อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 75 เมื่อทุกอย่างมาบรรจบกัน 1
ความรู้สึกไม่สบายใจได้ถาโถมเข้ามาแบบอธิบายไม่ได้
“มีบางอย่างเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น”
วินาทีต่อมาหลังสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นที่KANEZAKI・CORPORATION
แม้ว่าบาเรียที่ประธานสร้างขึ้นจะสามารถป้องกันไม่ให้ตัวอาคารพังทลายลงมาได้ก็จริง แต่แรงสั่นสะเทือนที่รุนแรงนี้ก็ส่งมาถึงใต้ดิน
ฉันรีบตั้งสติแล้วตรงไปห้องควบคุมพร้อมกับชิโระ
「อ๊ะ โอโมริซัง กราทซัง นี่มั———」
「เราถูกโจมตี!! เปิดระบบการป้องกันเต็มรูปแบบ!!」
「ใครจะไปคิดว่ามันจะเข้ามาโจมตีตอนเรมะไม่อยู่……!!」
พวกเจ้าหน้าที่กำลังอพยพเหล่าพนักงานบริษัทด้านบนและเปิดระบบป้องกันทันที
ดูเหมือนว่าโอโมริซังจะทำหน้าที่รับผิดชอบภาพรวมแทนประธานอยู่ สถานการณ์ตอนนี้ย่ำแย่สุดๆ
「รายงานค่าพลังบาเรีย! พลังงานบาเรียหายไปกว่า 70% ตั้งแต่การโจมตีครั้งแรก!!」
「แย่แล้วสิ พลังงานหายไปตั้งแต่ครั้งแรกเบอร์นั้นเลยเหรอ ชิ หากโดนเข้าอีกสักดอกสำนักงานใหญ่ได้ถล่มแหง!!」
กราท สาวผมสีขาวที่ใบหน้าคล้ายกับโอโมริซังกดเล็บแล้วบ่นออกมา
「…เฮ้อ ทำยังไงได้ พลังงานที่พวกเซไคเซ็นไตมันใช้คนละระดับกับพวกเรานี่นา….!!」
「้ค้นหาตำแหน่งของเป้าหมาย! วิเคราะห์จากวิถีที่บาเรียถูกโจมตี ทางนั้น!!!」
「รับทราบ พบตำแหน่งศัตรู ทำการเปิดภาพ!!」
「!」
มีบางอย่างลอยอยู่เหนือสำนักงานใหญ่
「ดาบยักษ์? ไม่สิ ยาน 5 ลำเหรอ…? 」
ยาน 5 ลำ สีแดง น้ำเงิน เหลือง เขียว ชมพู
รูปร่างของมันถูกออกแบบมาให้คล้ายกับดาบเป็นอย่างมากเพราะมันมีทั้งดาบและตัวดาบ
ตอนนี้ยานพวกนั้นกำลังเรียงตัวกันเป็นแถวแล้วเริ่มสร้างบอลพลังงานหลากสีขึ้น โดยมีเป้าหมายในการปลดปล่อยคือสำนักงานใหญ่ของพวกเรา
「การโจมตีดูเหมือนจะมาจากยานทั้ง 5 ลำนั้น!!」
「การโจมตีครั้งถัดไปจะมาแล้ว ทำยังไงดี ท่านรอง!」
「……อึก」
จะมาแล้ว การโจมตีครั้งถัดไป
หากเป็นแบบนี้ยังไงพวกจัสติสครูเซเดอร์ก็มาไม่ทันแน่
เมื่อเห็นแบบนี้กราทซังที่อยู่ข้างโอโมริซังก็เดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดจาอะไร
「กราท! เธอจะไปไหนกัน!? 」
ทางโอโมริซังก็เหมือนจะเห็นแล้วเหมือนกัน เลยรีบเข้าไปหยุดเธอไว้
「ฉันจะไปกันการโจมตีครั้งที่สองเอาไว้เอง หากเป็นฉันตอนนี้อย่างน้อยก็น่าจะหยุดมันได้สักดอกหนึ่ง」
「คิดจะออกไปตายหรือไง!? 」
「ไม่มีเวลามาเถียงกันแล้ว ปล่อยซะ ฉันต้องไป」
..ถึงจะเป็นมือสมัครเล่นแบบฉันก็รู้ดีว่าการโจมตีนั้นโหดขนาดไหน
กราทซังคนเดียวไม่ไหวแน่
หากรับนั่นเข้าไปก็มีแต่ตาย
「ชิโระ ช่วยฉันหน่อยได้ไหม? 」
「……โฮก」
「ขอโทษนะ ที่ไม่ใช่คัตซึน…..」
ฉันวิ่งตามกราทซังไป
「ชิราคาวะซัง แม้แต่คุณก็……!? 」
「ขอโทษที่ทำอะไรเห็นแก่ตัวนะ!!」
ฉันไม่อยากจะเป็นคนเดียวที่ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว!!
