อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 69 ชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไป (มุมของเยลโล่)
คัตสึมิคุงได้รับอนุญาตให้อยู่ที่บ้านของฉัน
ตอนแรกก็แอบทำใจเอาไว้แล้วแต่ประธานกลับอนุญาตให้อยู่ซะอย่างงั้น
พ่อกับแม่ก็ยอมรับเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คัตสึมิคุงกับอัลฟ่าก็ไม่มีที่ไป พอทุกอย่างมันลงตัว ฉันก็เลยต้องปวดหัวในหลายๆ ความหมาย
หลังทานข้าวเย็นเสร็จฉันก็กลับไปยังห้องนอนพร้อมกับความรู้สึกกังวลว่าหากอากาเนะกับอาโออิรู้เรื่องเข้าฉันจะเป็นยังไง
「———ราระ。……คิราระ」
「หือ นานากะ? เช้าแล้วเหรอ…? 」
ฉันถูกปลุกโดยนานากะน้องสาวของฉัน ก่อนจะลืมตาตื่นขึ้นมา
ทว่าความแปลกคือเสียงที่ควรจะเป็นน้องสาวกลับเป็นเสียงของชายคนหนึ่งแทน
「โฮ้ย เช้าแล้วนะ ถ้าไม่รีบตื่นเดี๋ยวจะสายนะเออ? 」
「……」
「หืม? 」
「คัตสึมิคุง? 」
「อะ อื้อ? 」
คัตสึมิคุงกำลังยืนอยู่ข้างเตียงที่ฉันใช้นอนหลับอยู่ ร่างของฉันเด้งขึ้นจากเตียงทันทีราวกับโดนน้ำเย็นสาดใส่
ขณะจัดเสื้อผ้าและผมให้เรียบร้อย ฉันก็ถามเขาในขณะที่เขาหันหน้าหนีไปทางอื่น
「ทะ ทำไมนายมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?!」
「ก็ไม่อะไรหรอก แม่ของเธอฝากให้ฉันมาปลุกน่ะ…ทั้งที่ปฏิเสธไปแล้วว่ามันดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ แต่แม่เธอก็เอาแต่บอกว่ามีแค่ฉันคนเดียวที่ทำได้ๆ สุดท้ายก็ตามนั้น」
「ถ….โถ่ คิดอะไรของเค้ากัน!」
ไม่เข้าใจเลยว่าแม่คิดอะไรอยู่ในหัวกัน!!
เสียงก่นด่าภายในใจของฉันมีเป็นหมื่นล้านคำ
เมื่อเห็นท่าทางของฉันแล้วเขาก็ยิ้มออกมาก่อนหันกลับไปที่ประตู
「เอาเป็นว่าเธอก็ตื่นแล้วฉันขอตัวนะ」
「อะ อื้อ! ขอบคุณ!!」
「ถ้างั้น ฉันไปปลุกอัลฟ่ากับคนอื่นต่อละกันら」
「ชะ โชคดีนะ!」
เฮ้อตื่นเช้ามาก็มีเรื่องให้ปวดหัวทันที
เห็นทีต้องไปบ่นกับแม่สักหน่อย
ว่าแล้วฉันก็ลงไปที่ห้องทานข้าวข้างล่าง
「แม่……!」
ลงไปก็เจอกับแม่ที่เตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนอยู่
ราวกับสังเกตเห็นฉันแล้วเหมืนกัน แม่จึงหันมาแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
「ฟุฟุ ชอบหรือเปล่าจ๊ะ? เป็นยังไงบ้างแผนการอันชาญฉลาดของมาม๊า? 」
「อย่างน้อยก็ทำให้มันเนียนหน่อยเถอะ!」
คิดอะไรบ้าบออยู่กัน
แต่ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธเธอคนนี้
「เอาเป็นว่าช่วยหยุดเถอะ หนูไม่ได้ชอบอะไรแบบนี้สักหน่อย!」
「เอ๋ ทำไมกันล่ะ มาม๊ากะจะให้เขาทำทุกวันเลยแท้ๆ? 」
「ไอ้คำประกาศแสนน่ากลัวยิ่งกว่าคำขู่ของสัตว์ประหลาดนี่มันอะไรกัน…!!!」
หากได้เจอแบบนี้ทุกวันฉันคงได้ตายแหง
อย่างน้อยก็ค่าสตินี่แหละที่สูญสิ้นก่อน
จากนั้นแม่ก็วางไข่ดาวที่ดูสวยงามลงบนจานก่อนเอามือมาวางบนไหล่ฉัน
「คิราระ มาม๊ารู้นะว่าหนูเป็นสาวน้อยขาแน่นในห้วงรักเหมือนการ์ตูนโรแมนติกที่พอเจอของจริงก็ทำตัวไม่ถูก」
「ขาแน่นอะไรของแม่กัน!」
พูดจี้ใจกันเหลือเกิน…!!
