อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 71 เหตุผลในการต่อสู้และสิ่งที่เปลี่ยนไป (มุมของคอสโม่)
- Home
- อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต
- ตอนที่ 71 เหตุผลในการต่อสู้และสิ่งที่เปลี่ยนไป (มุมของคอสโม่)
คนละระดับเกินไปแล้ว
พลังของชายคนนี้ในฐานะอัศวินดำมันเกินกว่าจินตนาการของฉันไปไกล
พลังที่สามารถเอาชนะพวกลำดับสูงได้อย่างง่ายดาย
สุดยอดแห่งความดุดัน
เส้นทางที่ฉันไม่มีวันจะเดินไปถึงได้
「ก่อนจะรู้ตัวเรื่องก็จบซะแล้ว คงต้องกลับไปทำงานต่อ」
สถานการณ์วุ่นวายได้จบลงขณะที่ฉันวิ่งออกไปเตือนคนที่อยู่แถวนั้นเกี่ยวกับอันตรายตามที่อัศวินดำ คัตสึมิ โฮมุระบอก
「ถ้าจะจบเร็วขนาดนี้จะมาขอให้ฉันช่วยทำไมกัน…เห้อ」
『โฮก!』
ฉันถอนหายใจออกมาขณะมองเลโอ สิงโตสีน้ำเงินที่โดดมาเกาะไหล่ฉัน
เพราะสัมผัสได้ถึงจิตของผู้รุกรานคนอื่นเหมือนกับเขา ฉันจึงตามโฮมุระไปพร้อมกับเลโอ ทว่าสิ่งที่ได้เจอกลับเป็นพวกเซ็นไตคลั่ง
「ความยุติธรรมที่พ่ายแพ้และหันสู่ด้านมืดเหรอ」
เซไคเซ็นไต
พวกมันทั้ง 5 คน ต่างก็อยู่ในลำดับช่วง 11-20
เมื่อก่อนพวกเขาก็เป็นกลุ่มที่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรม แต่หลังจากพ่ายแพ้ให้กับลำดับที่ 8 พวกเขาก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของลำดับแห่งดวงดาราขององค์กร
แล้วการกระทำของพวกเขาก็นับว่าเลวร้ายสุดๆ ผู้คนที่ควรกอบกู้จักรวาลกลับกลายเป็นเล่นสนุกกับชีวิตของผู้คน บุกรุกและเหยียบย่ำพวกเขา สุดท้ายก็กวาดล้างพวกเขาจนสิ้นในนามของความยุติธรรมที่บิดเบี้ยว
「ถ้าฉันยังเดินในเส้นทางเดิมสักวันฉันจะกลายเป็นแบบนั้นหรือเปล่านะ? 」
『โฮก』
ฉันหลงอยู่ในห้วงแห่งพลังและมองไม่เห็นสิ่งใด ทว่าก็โชคดีที่กลับมาได้
แต่มันไม่ใช่เพราะความสามารถของฉันเพียงคนเดียว
เจ้าโรคจิต…คำพูดของซันนี่ได้ดึงสติฉัน
อัศวินขาว คัตสึกิ ชิราคาวะได้ช่วยชีวิตของฉันเอาไว้
สุดท้ายผู้ที่ให้แหล่งพักพิงกับฉันอย่างชินโด ก็มอบโอกาสให้ฉันได้มีเวลาไตร่ตรองตัวเอง
「จะก้าวต่อไปโดยไม่สนสิ่งใดไม่ได้แล้วสิ…เฮ้อ…. 」
ฉันถูกท่านรูอินที่เชื่อมั่นมาโดยเสมอทอดทิ้ง สูญเสียความหวังในการมีชีวิตอยู่ทั้งหมด…ทว่าฉันก็ยังมีชีวิตอยู่
แต่ตัวฉันในตอนนี้ไม่มีเหตุผลหรือเป้าหมายในการต่อสู้อีกแล้ว
「ไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด……」
ตอนที่ฉันได้เห็นพลังของอัศวินดำฉันก็เข้าใจทั้งหมด
สิ่งที่ท่านรูอินต้องการไม่ใช่ความภักดีอย่างไม่ลืมหูลืมตา
แต่ท่านต้องการคนที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลที่สามารถความคุมพลังของตัวเองได้อย่างแท้จริง———หรือก็คือ คัตสึมิ โฮมุระ
「ส่วนเราก็เป็นแค่ตัวตลกสินะ」
เสนอตัวขึ้นแท่นสังเวยและทำเรื่องเลวร้ายกับเลโอ คู่หูที่ดีที่สุดของฉัน
สุดท้ายก็ได้รับการช่วยเหลือจากศัตรู
ถ้าเจอกับพ่อ เขาจะพูดอะไรกับฉันกัน
「แต่ที่น่าปวดหัวที่สุดก็คือ การที่คัตสึมิ โฮมุระเคยอยู่กับชินโดนี่แหละ น่าแปลกเกินไปแล้ว!」
ฉันคาดไม่ถึงเลยสักนิด ตอนได้เจอกับเขาก็ตั้งใจว่าจะพูดขอบคุณเขาอยู่หรอก แต่ก็ดันพูดอะไรไม่ออกแล้ววิ่งหนีออกมาแทนซะงั้น!
