อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 67 อดีตและปัจจุบัน
ภาพของพวกพ้องที่ถูกไฟคลอกตายต่อหน้าต่อตาฉัน
พวกพ้องที่ยืนหยัดต่อสู้แม้จะต้องทนทุกข์ทรมาน
และราวมันเป็นการย่ำยีพวกเรา สัตว์ประหลาดที่ใช้พลังแห่งธรรมชาติที่เรียกว่าลาวา ได้ฆ่าพวกพ้องของฉันไปเรื่อยๆ
สัตว์ประหลาดแม็กม่า
พวกเรากำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแห่งภัยพิบัติ พลังของมันเหนือกว่าพวกที่เคยโผล่มาอย่างเทียบไม่ได้
『โอ้ววว!!』
ตอนนี้ฉันอยู่ในปฏิบัติการกำจัดสัตว์ประหลาดแม็กม่า
เป็นปฏิบัติการที่สุดบ้าระห่ำที่ทางบริษัทKANAZAKIเป็นฝ่ายสนับสนุนในเรื่องของกรงขังสัตว์ประหลาดแม็กม่า ซึ่งพวกเราต้องทำหน้าที่นำมันไปทิ้งแถวชายฝั่งแปซิฟิก
แต่ถึงมันจะบ้าขนาดไหนมันก็เป็นแผนการเดียวที่สามารถจัดการกับสัตว์ประหลาดที่ไม่มีวันตายหากยังอยู่บนผืนดิน
「ไซโตะซัง……! ไม่จริง……!!」
แรงระเบิดของพลังที่สัตว์ประหลาดแม็กม่าใช้ ทำให้เศษหินกระจายไปรอบๆ จนมันไปโดนร่างของหัวหน้าซึ่งเป็นเพื่อนซี้ฉัน
มือของเขาได้พยายามคลานมาจับไหล่ของฉันเอาไว้โดยดวงตาของเขายังลุกโชนด้วยไฟแห่งความหวัง แต่ว่าสุดท้ายเขาก็คงสิ้นใจไปเนื่องจากเลือดที่ไหลออกมาทางอกและท้องซึ่งเกิดจากเศษหินแน่
「ชิน!! เร็วเข้ามันยังไม่จบนะเห้ย…!! 」
「แต่ว่า……!」
ตอนนี้เหลือเพียงสองรวมฉันเท่านั้นที่สามารถขึ้นไปปฏิบัติการต่อบนเฮลิคอปเตอร์ได้
ไม่มีทางที่คนสองคนจะใช้เฮลิคอปเตอร์ล้ำยุคที่ไม่เคยใช้งานมาก่อนได้ง่ายหรอก
ทว่ามันก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เปลวไฟได้พวยพุ่งขึ้นมาจากด้านหลังของฉัน
「คึก」
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์ประหลาดฉันก็หันไปดูอัศวินดำที่กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่ปล่อยความร้อนสูงออกมาจนฉันที่อยู่ตรงนี้ยังเหงื่อท่วม
『โอ้ววววว!!』
「……!!」
อัศวินดำกำหมัดยัดใส่ศัตรูด้วยความโกรธเพื่อให้มันถอยไปยังคอนเทนเนอร์เรื่อยๆ
ซึ่งเขาทำแบบนั้นมาหลายชั่วโมงแล้ว
หากเป็นคนธรรมมาคงถึงขีดจำกันหมด แต่เขายังคงยืนหยัดรัวหมัดใส่ต่อไป
『โว้ยยยย!!』
หากเป็นสัตว์ประหลาดตัวอื่นโดนหมัดขนาดนี้ไปยังไงก็ไม่รอด
ทว่าพลังหมัดของเขากลับไม่สามารถสังหารสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่ดูดซับพลังจากผืนโลกมาฟื้นฟูได้
「เขา…เด็กคนนั้นยังต่อสู้อยู่…!!」
「ไซโตะซัง……」
「เรายังมีความหวังอยู่ ที่เหลือฝากด้วยนะ」
ฉันวางร่างของหัวหน้าลงกับพื้น อีกฝ่ายก็กลับตาลงและไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมาอื่น ฉันที่เห็นก็รีบตั้งสติแล้ววิ่งขึ้นฮอไปพร้อมกับเพื่อน
ใช่แล้วเรายังมีความหวังอยู่!