ฉันโวยวายให้กับคำพูดของแม่ ก่อนจะมองสายตาเธอที่ดูต้นขาของฉัน เห็นแบบนั้นฉันก็รีบเอามือมาปิดไว้
「แหม แหม ดูยังไงก็อวบแน่นดีจะตาย」
「อวบแน่นดีจะตายอะไรของแม่!? 」
「ทุกวันนี้กระแสแนวนี้กำลังมา ลูกไม่รู้หรือไงจ๊ะ? 」
「ไม่เห็นจะดีใจ……」
ทำไมต้องถูกแม่ของตัวเองพูดจาแบบนี้ใส่ตั้งแต่เช้าตรู่กันนะ
「อย่างน้อยลูกก็ควรจะคิดเกี่ยวกับข้อได้เปรียบนี้หน่อยน้า ถึงจะชอบบอกว่าเกลียดรูปร่างแบบนี้ แต่ลึกๆ ลูกก็แอบใช้ประโยชน์จากมันนี่นา」
「ทำไมฟังแล้วมันยิ่งแย่กว่าเดิมเนี้ย!? 」
「ร่าเริงแต่เช้าเลยเนอะ」
「ก็คิดว่าเป็นฝีมือของใครกันยะ!? 」
แม่คนนี้ของฉันคาดเดาไม่ได้จริงๆ
แถมการที่เธอมองฉันออกหมดมันก็น่ากลัวในหลายๆ ความหมาย
「ลูกไม่รู้ตัวสิน้า ว่าตัวเองเป็นประเภทมองดูคนที่ตัวเองชอบไปคบกับคนอื่น ส่วนตัวลูกก็ทำได้เพียงยิ้มส่งให้เขา แต่สุดท้ายก็มาจมอยู่กับความเสียใจแล้วร้องไห้คนเดียว」
「คิดจะพูดอะไรกับลูกสาวตัวเองอีก……? 」
「ก็อยากจะบอกว่า ระวังจะเสียใจที่อนาคตไม่เจอคนที่ดีกว่าเขา สุดท้ายก็ขึ้นคาน———」
「ก็ถึงได้ถามไงว่าคิดจะพูดอะไรกับลูกสาวของตัวเอง?!」
ฉันพูดคำเดิมออกมาถึงสองรอบ
เห้อ หัวจะปวดพอต้องมารับมือกับแม่แบบนี้
「ไม่เป็นไรหรอกเนอะ ———เดี๋ยวค่อยแย่งมาเอาก็ได้」
「ชักจะสับสนแล้วสิว่าสถาบันครอบครัวมันเป็นอะไรกันแน่」
「หรือว่าลูกอยากจะเป็นมือที่สามแทน? 」
「นั่นมันสิ่งที่คนเป็นพ่อแม่ควรพูดเหรอยะ?!」
ทำไมแม่คนนี้ถึงได้พูดอะไรแปลกๆ ออกมาได้สบายใจเฉิบกัน
ยิ่งคุยกันก็ยิ่งหัวจะปวดกว่าเดิม เอาเป็นว่าลืมๆ มันไปก่อนละกัน
ไม่นานนักอัลฟ่าก็เดินลงมาจากห้องพร้อมขยี้ตาในสภาพงัวเงีย ตามมาด้วยคัตสึมิคุงที่อุ้มโคตะเอาไว้และมีนานากะเกาะข้างหลัง
「ปลุกครบทุกคนแล้วครับ」
「ขอบใจนะจ๊ะ คัตสึมิคุง มีคนตื่นเช้าแบบนี้ช่วยได้มากเลย พรุ่งนี้ก็ขอฝากด้วยได้ไหมจ๊ะ? 」
「อะ อื้อ เข้าใจแล้ว」
ฉันถึงกับสะดุ้งเมื่อแม่ยิ้มให้เหมือนบอกว่าพรุ่งนี้ฉันต้องโดนอะไรแบบนี้อีก
***
แน่นอนว่าระหว่างวันฉันก็ยังต้องไปโรงเรียนเหมือนเดิม
แอบสงสัยเหมือนกันว่าคัตสึมิคุงจะทำอะไรอยู่ นอกจากนี้อัลฟ่าจังก็ดูให้ความร่วมมือนั่นนี่จนน่าแปลกใจ
