อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 70 คัตสึมิเผชิญหน้ากับเรื่องลึกลับ
ครอบครัวอามัตสึกะยอมรับให้ฉันอาศัยอยู่กินแบบฟรีๆ
ทว่าส่วนตัวฉันก็ไม่อยากจะอยู่ในสภาพแบบนี้ด้วยสิ ยิ่งพ่อแม่ครอบครัวอามัตสึกะที่นิสัยแปลกๆ ยิ่งแล้วใหญ่ ทว่านานากะกับโคตะที่เป็นน้องชายคือคนที่รั้งฉันเอาไว้ สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย
ว่ากันตามตรงไอ้ฉันยังแปลกใจตัวเองเลยที่ยอมเด็กพวกนี้อย่างง่ายดาย ทั้งที่ก็รู้ตัวว่าจะต้องเจออะไร
ทำไมไม่ปฏิเสธกันฟะ
หรือจะมีอะไรแปลกๆ เกินขึ้นระหว่าง 3 ปีนี้ที่ความทรงจำมันว่างเปล่าไป
วันนี้ฉันก็ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในบ้านอามัตสึกะ พลางสับสนถึงสิ่งที่วนเวียนในหัว
「……ฉันมาทำอะไรอยู่ที่นี่กันแน่ฟะ……」
ตอนนี้ฉันได้มานอนที่ห้องของโคตะโดยทางนั้นหาฟูกมาปูไว้ แต่ยังไงก็ทำใจชินไม่ได้วุ้ย
ตอนนี้เป็นเวลา 6 โมง ฉันลุกขึ้นมาเอามือจับหน้าผากขณะนึกถึงเรื่องราวในหัว
「คิราระ สินะ…」
คิราระ อามัตสึกะ
ฉันคิดว่าตัวเองรู้จักเธอ
ถึงจะไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรแต่ฉันคิดว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลย
ยิ่งตอนแรกที่เจอกันฉันสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดเสมือนพวกพ้องแปลกๆ
「เฮ้อ……」
『อรุณสวัสดิ์ คัตสึมิ!』
「อ้า อรุณสวัสดิ์โปรโต」
ฉันตอบกลับโปรโตที่ทักทายยามเช้าก่อนจะนำมันมาใส่ที่ข้อมือแล้วลุกจากฟูก
「โฮก!」
「หือ? อ้อ แกเองก็มาปลุกฉันเหรอ」
ไม่นานนักหมาป่าสีขาวก็ส่งเสียงร้องออกมาจากใต้เท้าของฉัน
วันก่อนคิราระเอาของเล่นหมาป่าพูดได้มาจากไหนไม่รู้
เหมือนเจ้านี่จะชื่อว่าชิโระ มันเงยมองฉันก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาอีก
「โฮกกกก! บู้ววววว!」
「เดี๋ยวเถอะอย่าส่งเสียงดังสิ ทำงี้โคตะก็ตื่นพอดี」
「หงิง……」
「เอาน่า ฉันก็ไม่ได้กะจะต่อว่าอะไรหรอก……」
ท่าทางของมันสมจริงเสียจนฉันรู้สึกผิด
ของเล่นสมัยนี้น่าทึ่งชะมัด….
จากนั้นโคตะที่กำลังงัวเงียก็เอื้อมมือออกมาจากใต้ผ้าห่มแล้วคว้าชิโระเข้าไปกอด
「ฮะ!? โฮก!」
「……โดนคาบไปกินแล้วแฮะ」
『ลาก่อน ชิโระ……』
ดูท่าเดี๋ยวสักพักโคตะก็น่าจะตื่นแล้ว
หลังจากสั่งลาชิโระ ฉันก็เดินออกมาจากห้องนอนไปห้องนั่งเล่น
「อรุณสวัสดิ์ครับ โคโยมิซัง」
โคโยมิซังสวมผ้ากันเปื้อนและกำลังทำอาหารเช้ากับข้าวกล่อง
เธอคือแม่ของคิราระกับพวกเด็กๆ แถมยังเป็นคนที่ยอมให้ฉันอยู่อาศัยฟรีๆ อย่างง่ายดาย
「อรุณสวัสดิ์จ้า คัตสึมิคุง ตื่นเช้าเสมอเลยน้า」
「อาจจะเพราะได้นอนเต็มอิ่มครับ」
….ฝันร้ายที่เคยเกิดอยู่บ่อยๆ ได้หายไป
มันจะเกี่ยวอะไรกับความทรงจำที่หายหรือเปล่าฟะ
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาไปปลุกพวกคิราระ โคโยมิซังเลยให้ฉันไปนั่งรอที่โต๊ะทานอาหาร