ความรู้สึกสิ้นหวังที่ต้องเผชิญครั้งแล้วครั้งเล่า
「ฉันไม่อยากจะมานั่งเสียใจทีหลังอีก! ฉันจะทำในสิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้!!」
「โฮก!!」
『LUPUS DRIVER!!』
ดวงตาของชิโระส่องแสงออกมา ก่อนที่มันจะเปลี่ยนร่างเป็นซิกม่าเซนเจอร์ตรงแขนของฉัน
「ปะ แปลงร่าง!」
『Σ CHANGE』
ฉันตะโกนออกมา แล้วแสงรอบตัวก็ปลดปล่อยเป็นสนามพลังงาน ร่างกายของฉันถูกสูทปกคลุมเอาไว้ทันที
『TYPE LUPUS Σ FORM!! COMPLETE……』
ฉันแปลงร่างเป็นอัศวินขาวเรียบร้อยแล้วก่อนจะวิ่งตามกราทซังไปทางบันไดฉุกเฉิน
「ฮาคัว ทำไมเธอถึงมาด้วยกัน!!」
「ในเมื่อฉันมีบางอย่างที่ทำได้ ฉันก็ต้องทำค่ะ…!!」
「แต่ว่า…เฮ้อ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเถียงกันด้วยสิ!!」
ตอนนี้พวกเราวิ่งกันมาถึงชั้น 1 แล้ว
ยังมีคนติดอยู่ข้างในอีกมากจากผลกระทบของการโจมตีรอบแรก
ต้องรีบขึ้นไปที่ดาดฟ้าให้เร็วที่สุด!!
「ลิฟต์ไม่ทำงานเพราะการโจมตีก่อนหน้านี้! ช่วยไม่ได้คงต้องปลดปล่อยพลังงานที่สะสมเอาไว้….」
「จริงสิ! ชิโระ ช่วยเอามอเตอร์ไซค์ออกมาได้ไหม?!」
หากเป็นรถที่คัตซึนใช้เป็นเป็นจำน่าจะไปถึงดาดฟ้าได้ทันที
เมื่อได้ยินเสียงของฉันดวงตาชิโระก็ส่องแสงออกมา
『LUPUS STRIKER!!』
『RED BLASTER PACKAGE!!』
「เอ๋? 」
ตรงหน้าสำนักงานทีมอเตอร์ไซค์สีขาวดำจอดอยู่ซึ่งตรงด้านหลังของมันติดอุปกรณ์สีแดงบางอย่างเป็นรูปตัว L เอาไว้ด้วย
ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจว่ามันใช้ทำอะไร แต่ความรู้ที่ชิโระส่งมาให้ก็เข้าหัวฉันมาทันที
「โห ไม่จริงน่า นั่นเหรอวิธีใช้?!」
「นะ นั่นมันอะไรน่ะ? ทำไมฉันรู้สึกไม่ค่อยดีกับเจ้านี่เหลือเกิน」
「อึกไม่มีเวลามาลังเลแล้ว กราทซังขึ้นมาซ้อนได้เลย!!」
ฉันวิ่งออกไปข้างนอกแล้วเรียกกราทซังขึ้นมาคร่อมข้างหลัง
แน่นอนว่าฉันไม่เคยขี่มอเตอร์ไซค์ แต่วิธีขี่ที่ชิโระสอนมาก็อยู่ในหัวแล้ว แถมตัวเลือกก็ไม่ได้มีเยอะด้วย
เมื่อเริ่มจับคันเร่ง อุปกรณ์ด้านหลังก็เปลี่ยนเป็นไอพ่นทั้งสองฝั่ง
「เราจะพุ่งขึ้นไปบนฟ้าด้วยไอ้นี่แหละ!!」
「คือว่าฉันรู้สึกกังวลนิดหน่อย แต่มันจะไม่เป็นไรใช่ไหม?!」
「……」
「เดี๋ยวสิ ทำไมเงียบไปละ!? 」
ล้อหน้าได้ยกสูงขึ้นทำให้รถตอนนี้อยู่ในแนวตั้งชี้ขึ้นฟ้า
เมื่อฉันบิดคันเร่งอีกครั้ง พลังงานทั้งหมดก็ปลดปล่อยออกมาแล้วทำให้รถของฉันพุ่งขึ้นไปบนฟ้าทันที
「กรี๊ดดดดดดดด!? 」
「ว้ากกกกกกกก!? 」
ฉันส่งเสียงกรีดร้องออกมาขณะที่รถพุ่งขึ้นผ่านตัวอาคารไปด้วยความเร็วสูง
กราทซังเกาะฉันเอาไว้แน่นพร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาเช่นกัน
「ถึงสักที ฉันจะโดดลงละนะ เพราะไม่มีเวลาแล้ว หากใช้พลังอาหารที่สะสมอยู่มาป้องกันการโจมตีก็น่าจะไหว!!」
「พลังอาหาร?! จ-จะไม่เป็นไรใช่ไหม?!」
「ก็ไม่น่าจะถึงตายหรอก!! แต่พลังงานที่ฉันสะสมเอาไว้ไม่น่าจะเหลือเลย ดังนั้นการป้องกันนี้ทำได้แค่ซื้อเวลานะ!!」