『เดี๋ยวยังไงสักวันเรื่องนี้ก็ต้องแดงออกมา ดังนั้นระหว่างนี้ก็ยอมอยู่ที่นี่ไปก่อนละกัน…』
ดูเหมือนอัลฟ่าจังจะไม่ได้ใส่ใจอะไรเกี่ยวกับที่อยู่มากนัก แต่ก็บอกว่าหากเกิดอะไรขึ้นจะติดต่อมา ฉันเลยอุ่นใจนิดหน่อย
แต่ปัญหาตอนนี้ก็คือ….
「ต้องไม่ให้อากาเนะกับอาโออิรู้เด็ดขาด….」
ฉันนั่งในชั้นเรียนและนั่งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
โชคดีที่อากาเนะอยู่คนละห้อง ส่วนอาโออิอยู่คนละชั้นปี โอกาสที่จะเจอกันหรือรู้เรื่องของฉันระหว่างอยู่โรงเรียนเลยน้อยตามไปด้วย แต่ใช่ว่าจะวางใจได้
ถ้าเกิดพวกเธอรู้เข้า….
『พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ? 』
『พวกเราคือ “เพื่อนซี้” ไม่ควรปิดบัง』
ฉันแน่ใจว่าพวกเธอจะต้องพุ่งไปหาคัตสึมิคุงทันทีโดยใช้เหตุผลว่าเขาคือเพื่อนของพวกเธอมาอ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นฉันคงจะถูกต้มยำทำแกงอะไรก็ไม่อาจทราบได้
ฉันมั่นใจว่าพวกเธอจะต้องทำแบบที่ฉันคิด
เพราะหากเป็นฉันก็คงทำแบบเดียวกัน
「อรุณสวัสดิ์ คิราระ!」
「หือ? โอ้ อรุณสวัสดิ์」
ฉันทักทายเพื่อนร่วมชั้นของฉันกลับไป เธอคนนี้คือ ฮารุ โคโนฮานะ
เธอคือเพื่อนร่วมชั้นที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวของอะไรกับพวกเราจัสติสครูเซเดอร์เลย
「ดีใจจังเลยน้าที่โรงเรียนเปิดตามปกติสักที!」
「นั่นสิ แต่คิดว่าจะนานกว่านี้เสียอีก」
「ส่วนตัวฉันก็ไม่ติดอะไรนะ เพราะวันหยุดเพิ่มยังไงล่ะ!」
เอาจริงๆ ฉันก็ไม่ค่อยดีใจเท่าไหร่ที่โรงเรียนต้องมาเปิดๆ ปิดๆ
นอกจากนี้โรงเรียนแห่งนี้ก็ยังเป็นโรงเรียนที่คัตสึมิ โฮมุระเรียนอยู่
ดังนั้นพวกนักข่าวก็เลยโผล่มาเต็มไปหมดแต่ว่าประธานก็ใช้เวลาไม่นานในการจัดการพวกเขาจนหายไป
「เพราะวีดีโอนั่นกำลังเป็นที่พูดถึงกัน พวกนักข่าวก็เลยไม่กล้าทำอะไรโจ่งแจ้งมั้ง พักนี้เลยไม่ค่อยเห็นหน้า ไม่งั้นได้โดนสังคมตบกลับแหง」
「โลกโซเชียลสมัยนี่แอบน่ากลัวจริงๆ 」
ตั้งแต่คืนนั้น ข้อมูลของคัตสึมิคุงก็โผล่ออกมาเต็มเน็ต
อดีต ภูมิหลัง เรื่องต่างๆ มากมายของคัตสึมิคุงโผล่ออกมาเต็มไปหมดทั้งเรื่องจริง เรื่องไม่จริง แต่ที่หนักสุดก็คงเป็นวีดีโอที่เขาเคยถูกรุมสัมภาษณ์ในอดีตนี่แหละกลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันเป็นวงกว้าง