หน้าที่ของเราคือแบกความหวังและความฝันของพวกพ้องที่อยู่ข้างหลัง!
「จะทำให้บินได้ไหมนะ!? 」
「ก็ไม่รู้หรอกเฟ้ย! แต่ยังไงก็ต้องลองดู!!」
「อื้ม งั้นก็ลองดู…ตรงนี้ ตรงนี้ แล้วก็ตรงนี้ อื้ม คิดว่าน่าจะได้แล้วแฮะ เอ้าลองดูซิ」
「ถึงจะไม่เข้าใจเท่าไหร่แต่เหมือนจะได้แฮะ!!」
「จะไปกันรอดไหมนะ?! แต่ช่างหัวมัน รีบบินแล้วยกไอ้ตู้นั่นขึ้นฟ้าได้แล้วโว้ย!!」
「เข้าใจแล้ว」
เฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่ได้โบยบินขึ้นไปในท้องฟ้ายามมืดมิด
นี่ยังแค่เริ่มต้น
แต่จากนี้แหละคือของจริง!!
***
「….เห้อ เผลอหลับไปสินะ」
ฉันผล็อยหลับไปบนเก้าอี้ของร้านที่ปิดไปแล้ว ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้วยืนเกาหัว
ร้านกาแฟไซซานัส ร้านที่ฉันเปิดหลังลาออกมาจากการเป็นคนของกองกำลังป้องกันตัวเอง สถานที่หลบภัยจากเรื่องราวในอดีต
เหตุผลที่สามารถเปิดได้อย่างราบรื่นก็คงต้องขอบคุณคนรู้จักที่ช่วยเหลือหลายๆ อย่าง ยิ่งพวกเขาได้รู้ว่าฉันอยากจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์นั้นพวกเขาก็ยิ่งพยายามช่วยหนักกว่าเก่าอีก
สัตว์ประหลาดแม็กม่า
สัตว์ประหลาดที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าเป็นหายนะที่ทิ้งแผลใจไว้ให้กับผู้คนมากมายรวมถึงตัวฉัน
「หือ」
ตอนนี้ไซซานัสปิดให้บริการชั่วคราว
เหตุผลที่จำเป็นต้องปิดก็คือคัตสึกิ…ไม่สิ คัตสึมิ โฮมุระที่เคยเป็นพนักงานทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ถูกเปิดเผยตัวจริง พวกลูกค้าเจ้าปัญหาก็เลยแห่ตามกันมา
ถ้าถามว่าคนมาร้านเยอะก็จะขายดีไม่ใช่เหรอ แต่เป้าหมายจริงๆ ของฉันไม่ได้ทำเพื่อเงินน่ะสิ ดังนั้นเพื่อเลี่ยงความวุ่ยวายเลยตัดสินใจปิดร้านไปก่อน…
「เห้อ สมเพชตัวเองชะมัด」
เจ้าแม็กม่านั่นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ทันทีที่ฉันเห็นวิดีโอดังกล่าวถูกฉาย มือของฉันก็สั่นไม่หยุด
ัฝันร้ายนั้นจะกลับมาหรือเปล่า?
จะมีอีกกี่ชีวิตที่ต้องสังเวย?
ทว่าความกลัวเหล่านั้นก็มลายหายไปเพราะเขาคนนั้น ทว่าความวุ่นวายก็ได้เกิดขึ้นทั่วโลกแทนเนื่องจากเรื่องราวของอัศวินดำ
「อัศวินดำคืนชีพ……」
คัตสึมิ โฮมุระ
ความทรงจำของชายที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่าอัศวินดำกลับมาแล้ว
อันที่จริงฉันรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่ชิราคาวะพาเขามาที่นี่….