「……อึก บนท้องฟ้ามัน!」
เมฆสีดำบนท้องฟ้าเริ่มผิดรูป แล้วกับมันกำลังแหวกทางให้กับกระสุนพลังงาน 5 สีที่กำลังจะร่วงลงมา
Lupus Striker ได้ทำการปลดไอพ่นข้างหลังออกแล้วลงจอดบนดาดฟ้าสำเร็จ
「มาแล้ว!!」
เมื่อมองดูกระสุนพลังงานที่กำลังตกลงมา กราทก็เอามือทาบอกแล้วมองบนฟ้า
「ใครจะไปยอมให้วัฒนธรรมอาหารของโลกนี้ถูกทำลาย!! ฉันยังไม่ได้กินของที่อยากกินอีกเยอะเลยนะยะ!!」
「นั่นเหตุผลเหรอ!? 」
「แค่นี้มันก็พอให้เสี่ยงชีวิตแล้ว!!」
เป็นเหตุผลที่แปลกๆ ไปไหม?!
แต่ฉันก็ต้องช่วยเธอด้วยอีกแรง
「ชิโระ ขออาวุธใหญ่ๆ ที่คัตซึนใช้หน่อย!!」
「โฮก!」
『GRAVITY BUSTER!!』
อาวุธขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงมือฉัน
เดี๋ยวสิ ทำไมมันหนักได้ขนาดนี้กัน?!
ตะ แต่ว่า ก็น่าจะพอช่วยกราทซังได้!!
「ละ ลุยกันเลย!!」
『Σ CHARGE!』
ฉันเหนี่ยวไกยิงกระสุนพลังงานออกไป
การโจมตีของกราทซังและฉันพุ่งขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกันแล้วปะทะเข้ากับการโจมตีของอีกฝ่าย
「อุ โอ้ววววว!? 」
「วะ ว้ายยยยย!? 」
แรงปะทะทำให้ฉันถึงกับปลิวเกือบตกดาดฟ้า
หากโดนของแบบนี้เข้าไปตรงๆ ฉันคงไม่เหลือแม้แต่ฝุ่น ทว่าก็โชคดีที่มันหักล้างกันได้
แค่เห็นก็รู้สึกเสียวสันหลัง หากฉันไม่ตัดสินใจออกมาคนนับพันอาจจะต้องตกอยู่ในอันตราย เมื่อสิ้นสุดการโจมตี กราทซังก็หมดแรงแล้วล้มตัวลงกับพื้น
「กะ กราทซัง?! ยังไหวหรือเปล่า!」
「ยังไหว แต่หิวชะมัด」
「มะ ไม่น่าใช่แค่หิวแล้วไหม สภาพตอนนี้เธอเหมือนปลาตากแห้งเลยนะ?!」
「ไม่เป็นไร มันก็แค่พลังงานที่หายไป…ที่สำคัญน่ะคือความทรงจำแห่งรสชาติที่มันตราตรึงอยู่ต่างหาก….」
ยัยคนนี้พูดปรัชญาอะไรของเธออกมากัน?!
ฉันเริ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดขึ้นมาแล้วสิ ทำไมถึงทำท่าเหมือนตัวเองบรรลุสัจธรรมอะไรสักอย่างซะงั้นหลังปล่อยพลังเสร็จ
「เอาเป็นว่าเรารีบออกไปจากที่นี่กันเถอะ แค่นี้น่าจะซื้อเวลาพอให้ทุกคนอพยพกันได้สักพัก」
「นะ นั่นสินะ」
ตอนนี้ฉันทำการอุ้มกราทซังขึ้นไปบนรถเพื่อหลบหนี ทว่าก็ได้เกิดเสาแห่งแสง 5 สีขึ้นตรงดาดฟ้าที่พวกเราอยู่
「ดูเหมือนจะจัดการไม่ได้ง่ายๆ เลยนะสิ」
「……」
「จัสติสครูเซเดอร์ไม่ได้อยู่ที่นี่เหรอ? เอ๋? 」
「หือ เรด! หรือว่าจะเป็นเด็กคนนั้น? นี่ๆ เรดบอกหน่อยสิ!!」
「ฉันจะเป็นคนจัดการพวกมันเอง」
เซนไต 5 คน
ชุดของพวกเขาต่างจากจัสติสครูเซเดอร์
ฉันตกใจกับท่าทางของพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง เพราะพวกเขาดูไม่เหมือนกับเป็นพวกศัตรูที่บุกโลกเลยสักนิด แต่ฉันรู้ดีว่าพวกมันคือเซไคเซ็นไต ฉันจึงต้องรีบพากราทซังหนีจากที่นี่
「หนีเร็ว」
「อื้อ……」
ไม่ไหวแน่นอน
ยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะพวกมันได้
พอแปลงร่างแล้วก็รู้ได้ทันทีเลยว่าความสามารถมันต่างกัน
อันที่จริงหากมีคนคนเดียวก็อาจจะพอยื้อไหว แต่ 5 นี่ยังไงก็ไม่รอด!