ดังนั้นหากพวกนักข่าวทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นอีกอาจจะนำพาตัวเองไปสู่สถานการณ์แย่ได้
「ฉันละตกใจจริงๆ ที่โฮมุระคุงคืออัศวินดำ!」
「หือ รู้จักกันด้วยเหรอ? 」
「ก็เคยอยู่ห้องเดียวกันนี่นา」
「เห? 」
「แถมนั่งข้างๆ เขาด้วย」
「เห!? 」
เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินเรื่องนี้
ฉันตกใจที่อยู่ดีๆ ก็รู้เรื่องชวนอึ้ง
「โฮมุระคุงน่ะ อยู่ในสภาพง่วงเหงาหาวนอนตลอดเลยแหละ」
「งั้นเหรอ? 」
「อื้อ นอกจากนี้ฉันว่าเขาน่าจะเป็นคนเห็นผีแหละ เพราะบางครั้งเขาก็คุยหรือโบกมือใส่อะไรบางอย่างราวกับกำลังถูกรบกวน」
อัลฟ่าแอบตามเขามาโรงเรียนด้วยเหรอเนี่ย
ฉันเดาว่าเธอคงจะใช้พลังของตัวเอง ทำตามใจชอบแหง….
「แล้วฮารุคิดว่าเขาเป็นคนยังไงล่ะ? 」
「อื้ม คนดีละมั้ง? 」
「ตอบเหมือนเด็ก 4 ขวบคิดไปไหม……? 」
ถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนแบบนั้นจริงๆ แต่มันก็ควรจะมีอะไรมากกว่านี้ไหม?
「แต่น่าเสียดายจังน้า」
「หืม? 」
「รู้งี้น่าจะคุยกับโฮมุระคุงให้มากกว่านี้สักหน่อย」
「คงไม่ได้คิดอะไรแอบแฝงใช่ไหม? 」
「……ใจจริงสัก 30% ได้มั้ง? 」
เดี๋ยวเถอะ
สุดท้ายสิ่งที่ฉันรู้ก็มีเพียงข้อมูลว่าเขาเคยเรียนอยู่ที่นี่ไม่ได้ใช้เวลาอะไรในโรงเรียนด้วยกัน…พอได้รู้ว่าเขาก็มีช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกันจากคนอื่น หน้าอกของฉันก็เริ่มรู้สึกแน่นขึ้นมาแปลกๆ
***
พอถึงช่วงเลิกเรียน ฉันก็ไปเจอกับอากาเนะและอาโออิแล้วมุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่
ระหว่างนี้ฉันต้องระวังตัวให้ดี ต้องเลี่ยงหัวข้อที่เสี่ยงจะหลุดพูดอะไรออกไป
「ถึงจะรู้ว่าเขาคงสบายดี แต่ทำไมถึงยังหาคัตสึมิคุงไม่เจอกันนะ」
「ประธานยังไม่ยอมแพ้ เราก็ต้องรอกันต่อไป」
ประธานที่รู้ถึงเรื่องราวทั้งหมดได้บอกความคืบหน้าลวงของการค้นหาคัตสึมิคุงให้กับอากาเนะและอาโออิฟัง
คนในสำนักงานก็มีเพียงบางคนที่รู้เรื่องนี้ แต่แน่นอนว่าชิราคาวะจังกับชิโระไม่รู้เรื่องนี้
