กระโดดไปเหยียบแท่นยืนโปร่งใสที่โผล่มาในอากาศบ้าง
「นายเรียกสิ่งที่ถูกมองว่าคือคำสาปแช่งว่าเป็นบทเพลง ไม่เคยเจอมาก่อนจริงๆ 」
มันถอดหน้ากากที่แตกส่วนหนึ่งออกแล้วโยนทิ้งไป
หน้ากากกลายเป็นอนุภาคแสงก่อนจะหายไปในอากาศ เผยให้เห็นเส้นผมที่ยาวถึงเอวโผล่ออกมาจากใต้หน้ากากนั้น
「เสียง คำพูด และบทเพลงของฉัน มันคือคมมีดที่จะทำลายทุกสิ่ง」
「ฉันได้ทำลายบ้านเกิด ฆ่าผู้คน และดวงดาวของฉัน」
「สิ่งที่เหลือตอนนี้ก็มีแค่เพียงบทเพลงของฉันเท่านั้น」
「ทว่าบทเพลงดังกล่าวก็ยังเป็นลำนำเชื้อเชิญให้ผู้คนที่ได้ยินจมลงสู่หายนะ」
เธอเริ่มพูดกับตัวเอง
จากนั้นเกราะที่ปกคลุมร่างของเธอได้ระเบิดออกแล้วลอยขึ้นไปบนอากาศเพื่อทำการประกอบกลายเป็นสิ่งใหม่
ปืนใหญ่…? ไม่สิ ไอ้นั่นมัน?
「สปีกเกอร์เหรอ? 」
ไม่ใช่อาวุธใหม่หรืออะไรทำนองนั้นเลย
จากนั้นเธอก็ปลดเอาผ้าปิดปากของตัวเองออกก่อนจะถอนหายใจแล้วยิ้มออกมา
「รู้สึกประหม่านิดหน่อย เสียงจะเป็นยังไงนะ」
ไม่ใช่เสียงอุดอู้ที่เคยได้ยินผ่านหน้ากาก มันเป็นเสียงที่ใส่และชัดเจนมาก
「เจ้านกน้อยที่ถูกขังอย่างสันโดษเอ๋ย จงผนึกกำลัง」
มีนกจำนวนมากปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่า
แต่สิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ฉันประหลาดใจเท่าหน้าตาของอีกฝ่าย
เส้นผมสีม่วงทำให้บอกได้ชัดว่าไม่ใช่มนุษย์โลก แต่ใบหน้ากลับงดงามเสียยิ่งกว่าดารา
และอาจจะเป็นเพราะต้นกำเนิดของดาวเธอ ใบหน้าของเธอจึงมีลวดลายสีดำชวนให้นึกถึงรอยสักของดอกไม้ปรากฏแต่งแต้มผิวของเธอตั้งแต่บริเวณหน้าผากขวาไปจนถึงแก้ม
「ไม่ใช่ผู้ชายเหรอฟะ?!」
「ลำดับแห่งดวงดาราที่ 8 อัศวินดำ ไอรีน」
ถ้าเลขหลักเดียวก็แปลว่าเหมือนกับเจ้ากระเทยยักษ์นั่น!!
แล้วทำไมไอ้มอทัลเรดนั่นมันถึงคุยกับเหมือนกับอีกฝ่ายเป็นผู้ชายเลยฟะ?!
「หรืออีกชื่อก็คือ อัลฟ่าบทเพลงแห่งจุดจบ」
「หา อัลฟ่า……!」
เธอมองมาที่ฉัน ก่อนจะพูดต่ออีกครั้ง
「ในกรงนกที่ตัดขาดจากโลกภายนอกแห่งนี้ ฉันจะให้นายได้ฟังบทเพลงของฉัน」
「……หา เพื่ออะไรฟะ!? 」
ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันจะมาร้องเพลงให้ฉันฟังทำบ้าอะไร?!
「ก็การร้องเพลงคนเดียวมันเหงาออกนี่นา ดีใจจริงๆ ที่ในที่สุดฉันก็ได้เจอคนที่รับฟังเพลงของฉันอย่างสนุกสนานโดยไม่ตายไปเสียก่อน」
「จะละเมอก็เอาแค่ตอนนอนสิเห้ย!? 」
เหตุผลมันลอยหายไปไหนหมดฟะ?!
ถ้าเป็นงั้นจริงช่วยบอกว่าอยากจะฆ่าฉันให้ตายยังดูสมเหตุสมผลกว่าอีก
ก่อนที่ฉันจะได้เถียงอะไรต่อ อัศวินดำไอรีนก็สูดหายใจแล้วเริ่มร้องเพลง
「เธอผู้นั้นได้กลายเป็นเกลียวคลื่นโหมกระหน่ำและกลืนกินชายหนุ่ม」
「โห้ย ฟังที่ชาวบ้านพูดบ้างสิฟะ……!!」
นกที่ปรากฏตัวก่อนหน้านี้ได้ขยายจำนวนต่อจนกลายเป็นคลื่นขนาดใหญ่ที่พร้อมโจมตีฉัน
ฉันก็รีบกระโดดหลบการโจมตีนั้นทันที แต่มันกลับไล่ตามฉันมาได้เหมือนมีชีวิต เห็นแบบนั้นก็เลยยัดหมัดสวนแทน
「ท่ามกลางคืนทะเลสูงเสียงฟ้า ปฐพีสั่นสะเทือน ยักษาโบราณก็ได้ถือกำเนิด」
หลังจากคลื่นลูกใหญ่ได้โหมใส่ฉัน ก็มียักษ์ที่คล้ายกับมนุษย์ปรากฏตัวขึ้นแล้วส่งเสียงคำรามออกมา
「แค่ขนาดมันเอาฉันไม่ลงหรอกเว้ย!!」
ฉันเตะหัวยักษ์ที่โผล่ออกมาทันที
แล้วเจ้านั่นก็ล้มลงไปพร้อมกันส่งเสียงคำราม
「แค่ตัวเดียวไม่พอหรอ——」
『เดี๋ยวก่อน คัตสึมิ!!』
「หือ!? 」
เมื่อคลื่นยักษ์หายไป จนทำให้มองเห็นพื้นที่รอบๆ ได้ชัดขึ้นมันก็——
『『『โอ้วววววว!!』』』
「เยอะชิหัย……」
ยักษ์หลายสิบตัวได้ล้อมฉันเอาไว้หมดแล้ว
ไอ้แบบนี้งานหยาบสุดๆ แหง
「ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ เวรเอ้ย……!!」
『ศัตรูสามารถสร้างความเป็นจริงใหม่ผ่านเสียงเพลง……!? 』
เป็นบทเพลงที่ยุ่งยากชะมัด
หากไอรีนทำการร้องเพลงออกมา สิ่งที่เธอร้องก็จะกลายเป็นคนจริง
「ก็เอาสิฟะ งั้นก็จะขอฟังกันจนเบื่อไปข้างหนึ่งเลย ไอ้ชิบผาย!」
เมื่อบทเพลงสิ้นสุดเมื่อไหร่ก็จะเป็นจังหวะเดียวกับชีวิตของแกสิ้นสุดลง
ฉันส่งเสียงหัวเราะออกมาระหว่างเขาไปงัดกับพวกยักษ์ทั้งหลาย
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code