เขาสูญเสียความทรงจำก่อนหน้านี้ไปอีกแล้วเหรอ ชักสงสัยแล้วสิว่ากลไกของมันเป็นยังไง
「เฮ้อ เอาเป็นว่ากลับก่อนละกัน……」
ไม่นานนักฉันก็เดินมาถึงร้านเซอร์ไซนัส
ภายในร้านมีเด็กสาวผมสีดำที่เหมือนจะเป็นอัลฟ่าของดาวโลก…ไม่สิ คงจะเป็นอัลฟ่าจริงๆ นั่นแหละจากชื่อของเธอ
「คัตสึมิ? ….ข้างนอกมันเกิดอะไรขึ้นกัน」
「น่าเสียดาย แต่ฉันไม่ใช่คัตสึมิ โฮมุระ」
แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาชัดเชียวนะ
ผู้หญิงคนนี้หยาบคายเกินไปไหม
ขณะที่ฉันกำลังเซ็งๆ ชินโดก็ออกมาจากหลังร้านพร้อมกับแซนด์วิช
「เอ้า แซนด์วิชสักหน่อยไหม? 」
「ขอบคุณ เป็นครั้งแรกเลยที่ได้กินสิ่งนี้」
「……? อ้า เอาเถอะตามสบายฉันไม่คิดเงิน」
อัลฟ่ารับจานมาแล้วเริ่มกินแซนด์วิชอย่างเอร็ดอร่อย
หลังเห็นแบบนั้นชินโดก็หันมาหาฉัน
「เธอหายไปไหนมาเนี่ย? 」
「……ออกไปทำอะไรมานิดหน่อย」
「…เอาเถอะ เธอก็คงจะเรื่องที่ต้องทำ แต่คราวหลังบอกกันก่อนด้วยล่ะ เข้าใจไหม? 」
「อ้า เข้าใจแล้ว」
ลูกค้ารายแรกที่ต้องต้อนรับดันเป็นอัศวินดำ
ไม่เป็นไร ครั้งต่อไปต้องทำได้ดีกว่านี้
ทันใดนั้นเองประตูร้านก็เปิดขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ฉันไม่พลาดแน่นอน ฉันหมุนตัวไปทักทายแขกคนใหม่ทันที
「ยะ ยินดีต้อนรับสู่ร้านกาแฟเซอร์ไซนัสค่ะ!」
ทว่า สิ่งที่ฉันเห็นเมื่อหมุนตัวกลับไปคือซันนี่ ชายร่างยักษ์ที่สวมเสื้อสีส้มสุดฉูดฉาด กับคัตสึมิ โฮมุระ
พวกเขาทั้งสองเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ ทางฉันเองก็รู้สึกอายแปลกๆ แล้วสิ
「เอ่อ ยินดีต้อนรับกลับ คัตสึมิ」
「หืม!? 」
ในขณะที่โฮมุระกับอัลฟ่าพูดคุย ซันนี่ก็ยิ้มให้กับฉันอย่างมีความสุขก่อนจะยกนิ้วให้
「ลอกคราบแล้วสินะ…! ท่าทางที่ไร้เดียงสาและเขินอายแบบนั้น ฉันก็ไม่ได้เกลียดหรอก!!」
「อะ..อ.ึก….คือ….」
ฉันพูดไม่เป็นภาษา
ทางชินโดเองก็เหมือนจะแสดงท่าทีประหลาดออกมาราวกับเห็นสัตว์ประหลาด
「นี่แก มาอีกจนได้สินะ เจ้าปีศาจ!!」
「ก็เห็นว่าร้านมันเปิดแล้วนี่นา ขอเหมือนเดิมนะจ๊ะ」
เดี๋ยวนะ ชินโดรู้จักหมอนี่ด้วยเหรอ?