「หืม!? 」
ในจังหวะที่ฉันกำลังจะโดดลงจากดาดฟ้า ความเจ็บปวดเหมือนไฟฟ้าช็อตก็แล่นผ่านด้านหลัง
ฉันล้มลงไปกับพื้นพร้อมกับอาการชาทั้งตัว
「อุ อึก……!!」
「เจาะไม่เข้าเหรอ? ว่าแล้วเชียวสูทที่มีแกนพลังงานระดับสูงอยู่นี่เคี้ยวยาก」
มีบางอย่างแทงเข้ามาที่หลังของฉัน
แต่โชคดีที่มันเจาะสูทเขามาไม่ได้ ทว่า…ก็ทำฉันเจ็บเสียจนอยากร้องไห้!!
「หื้ม ดูเหมือนลำดับที่ 72 จะย้ายข้างจริง」
「……เซไคเซ็นไต……!!」
「ไม่ต้องกังวล พวกเราไม่ได้มาต่อว่าเรื่องที่เธอกลายเป็นคนทรยศ」
เซนไตสีแดงมองกราทซังที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นแบบเดียวกับฉัน
การที่มองไม่เห็นใบหน้าของพวกมันเพราะใส่หน้ากากมันยิ่งรู้สึกขนลุกกว่าเก่าเพราะไม่รู้ว่าพวกมันคิดอะไรอยู่
「พวกเราเองก็เหมือนกัน ดังนั้นฉันจึงเข้าใจว่าเธอรู้สึกยังไง」
「หา เหมือนกัน? 」
「ใช่แล้ว พวกเราทรยศต่อเจตจำนงที่เลือกพวกเรา และย้ายข้างมาอยู่ฝังนี้ ถ้าให้พูดตามภาษาโลกก็คงบอกว่า ผีตัวเดียวกันละมั้ง? 」
อาการชาตามร่างเริ่มเบาลง….
หากยังคุยกับเจ้าพวกนี้ต่อไปได้สักพัก จัสติสครูเซเดอร์ก็น่าจะมาถึงทัน
「แต่ใครจะมาตำหนิพวกเราได้ พวกเราต้องถูกบังคับให้ต่อสู้เพื่อใครก็ไม่รู้ แถมยังไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาเลย」
「แม้แต่คำขอบคุณก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ」
「บางครั้งก็ถูกโจมตีใส่อีก!」
เรด พิงค์ กรีนค่อยๆ พูดออกมาพร้อมกับปล่อยความรู้สึกที่แสนน่ารังเกียจที่อธิบายไม่ถูก
บลูไม่ได้พูดอะไร ส่วนเยลโล่มองไปรอบๆ เหมือนกับไม่สนใจพวกฉัน
「ดังนั้นพวกเราจึงเปลี่ยนฝ่ายเสียให้มันจบ เพราะพวกเราไม่อยากตายนี่นา ตอนจะถูกฆ่าก็ต้องหาทางเอาชีวิตรอดนี่เนอะ? 」
「———อ กันเล่น」
「หือ? เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ ฉันไม่ได้ยิน? 」
「อย่ามาล้อกันเล่นนะเฟ้ย!!」
กราทซังที่หมดสภาพไปแล้วตะโกนใส่เรด
เรดดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย ก่อนที่กราทซังจะพูดต่อ
「อย่าได้เอาฉันไปรวมกับพวกคนทรยศแบบแก!」
「หมายความว่ายังไง? 」
「ก็อย่างที่ฉันพูด! อย่าได้เอาความอยากอาหารของฉันไปรวมกับความปรารถนาอันบิดเบี้ยวของพวกแก ฉันจะบอกให้นะว่าพวกแกน่ะมันก็แค่——」
กราทซัง!
อย่าไปยั่วพวกมันสิ!!