「ยังไงเดี๋ยวความทรงจำทั้งหมดของเขาก็กลับมา ระหว่างนี้ฉันก็ต้องใจเย็นเข้าไว้สินะ」
แม้อากาเนะจะดูมีกำลังใจที่ดีอยู่ แต่ถ้ารู้ความจริงเธอจะกลายเป็นหญิงสาวที่น่ากลัวสุดๆ
หากฉันหลุดพูดอะไรออกไปคงไม่สามารถทำหน้าที่ในฐานะจัสติสเยลโล่ได้ต่อแหง
「ว่าแต่ คิราระคิดได้หรือยังว่าจะทำอะไรต่อ? 」
「หืม? 」
กว่าจะรู้ตัว หัวข้อการพูดคุยก็เปลี่ยนไปเป็นเส้นทางอาชีพในอนาคต
อนาคตสิน้า
「เอาจริงๆ ฉันก็ยังตัดสินใจไม่ได้หรอก อากาเนะล่ะ? 」
「ฉันก็เหมือนเธอแหละ รู้สึกว่าเรื่องราวตอนนี้มันหนักหนาเกินกว่าจะคิดถึงอนาคตด้วยสิ」
「เข้าใจเลย」
พวกเรานั่งพูดคุยฆ่าเวลากันในห้องขังของคัตสึมิคุง รู้สึกว่ามันจะกลายเป็นสถานที่พบเจอกันของพวกเราไปเสียแล้ว
ส่วนตัวก็ตั้งใจจะเรียนต่อมหาลัยเหมือนอากาเนะหรอก แต่หลังจากนั้นยังนึกไม่ออกเลย
ที่สำคัญการสอบหรือการทำนั่นนี่อาจจะลำบากกว่าเดิมหากเอเลี่ยนบุกมาพอดีระหว่างนั้น
「เห็นประธานเคยบอกว่าจะจ้างพวกเรามาทำงานที่นี่ต่อได้แต่ฉันบอกว่าขอเก็บไปคิดก่อน」
「ส่วนตัวฉันก็ไม่ค่อยอยากทำงานที่นี่เท่าไหร่ แต่อย่างน้อยที่นึกออกก็คืออยากเรียนต่อมหาลัย」
สักวันมันจะต้องมาถึง วันที่โลกไม่ต้องการจัสติสครูเซเดอร์
นั่นคือสิ่งที่เราฝ่าฟัน ดังนั้นเลยต้องคิดเรื่องหลังจากนั้นไว้สักหน่อย
「พวกปี 3 ดูลำบาก」
ฉันเหลือบมองไปทางอาโออิที่กำลังเล่นเกมพกพาอยู่
ดูเหมือนเธอจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้เลย
สงสัยจะเพราะเรื่องของที่บ้านละมั้ง
「บ้านของฉันคือเจ้าของศาลเจ้า ดังนั้นหากไปไหนไม่รอด ก็แค่สืบทอดมาดูแลต่อ」
「ได้ยินทีไรก็แอบเชื่อไม่ลงว่าเธอมาจากบ้านแบบนั้น」
「ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับวิทยาศาสตร์เลยสักนิด」
จากนิสัยของเธอ ทำให้ความจริงอย่างการที่เธอมาจากตระกูลดูแลศาลเจ้ามันชวนฉงนจริงๆ
พลังลึกลับตามหลักวิทยาศาสตร์อะไรของเธอนั่นมันคงเป็นผลมาจากที่ที่เธอเติบโตมาแหง
「แต่ว่าฉันก็ไม่ดีใจหรอก เพราะว่าคาแร็กเตอร์มันเยอะเกินไป」
「หมายถึงอะไรกัน……? 」
「รุ่นน้องในชุดมิโกะสุดเท่ แค่นี้ค่าพลังก็เกิน 600 จุดไปแล้ว ปีศาจซามูไรคลั่งอาบเลือดกับสาวทรงโตภาษาคันไซปลอมๆ มันจะสู้ไม่ได้น่ะสิ สมดุลก็เป็นเรื่องสำคัญนะรู้ไหม? 」