ท่าทางพูดจาสนิทสนมกันเชียว…
「รู้จักกันด้วยเหรอ…? 」
「แน่นอนสิจ๊ะ เพราะนี่คือร้านโปรดของฉันนี่นา」
……ร้านโปรด?
ฉันหันไปมองชินโด
งั้นคนที่ซันนี่บอกว่าสนใจก็มีเพียงคนเดียว……。
「ชินโด?! นี่นายมีความสัมพันธ์แบบนั้นกับหมอนี่เหรอ?!」
「นี่เธอพูดอะไรน่าขนลุกออกมากันฟะ!? มันจะเป็นไปได้ยังไง!」
แอบตกใจเลยแฮะ
ทว่าเป็นชินโดนี่เองที่ตกเป็นเป้าความสนใจของลำดับดวงดาราหลักเดียว
หากคิดในแง่ของพันธมิตรแล้ว เขามีสุดยอดขุมพลังอยู่เป็นพวกเลยนะ
「เป็นยังไงบ้างคัตสึมิ อร่อยไหม? 」
「……」
「นายอย่าเอาแต่เงียบสิ ตอบฉันหน่อยๆ 」
อัลฟ่าพยายามคุยกับคัตสึมิที่นิ่งเงียบไป
….บรรยากาสหวานแหว่วนี่มันอะไรกัน
น่ารำคาญชะมัด
「โฮ้ย คัตสึกิ…ไม่สิ คัตสึมิ อยู่ดีๆ ก็เงียบไปเป็นอะไรหรือเปล่า เอาขนมสักหน่อยไหม? 」
「อ่า เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ชินโดซัง….」
「เป็นอะไรของนายไปเนี่ย? 」
โฮมุระทำท่าเหมือนอึดอัด
「แต่ละคนก็มีรสนิยมแตกต่างกันออกไปดังนั้นการที่เขาจะชอบกินหรือ…」
「เห้ย ไอ้ตัวข้ามเพศ อยากจะให้ฉันฝังแกลงหลุมไปพร้อมกับคำพูดเลยไหม!」
แม้ว่าจะปิดบังตัวตนเอาไว้ แต่การที่ชินโดสามารถต่อล้อต่อเถียงกับลำดับแห่งดวงดาราหลักเดียวได้ก็นับว่าน่ากลัวจริงๆ
ซันนี่เองก็เหมือนจะสนุกกับการได้คุยเล่น
「หญิงสาวในห้วงแห่งรักจะคงกระพันเสมอ ไม่มีวันตายหรอกจ้า นั่นคงกฎแห่งจักรวาล」
ทำไมถึงได้หยอกล้อกันเบอร์นี้ได้นะ?
….เห็นแบบนี้แล้วก็น่าขนลุกแปลกๆ
ไม่ต่างอะไรกับอัศวินดำที่กล้าสู้กับคนพวกนี้เลย
ทั้งที่พวกเขาเป็นสัตว์ประหลาดที่แม้ฉันจะแปลงร่างสู้สุดใจก็ทำอะไรไม่ได้
「คอสโม่ ฉันฝากเธอคุยกับเจ้าตัวข้ามเพศนี่ด้วยละกัน」
「เอ๋ ไม่เอาด้วยหรอก น่าขนลุกจะตาย」
「เดี๋ยวเถอะ เมื่อกี้เธอกำลังพูดกับฉันว่าน่าขนลุกงั้นเหรอ? 」
「ฉันเห็นด้วยกับเธอนะ แต่นี่คือคำสั่ง จัดการซะ」
「เข้ากันเป็นปี่ขลุ่ยเชียวนะ」
หลังเอากาแฟมาให้ซันนี่เสร็จ ชินโดก็กลับไปที่ครัวอย่างรวดเร็ว
เห้อ ช่วยไม่ได้….ติดหนี้ชินโดไว้เยอะ ยังไงก็ต้องใช้คืนหน่อย
ไม่มีทางเลือก
เมื่อทำใจได้แล้วฉันก็ตั้งใจจะเป็นเพื่อนคุยกับซันนี่ ในจังหวะนั้นเองโฮมุระก็ลุกขึ้นยืนเฉยเลย
「หือ จะกลับแล้วเหรอ? 」
「โซระ เธอออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวหนึ่งได้ไหม? 」
「……อะ หือ? 」
กว่าฉันจะรู้ตัวว่าเขาคุยกับฉันก็ใช้เวลาไปพักหนึ่งเพราะฉันไม่ชินกับชื่อปลอมที่ตั้งให้ตัวเอง แอบสงสัยนิดหน่อยว่าเป็นเรื่องอะไร
ว่าแล้วฉันก็ตามเขาไป สายตาของเขาดูเหมือนกับเฉียบคมกว่าเดิมแล้วเขาก็เอามือไปคว้าคอของอัลฟ่าที่อยู่ใกล้ๆ ทันที
「อะ อึก…คัตสึมิ…นะ นี่นายทำอะไร? 」
「……」
……เดี๋ยว!?