「หนอนแมลงเน่าเฟะ!!」
「เฮ้อ คุยกันไม่รู้เรื่องแล้วสิ」
้เรดที่เหมือนจะหมดความอดทนได้แทงดาบไปตรงหน้าอกของกราทซังทันที
ดวงตาของกราทซังเบิกกว้างขึ้น เลือดของเธอกระเด็นเข้ามาติดที่หน้ากากของฉัน
「กราท……ซัง? 」
「อุ คึก……!? 」
เธอถูกแทง
กราทซังถูกแทงเข้าไปบริเวณหัวใจด้วยดาบเล่มหนึ่ง
จากนั้นร่างของเธอก็สลายกลายไปเป็นคริสทัลสีขาว
「หือ? คริสทัลเหรอ? ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจจริงๆ ลำดับ 72」
ตายไปแล้ว
พวกพ้องของฉันถูกฆ่าตายไปแล้วหนึ่ง
ความสั่นกลัวที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนได้ถาโถมเข้ามา
「น่าเสียดายจริงๆ ที่ต้องมาฆ่าศัตรูซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นพวกพ้องกันได้แท้ๆ!!」
「คิดอะไรอยู่ถึงจะเอาเธอมารวมทีมพวกเรากัน!!」
「เรดว่าไง ฉันก็ว่างั้นแหละ!!」
「……น่าขนลุก…รีบๆ ฆ่าพวกมันให้หมดไปซะดีกว่า…. 」
ถึงอาการชาจะหายไปแล้ว
แต่ฉันก็ขยับตัวไม่ได้
ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลย ฉันปล่อยให้กราทซังสลายไปจนกลายเป็นคริสทัล
「งั้นเธอก็รายถัดไป!」
「……อะ……」
เรดมองมาที่ฉันซึ่งล้มอยู่กับพื้นโดยไม่ได้สนใจกราทอีก
ไม่ไหว….มันจบแล้ว
ว่าแล้วเชียว ถ้าไม่ใช่คัตซึน ก็คงไม่ไหวจริงๆ ….
「แบบนั้นก็แย่แล้ว ตัวฉัน……!!」
คัตซึนต้องสู้อยู่ในสภาพนี้ตลอด
สภาพที่ไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน แต่เขาก็เสี่ยงเพื่อคนที่ไม่รู้จักมาโดยตลอด
「ฉันเองก็ทำได้ จะซื้อเวลาให้ดู」
「อึก!!」
『Σ SABER!』
Sigma Saberปรากฏขึ้นในมือของฉันก่อนจะใช้มันเป็นไม้เท้าพยุงร่างตัวเองขึ้น
ฉันจะมาสิ้นหวังไม่ได้
ถึงแม้จะต้องตายตรงนี้ ฉันก็ต้องหยุดพวกมันเอาไว้ ซื้อเวลาจนกว่าพวกอากาเนะกับคัตซึนจะมาถึง!!
「เท่าที่ดูประสิทธิภาพสูทของพวกเราพอๆ กัน แต่เหมือนจะยังใช้ได้ไม่คล่องสินะ หากได้ฝึกฝนอีกสักหน่อยคงแข็งแกร่งไม่น้อย 」
「……จะเอายังไงกับยัยนี่ดี」
「จะว่าไป ไวท์ก็ไม่เลวนะ!! เป็นสีที่ทีมเรายังไม่มีด้วย!! นี่ๆ ไม่อยากจะมาเป็นพวกพ้องกับพวกเราเหรอ?!」
「…เร็วสิ…ฆ่าเธอซะ ฆ่าเธอเร็วเข้า หากฆ่าเธอคงจะมีความสุขไม่น้อย」
พวกพ้องเหรอ?! อย่ามาล้อกันเล่นนะยะ
น่าขยะแขยงชะมัดที่จะต้องมาตายเพราะพวกโรคจิต
ทว่าก็มีแต่ต้องลุย ฉันจับดาบในมือไว้แน่น
「แย่แล้วสิ ดูสภาพที่กลัวจนตัวสั่นของเธอสิเรด พวกเราจะทำยังไงกันดี?!」
「ดูเหมือนพยายามจะขัดขืนสินะ เอาเป็นว่าจัดการให้หมดสภาพแล้วพากลับยานละกัน ฝากด้วยล่ะพิงค์」
「ได้เลย! หากเป็นคำขอของเรดละก็ฉันพร้อมเสมอ!」
พิงค์ก้าวมาหาฉันด้วยท่าทีไร้เดียงสา
ถึงอีก 4 คนข้างหลังจะยังไม่ทำอะไร แต่สถานการณ์ก็น่าสิ้นหวังเหลือเกิน
「วันนี้ศัตรูแค้นเก่าของพวกเราก็กำลังจะเข้ามา ดังนั้นพวกเราคงเสียเวลาอีกไม่ได้ รีบเตรียมตัวรับมือกับฮีโร่ของดาวโลกกันเลยดีกว่า ใช่แล้วจัสติสครูเซเดอร์!!!」
พิงค์ได้สร้างอาวุธสองมือขึ้นมาจากความว่างเปล่า โดยคมของมันมีกลไกเหมือนกับใบเลื่อยซึ่งส่งเสียงน่ารำคาญออกมาทุกครั้งที่มันหมุนไปมา จนทำฉันขนลุก
「ถึงจะบอกว่าเอาให้หมดสภาพแต่ต้องประมาณไหนกันน้า? 」
「อุ……」
「แขนเหรอ? หรือขาดี? ว้าฉันชอบสีแดงซะด้วยสิ ดังนั้นเลือดอาจจะออกเยอะนิดหน่อยน้า ลุยแล้วจ้า!!!」
พูดบ้าอะไรของยัยนี่กัน
รู้สึกเหมือนคนเสียสติไปแล้วชะมัด
「ไม่เอาแล้ว……」
คิดถึงนายจัง
อยากจะเจอกับนายเหลือเกิน
จะเป็นเพียงภาพหลอนก็ไม่เป็นไร
แต่อย่างน้อยขอให้เห็นนายอีกสักครั้งด้วยเถอะ….