『มาสเตอร์ ฉันขอความช่วยเหลือจากคุณอีกสักครั้งได้ไหมคะ!? 』
คำพูดที่แสนสิ้นหวังออกมาจากปากของเด็กสาวตัวน้อยที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเกลียดทุกสิ่งอย่างบนโลกใบนี้
ต่อจากเธอก็เป็นอัศวินดำสิน้า…
「เรื่องที่เขาเจอนี่มัน…นรกของแท้เลย」
ฉันได้ยินเรื่องราวอุบัติเหตุที่คัตสึมิ โฮมุระผู้ถูกเรียกว่าเด็กแห่งปาฏิหาริย์ได้เผชิญมาจากรุ่นพี่สมัยอยู่กองกำลังป้องกันตัวเอง
สิ่งที่เขาเจอในวัยเด็กนี่มันนรกชัดๆ
『เด็กแห่งปาฏิหาริย์…..ถึงจะเป็นแห่งปาฏิหาริย์ที่เขารอดมาได้ก็จริง แต่สภาพจิตใจของเขาหลังพวกเราช่วยมาได้นี่สิ』
ร่างของเขาถูกมัดเอาไว้กับเข็มขัดตรงเก้าอี้ และขยับตัวไปไหนไม่ได้เพราะกองกระเป๋าเดินทางที่ทับอยู่ ทว่าตรงหน้าของเขาก็มีพ่อกับแม่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาได้พ่นความโกรธความเกลียดชังอันน่าขนลุกจนสิ้นลมหายใจใส่เขา
ตอนแรกที่ได้ยินก็คิดว่าเป็นเรื่องโกหกแหง
ทว่าความจริงนั้นก็ได้รับการยืนยันเมื่อความทรงจำของเขาถูกขุดขึ้นมาเผยให้ทุกคนได้เห็น
「เห้อ」
ตอนนี้เขาจะสบายดีหรือเปล่านะ?
ถึงชิราคาวะจะโทรมาบอกแล้วว่าเขาปลอดภัยดีแต่ว่า….
「ก็แอบคิดว่ามีอะไรที่เราจะพอช่วยได้ไหมหรอก…แต่…ไม่ไหวๆ 」
ไม่รู้ทำไมวันนี้ถึงได้ถอนหายใจบ่อยขนาดนี้ ว่าแล้วก็หยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นมาอีกรอบ
…สาเหตุที่ต้องทำบ่อยๆ ก็เพื่อไม่ให้ฝุ่นเกาะร้าน
อย่างน้อยก็ต้องเตรียมตัวพร้อมเสมอสำหรับการเปิดร้านอีกครั้ง
「โฮก!」
「หืม? 」
เสียงอะไรกัน
ฉันหันไปมองข้างหลังตัวเองแล้วก็พบว่ามีสิงโตสีน้ำเงินตัวเล็กเหมือนของเล่นกำลังจ้องมองมาทางฉัน
ปกติก็คงจะแปลกใจที่เห็นของเล่นมันเคลื่อนไหวได้เองหรอกแต่ว่า….
「เป็นอะไรของแก หรือชิราคาวะเผลอทิ้งไว้? 」
「โฮก? 」
ถึงคัตสึกิพยายามจะซ่อนเอาไว้ แต่ฉันก็เคยเห็นเจ้าตัวประมาณนี้กลายเป็นเข็มขัดมาก่อน
คงจะเป็นอุปกรณ์แปลงร่างสินะ
แต่เทียบกับเจ้าตัวขาวๆ นั่นแล้วดูจะเงียบกว่าวุ้ย
「ชิราคาวะมาแถวนี้เหรอ? หื้ม ถ้าเป็นงั้นไปบอกให้พวกเขามากินข้าวกินปลาข้างในนี้ก่อนสิ」
「โฮก!」
「……หา? จะให้ฉันตามแกไปเหรอ? 」