อยู่ดีๆ ทำไมหมอนี่ถึงทำเรื่องแบบนี้ล่ะ?!
ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ชาวโลก แต่การกระทำแบบนี้มันผิดปกติจากสามัญสำนึกของโลกแน่ๆ
「ดะ เดี๋ยวสิ ทำอะไรของนาย?! ซันนี่ เราต้องรีบหยุดเขา!」
「ไม่จำเป็นหรอกจ้า」
「หือ!? 」
ดูเหมือนซันนี่จะไม่ได้ตื่นตระหนกอะไรเลยสักนิด ก่อนจิบกาแฟอย่างสบายใจ
ทำไมเขาถึงใจเย็นได้เบอร์นี้กัน?!
ในขณะที่ฉันสับสนมากขึ้น ซันนี่ก็ชี้ไปทางอัลฟ่าที่ถูกบีบคอเอาไว้ก่อนจะถอยหายใจออกมา
「มันเป็นความผิดของเธอคนนั้นเองนี่นาที่ไปพยายามยั่วยุเขา」
「………เอ่อ โทษทีนะ แต่ฉันไม่เข้าใจภาษามนุษย์ดาวข้ามเพศ ช่วยพูดเป็นภาษามนุษย์โลกได้ไหม? 」
「ดาวข้ามเพศ?! มีเหรอ แอบอยากไปแฮะ」
พูดอย่างงี้เหมือนแอบยอมรับตัวตนของตัวเองแปลกๆ …
ไม่สิ ที่สำคัญกว่านั้นคือทำไมโฮมุระถึงบีบคอของอัลฟ่ากันล่ะ?!
「….ทำไมนายถึง…ทำแบบนี้..? 」
「แกเอาตัวอัลฟ่าไปไว้ที่ไหน…? 」
อัลฟ่าแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา
ทว่าฉันกลับตกใจกับคำพูดของโฮมุระมากกว่า
「พูดอะไรของนาย ฉันก็อัลฟ่าไง คนที่อยู่กับนายมาโดนตลอด ลืมไปแล้วเหรอ? 」
「อย่ามาตอแหล แค่มองฉันก็รู้แล้วเว้ย ไม่มีวันที่ฉันจะมองยัยนั่นผิดไปได้หรอกไอ้ตัวปลอม」
ตัวปลอม……?