「ช่วยฉันด้วย…คัตซึน…」
「ไม่อยากจะเจ็บมือด้วยสิ อย่าต่อต้านเลยน้า!」
ฉันพยายามถือดาบเอาไว้เพื่อป้องกันดาบทั้งสองเล่มของอีกฝ่าย
ในขณะที่ฉันกำลังจะทำใจรับการโจมตี ฉันก็เห็นบางอย่างที่เหมือนกับเส้นสีแดงพุ่งผ่านฉันไป
วินาทีต่อมาที่คิดว่าเห็นภาพลวงตาแปลกๆ แขนทั้งสองของพิงค์ที่ถือดาบก็ได้หายไปเหลือแค่ศอก
พิงค์ที่เห็นร่างของตัวเองซึ่งเป็นเครื่องจักรเสียหายก็เอียงหัวด้วยความประหลาดใจ
「หือ…แขนของฉันหายไปไหนกัน? 」
「กำลังถามหาไอ้นี่เหรอ? 」
「โอ้ ใช้แล้ว! ว่าแต่นายเป็นใครกัน? 」
ไรเดอร์ร่างสีดำปรากฏขึ้นข้างๆ พิงค์ที่เสียแขนไปทั้งสองข้าง พร้อมกับโยนแขนของเธอที่กระชากมาในมือทิ้ง
「ศัตรูของแกไง」
เขาทำการเตะลำตัวของพิงค์เข้าอย่างแรง จนร่างของเธอกระเด็นไปบนท้องฟ้า
「อะ เอ๋——」
「ตายไปซ้าาา」
เยลโล่กระโดดลงมาจากท้องฟ้าแล้วใช้ขวานผ่าครึ่งร่างของพิงค์จนเกิดกระแสไฟฟ้าช็อตไปทั่ว
「……อึก」
เมื่อฉันเห็นร่างสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าของฉัน…อัศวินดำ….ร่างของฉันก็หมดแรงทันที
「หืม เธอไหวไหม? 」
「คะ……คะ……」
เขาพยุงร่างของฉันขึ้นมา จนทำให้ฉันได้นั่งแบบปกติ
ไม่มีทางจะผิดแน่นอน
「คัตซึน……คิดถึงจังเลยอ้าาาา……」
「คัตซึน?! นั่นเป็นชื่อเล่นตอนฉันเสียความทรงจำไปเหรอ..?! ….ก็ไม่เลว….」
「ก็ไม่เลว…」
เขายอมรับกับชื่อที่ฉันตั้งให้ได้อย่างง่ายดาย….
ไม่ไหวแล้ว ฉันร้องไห้ออกมา
ถึงแม้จะเป็นในจังหวะที่ไม่เหมาะสมก็ตาม
แต่มันก็อดมีความสุขไม่ได้จริงๆ ที่เขาอยู่เคียงข้างฉันในตอนที่ต้องการ
「หือ!!」
「อึก!? 」
แขนของคัตซึนที่ประคองฉันอยู่ได้ปล่อยจากร่างของฉัน ก่อนที่เขาจะโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย
อะ อะไรกัน?!
เขาเอียงหัวด้วยความประหลาดใจก่อนจะหยิบเอาบางอย่างที่เหมือนกับกระสุนเข็มขึ้นมาดู
「……ไอ้นี่อะไรฟะ」
「ระ หรือว่าจะเป็นของที่ฉันโดนตอนนั้น..?!」
ฉันรู้สึกประหลาดใจเมื่อมองไปยังมอทัลเยลโล่ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายถือปืนเอาไว้อยู่
มันลอบโจมตีคัตซึนเหรอ?