โห้ยๆ อะไรกันเนี่ย
ว่าแล้วสิงโตตัวนั้นก็กระโดดออกไปนอกหน้าต่างที่เปิดไว้ระบายอากาศ
ฉันที่เห็นก็วางไม้กวาดลงแล้วเตรียมออกไปข้างนอก
สภาพอากาศตอนนี้ฝนกำลังตกหนักท้องฟ้าก็มืดไปหมด
สงสัยอารมณ์วันนี้ที่ขึ้นๆ ลงๆ คงเพราะฝน ไม่นานนักสิงโตตัวนั้นก็ส่งเสียงเรียกฉันย้ำอีกทีราวกับบอกให้รีบตามมา
「โฮก!!」
「ครับๆ กำลังไปแล้ว」
ฉันเดินกางร่มตามสิงโตสีน้ำเงินไป ผ่านตรอกที่ซับซ้อนจนไปถึงส่วนลึกของตรอกดังกล่าว
ไม่ใช่ชิราคาวะหรือคัตสึกินี่หว่า
「……แล้ว ใครกัน? 」
「โฮก!」
มีคนกำลังล้มนอนอยู่ภายในตรอก
ตอนแรกก็คิดว่าตายไปแล้ว แต่ท่าทางเหมือนจะขยับอยู่นิดหน่อย
「หมายความว่ายังไงกัน? เป็นพวกเดียวกับชิราคาวะเหรอ? 」
「โฮก!!」
「อยากให้ฉันช่วย? …เฮ้อ ช่วยไม่ได้สินะ เข้าใจแล้วจะมองข้ามก็ไม่ได้ด้วยสิ」
ไม่รู้ว่าเป็นมายังไง แต่ถ้าปล่อยให้นอนตากฝนมีหวังได้ตายแหง
คงต้องพาไปส่งโรงพยาบาลก่อน
ระหว่างที่คิดแบบนั้นผ้าคลุมที่หัวของอีกฝ่ายหลุดออกมาจนเผยใบหน้าจริงให้เห็น
เป็นเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกับชิราคาวะและคัตสึกิ
เมื่อสังเกตดูชุดที่เธอสวมไว้ข้างในซึ่งออกแนวไซไฟแปลกๆ บวกกับสิ่งที่ดึงดูดสายตาฉันสุดๆ คือเส้นผมของเธอ
「…โห้ยๆ ไอ้แบบนี้ดูยังไงก็ไม่ใช่มนุษย์โลกนี่หว่า? 」
เด็กสาวผมสีเขียวผิดมนุษย์
ถึงสภาพร่างกายจะเหมือนมนุษย์ทุกอย่างที่บรรยากาศมันบอกว่าเธอไม่ใช่แน่นอน
「พาไปโรงพยาบาลไม่ได้แล้วสิ….」
「โฮก!」
「คงต้องพาไปดูแลเอง……」
แม้จะรู้สึกว่าตัวเองพาปัญหาเข้ามาใส่ตัว แต่ฉันก็ตัดสินใจพาเธอไปที่ร้าน
***
เหนื่อยหน่อยนะ คอสโม่
เหนื่อยแกแย่เลยสินะ ที่ต้องมาช่วยพัฒนาคัตสึมิของฉัน
ทีนี้ก็หายไปได้แล้ว
นั่นคือคำพูดสุดท้ายของท่านรูอิน
ความคาดหวังที่เธอมีกับฉันเป็นเพียงแค่เบี้ยที่ใช้แล้วทิ้งสำหรับอัศวินขาว คำชื่นชมและการสั่งสอนทั้งหมดเป็นเพียงคำลวง
ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างที่ทำมาถูกปฏิเสธ
ความภักดีและความทุ่มเทของฉันไร้ความหมาย แถมยังถูกช่วยเหลือโดยศัตรูอย่างอัศวินขาวขึ้นมาอีก…จะบอกว่าโชคดีไหมนะที่รอดมาได้
เพราะฉันทำตามที่ท่านคาดหวังไม่ได้งั้นเหรอ?