อัลฟ่าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแต่โฮมุระก็ไม่ได้สนใจ เหมือนเขาจะโมโหสุดๆ ก่อนจะเตรียมแปลงร่าง
「หากแกยังไม่คิดจะบอก ฉันก็จะเค้นแกให้เจียนตายเลย บอกมาซะอัลฟ่าตัวจริงอยู่ที่ไหน」
「ฟุฟุฟุ…เข้าใจแล้ว ฉันยอมแพ้!」
น้ำเสียงของเธอเปลี่ยนไป ก่อนที่อัลฟ่าตัวปลอมจะยกมือขึ้นยอมแพ้อย่างร่าเริง จากนั้นเธอก็ดีดนิ้วเบาๆ ประตูมิติเปิดขึ้นแล้วร่างของอัลฟ่าตัวจริงก็ปรากฏ
โฮมุระรีบพยุงร่างของอัลฟ่าขึ้นมาทันที
「อัลฟ่า เธอเป็นอะไรหรือเปล่า? นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับเธอ…」
「ฟี้……ฟี้……」
「ไม่ต้องห่วง เธอแค่หลับไปน่ะ」
อัลฟ่าตัวปลอมที่ได้รับการปล่อยตัว ยังคงยกแขนขึ้นแล้วพูดราวกับยืนยันว่าตนไม่คิดต่อสู้
ทว่าดวงตาของโฮมุระยังเต็มไปด้วยความโกรธ
「ถึงนายอาจจะไม่เชื่อ แต่ฉันไม่ใช่ศัตรูของนายหรอก」
「เออ ถ้าอยากให้ฉันเชื่อนัก ก็เผยตัวจริงออกมาซะ」
「……ฟุฟุ」
ทันใดนั้นเองคลื่นสัญญาณรบกวนก็ทำให้ร่างของเธอเบลอก่อนจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ที่ฉันเห็น
ร่างของเธอตอนนี้คล้ายอัลฟ่าคนเดิมแต่เป็นเวอร์ชันผู้ใหญ่
เส้นผมของเธอถูกรวบเอาไว้ข้างหลัง ความแตกต่างนอกจากนั้นแทบจะหาไม่เจอเลย
「จริงๆ แล้วแกเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้หน้าตาเหมือนอัลฟ่านัก」
「ก็ต้องเหมือนสิ」
เธอคนนั้นค่อยๆ นั่งลงบนเก้าอี้
เธอชี้นิ้วไปที่อัลฟ่าซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของโฮมุระ
「เพราะเด็กคนนั้นคือลูกสาวของฉันนี่นา」
「……หา? 」
「อื้ม หรือจะต้องบอกว่านั่นคือตัวฉันอีกคนกันนะ? มันอารมณ์เหมือนร่างที่แยกออกไปจากตัวฉันมากกว่าด้วยสิ」
โฮมุระสับสนหนักกว่าเดิม
แต่หญิงสาวก็ยิ้มแล้วพูดต่อ
「ฉันอาสึ ลำดับที่ 6 จ้า」
「คึก!? 」
ละละละละ ลำดับที่ 6?!
เป็นไปไม่ได้! สิ่งมีชีวิตระดับสูงที่อยู่คนละมิติกับฉันมายืนอยู่ตรงหน้าของฉันอีกคนแล้ว แค่รู้ก็เหมือนฉันจะเป็นลมให้ได้เลย
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวตนของลำดับที่ 6 ยังลึกลับมากเสียจนไม่มีใครรู้จัก
「อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันอยู่ข้างนายนะ」
「……」
「ดูจากสีหน้าแล้วคงต้องใช้เวลาสินะ ช่วยไม่ได้」
อาสึยิ้มให้กับโฮมุระที่ยังไม่ลดความระวังตัว
พอเห็นสภาพของทั้งสอง ซันนี่ก็ถอนหายใจแล้วเข้ามาแทรกเหมือนพยายามช่วยไกล่เกลี่ย
「คัตสึมิจัง ไว้คุยเรื่องนี้กันทีหลังดีกว่าไหม? 」
「……ฉันมีเรื่องอยากจะถามแกเหมือนกัน」
「สภาพนายตอนนี้ที่มียัยคนลึกลับนี่อยู่ข้างๆ คงคุยกันไม่รู้เรื่องหรอก ดังนั้นไว้ติดต่อฉันทีหลังแล้วกัน นี่เบอร์ติดต่อจ้า♪」
ซันนี่ยื่นกระดาษที่มีเบอร์ติดต่อให้กับโฮมุระราวกับเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว
เขาดึงมันมาขณะอุ้มอัลฟ่าไว้
「แกต้องการอะไรกันแน่? 」
「อย่างน้อยก็ไม่ใช่ศัตรูของนายจ้า ส่วนเหตุผลก็คงจะเป็นเพราะฉันตกหลุมรักโลกใบนี้และมาสเตอร์คนนั้นเข้าแล้ว พอจะฟังขึ้นไหมนะ? 」
「….เฮ้อ…เอาเถอะจากสิ่งที่แกทำมันก็พอทำให้ฉันเชื่อว่าแกต่างจากพวกที่เคยเจอ」
「แค่นั้นฉันก็พอใจแล้วจ้า」
โฮมุระเกาแก้มของตัวเองด้วยสีหน้าที่ดูซับซ้อนก่อนถอนหายใจออกมา
「ฝากบอกชินโดซังด้วยนะว่าฉันขอตัวก่อน」
「อะ อื้อ」
「แล้วก็……」
โฮมุระมองมาที่ฉัน
「ชื่อของเธอคือคอสโม่ไม่ใช่เหรอ? 」
「เอ๋!? 」
「แถมเหมือนจะรู้จักกับเจ้าหมอนี่ดีด้วยนี่ พวกเธอเป็นอะไรกัน? 」
ถูกสงสัยเข้าแล้วเหรอ?!
คือมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกหากเขาจะรู้ แต่ถ้าความทรงจำของคัตสึกิ ชิราคาวะมันกลับมาแล้วอาจจะยุ่งยากในหลายๆ ความหมายด้วยสิ
ความกลัวที่จะถูกทำให้อยู่ในสภาพเดียวกับมอทัลเรดยังติดตาอยู่เลย
「คะ คอสโม่เป็นชื่อเล่นของฉันน่ะ แล้วก็ฉันรู้จักกับเจ้านี่มาได้พักหนึ่งแล้ว!」
「…งั้นเองเหรอ ก็แล้วไป ขอโทษที่สงสัยเธอละกัน」
เอ้า แค่นี้ก็เชื่อแล้วเหรอ จะง่ายเกินไปไหม
สำหรับเขาที่มองการปลอมตัวของลำดับที่ 6 ออกอย่างง่ายดาย เขาจะเชื่อที่ฉันพูดง่ายเกินไปไหม?
「แล้วเจอกันนะ คัตสึมิคุง♪」
「……」
「ไม่จริงน่า ฉันถูกทิ้งแล้วเหรอ」
โฮมุระเมินอาสึแล้วออกจากร้านไป
ซันนี่ที่กำลังดูอยู่ก็เอามือโขกหัวอาสึที่โบกมือลาโฮมุระ
「มันเจ็บนะ นี่เธอคิดจะทำอะไรของเธอกัน?!」
「เล่นอะไรก็ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ」
ซันนี่มองอาสึที่ก้มหัวพร้อมกับน้ำตาไหลออกมาแล้วถอนหายใจ
「เห้ออยากจะคุยให้มากกว่านี้แท้ๆ 」
「ของแบบนี้ไปบอกกับลูกสาวเธอดีกว่าไหม」
「ไม่เอาหรอก ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับเด็กคนนั้น เด็กคนนั้นคิดว่าฉันตายไปแล้วด้วยสิ」
「เธอมันล้มเหลวในฐานะแม่คนจริงๆ 」
อาสึยิ้มให้กับคำพูดของฉันนี่ก่อนเอามือเท้าคางเอาไว้
「แม่เป็นแค่เพียงคำอธิบายใกล้เคียงสุดสำหรับฉันกับเด็กคนนั้นต่างหาก ฉันไม่เคยมอบความรักให้เธอในฐานะนั้นด้วย ถ้าจะพูดให้ชัดฉันก็แค่อยากให้เขาคนนั้นมีใครสักคนเคียงข้างจังน้าอะไรทำนองนั้นเฉยๆ 」
「เธอคอยชักใยอยู่เบื้องหลังขนาดไหนเนี่ย? 」
「นอกจากให้กำเนิดเธอก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษนะ? 」
เธอหัวเราะออกมา
「เหตุผลที่เด็กคนนั้นเข้าหาคัตสึมิก็เป็นเพราะตัวคัตสึมิเอง การที่เธอเลือกให้เขาเป็นโอเมก้าก็เป็นเพราะตัวของเธอเองทั้งหมด ฉันไม่ได้มีอำนาจไปยุ่งเกี่ยวอะไรได้หรอก แต่ถ้าเป็นเรื่องก่อนหน้านั้นสักหน่อยมันก็….」
อาสึหันไปยิ้มให้กับซันนี่
ตรงกันข้ามกับรอยยิ้มที่ไร้เดียงสานั้น ซันนี่แสดงสีหน้าจริงจังมากขึ้น
「เธอยังคิดจะใช้โอเมก้าของโลกใบนี้เพื่อสังหารรูอินจังอีกเหรอ」
「!? 」
สังหารท่านรูอิน?!
พูดอะไรของเขาออกมากัน ไอ้ตัวประหลาดนี่?!