「ถึงจะไม่เข้าใจที่เธอพูดเกินครึ่ง แต่ฉันขอทุบเธอสักดอกได้ไหม? 」
อากาเนะกำหมัดเอาไว้แน่นก่อนยิ้มออกมา
บางทีอาจจะรู้สึกถึงอันตราย อาโออิก็เลยเปลี่ยนเรื่อง
「จะว่าไปเราสัญญากันไว้ว่าปัญหาทุกอย่างจะแก้ด้วยการดวลโปเกมอนกัน」
「ไม่เห็นเคยสัญญาอะไรแบบนั้นไว้สักหน่อย ไม่เอาด้วยหรอก อาโออิชอบใช้แต่โปเกม่อนพิลึกนี่นา ไม่อยากสู้ด้วยหรอก」
「เธอมาเรียกยามิรามิของฉันว่าพิลึกเหรอ? ยอมไม่ได้ งัดโปเกมอนของเธอออกมาซะ…!」
อะไรแบบนี้ดูเป็นเดือดเป็นร้อนจังนะ….
พูดถึงดวลโปเกมอนก็ชวนนึกถึงSmash Bros
เมื่อวานคัตสึมิคุงใช้กานอนดอล์ฟตัวที่เขาเคยใช้มาตลอด เข้าสู้กับนานากะและโคตะ ถึงความทรงจำของเขายังไม่กลับมา แต่คัตสึมิคุงก็ยังเป็นคัตสึมิคุงสินะ
「คิราระเป็นอะไรไปน่ะ? 」
「หือ? 」
「เห็นเธอดูเหม่อๆ 」
เสียงของอาโออิดึงสติฉันกลับมา
เอ๋ ไม่ใช่ว่าเธอกำลังดวลอยู่กับอากาเนะหรอกเหรอ
「อะ อึก โปเกมอนของฉัน….」
「จบแล้วเหรอ……? 」
「ใช่แล้ว ฉันทำการจัดการตัวเอซของเธอด้วยอากิลเดอร์ที่ตั้งชื่อว่าโอลก้าได้อย่างงดงาม」
「ยัยยักษ์มาร」
「นอกจากนี้ ฉันรู้ว่าอากาเนะจะใช้แต่โปเกมอนตัวเมีย ดังนั้นฉันจึงใช้เมโระเมโระ ของยามิรามิในการปิดเกม」
「ยัยปีศาจ」
「แน่นอนว่า ด้วยการเปลี่ยนชื่อยามิรามิเป็น อัศวินดำคุง จึงสามารถสร้างความเสียหายทางจิตใจให้อากาเนะได้ด้วย」
「ยัยมารร้ายยยยยย!!」
การกระทำนี้มันปีศาจชัดๆ
การต่อสู้ที่เลวร้ายจนฉันยังกลัว
「คิราระ ไม่ได้ปิดบังอะไรไว้ใช่ไหม? 」
「อึก ปิดบังเหรอ? 」
「……หื้ม」
หลังอาโออิมองฉันด้วยสายตาสงสัย เธอก็หันกลับไปสนใจเกมต่อ
เดี๋ยวก่อน ทำไมเธอถึงรู้ได้กันล่ะ น่ากลัวชะมัด
「ไม่รู้ทำไมคิราระถึงได้ดูร่าเริงผิดปกติทั้งที่คัตสึมิคุง…ไม่สิรุ่นพี่ยังหายตัวไปแท้ๆ 」
「ไม่จริงสักหน่อย อาโออิเองก็เล่นเกมสบายใจเฉิบเลยนี่」
「อยากจะเห็นชื่อเล่นของโปเกบ็อกฉันไหมล่ะว่าฉันรู้สึกยังไง? 」
「ขอผ่านแล้วกัน รู้สึกเหมือนจะโดนดึงลงขุมนรกแปลกๆ ……」
ใครจะไปอยากเห็นโปเกบ็อกของคนที่ตั้งชื่อยามิรามิว่า อัศวินดำกันล่ะ
「อาโออิพูดก็มีเหตุผลนะ ดูเธอจะอารมณ์ดีแปลกๆ 」
อากาเนะก็เอากับเขาด้วยเหรอ?!