ฉันจึงถูกใช้เป็นเบี้ยแล้วทิ้งแทน
นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดขณะนอนอยู่ในตรอกแห่งหนึ่ง
สายฝนร่วงหล่นมาจากฟ้า ร่างกายของฉันนอนเปียกโชกในที่ไม่มีใครเห็น
ในสถานการณ์แบบนี้ฉันคงต้องยอมรับความตายที่ใกล้เข้ามาสินะ
「ก็สมควรแล้ว…」
ถ้าฉันไม่ได้จำเป็นสำหรับท่านรูอินอีก ฉันก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
ฉันค่อยๆ หลับตาลงแล้วปล่อยให้ใจล่องลอยไปตามกระแส
「……? 」
หมายความว่ายังไง
ฉันควรจะตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงยังมีชีวิตอยู่ล่ะ
ฉันสะดุ้งตัวตื่นก่อนจะพบว่าฉันกำลังนอนอยู่ในฟูก
เหมือนสติสุดท้ายของฉันจะทำได้ว่าตัวเองถูกลากให้มานอนพักในร้านกาแฟที่กำลังปิดอยู่
「ใครน่ะ……」
「โฮก!」
เสียงร้องที่แสนคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ตัวฉัน
เมื่อมองมือก็เห็นว่าสิงโตสีน้ำเงินตัวน้อยนั่งอยู่ในมือของฉัน
「……เลโอ? เลโอ!!」
「โฮกกก!」
「เลโอ……!」
ฉันอดไม่ได้ที่จะดึงเลโอเข้ามากอด เลโอที่คอยอยู่เคียงข้างฉันจนถึงตอนนี้
ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอเลโออีกครั้ง ทั้งที่คิดว่าจะไม่มีวันได้เจอกันแล้วเสียอีก
「ท่าทางจะตื่นแล้วสินะ」
「อึก」
อีกเสียงดังขึ้นในขณะที่ฉันไม่ทันระวังตัว
ฉันพยายามจะเปลี่ยนให้เลโอกลายเป็นหัวเข็มขัดเพื่อแปลงร่าง แต่แทนที่เลโอจะเปลี่ยนตามที่ฉันต้องการกลับกระโดดฟาดหัวฉันแทน
「โอ้ย!? ทำอะไรของแกน่ะเลโอ!? 」
「โฮก! โฮกกกก!」
เลโอตบฉันที่กำลังน้ำตาตลอเบ้าด้วยความโมโห
เมื่อเห็นสภาพของฉันกับเลโอกำลังโวยวายใส่กัน เขาก็เกาหัวแล้วโยนอะไรบางอย่างคล้ายกับแท่งขนมมาให้ฉัน
「ถึงเธอจะไม่อยากเชื่อ แต่ฉันไม่คิดจะทำอะไรเธอหรอก ที่ช่วยก็เพราะเจ้าตัวน้ำเงินนั่นมันขอร้องเฉยๆ 」
「……มีเป้าหมายอะไรกันแน่? 」
「ก็ไม่ได้คิดอะไรหรอก เห็นแล้วมันนึกถึงชิราคาวะน่ะ ไปทำอีท่าไหนถึงไปนอนได้สภาพนั้นได้ล่ะ? 」
ชายคนนั้นถามด้วยแสดงสีหน้ากังวลเล็กน้อยออกมา
จากนั้นเขาก็ลากเก้าอี้ใกล้ๆ มานั่ง
「ฉันสึคาสะ ชินโด เธอล่ะ? 」
「……คอสโม่」
ฉันแปลกใจเหมือนกันที่อยู่ดีๆ ตัวเองก็พูดชื่อกลับไป แต่พอชายที่ชื่อชินโดได้ยินก็เบิกตากว้าง
「….ชื่อค่อนข้างเฉพาะตัวนะ เป็นโค้ดเนมอะไรงี้หรือเปล่า? 」
「คิดจะล้อชื่อฉันเล่นหรือไง……!」
「ขอโทษที…แล้วสรุปทำไมเธอถึงไปนอนอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ? 」
「……」
ฉันเงียบไม่ตอบอะไรคำถามของเขา
「แล้วเธอเป็นพวกเอเลี่ยนที่มาบุกโลกหรือเปล่า? 」
「……ถ้าใช่แล้วนายจะทำยังไง? 」
หลังฉันตอบกลับ ชินโดก็ถอนหายใจออกมา
「ก็ไม่ทำอะไรหรอก」
「……หือ? 」
「ที่ฉันช่วยเธอก็เพราะเจ้าตัวสีน้ำเงินมันขอ นอกจากนี้หากเธอต้องการแล้วจะฆ่าฉัน ฉันก็คงทำอะไรไม่ได้หรอก」
อะไรของหมอนี่กัน
ทำใจยังใจเย็นได้ล่ะ
หรือคุ้นกับสถานการณ์แบบนี้?