ในขณะที่ฉันตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน อาสึก็ถูกซันนี่ทุบหัวเข้าอีกรอบ
อาสึส่องเสียงร้องออกมาขณะเอามือกุมหัว
「คิดอะไรบ้าบอไม่หยุดสักทีเธอเนี่ย」
「ก็นั่นมันคือตัวเลือดที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันนึกออกแล้วนี่นา แถมดูสัตว์ประหลาดที่โลกที่สร้างขึ้นมาสิ เก่งขนาดเทียบกับพวกลำดับต้นๆ ได้แท้ๆ แต่ก็ถูกคัตสึมิเอาชนะได้หมดซะงั้น!」
「ขออีกสักหมัดได้ไหม? 」
「แง้ เจ็บจะตาย ฉันไปดีกว่า!」
อาสึที่กำลังน้ำตาคลอเบ้าได้หายตัวไปราวกับอากาศทันที
ก่อนที่จะรู้ตัวก็เหลือเพียงฉันกับซันนี่ที่อยู่ในร้าน
「หึ ยัยจิ้งจอก ทั้งที่ตั้งใจว่าหากเขาดูไม่ออกก็จะเข้ามาแทนที่เลยแท้ๆ …ลดการป้องกันไม่ได้จริงๆ หากต้องรับมือกับยัยนี่」
「……」
「ขอโทษทีนะคอสโม่จัง เอาเป็นว่าตอนนี้มาคุยกันหน่อยละกัน 」
ไม่เข้าใจความคิดของคนพวกนี้เลยจริงๆ
แถมสิ่งที่พวกเขาต้องการคือกำจัดท่านรูอินงั้นเหรอ?
「แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ? 」
「เป็นยังไงนี่หมายถึง? 」
「เธอเจอสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำหรือยังเอ่ย」
สิ่งที่ฉันต้องการจะทำ?
ใครมันจะไปเจอคำตอบนั้นได้ง่ายๆ กัน หลังเกิดเรื่องนั้นขึ้น
「ท่านรูอิน ไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวฉันสักนิด….」
「ก็จริงนะ หากเป็นตัวเธอแล้วคงจะผิดหวังกับเรื่องนี้น่าดู」
「……」
ฉันคิดผิดไปจริงๆ
ฉันเคยมองว่าสิ่งที่ท่านรูอินต้องการคือความภักดีของฉัน
แต่มันไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักนิด ฉันเป็นเพียงเบี้ยในกระดานของเธอเพื่อใช้สู้กับอัศวินขาว
「เธอยังมีแรงจะสู้ต่อไปหรือเปล่า? 」
「แล้วฉันจำเป็นต้องสู้กับอะไรหรือใครอีกล่ะ」
จะให้ฉันไปต่อสู้กับท่านรูอินอย่างงั้นเหรอ?
ภายในใจของฉันแม้จะถูกเธอทรยศ แต่ฉันก็ยังชื่นชมเธอเหมือนเดิม
แถมตัวฉันที่อ่อนแอขนาดนี้จะทำอะไรได้กัน
『เอ็งนี่มันโหลยโท่ยจริงๆ!! ไม่แปลกใจเลยที่เรกูลัสจะต้องปวดหัว!』
「!? 」
นกจักรกลที่มีโครงสร้างเหมือนกับเลโอโผล่ออกมาจากกระเป๋าซันนี่
นกตัวสีส้มใช้ปีกของมันตบหน้าฉันพร้อมกับพูดจาหยาบคายใส่
「ไอ้หมอ เหมือนกับเลโอ……」
「เด็กคนนี้คือเวอร์โก้คู่หูของฉันเองจ้า แล้วก็เหมือนกับเธอมันคือหนึ่งในสูทที่โกลดี้ทิ้งไว้」
『จะพล่ามอะไรนักหนา!』
ดูเหมือนเจ้านี่จะหยาบคายเกินไปหรือเปล่า?! ถึงน้ำเสียงจะดูน่ารัก แต่คำพูดคำจานี่สุดเกินไปแล้ว…
แอบตกใจที่ซันนี่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
เลโอที่ซ่อนตัวอยู่ก็กระโดดขึ้นมาบนโต๊ะทันที ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาราวกับโกรธในสิ่งที่เวอร์โก้พูด
『โฮก!! โฮกกกก!』
『หา โหลยโท่ยแบบนี้สิดี! ต้องคอยประคองไปเรื่อยๆ แบบช่วยไม่ได้!』
『โฮก!! โฮก!! โฮกกกก!!』
『เด็กโง่ไร้ประโยชน์…ดูน่ารัก? ….ข้าว่าสมองเอ็งนี่จะมีปัญหาแล้วนะ? 』
เลโอมองว่าฉันเป็นเด็กโง่ไร้ประโยชน์?