「อะ โอ้ อรุณสวัสดิ์ คัตสึมิคุง」
「อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ตื่นเช้านะครับโอมะซัง」
「เห้อ ทั้งที่บอกนายไปแล้วแท้ๆ น้า……」
โอมะซัง หัวหน้าครอบครัวอามัตสึกะ ถอนหายใจออกมาก่อนจะกางหนังสือพิมพ์
「——ว่าเรียกพ่อตาฉันก็ไม่ติด」
「รู้สึกมันข้ามไปหลายขั้นเลยนะครับ……? 」
พอมาเจอคนที่บอกให้ฉันเรียกเขาแบบนั้นตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เป็นใครก็รู้สึกแปลกๆ ไหมล่ะ
เหนื่อยสิ่งอื่นใดคือฉันตกใจภาพของคิราระที่เข้ามากระโดดเตะโอมะซังจากด้านหลังอย่างสุดแรงเกิด
「รู้อะไรไหมคัตสึมิคุง」
「ครับ? 」
「มนุษย์น่ะคือสิ่งมีชีวิตที่ต้องถูกบังคับให้เลือกเสมอ」
「ครับ……」
「ในบางครั้งเราก็ต้องเผชิญกับตัวเลือกที่ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกทางไหนดี」
「นั่นสินะครับ……」
อยู่ดีๆ เขาก็พูดเรื่องจริงจังขึ้นมาซะงั้น จากน้ำเสียงของเขาแล้วฉันคิดว่าจากนี้คงจะคุยเรื่องที่มีสาระสำคัญแหง
「เมื่อคนเราต้องเผชิญเรื่องแบบนี้….ส่วนตัวแล้วฉันคิดว่า การเหมามันทั้งหมดก็ไม่เลวหรอกนะเออ」
「เอ่อ รู้สึกเหมือนมันจะแปลกๆ นะครับ」
「ดังนั้นฉันอนุญาต」
「ครับ……? 」
ฉันอดสงสัยไม่ได้ว่าได้รับอนุญาตอะไรจากพ่อของคิราระ
แต่ครอบครัวของอามัตสึกะก็แปลกกันอยู่แล้วดังนั้นฉันเลยไม่พยายามจะเข้าใจ
ไม่นานนักฉันก็ขึ้นไปชั้สองแล้วปลุกคิราระกับคนอื่นๆ เหมือนเป็นปกติ จนฉันยังสงสัย
●
หลังคิราระกับพวกเด็กๆ ไปโรงเรียน ฉันกับอัลฟ่าก็ตัดสินใจออกไปข้างนอกเป็นครั้งแรกในรอบสัปดาห์
แน่นอนว่าฉันสวมหมวกขณะออกไปข้างนออกด้วยเพราะไม่อยากจะให้อัลฟ่าใช้พลังมากนัก
『จะออกไปแบบนี้ไม่ได้นะจ๊ะ…!! พวกเธอทั้งสองคนเดี๋ยวฉันจะให้ยืมเสื้อผ้านะ!』
พอรู้ว่าพวกฉันจะออกไปข้างนอกโคโยมิซังก็เอาเสื้อผ้าดีๆ มาให้ฉันใส่ โดยฉันได้ชุดของโอมะซังส่วนอัลฟ่าใช้เสื้อของคิราระ
「เสื้อของคิราระใหญ่ชะมัด」
「ดูห่างๆ แล้วเหมือนเด็กผู้ชายเลยแฮะ」
อัลฟ่าสวมสเวตเตอร์ตัวใหญ่ พร้อมกับมัดผมเอาไว้พร้อมกับใส่หมวก เธอทำเสียงไม่พอใจนิดหน่อยขณะเอามือล้วงกระเป๋าเดิน
ลุคแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะ ทอมบอยหรือเปล่าหว่า?
「คัตสึมิเองก็เกือบจะโดนให้แต่งคอสเดรสไม่ใช่เหรอ…」
「ตอนที่พวกเขาหยิบวิกออกมาให้ฉันรู้ไหมว่าฉันขนลุกซู่ขนาดไหน」
ไอ้ตอนแรกก็สงสัยว่าไปเอาวิกพวกนี้มาจากไหน แต่พวกเขาก็บอกว่าเก็บไว้แต่งวันฮาโลวีน
แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนสำหรับฉันที่เป็นผู้ชายจะไปให้แต่งหญิงมันก็ไม่ไหวป่าว อาจจะตกเป็นเป้าสายตากว่าเดิมอีก
สุดท้ายฉันก็เลยใส่ชุดของโอมะซังที่โวยวายว่าจะให้ฉันคอสเดรสออกไปเพื่อเป็นการปลอมตัว
「อัลฟ่า แล้วเธอตั้งใจจะออกไปไหน」
「เอาเป็นร้านกาแฟไซซานัสก่อนละกัน」
「ไซซานัส? ร้านกาแฟ? 」
ยัยนี่สนใจร้านกาแฟกับเขาด้วยเหรอ?