『ฉันคิดว่าการโจมตีนี้จะไม่ปรากฏขึ้นจนกว่ามันจะเข้าปะทะกับร่างของเป้าหมาย จากพลังของมันน่าจะเป็นการเบิดเบือนพื้นที่——』
「หรือก็คือแค่ต้องเดาให้ได้ว่ามันยิงมาตรงไหนแล้วกันเอาไว้」
『อื้อ ถ้าเป็นคัตสึมิละก็ทำได้แน่นอน!!』
เขารับการโจมตีที่เคยโจมตีใส่ฉันได้
คัตซึนสัมผัสมันไม่ได้เลยจนตอนเกือบจะมาถึงตัวเขาแล้ว
ทว่าเขาก็สามารถรับมันเอาไว้ได้โดยไม่บาดเจ็บอะไร
「ขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าตอนนี้ฉันโมโหแทบคลั่งสุดๆ ถึงจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่นับจากนี้ไป พวกแกไม่เหลือซากสักตัวแน่ ล้างคอรอได้เลย」
คัตซึนโยนกระสุนพวกนั้นทิ้งไป
เห็นได้ชัดว่าเขาโกรธสุดๆ ก่อนจะพูดกับเยลโล่ที่ถือขวานพาดไหล่อยู่
「คิราระ ให้ฉันจัดการเจ้าพวกนี้เอง」
「อะ อื้อ! แต่ว่าถ้าเป็นตอนนี้เรียกฉันว่าเยลโล่จะดีกว่านะ…」
「นั่นสินะ ขอโทษที ไว้จะระวัง」
「อะ……อื้อ……」
……เอ๋?
ทำไมถึงได้มีบรรยากาศเป็นกันเองสุดๆ โผล่ออกมาล่ะ
รู้สึกเหมือนระยะห่างของพวกเขามันแคบลงอย่างเห็นได้ชัดเลย
คิราระนี่เธอแอบไปทำอะไรมากัน?
「เยลโล่ นี่เธอไม่ได้ปิดบังอะไรฉันใช่ไหม? 」
「อะ อึก นี่มันอะไรกันความรู้สึกกดดันยิ่งกว่าพวกศัตรู….」
ไม่ได้สิตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
กราทซังถูกฆ่าตายไปแล้ว
ฉันต้องรีบบอกเรื่องนี้กับเธอก่อน
「เยลโล่ กราทซังเขา…!」
「ถ้าเป็นเรื่องนั้นละก็ ประธานบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงน่ะ」
「งะ งั้นเหรอ……」
「เอาเป็นว่าตอนนี้ต้องจัดการกับพวกตรงหน้าก่อน!!」
ตั้งแต่คัตซึนปรากฏตัวขึ้น พวกเซไคเซ็นไตก็เหมือนจะไม่แสดงท่าทีจะเคลื่อนไหวอะไรเป็นพิเศษ
ไม่นานนักมอทัลกรีนก็ก้าวออกมาพร้อมกับกระบองในมือ
「รับไปซะ ควา・เทล———」
กระบองของมอทัลกรีนเรืองแสงออกมาราวกับกำลังจะทำอะไรสักอย่าง
อย่าบอกนะว่านั่นคือท่าโจมตีของมัน ต้องรีบเตรียมป้องกัน!!
「——อัล……!? 」
「สำนักวิชาบ้านไหนเขาสอนให้แกตะโกนชื่อท่าบอกชาวบ้านเขาฟะ? 」
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้นร่างของคัตซึนก็หายไป ก่อนจะปรากฏตัวอีกทีตรงหน้ามอทัลกรีนที่หัวหายไปแล้วพร้อมกับอกที่ถูกทะลวง มอทัลเรด บลู และเยลโล ก็ทำได้เพียงยืนดู
หมัดของเขาถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็ว
มันเร็วมากเสียจนฉันที่แปลงร่างอยู่ก็มองแทบไม่ทัน
「หมดไปหนึ่ง ทีนี้ก็เป็นตาของพวกแกแล้วไอ้กลุ่มสวะ」
「สมกับเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเรา!! เอาล่ะ มาเริ่มการต่อสู้กันเลย!!」
มอทัลเรดดูจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ
ฉันว่าทั้งสองคนที่เหลือก็ไม่ต่างกัน ทางบลูไม่พูดอะไรเลย ส่วนเยลโล่รีบกระโดดจากจุดที่เคยอยู่อย่างสุดแรง
「เยลโล่!! ทำไมถึงได้คิดถอยกัน!!」
「….ฟิ้ว เกือบไปแล้วสี ถ้าไม่ถอยได้พังแหง..!!」
เรดมองดูเยลโล่ที่ถอยจากจุดที่ตัวเองอยู่อย่างรีบร้อนพร้อมกับถอนหายใจ แต่จากมุมมองของฉัน เรดคงจะไม่รู้สึกตัวเลยสินะ