แปลกชะมัดหากคิดด้วยสามัญสำนึกปกติ
「โฮก!」
「อย่ามาส่งสายตาอ้อนวอนกันสิเห้ย ฉันจะไปดูแลยัยนี่ตลอดได้ยังไง」
「โฮก……」
「อย่าทำตัวหดหู่สิ ส่วนตัวฉันไม่มั่นใจว่าจะรับผิดชอบจนจบได้ไหมด้วยสิ….」
ทำไมเลโอกับหมอนี่ถึงได้สนิทกันระหว่างฉันหมดสติไปล่ะ น่าหงุดหงิดชะมัด
แต่เอาเถอะ ฉันก็คิดจะอยู่ที่นี่นานหรอก
พอฉันลุกขึ้นและตั้งใจจะออกไป อยู่ดีๆ ท้องของฉันก็ร้องออกมาจนขาหมดแรง
「~~โครก!」
「ช่วยไม่ได้ เอเลี่ยนก็หิวเป็นสินะ」
「……โฮก」
ความร้อนบนใบหน้าของฉันเพิ่มสูงขึ้นก่อนจะเอาหน้าไปซุกตรงเก้าอี้แล้วเอามือบังด้วยความอับอาย
ท้องของฉันร้องออกมาเพราะไม่มีอะไรตกถึงท้องมานาน
จำได้ว่าครั้งสุดท้ายคืออาหารแช่เย็นที่เก็บไว้บนเรือตอน 3 วันก่อน
ทว่ามันก็ไม่ได้เปลี่ยนความจริงที่ว่าท้องของฉันร้องต่อหน้ามนุษย์โลก
「เฮ้อ รอเดี๋ยวละกัน」
ฉันไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ชินโดก็ถอนหายใจออกมาแล้วเดินไปหลังร้าน
ทางฉันที่ทำอะไรไม่ได้ก็ทำได้เพียงกอดเข่ารอ
「ทำไมเขาถึงมาช่วยฉันกัน」
「โฮก……」
ตอนที่ฉันหมดสติไป ภาพที่ฉันเห็นก็คืออัศวินขาวพยายามดึงเลโอออกจากร่างของฉันเพื่อปลดการแปลงร่าง
ทั้งที่เขากับฉันคือศัตรูกัน
แถมฉันยังเป็นคนที่เกือบจะฆ่าเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
ทำไมเขายังต้องช่วยฉันอีกล่ะ
———ตัวเธอก็อยู่ตรงนี้แล้วนี่
———ทำไมเธอถึงไม่ยอมรับในตัวเองสักทีล่ะ?
คำพูดของอัศวินขาวโผล่เข้ามาในหัว
เหตุผลการมีอยู่ของฉันคือท่านรูอิน
ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง
———มีเหตุผลอะไรที่เธอถึงต้องเอาคนอื่นมาเป็นที่ตั้งเพื่อทะเลาะกับใครล่ะ
———เธอได้สังเกตคู่ต่อสู้ของตัวเองไหม เธอได้เฝ้ามองอัศวินขาวที่อยู่ตรงหน้าเธอจริงๆ หรือเปล่า หรือสิ่งที่เธอทำมีเพียงแค่จ้องมองศัตรูที่ต้องเอาชนะเพื่อเติมเต็มความต้องการของตัวเอง
โรคจิตที่เรียกตัวเองว่าหญิงสาว
คำพูดของซันนี่ก็โผล่มาด้วย
ฉันมองไม่เห็นใครเลยงั้นเหรอ แม้กระทั่งตัวเอง อัศวินขาว ท่านรูอินที่มอบความภักดีให้….
「ไม่เข้าใจ…ไม่เข้าใจเลยสักนิด….」
พ่อจะรู้สึกยังไงกันนะ?
ด้วยความเข้มงวดของเขา คงคิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะความอ่อนแอของฉันแน่ๆ แต่ว่า….