ฉันคิดว่ายัยนี่ก็ตัวติดฉันไม่ห่างเลยนะ แต่ไม่เห็นจะจำได้ว่าเคยไปร้านอะไรพวกนี้มาก่อน
「มันเป็นส่วนที่คัตสึมิน่าจะหลงลืมไปน่ะ ตอนนายเสียความทรงจำนายเคยทำพาร์ทไทม์ แถมก่อนหน้านี้ก็จัดการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของคนที่นั่นด้วยเลยอยากจะไปดูสักหน่อย」
「…รวมถึงคนที่เคยจ้างฉันด้วยเหรอ? 」
「ไม่หรอก ฉันไม่ได้เปลี่ยนความทรงจำของเขา เพราะคิดว่าไม่น่าจะเป็นอะไร」
…หมายความว่าเขาก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉันน่ะสิ?
แม้อัลฟ่าจะดูเชื่อใจเขา แต่ฉันแอบกังวลนิดหน่อยวุ้ย
「ตอนฉันทำงานเป็นไงบ้าง」
「ยิ้มเก่ง ชายหนุ่มท่าทางเป็นมิตรและร่าเริง」
「……」
ไอ้หมอนั่นมันใครฟะ…!
แต่ความเป็นจริงที่ว่าฉันแอบนึกออกซะอย่างงั้นว่าที่เธอพูดมันจริง
อันที่จริงมีถึงขั้นความทรงจำอย่างการฝึกทำอาหารอีก
ฉันเปลี่ยนขบวนรถไฟแล้วไปเมืองใกล้ๆ ที่เป็นที่ตั้งของร้านกาแฟ
หลังเติมตามอัลฟ่าไปได้สักพักก็เห็นร้านกาแฟ…ไม่รู้จะต้องขอบคุณการปลอมตัวนี้ไหม เลยไม่มีใครสังเกตเห็นฉันเลย
「ตรงนั้นแหละคัตสึมิ」
「……อ้า เห็นละ」
ร้านเปิดให้บริการตามปกติ
แอบดีใจนิดหน่อยที่ร้านมันไม่ได้ปิดไปเพราะเรื่องของฉัน
「เข้าไปข้างในกันเถอะ」
「อะ อ้า」
ฉันทำตามที่อัลฟ่าบอกแล้วเปิดประตูร้านเข้าไปข้างใน
ร้านมีบรรยากาศที่ดูเงียบสงบ มาโต๊ะหลายตัวสำหรับแขกมา 2 คนติดอยู่ทางหน้าต่างร้าน ได้กลิ่นกาแฟหอมๆ ติดตรงจมูกจากครัว
「นี่น่ะเหรอที่ฉันคนทำงาน? 」
「ใช่แล้ว แอบดีใจที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนไป มาสเตอร์น่าจะอยู่ในครัว….」
ไม่นานนัก ประตูที่น่าจะเป็นประตูห้องครัวก็เปิดออกแล้วมีคนวิ่งออกมา
หญิงสาวที่สวมผ้ากันเปื้อนลายสิงโตวิ่งมาตรงหน้าของฉันกับอัลฟ่า———
「ร้านกาแฟไซซานัสยินดีต้อนรับค่ะ!!」
「「……」」
เธอเข้ามาทักทายพวกฉันด้วยรอยยิ้มแข็งทื่อชวนอึดอัดใจ
และทันทีที่พนักงานสาวเงยหน้าขึ้นมามองฉัน เธอก็ตัวแข็งไปแล้วยืนนิ่งไม่พูดจาอะไรอก
หายากแฮะเส้นผมสีเขียว
หรือเทรนสมัยนี้เข้ามากันถึงระดับนี้แล้วหว่า ช่วงสามปีที่หายไปอะไรๆ ก็เปลี่ยนไปซะหมดน้อ
「เดี๋ยว?! นะนะนะน นี่นาย..?!」
「หือ? ฉันเหรอ? 」
เมื่อเธอได้สติเธอก็ชี้นิ้วมาที่ฉันแล้วตัวสั่น
อย่าบอกนะว่าการปลอมตัวของฉันถูกรู้เข้าแล้ว?