「สมองของพวกแกคงทื่อไปหมดแล้วสินะถึงไม่รู้เลยอะไรเพียงเพราะคิดว่าตัวเองเป็นอมตะ เอาสิเรียกร่างอื่นของพวกแกมาเพิ่มซะ!!!」
「———หือ? 」
รูขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นตรกอกของมอทัลเรดกับบลู
เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นร่างของมอทัลเรดก็ล้มลงกับพื้น
「ฮ่าๆๆ แข็งแกร่งชะมัด ทั้งที่เตรียมร่างที่สุดยอดกว่าคราวก่อนมาแท้ๆ แต่ยังไม่พอสินะ ไว้คราวหน้า——」
「แกคิดว่ายังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ? 」
「!」
คัตซึนมองขึ้นไปข้างบนฟ้าโดยไม่ได้สนใจพวกที่อยู่ข้างล่างอีก
วัตถุคล้ายกับยานบินรูปดาบทั้ง 5 ลำที่ลอยอยู่ไกลๆ
「ไอ้พวกที่มุดหัวแล้วส่งร่างปลอมมาแบบนี้มันก็น่าจะต้องอยู่บนยานนั้นแน่นอน หรือก็คือขอแค่ฉันทำลายยานพวกแกได้ ร่างหลักของพวกแกก็น่าจะตายไปด้วยสินะ? 」
「ดะ เดี๋ยวก่อน!!」
「งั้นก็ง่ายหน่อย ขอบึ้มบ้านของพวกแกเลยแล้วกัน!!」
คัตซึนได้ชูกำปั้นของตัวเองขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะปลดปล่อยลำแสงสีแดงจากหมัด
หมัดของเขายิงลำแสงออกมาจนฉันยังสบสน
แล้วมันก็ตรงไปหายานทั้ง 5 ลำนั้น———
「บึ้มไปซะ」 (ภาษาปริศนา)
———ทว่าการโจมตีของเขามันก็ถูกบางอย่างป้องกันเอาไว้ก่อนจะสลายไป
ถึงจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหมือนคัตซึนจะกำหมัดเตรียมรับมือกับบางสิ่งที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้า
「!」
「ฮ่าๆๆ เขามาแล้ว! เมื่อพวกเราตกอยู่ในอันตรายเขาจะปรากฏตัวขึ้น!!」
บางอย่างกำลังจะลงมา
มันคืออเลี่ยนตัวใหม่ที่สวมชุดสูทสีดำพร้อมกับผ้าคลุมตรงหลัง…ช่างคล้ายกับอัศวินดำเหลือเกิน
เรดที่เห็นแบบนั้นก็ตะโกนขึ้นมาทันที
「อดีตศัตรูตัวฉกาจของเซไคเซ็นไต ทว่าตอนนี้เขาได้กลายเป็นพวกพ้องที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกเรา ลำดับแห่งด——」
ยังไม่ทันพูดจบ ดาบสีดำก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้าราวกับดาวตก แทงเข้าไปที่หัวของมอทัลเรด
มอทัลเยลโล่เยลโล่ที่หมดสภาพอยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นเรดตัวโดนผ่าครึ่งก็ตะโกนออกมา
「อึก ทำไมนายถึง……」
「หุบปาก」 (ภาษาปริศนา)
สิ้นเสียงนั้นดาบสีดำก็เปล่งแสงออกมาร่างของเรดก็สลายหายไป
อยู่ตรงนี้ก็สัมผัสได้ชัดเจนเลยว่าหมอนี่อันตรายสุดๆ
เลวร้ายเสียยิ่งกว่าพิงค์ก่อนหน้าอีก
「ไม่จำเป็นต้องเผยชื่อหรือลำดับใดๆ เพราะฉันคือคนตัดสินเองว่าควรหรือไม่」
เขาเก็บดาบเข้าฝักแล้วหันไปหาคัตซึน
「อัศวินดำ ชายผู้มีชื่อเรียกเดียวกับฉัน」
「……หือ? อะไรนะ? 」
「ฉันขอถามนายได้หรือเปล่า」
「หือ? อะ อ้า……」
ทีอย่างงี้ไปตอบคำถามเขาซะงั้น?
บรรยากาศแปลกๆ นี่มันอะไรกัน!!
「ทำไม……」
เขาจะถามอะไรออกมากัน?!
คิราระเองก็เหมือนจะระวังตัวสุดๆ
จากนั้นประโยคถัดไปของเขาก็ดังขึ้น
「ทำไมนายถึงไม่ใช้ดาบ? 」
「หา? 」
……เอ๋?
「อัศวินต้องมีดาบ」
「「「……」」」
……。
ชักอยากจะถามกลับไปจริงๆ ว่ามันเป็นคำถามที่ควรเอามาถามตอนนี้ไหม!!
เจ้าอัศวินดำคนนี้มันอะไรกัน?!
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code