แย่แล้วสิเธอเริ่มสงสัยขึ้นมาแล้ว
「ไม่หรอกๆ ฉันร่าเริงอะไรกัน แต่ฉันมองว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาหายตัวไปเฉยๆ น่ะ….」
「….ก็จริงแต่ฉันรู้สึกว่าวันนี้เธอแปลกๆ ไป คิดไปเองละมั้ง」
「สัมผัสที่หากตามหลักวิทยาศาสตร์ของฉันมันกระซิบบอกมาน่ะ…ขอโทษที」
ยัยพวกนี้น่ากลัวชะมัด
ทำไมอยู่ดีๆ ก็สัมผัสได้ทันทีเลยล่ะว่าฉันปิดอะไรไว้อยู่
ก่อนจะรู้สึกตัวฉันก็ถอยห่างออกมาจากพวกเธอเสียแล้ว
「หื้ม บางทีพวกเราน่าจะไปเที่ยวบ้านคิราระนะ」
「ทำไมอยู่ดีๆ ก็อยากมาล่ะ!? 」
「หืม? หรือมันมีอะไรที่ทำให้ไปไม่ได้」
มันจะเกินไปหรือเปล่าสำหรับความอยากมาเที่ยวบ้านเพื่อนที่ตรงจังหวะเหลือเกิน
ถ้าพวกเธอตามฉันกลับบ้านคงได้เจอคัตสึมิคุงรออยู่แน่ นอกจากนี้ก็มีแม่ที่อาจจะทำอะไรแปลกๆ เกินกว่าฉันจะควบคุมได้อีก
「เอาเป็นวันหยุดหน้าดีไหม? 」
「อื้ม จะเอาขนมอร่อยๆ ไปฝาก」
「ดะ…ดะ…เดี๋ยวสิ….」
เพราะอากาเนะกับอาโออิมักจะมาหาฉันอยู่บ่อยๆ ดังนั้นจะให้ปฏิเสธก็คงจะแปลกกว่าเดิม
หรือจะบอกให้คัตสึมิคุงออกไปข้างนอกในวันนั้นแทนดี?!
ไม่สิหากเป็นยัยพวกนี้แค่กลิ่นของคัตสึมิคุงที่ติดอยู่ในบ้านก็คงได้แหง
「อะไรอีก」
「หรือกำลังซ่อนอะไรเอาไว้อยู่? 」
สรุปคือยัยพวกนี้คิดไปแล้วสินะว่าฉันกำลังแอบซ่อนอะไรเอาไว้?!