「มะมะมะ ไม่จริงน่า!? 」
ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อก่อนจะวิ่งหนีกลับไปข้างหลังร้าน
「…มาสเตอร์ของร้านเหรอ? 」
「ไม่ใช่หรอก นั่นพนักงานใหม่มั้ง มาสเตอร์เป็นผู้ชายน่ะ แถมน่าจะเป็นคนที่นายรู้จักด้วย」
「ฉันอ่านะ? 」
ถึงจะไม่ได้อยากพูดให้ใครฟัง แต่มิตรสหายรอบตัวฉันมันน้อยเหลือเกิน
ขนาดที่โรงเรียน คนเดียวที่พูดคุยกับฉันก็มีแค่โคโนฮานะที่นั่งข้างกัน
「เดี๋ยวเถอะเธอนี่ พนักงานที่ไหนเขาหนีลูกค้ากันเล่า…หืม? 」
ชายวัยประมาณ 30 เดินออกจากครัวมาด้วยอาการสับสน
เขาสวมชุดขาวดำเหมือนบาร์เทนเดอร์ เมื่อเห็นใบหน้าของฉันเขาก็ถึงกับเบิกตากว้าง
ทางฉันเองก็รู้จักเขาจริงด้วยแฮะ
「ชินโดซัง? มาทำอะไรอยู่ที่นี่กันครับ? 」
หนึ่งในสมาชิกของกองกำลังป้องกันตัวเองที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับฉันตอนจัดการเจ้าสัตว์ประหลาดแม็กม่า
เจอกันครั้งล่าสุดก็คือตอนอยู่บนฮอ แต่ไหงตอนนี้มาเป็นเจ้าของร้านกาแฟซะงั้น
「…..ความทรงจำของนายคงกลับมาแล้วสินะ จากลักษณะการพูด」
「เดี๋ยวก่อนนะ นี่ผมเคยทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่มาก่อนเหรอ? 」
「ก็ตามนั้น…เอาเป็นว่านั่งลงก่อนสิ」
อัลฟ่าบอกว่าเป็นคนที่ฉันน่าจะรู้จัก แต่คาดไม่ถึงเลยแฮะว่าจะเป็นเขา
ฉันนั่งลงตามที่ชินโดซังบอก ก่อนเขาจะเอากาแฟมาเสิร์ฟ
「ว่าแต่เด็กคนนั้นล่ะครับ? คุณจ้างพนักงานใหม่เหรอ? 」
「อ้า…ก็ใช่แหละ จ้างมาหลังจากพวกนายหายไปนั่นแหละ ดูจากสถานการณ์ฝั่งนายแล้วคงไม่มีภาพจะกลับมาทำไหวหรอก」
แอบน่าตกใจตรงที่เธอคนนั้นวิ่งหนีฉันไปนี่แหละ
「ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับยัยนั่นหรอก นอกจากนี้ความทรงจำนายกลับมาแค่ไหนล่ะ? 」
「จำตอนที่เป็นคัตสึกิ ชิราคาวะไม่ค่อยได้เลยครับ」
「เสียความทรงจำแล้ว ก็ต้องมาเสียความทรงจำอีก ชีวิตนายดูจะลำบากลำบนเหลือเกิน」
บางทีเขาอาจจะรู้จักฉัน พอเห็นฉันก็เลยจ้างละมั้ง
แต่เดี๋ยวก่อนนะ เขาก็ไม่น่าจะรู้ตัวตนของฉันเพราะอัลฟ่าไม่ใช่เหรอ?
「แล้วนายไปเจอชิราคาวะมาหรือยัง? 」
「ชิราคาวะ? ผม? 」
「เอ้า ก็นายเป็นน้องชายของเธอนี่……」
สงสัยจะเป็นเรื่องของพี่สาวในความทรงจำประหลาดนั่น
ฉันไม่ได้รู้สึกโมโหอะไรที่เธอเรียกตัวเองว่าเป็นพี่สาวของฉันในตอนที่เสียความทรงจำไปหรอก แถมในหัวยังบอกอีกว่าฉันควรไปเจอเธอ
「อัลฟ่ารู้ไหมว่าเธออยู่ที่ไหน? 」
「ก็รู้อยู่หรอกแต่……」
「งั้นเดี๋ยวไว้ค่อยไปเจอเธอละกัน อาจจะต้องเตรียมอาหารไปฝากเพราะ….หือ」
ปากของฉันพูดไปเอง
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกมาเหมือนเป็นเรื่องปกติ
「เอาเป็นว่าเรื่องของนายเดี๋ยวฉันเหยียบไว้ให้เอง」
「ขอบคุณครับ」
「อ้า ทีนี้ก็กินข้าวซะ ฉันไม่คิดเงินหรอก」
「เอ๋ แต่ว่า……」
ฉันตั้งใจจะปฏิเสธการทานข้าวฟรี ทว่าชินโดซังก็โบกมือเหมือนบอกไม่รับ
「พวกฉันเป็นหนี้นายอยู่ด้วยดังนั้นไม่ต้องใส่ใจ」
「ชินโดซัง……」
เขาเดินกลับเข้าไปในครัวก่อนที่ฉันจะมองดูมือของตัวเอง
ความทรงจำที่ปนเปกันนี่มันอะไรกันฟะ
ชื่อที่ฉันไม่คุ้นเคย พวกสัตว์ประหลาดที่ฉันไม่เห็นจำได้ว่าไปเอาชนะมัดตอนไหน