ฉันเท่าแทบทรุดเมื่อได้ยินความจริงนี้
ถึงมองย้อนกลับไปถึงสิ่งที่ตัวเองทำในอดีตมันจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะโดนพูดใส่เบอร์นี้…
「คนที่จะตัดสินอนาคตของเธอต่อจากนี้ไม่ใช่รูอินจังหรือฉันแต่เป็นตัวเธอเอง」
「ฉัน? 」
「อื้อ จนถึงตอนนี้ เธอก็เอาแต่ดำเนินชีวิตตามที่คนอื่นบอกไม่ใช่เหรอ ฉันมั่นใจว่าหากเป็นวาสก็คงจะอยากให้เธอใช้หัวคิดและหาเหตุผลในการต่อสู้ให้กับตัวเธอเองแหละ」
พ่อ……。
「ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้นะในการเอาคืนรูอินจังด้วยการแสดงความกล้าหาญของเธอออกมา」
「เป็นไปไม่ได้หรอก!」
「ใครเป็นคนตัดสินกันล่ะ? 」
ฉันพูดอะไรไม่ออก
เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ใครคือคนตัดสินกัน…..
「คัตสึมิจังเองก็เคยเจอกับรูอินจังมาแล้วนะ แถมเขายังสู้สุดใจเลยด้วย」
「ไม่จริงน่า? 」
ฉันจะทำแบบนั้นได้เหรอ
เขาเผชิญหน้ากับท่านรูอินโดยไม่เข่าสั่นได้ยังไงกัน
「อันที่จริงตัวเลือกอย่างการใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่ต้องต่อสู้อีกก็เป็นอีกทางเลือกน้า ยังไงเธอก็มีอิสระที่จะเลือกอยู่แล้ว สุดท้ายฉันก็ไม่บ่นอะไรหรอกกับทางที่เธอเลือกจริงๆ 」
ซันนี่ดื่มกาแฟเสร็จแล้วก็วางเงินเอาไว้บนเคาน์เตอร์ ระหว่างที่กำลังเปิดประตูร้านออกไปก็หันมาหาฉัน
「สิ่งที่ฉันบอกกับเธอได้ในตอนนี้ก็คือ อย่าโกหกกับตัวเองอีกนะเข้าใจไหม? 」
「……」
「ไว้จะรอคำตอบของเธอใหม่ในการเจอกันคราวหน้าน้า♪」
ประตูร้านปิดไปพร้อมกับเสียงกริ่ง ความเงียบงันเข้ามาแทนที่
เหตุผลที่ฉันต้องต่อสู้
ฉันไม่เห็นความหมายอะไรในการต่อสู้อีกแล้ว ตำแหน่งลำดับแห่งดวงดาราก็ไม่มีประโยชน์
「หืม?! กลับไปกันหมดแล้วเหรอ?!」
「ชินโด……」
พอหันกลับไปก็พบว่าชินโดถือจานที่เต็มไปด้วยอาหารทั้งสองมือ
จากนั้นก็ยื่นมันมาให้กับฉัน
「ช่วยไม่ได้สินะ ทิ้งไปก็เสียของ เธอจัดการแล้วกัน」
「…คงไม่ได้คิดว่าฉันเป็นพวกตะกละหรืออะไรอย่างงั้นหรอกใช่ไหมถึงให้หมดนี่มา? 」
「ถ้าไม่เอาก็แล้วไป」
「ใครบอกว่าจะไม่เอา! เอามานี่ฉันจัดการหมดนี่เอง!!」
「สุดท้ายก็เอานี่หว่า……」
ถึงตอนนี้จะยังคิดไม่ออกว่าสู้เพื่ออะไร
แต่ตราบใดที่ฉันยังอยู่ตรงนี้ ก็ได้แต่ภาวนาให้ชีวิตประจำวันอันแสนสงบสุขของฉันดำเนินต่อไป
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code