อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 62 อัศวินขาว(?)เข้าสู่โลกแห่งการต่อสู้
ผลกระทบจากดาราเยือกแข็งอาริสต้า เอเลี่ยนที่สามารถควบคุมความเย็นได้นั้นถือว่าสยองสุดๆ
การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมไม่ได้เกิดขึ้นแค่ญี่ปุ่น แต่ประเทศอื่นเองก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย อากาศที่หนาวเย็นส่งผลทำให้แม้จะเป็นฤดูร้อนก็พบว่าคนล้มป่วยกันเป็นจำนวนมาก
หลายคนอาจจะมองว่าแค่เป็นหวัดมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่ลองนึกภาพว่าหากมันไม่ถูกจัดการลง โลกของเขาจะเป็นเช่นไรต่อไป
ทว่า ตอนนี้มีเรื่องที่น่าหนักใจกว่านั้นอยู่….
นั่นคือคัตสึมิคุงเป็นหวัดเนื่องจากเข้าสู้กับอาริสต้า
ได้ออกโรงพยาบาลมาไม่นานแท้ๆ แต่ต้องกลับมาสู้อีก
จะป่วยซ้ำก็คงไม่แปลกนัก
แน่นอนว่าพวกเรากังวลเกี่ยวกับเรื่องของเขา แต่ตอนนี้มีปัญหาอย่างหนึ่ง
「เอาเป็นว่า ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบไปเยี่ยมแล้วดูแลคัตสึมิคุงเอง พวกเธอไม่ต้องเป็นห่วง..!」
「หยุดเลยนะหล่อน」
「ใครตัดสินกัน」
พวกเราสามสาวกำลังรวมตัวกันที่สำนักงานใหญ่เพื่อหาทางออกว่าใครจะเป็นคนไปเยี่ยมคัตสึมิคุง
เพราะการที่จะไปพร้อมกันทั้ง 3 คน คงจะสร้างความยุ่งยากให้กับคัตสึมิคุงแทน ดังนั้นในฐานะหัวหน้าทีมฉันจึงตัดสินใจอาสาแทน 2 คนที่เหลือ
「ก็ฉันเป็นหัวหน้าทีมนะ」
「นางเอกขี้แพ้สิไม่ว่า」
「หา เมื่อกี้หล่อนว่ายังไงนะ?」
「ม่ายรู้ววว~♪」
ฉันจ้องอาโออิที่พูดอะไรบางอย่างเกินจะให้อภัยได้ออกมา
ทางอาโออิเองก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ใส่ซะงั้น
「การเข้าไปดูแลรุ่นพี่ คือสิ่งที่รุ่นน้องผู้น่ารักสมควรทำ เหมาะสมที่สุด」
「ยัยเบียวรุ่นน้องนี่พูดบ้าอะไรออกมา」
「เธอเล่นเกมมาไหมหรือเปล่า?」
「อุ จะบอกว่าอาโออิคนนี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ…」
อาโออิก็ยังคงแสดงท่าทีประหลาดออกมาเหมือนเดิม แต่ท่าทางจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
ทว่าการให้เธอไปเจอเขาอันตรายกว่ามาก เพราะไม่รู้ว่าในหัวของเธอคิดอะไรอยู่
「แต่จะให้ปล่อยคิราระไปก็ไม่ได้」
「เห็นด้วย」
「ไหงงั้น……?」
คิราระแสดงท่าทางเหมือนไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมถึงถูกห้าม
ยัยนี่มักจะคิดว่าตัวเองไม่ค่อยมีอัตลักษณ์อะไร แต่อันที่จริงตัวเธอน่ะเด่นไม่แพ้คนอื่นเลยแหละ
อย่างน้อยเท่าที่ฉันมองมันก็เด่นกว่าใครเพื่อนในนี้แล้ว
「จะปล่อยให้ของใหญ่ๆแบบนั้นไปไม่ได้……เดี๋ยวจะเกิดเรื่อง」
「ความใหญ่คืออาชญากรรม」
「ไหงพวกเธอมองฉันเป็นแบบนั้นกัน?! ในสายตาพวกเธอฉันเป็นอันตรายในแง่นั้นอย่างเดียวหรือไงยะ?!」
อาโออิจ้องมองร่างของคิราระราวกับเป็นศัตรูของพ่อแม่ ทางคิราระเองก็พยายามปิดบังร่างกายตัวเองเอาไว้ก่อนใบหน้าจะแดงไปถึงหู
น่ารักชะมัด……!?