「ปนกันไปหมดเลยวุ้ย……」
แอบสงสัยเหมือนกันว่าจะเป็นยังไงถ้าฉันจำมันได้ทั้งหมด
เมื่อความทรงจำตอนเป็นคัตสึมิ โฮมุระกับคัตสึกิ ชิราคาวะผสานกันเป็นหนึ่ง สภาพฉันตอนนั้นจะเป็นยังไงน้อ
「หือ……。……ชิ!」
「เกิดอะไรขึ้นเหรอคัตสึมิ อยู่ดีๆ ก็ลุก? 」
มีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา
จิตสังหารที่น่าขนลุก
ฉันรู้สึกขนลุกเหมือนกับตอนที่โดนพวกสัตว์ประหลาดเข้ามาโจมตี
ฉันบอกอัลฟ่าก่อนจะจับอุปกรณ์แปลงร่างตรงข้อมือ
「อัลฟ่าช่วยปิดบังด้วยพลังเธอที」
「! เข้าใจแล้ว แล้วนายล่ะ? 」
「ฉันจะออกไปดูแลข้างนอกก่อน」
ฉันรีบวิ่งออกมานอกร้านพร้อมกับถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปตามถนน
「……」
ในระหว่างที่ฉันกำลังจะเดินไปตรงหัวมุมหนึ่ง ก็มีใครบางคน คว้าแขนของฉันเอาไว้ พอหันกลับไปก็พบว่าเป็นหญิงสาวผมสีเขียว
「…นายเคยเป็นพนักงานที่นี่กับเขาด้วยเหรอ」
「เธอมันพนักงานร้านนี่!!」
ทำไมพนักงานของร้านชินโดซังตามมาล่ะ
หรือว่าจริงๆ แล้วเธอจะไม่ใช่พนักงานตัวจริง?
「เป็นเกียรติที่ได้พบ อัศวินดำ」
เสียงดังมาจากทิศตรงข้ามฉัน
เมื่อหันกลับไป ก็พบว่าเป็นคนที่สวมสูทคล้ายกับจัสติสครูเซเดอร์ยืนอยู่
สูทสีแดงกับน้ำเงิน
「….พวกแกเองสินะที่ปล่อยความรู้สึกน่าขนลุกออกมา」
「ลำดับแห่งดวงดาราที่ 11 ขบวนการ 5 สี เซไคเซ็นไต มอทัลเรด」
「———」
「ส่วนคนที่อยู่ข้างๆ ฉัน ลำดับที่ 12 มอทัลบลู ยินดีที่ได้รู้จัก!」
….มีแค่สองเหรอ? ไอ้ขบวนการเซ็นไตนี่แล้วอีก 3 มันหายไปไหนฟะ?
「อึก เซไคเซ็นไต…?! ทำไมเจ้าพวกโรคจิตนี่มาดาวโลกได้ล่ะ?!」
「หือ เธอรู้จักพวกมันด้วยเหรอ? 」
「อ่ะ เอ่อ ฉันจะไปรู้จักพวกมันได้ยังไงกัน ไม่เคยเจอกันมาก่อนด้วย!」
…สีหน้าหล่อนมันฟ้องหมดแล้วเฟ้ย
ถึงยัยนี่จะทำตัวแปลกๆ แต่เอาเป็นว่าสนใจเจ้าสองตัวข้างหน้าก่อนละกัน
「นายเองสินะอัศวินดำที่เขาลือกัน ได้ยินเรื่องน่าสนใจของนายมาเยอะเลย!」
「……」
「พวกที่เหลือมาช้ากันจังเลยน้า เอาเป็นว่าระหว่างรอก็มาเจอกันฉันก่อนละกัน!」
「……」
『ARE YOU READY? 』
『NO ONE CAN STOP ME!!』
ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของไอ้พวกนี้เลยสักนิด ก่อนจะทำการแปลงร่าง
เมื่อเกิดสนามพลังงานรอบตัวฉัน ไอ้สองตัวตรงหน้าก็เริ่มตั้งท่าระวัง
『TYPE 1! ACCELERATION!!』
『EVOLUTION!!』
『STRONG!!』
『INVINCIBLE!!』
『SUPER!!』
『CHANGE → TYPE 1!!』
เลข 1 ถูกสลักเอาไว้ตรงอกของฉัน
เมื่อเห็นฉันใสร่างโปรโตสูทฉบับปรับปรุง มอทัลเรดก็ส่งเสียงตกใจออกมา
「ถ้าฉันสู้กับนายที่นี่ พื้นที่รอบๆ คงได้เละไม่เหลือแน่ นายเองก็เป็นผู้ผดุงความยุติธรรมใช่ไหมล่ะ ดังนั้นพวกเราไป———」
ฉันพุ่งตัวผ่านมอทัลเรดก่อนจะใช้ฝ่ามือเป็นดาบในการฟันหัวมันทิ้ง
มอทัลบลูที่เห็นหัวของมอทัลเรดปลิวไปก็แสดงอาการตกใจออกมา แต่ฉันก็ไม่รอช้าประเคนหมัดกระซวกเข้าไปที่หน้าอกของมันให้ตายคาที่
「ก็แค่ฆ่าพวกแกให้หมดก่อนพื้นที่รอบๆ จะถูกทำลายสิฟะ」
「…สมแล้วที่เป็นอัศวินดำ…..ขนาดพวกลำดับสูงๆ ยังจัดการได้ง่ายๆ …」
หญิงสาวผมสีเขียวจ้องมองฉันที่ยืนข้างศพเจ้าพวกนี้ด้วยท่าทางตกใจ
แค่นี้ก็ปิดไปอีกหนึ่งคดีละมั้ง?