「เอ้า ขอโทษที่ให้รอ」
「อึก」
ในขณะที่ฉันกำลังคิด ชินโดก็กลับมา
สิ่งที่เขาถือมาด้วยคือจานที่ใส่อะไรบางอย่างเอาไว้
「มันคืออะไร」
「หือ อะไรงั้นเหรอ? ก็ริซอตโต้ไง เป็นอาหารน่ะก็ลองผสมของที่คิดว่าย่อยง่ายๆ ไปด้วย ถ้ากินได้ก็ลองดูไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน」
ฉันไม่ได้สนใจอาหารของดาวโลก
เลโอไม่ได้แสดงท่าทีแปลกๆ ออกมาแปลว่าคงไม่มีพิษ…ช่วยไม่ได้ยิ่งหิวอยู่ด้วย
อุปกรณ์เคลื่อนย้ายสสารถูกทำลายไปในการต่อสู้คราวก่อน ฉันเลยไม่สามารถหาอาหารได้ เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกินของที่เขาทำมา
ว่าแล้วก็หยิบช้อนขึ้นมาตักริซอตโต้ใส่ปาก
「ร้อนนนนน!? 」
「โห้ย แค่เห็นก็รู้ว่าร้อนไม่ใช่หรือไง?! เอ้า น้ำ」
ฉันรีบหยิบน้ำเข้าปากเพื่อบรรเทาความร้อนภายใน
「อึก หลอกกันได้นะ?!」
「ถ้าจะหลอกทั้งทีฉันไม่คิดทำแค่นี้หรอก ค่อยๆ เป่าแล้วกินสิ」
「……คึก」
ทำไมถึงต้องทำให้อาหารมันร้อนด้วยล่ะ
ไม่คิดบ้างหรือไงว่ามันจะลำบากในการกิน
ว่าแล้วฉันก็รอให้มันเย็นลงสักหน่อยแล้วค่อยพยายามกินอย่างระวัง
「……!」
สิ่งแรกที่โผล่เข้ามาในหัวเลยคือรสชาติของขนมที่พ่อเคยให้กิน
และราวกับว่าประสาทรับรสของฉันถูกปลุกขึ้น…ความรู้สึกแสนลึกลับได้ถาโถมเข้ามา
「ท่าทางเธอจะชอบนะ」
「เดี๋ยว!? มันหายไปไหนหมด!? 」
「ก็เธอเป็นคนกินมันเองจนหมดไม่ใช่หรือไง」
รู้ตัวอีกทีอาหารตรงหน้าก็หายไปหมดแล้ว
ความรู้สึกหิวได้รับการเติมเต็ม รสชาติอาหารยังค้างอยู่ในปาก
……。
……บัดซบ
「อย่าคิดนะว่าจะซื้อใจฉันได้ด้วยของแค่นี้…!」
「เอ๋……? 」
ชินโดแสดงสีหน้าแปลกใจออกมาก่อนนั่งลงบนเก้าอี้
「เธอมีที่ไปหรือเปล่าจากนี้? 」
「……ไม่มี」
ฉันไม่สามารถกลับไปที่ยานได้อีกแล้ว การทำให้ท่านรูอินผิดหวังก็คงจะหลุดจากตำแหน่งลำดับแห่งดวงดารา
บนโลกนี้ก็ไม่มีใครที่รู้จักกันด้วยสิ
「…ให้ตายสิ เอาเถอะก็เคยเจอมาสองสามทีแล้วนี่เนอะ」
「? 」
ชินโดถอนหายใจออกมาหลายที
ก่อนจะกอดอกด้วยความหงุดหงิด แล้วหันมาหาเลโอกับฉัน
「เธอจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะ」
「……เอ๋!? 」
ชินโดเมินท่าทางของฉันแล้วชี้ไปตรงหลังร้าน
「ด้านหลังมีพื้นให้พอจะนอนได้อยู่ ตอนร้านปิดคงเย็นพอจะอยู่ไหว จะใช้อะไรก็ตามสบายตราบใดที่ไม่ทำอะไรเละเทะ」
「ทำไมต้องยื่อมือมาให้ฉันด้วยล่ะ」
「นั่นสินะ ถ้าจะหาเหตุผล…」
ชินโดเอามือวางไว้บนคางก่อนคิดอยู่ครู่หนึ่ง
「ก็แค่อยากหยิบยื่นน้ำใจให้ใครสักคนละมั้ง อย่าไปหาเหตุผลสลักสำคัญอะไรเลย」
ดาวโลกช่างเป็นดาวที่ประหลาด
มีพวกที่แข็งแกร่งจนผิดปกติไม่พอ ยังมีพวกแปลกที่ช่วยเหลือฉันซึ่งเป็นผู้รุกรานแถมยังจัดหาที่อยู่ให้ดี
ให้ตายสิ…เป็นสาวที่ประหลาดชะมัด
————-
Note 1 : สามารถมาเม้นพูดคุยแสดงความเห็นกันได้ในเพจนะครับ จริงๆส่วนตัวที่มาแปลลง คือชอบไปอ่านเม้นฟิลเหมือนได้มานั่งอ่านด้วยกันระบบใหม่เว็บเหมือนเม้นหายหมด
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code