ในขณะที่ฉันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากประตูห้องก็เปิดขึ้น
「อ้าว พวกเธอสามคนอยู่ทีนี่เองเหรอ….」
「ชิราคาวะจัง? 」
ชิราคาวะจังมาพร้อมกับหมาป่าจักรกลที่ชื่อว่าชิโระซึ่งอยู่บนหัวของเธอ
รอยคล้ำใต้ตาแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าของเธอ
「ชิราคาวะจังเป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย? 」
「ก็คงบอกว่าโอเคไม่ได้หรอก….พอคัตซึนหายไป ข้าวที่กินได้ก็เหลือแค่ 3 หม้อเอง……」
「ฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่านั่นมันพอยิ่งกว่าพออีก? 」
ปกติชิราคาวะจังกินมากขนาดไหนกันเนี้ย
「ไม่ไหวแล้ววววว……」
ว่าแล้วชิราคาวะจังก็ล้มตัวลงนอนและหลับภายในไม่กี่วินาที
ฉันเดินไปห่มผ้าให้เธอ ท่าทางจะเหนื่อยมากจริงๆ
「……」
หรือฉันควรจะบอกชิราคาวะจังดีนะ
ไม่เหมือนกับหมาป่าตัวน้อยตรงหน้า ถ้าแค่เธอน่าจะไม่เป็นไร เอาเป็นว่าเดี๋ยวลองไปคุยกับประธานละกัน
「โฮก」
「เอ๋? 」
ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ฉันก็เห็นว่าชิโระกระโดดขึ้นมาบนโต๊ะแล้วจ้องหน้าฉัน
มันค่อยๆ ขยับจมูกมาใกล้แล้วเคียงหัวสงสัย ก่อนจะกลับไปนั่งจ้องฉันเหมือนเดิม
…หรือว่ามันได้กลิ่นของเขามาจากตัวฉันเหรอ?
แล้วทำไมมันถึงกลับไปนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรล่ะ?
「เอาเป็นว่ากลับมาที่คุยกันตอนแรก…」
「การเก็บเรื่องลับๆ เอาไว้โดยไม่บอกพวกเรา…เรื่องน่าอาย? 」
แย่ละ…ลืมไปเลยว่าเรื่องที่คุยกันยังไม่จบ!
ชิราคาวะจังหลับไปแล้ว สองสาวก็เริ่มสืบสวนฉันต่อ
หรือฉันจะต้องยอมแพ้เสียแต่ตรงนี้กัน!!
「ฮะ โฮ้ย พวกเธอ ฉันมีข่าวดีมาบอก!!」
「「「!!」」」
ตอนที่ฉันเตรียมใจจะบอกความจริง ประธานก็เดินเข้ามาในห้อง
หรือเขาเห็นว่าฉันจนมุมก็เลยมาช่วยนะ
สภาพที่เขาหายใจหอบขณะพุ่งเข้ามาในห้อง ทำให้อากาเนะกับอาโออิแปลกใจ
「ฉันพบเบาะแสของคัตสึมิคุงแล้ว!!」
「หา เขาอยู่ที่ไหนกัน?!」
「อ้อ!? คะ คือว่า เขาอยู่ที่เอ่อ…เมลเบิร์นน่ะ!!」
「เขาไปทำอะไรตรงนั้นกันคะ!? 」
เห็นได้ชัดว่าอิตาประธานนี่ไม่ได้คิดมาก่อนก็เลยพูดสุ่มๆ ไป
「อากาเนะ เมลเบิร์นก็คือเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลียไง ไม่รู้หรือไงเรื่องแค่นี้? 」
「ทำไมเหมือนฉันถามไปตรงคำตอบซะงั้น!! แต่รู้สึกโมโหชะมัดขอซัดหน้าประธานสักรอบได้ไหมคะ?!」
「ดะ เดี๋ยวสิ!! อะไรกัน เหมือนเขาจะย้ายไปที่อื่นแล้ว บ้าจริงการเกาะรอยของเขานี่มันยากจริงๆ!!」
เอาเป็นว่าตอนนี้หัวข้อที่คุยกันก็เปลี่ยนไปแล้ว
ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกก่อนจะได้ยินเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น
「หือ? แม่เหรอ? 」
ฉันเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ออกมา ระหว่างนั้นสายตาของฉันก็ไปสบกับชิโระที่นั่งอยู่ข้างๆ โทรศัพท์ของฉันในกระเป๋า
「….เอ่อ…ทำไมถึงมาอยู่ในกระเป๋าฉันได้ล่ะ? 」
「โฮก」
「……อย่าบอกนะว่ารู้แล้ว? 」
ชิโระพยักหน้ารับ
เป็นไปไม่ได้ที่จะปิดชิโระสิน้า
แต่ก็ยังดีที่อากาเนะกับอาโออิยังไม่รู้เรื่องนี้!
————-
Note 1 : มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code