「นายบาดเจ็บตรงไหนไหม? 」
「อ้า ไม่เป็นไร……」
「ให้ตายสิ พวกลำดับแห่งดวงดาราเกือบหลักเดียวก็ยังเอานาย…เดี๋ยวนะ」
หญิงสาวแสดงอาการตกใจออกมา ทางฉันเองก็รีบหันไปดูศพที่นอนนิ่งอยู่ตรงพื้น ก่อนจะพบว่ามันกลายเป็นตุ๊กตาจักรวล
「อย่างที่คิด! สมแล้ว! อัศวินดำ!」
ฉันรีบหันขึ้นไปข้างบนที่เสียงส่งมา ก่อนจะพบว่ามันคือมอทัลเรดกับมอทัลบลูที่ฉันฆ่าตายไปก่อนหน้านี้
พวกมันทั้งสองขี่ยานบินแล้วเริ่มพูดกับพวกเราต่อ
「คาดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าร่างนั่นจะถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย!」
「……」
「ตอบโต้อะไรไม่ได้เลยสักนิด…หึหึ นี่แหละ ศัตรูตัวฉกาจที่พวกเราตามหา!」
「หา? 」
พูดอะไรของพวกมันวะ
ศัตรูที่ตามหาอะไรของมัน
「เหมือนกับนายเป็นที่ฮีโร่ของโลกนี้ไง ฮีโร่น่ะจำเป็นต้องมีศัตรูที่คู่ควรสิ หรือก็คือนายน่ะเป็นศัตรูที่พวกเราทั้ง 5 คนต้องร่วมมือกัน ใช่ไหมล่ะบลู!」
「อ่ะ…… อ่ะ…… ไม่นะ พอแล้ว ช่วยฆ่าฉันที」 (ภาษาต่างดาว)
「เข้าใจแล้ว! นายเองก็คิดเหมือนกับฉันสินะ!!」
ฮีโร่?
ฉันมันเป็นพวกสารเลวดังนั้นหากพวกมันจะทำตัวเป็นฮีโร่แล้วมองว่าฉันเป็นศัตรูก็ไม่ขัดอะไรหรอกแต่มาบอกว่าฉันเป็นฮีโร่เนี่ยนะถามจริง
อย่างน้อยฮีโร่ที่ฉันรู้จักก็ไม่มีทางมาทำอะไรแบบนี้หรอก
สิ่งที่พวกฮีโร่ต้องการจริงๆ ไม่ใช่ศัตรูที่คู่ควร แต่เป็นวิถีชีวิตที่สงบสุข ซึ่งทุกคนสามารถหัวเราะด้วยกันได้อย่างมีความสุข
「คราวนี้ถือว่าเป็นบทโหมโรง เริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ของพวกเรา เพื่อใช้เป็นเชื้อไฟในการต่อสู้ครั้งถัดไป!」
「…ไอ้พวกแมลงวันขี้แพ้นี่พ่นอะไรออกมาฟะ」
ฉันกระโดดขึ้นไปตามตึกแล้วเตะอัดมอทัลเรดทว่ามอทัลเรดก็ใช้ร่างของมอทัลบลูเป็นโล่กำบังการเตะของฉัน
ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่สามารถทนแรงปะทะได้จนกระเด็นร่วงไปตรงถนนทั้งสองหน่อ
「อั๊ค!? 」
「พวกเอ็งต้องรอให้รวมพลังกัน 5 คนถึงจะเก่งหรือไงฟะ อ่อนชิบ….」
แต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ฉันต้องปล่อยให้ไอ้สองตัวนี้มันรอดไปรวมทีม
ฉันกระโดดตามมันลงมาแล้วหันไปหาหญิงสาวผมสีเขียวที่ตกใจอยู่
「นี่ พนักงานเสิร์ฟ เธอชื่ออะไร? 」
「ฉันเหรอ? เอ่อ คอส…ไม่สิ ฉัน โซระ โคมิโดริ」
โซระ โคมิโดริ หื้ม
ชื่อแปลกหน่อยๆ วุ้ย
「โซระ จากนี้ไปฉันจะลากพวกมันออกจากที่นี่ แต่ไม่รับประกันถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้น 」
「อะ อื้อ」
「ดังนั้นเธอรีบหนีไปจะดีกว่า」
「หือ!? 」
ฉันไม่รอคำตอบของเธอ แล้วพุ่งตัวไปหาไอ้ตัวที่ฉันเตะพวกมันร่วงลงมา
สายลมพุ่งออกมาจากการเคลื่อนไหวของฉันไปหามอทัลบลูที่ยังนอนเจ็บอยู่ กับมอทัลเรดที่ลุกขึ้นมาได้แล้ว
「แข็งแกร่งชะมัด! ฉันไม่เคยเจอศัตรูที่แกร่งขนาดนี้มาก่อนเลย!!」
「นั่นคำพูดของคนที่ใช้เพื่อนเป็นโล่เหรอฟะ」
「หา? จะเป็นอย่างงั้นไปได้ยังไงกัน! เขาเสี่ยงชีวิตเพื่อปกป้องฉันต่างหาก!!」
มันพ่นอะไรออกมาฟะ
ว่าแต่ไอ้นี่มันร่างจริงของมันไหมนะ?
ถ้าไม่ใช่การที่มันยังใจเย็นอยู่ก็อาจจะเพราะไม่กลัวตายก็ได้มั้ง
「เพราะฉันนั้นฉันจะไม่ยอมแพ้!! แม้จะมีศพพวกพ้องกองอยู่ตรงหน้าขนาดไหน ฉันก็จะเอาชนะนายให้ได้!!」
「……เออๆ พ่นจบหรือยัง? 」
ฉันกำหมัดเอาไว้แน่นขณะรู้สึกหงุดหงิดกับคำพูดที่เหมือนอ่านบทละครของมัน
ไม่สำคัญหรอกว่าร่างจริงจะอยู่ไหน
สิ่งที่ฉันต้องทำก็แค่กระทืบมันไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตวิญญาณของมันจะแตกสลาย
「———พอกันแค่นี้แหละ」
ในขณะที่มอทัลเรดหยิบดาบสีแดงออกมา ฉันก็เตรียมจะยัดหมัดใส่อีกฝ่าย ลำแสงสีส้มก็พวยพุ่งลงมาจากบนท้องฟ้า บินเข้าไปหามอทัลเรดพร้อมกับเสียงดังลั่น
「อึก? 」
ร่างสีส้มนั้นได้ยิงแท่งบางอย่างทะลวงร่างของมอทัลเรดด้วยความร้อนสูงโดยที่อีกฝ่ายไม่สามารถตอบสนองอะไรได้เลยก่อนจะทิ้งร่างนั้นลงพื้น
นอกจากนี้หลังแรงกระแทกนั้นยังเกิดเสาเข็มที่เป็นเหมือนการสร้างกำแพงขึ้นมากันฉันกับอีกฝ่ายไว้ด้วย
「ไม่จริง!? 」
「ขอโทษทีนะจ๊ะ แต่รู้ไหมว่ามันน่าปวดหัวหากพวกลำดับสูงๆ มาใช้ความรุนแรงในที่แบบนี้」
「ทะ ท่านซันนี่……!? 」
ไรเดอร์สีส้มบินลงมายืนอยู่ข้างๆ ร่างของมอทัลเรด
ทั้งลำตัวของอีกฝ่ายถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเกราะขนาดใหญ่พร้อมกับปีกที่สามารถโอบกอดทั้งร่างได้จากข้างหลัง
หัวและบริเวณดวงตาข้างซ้ายของเขาถูกปิดไว้ด้วยปีก มีเพียงดวงตาข้างขวาที่โผล่ออกมาพร้อมกับส่องแสงสีฟ้าจากภายใน
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คงจะเป็นอาวุธที่ติดอยู่ตรงแขนขวาของเขาที่คล้ายกับเครื่องตอกเสาเข็ม นั่นน่าจะเป็นอาวุธที่ใช้โจมตีมอร์มัลเรดก่อนหน้า
「ปลดการเชื่อมต่อแล้วกลับไปยังร่างหลักเสีย นี่คือคำสั่ง」
「……เข้าใจแล้วครับ」
ร่างของมอทัลเรดก็โดนกระซวกแน่นิ่งไป
ว่ากันตามตรงฉันไม่สนใจว่าไอ้หมอนี่มันจะสู้ต่อได้ไหมหรอก
แต่ปัญหาใหญ่คือคนที่ปรากฏตัวมานี่แหละ
『คัตสึมิ หมอนี่……』
「อ้า」
อาวุธติดอยู่ที่มือของมันเพียงอันเดียว
ทว่าเสาเข็มที่ตอกลงมากันฉันและทะลวงร่างของเรดมีมากกว่า 30 เสา
เหนือสิ่งอื่นใดคือแรงกดดันที่ปล่อยออกมาจากอีกฝ่าย มันบอกได้ชัดเจนเลยว่าหมอนี่แข็งแกร่งกว่ามอทัลเรดเป็นฟ้ากับเหว
「เฮ้อ ไม่ไหวๆ ….ชอบสร้างปัญหาเสียจริงเจ้าพวกนี้ คิดจะมาทะเลาะกันตรงนี้จริงเหรอเนี่ย เสียสติไปแล้วสิน้า」
「โฮ่ย」
「หือ? อ้อ ขอโทษทีจ้า ไม่ได้ตั้งใจจะเมินนะ 」
ไรเดอร์สีส้มหันมาหาฉันก่อนจะปลดอาวุธที่คล้ายเครื่องตอกเสาเข็มจากแขนขวาให้หายไปกลายเป็นอนุภาคแล้วก็ยกแขนทั้งสองขึ้น
「หยุดใช้ความรุนแรงจ้า」
ฉันลดกำปั้นลงเมื่ออีกฝ่ายปลดอาวุธของตัวเองทิ้งไปราวกับบอกว่ายอมแพ้
「หือ? เชื่อด้วยเหรอ? 」
「แกแข็งแกร่ง แต่สัมผัสไม่ได้ถึงความเป็นศัตรู」
ฉันตัดสินใจเชื่อตัวเอง
หมอนี่แข็งแกร่งมาก
หากได้สู้กันจริงๆ ความเสียหายที่เกิดขึ้นรอบๆ คงไม่ใช่เล่นๆ
「แกเป็นใครกันแน่」
「ฟุฟุ ฉันซันนี่เองจ้า ถึงจะเคยบอกชื่อนี้ให้นายได้ยินก่อนเสียความทรงขำก็เถอะ」
การแปลงร่างของเขาถูกปลดออก ก่อนที่นกจักรกลสีส้มจะบินออกมาจากอุปกรณ์ตรงแขนของเขา
ปรากฏเป็นชายร่างยักษ์ให้ฉันเห็น
「……ชิ!? 」
「เดี๋ยวก่อนสิ?! ไม่หยาบคายไปหน่อยเหรอที่แสดงท่าทางระวังตัวกว่าเดิมหลังฉันปลดการแปลงร่างไปแล้วน่ะ?!」
「สัตว์ประหลาด!? 」
「สาวน้อย」
「กะเทยยักษ์……!? 」
「สาวน้อยย่ะ!!」
ถามจริง……?
ฉันลดกำปั้นของตัวเองลงอีกครั้ง ก่อนที่ซันนี่จะเดินเข้ามาหาฉันอย่างเป็นมิตร
「ตอนนี้เรารีบออกจากที่นี่กันดีกว่าไหม? นายเองก็ไม่อยากจะให้อะไรมันวุ่ยวายสินะ? 」
「อะ อื้อ」
เขาแสดงท่าทีสนิทสนมแปลกๆ ทางฉันเองก็สบายใจจนสงสัยว่าหมอนี่เป็นฝ่ายศัตรูจริงเหรอ?
ฉันปลดการแปลงร่างและรักษาระยะห่างเอาไว้นิดหน่อย
แต่ต้องรีบออกจากที่นี่แล้วสิ เสียงการต่อสู้ก็ดังพอสมควร เดี๋ยวคนได้โผล่มากันเต็มไปหมดแหง
「……แกจะไปไหนน่ะ」
「ร้านกาแฟประจำน่ะ」
……。
「ร้านไซซานัสเนี่ยนะ? 」
「ถูกต้องแล้วจ้า เพราะมาสเตอร์ร้านนี้ได้ขโมยหัวใจของฉันไปแล้วนี่นา」
ชินโดซัง….อย่าบอกนะว่าเขาเป็น….?!
ฉันถอยห่างจากซันนี่ที่ดูอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม ก่อนจะอดตกใจจนตัวสั่นไม่ได้เมื่อพบความจริงนี้ ใครจะไปคาดคิดว่าคนที่เคยช่วยฉันตอนสัตว์ประหลาดแม็กม่าจะมีรสนิยมประมาณนี้
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code