ว่าแล้วเชียว ฉันปล่อยให้ยัยนี่ไปเจอคัตสึมิคุงคนปัจจุบันไม่ได้แหง
ปีศาจผู้ปลุกสัญชาตญาณความเป็นแม่
「ตอนนี้ไข้ของเขาเหมือนจะลดลงแล้วและกำลังหลับพักผ่อนอยู่ แต่ชิราคาวะจังบอกว่าเขายังไม่ได้หายดีขนาดนั้น เพราะงั้นจะทำให้ร่างกายเขาสูบฉีดเลือดหรือทำอะไรรุนแรงไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจไหมคิราระ?」
「เดี๋ยวนะ ฉันไม่เห็นจำได้เลยว่าเคยไปพูดหรือทำอะไรแปลกๆแบบนั้นจนต้องน่าเป็นห่วง」
ตอนนี้คัตสึมิคุงพักฟื้นอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ของชิราคาวะจังและอัลฟ่า
ทั้งคนที่คอยดูแลและอุปกรณ์เครื่องใช้จำเป็นต่างๆ ประธานก็เตรียมไว้หมดแล้ว จึงไม่น่ามีอะไรต้องเป็นห่วง แต่ในกรณีที่อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน การมีพวกเราสักคนคอยเฝ้ารับมือคงจะดีกว่า
พวกเราจึงมานั่งคุยกันตรงนี้นี่แหละ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปสักที
「ถ้างั้นก็มาตัดสินกันจากของฝากที่จะเอาไปให้เขากันดีกว่า」
「ฉันว่ามันไม่น่าใช่ของที่เอามาตัดสิน…」
「ชัยชนะของฉันคือประสงค์แห่งพระเจ้า」
พวกเราก็เลยหยิบเอาของที่เตรียมไว้ออกมา ในขณะที่อาโออิพูดบูชาเทพเจ้าอะไรสักอย่างที่ชวนสงสัย
「คิราระเอาอะไรมาล่ะ」
「อ๋อ เป็นของเอาไว้ทำโจ๊กน่ะ อัลฟ่าจังกับชิราคาวะจังต่างก็ทำอาหารกันไม่ค่อยเก่งซะด้วยสิ」
วัตถุดิบมากมายอยู่ภายในนั้น
อย่างที่คิด ยัยนี่รับมือไม่ง่ายเลย
「อากาเนะล่ะ?」
「ลูกพีชกระป๋องน่ะ เห็นว่าช่วยให้ย่อยง่าย」
「……」
「ทำไมถึงมองฉันด้วยสายตาที่ตกใจขนาดนั้นยะ?」
คิราระเบิกตากว้างราวกับไม่อยากเชื่อ
ไม่หยาบคายไปหน่อยเหรอ เห็นฉันเป็นคนยังไงกันยะ?
ระหว่างที่รู้สึกไม่พอใจ ก็หันไปมองทางอาโออิที่หยิบบางอย่างออกมา…เอ๋
「อาโออิ ถึงจะรู้อยู่แล้ว แต่ขอถามหน่อยสิไอ้นั่นมัน…」
「ต้นหอม」
「「……」」
คือ ฉันไม่ได้ถามว่ามันเรียกว่าอะไร แต่ทำไมเธอถึงเอาไอ้นี่มายะ
ยิ่งเป็นคนแบบเธอในสถานการณ์ตอนนี้อีก…
「คิราระเรามายึดต้นหอมจากอาโออิแล้วเอามาผสมโจ๊กของเธอดีกว่า」
「ตามนั้น」
「อุ อะไรกัน!?」
หากเป็นความคิดปกติก็คงจะเอามาพันไว้รอบคอ แต่ฉันรู้สึกไม่ดีแปลกๆ
เป้าหมายที่เธอเอามันมาคือพันคอใช่ไหมนะ นี่อาโออิบอกทีสิ ใช่ไหม?
「สุดท้ายก็เหลือแค่ฉันกับคิราระสินะที่สมควรจะไป….」
「นั่นสิ คงจะเป็นฉันไม่ก็อากาเนะ」
「หัวหอมของฉัน……」
สรุปคือตัดอาโออิทิ้งไปก่อน
เธอพ่ายแพ้ไปตั้งแต่หยิบเอาต้นหอมมาแล้ว
ทว่าเอาไปเอามาสุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจว่าไปพร้อมกันทั้ง 3 คนนี่แหละ…ตตราบใดที่ไม่เข้าไปในห้องพักเขาพร้อมกันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
「…เห ทั้งชิราคาวะจังกับอัลฟ่าจังไม่มีใครรับสายเลย ยุ่งอยู่?」
ฉันที่โทรไปหาพวกเธอกลับไม่มีใครรับสาย
เอาไว้ไปถึงแล้วค่อยโทรหาอีกทีละกัน
「จากการต่อสู้คราวก่อน」
「หือ?」
「ดูเหมือนว่า คัตสึมิคุงคนเก่าจะเริ่มกลับมาแล้วสิ」
คำพูดของคิราระทำให้อาโออิกับฉันพูดไม่ออก
คัตสึมิคุงคนเก่า หรือก็คือตอนที่เขายังเป็นอัศวินดำ
ไรเดอร์ผู้ปราบศัตรูของเขาด้วยหมัดเพียวๆ
ในตอนที่พวกเรายังอ่อนหัด ก็รอดมาได้เพราะเขาที่ต่อสู้กับศัตรูด้วยความแข็งแกร่ง แม้จะเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากก็ตามที
ใช่แล้วฉันเองก็เริ่มเห็นเงาของเขา ในการต่อสู้คราวก่อนจากอัศวินขาว
「คัตสึมิคุงกำลังจะกลับมา」
ในทางเทคนิคแล้วนิสัยเดิมของเขาอาจจะเริ่มกลับมา
เพียงแค่เขายังไม่รู้สึกตัว
「เอาเถอะ จนกว่าเขาจะกลับมาเป็นตัวเอง พวกเราก็ต้องพยายามกันต่อ」
ภาพที่เขาถูกห่อหุ้มไปด้วยแสงสีทองก่อนจะจากพวกเราไป….
ฉันไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้นอีก
ฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อไม่ปล่อยให้เขาต้องแบกรับอะไรเอาไว้คนเดียว พวกเราจะไม่แพ้อีกแล้ว
「เพื่อที่จะทำแบบนั้นได้ เราต้องเอาชนะยัยสตอล์กเกอร์ที่เรียกตัวเองว่ารูอิน」
「นั่นสินะ」
「ต้องล้างแค้น」
เพราะรูอินทำการผนึกความทรงจำของคัตสึมิคุงเอาไว้ สถานการณ์หลายๆอย่างก็เลยซับซ้อนมาก
ถึงจะขอบคุณที่เป็นเพราะเขาโลกใบนี้ถึงยังรอดมาได้ แต่กลับกันตัวเขาตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับนักโทษ
เมื่อเขาฟื้นตัวกลับมาแล้ว เราก็จำเป็นต้องลุยต่อเหมือนกัน
เพื่อให้คัตสึมิคุงแกร่งกว่าเดิมด้วย
「ดังนั้น――」
『จัสติสครูเซเดอร์!! งานเข้าแล้ว!!』
เสียงของประธานดังขึ้น
แถมยังเป็นเสียงที่ดูค่อนข้างตระหนกอีก พวกเราจึงลุกขึ้นพร้อมกันแล้วเตรียมออกปฏิบัติการณ์
「ประธาน! เอเลี่ยนมันอยู่ไหน!」
『ตอนนี้มันกำลังเข้าโจมตีคัตสึมิคุง!!』
「หา!!」
มันแอบตามเขามาเหรอ?!
ังั้นก็เข้าใจได้แล้วว่าทำไมเสียงประธานถึงตื่นเบอร์นั้น
แต่ถ้าเขายังไม่ได้โวยวายหนักจะเป็นตาย แปลว่าคัตสึมิคุงน่าจะยังปลอดภัย
『การโจมตีของอีกฝ่าย ถูกกันเอาไว้ได้ด้วยบาเรียของฉัน แต่ในทางกลับกันความหนาแน่นของบาเรียที่ปกป้องเขาอยู่คงจะลดลงไปเรื่อย ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วฉันขอสั่งให้พวกเธอ――เอ๋?!』
「เกิดอะไรขึ้นคะ ประธาน!?」
『อัศวินขาว ปรากฏตัวแล้ว……』
「คัตสึมิคุงน่ะเหรอ!?」
ตอนนี้เขายังป่วยอยู่นะ….
มันคงหนักหนามากแน่ๆที่จะต้องมาสู้กับเอเลี่ยนทั้งที่ยังป่วย
ฉันรีบแปลงร่างแล้วกระโดดขึ้นยานทันที
ต้องรีบไปช่วยเขาแล้ว——
『ไม่ คือ ไม่ใช่แบบนั้น แต่…หา….ชักจะสับสนแล้วสิ….……』
「ประธานอย่ามัวแต่บ่นอะไรไม่เข้าใจคนเดียวสิ!! มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!」
น้ำเสียงของประธานดูสับสนมาก
หรือจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา….ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ฉันจะคุมตัวเองอยู่ไหมนะ จากนี้ไป…..
『ผู้หญิงเหรอ……』
「「「หา?」」」
ผู้หญิง? อะไรของตานี่?
『เดี๋ยวฉันจะส่งภาพไปให้พวกเธอดูละกัน』
ภาพที่ถูกส่งมาเป็นกล้องที่ติดเอาไว้บริเวณที่จอดรถ
แล้วภาพที่แสดงออกมาก็ทำให้พวกเราตกใจจนพูดไม่ออก
『ดะ เดี๋ยวสิ ทำไมฉันถึงแปลงร่างกันล่ะ~!?』
『หยุดเดี๋ยวเนนนนนนน้!! อัศวินขาววววววว!!!』
『กรี๊ดดดด!? งะงะงะไหงถึงตามฉันมากันยะ?!』
『ย้ากกกกก!!』
『โอ๊ย!? ชิโระ อย่าเอาไฟมาช็อตกันสิ สู้ก็ได้ ฉันจะสู้!!』
『Σ SABER!』
『อึก ฉันจะปกป้องเขาเอง ตะ ต้องทำได้สิ!!』
ภาพที่ฉายออกมาคืออัศวินขาวกำลังถูกเอเลี่ยนที่มีหัวเป็นม้าแต่ดันมีเขางอกออกมาไล่ล่า
ทว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปอย่างชัดเจนก็คือรูปร่างของอัศวินขาวคนนี้
มีใครบางคนกำลังแปลงร่างเป็นอัศวินขาวอยู่ แถมยังเป็นผู้หญิงอีกด้วย ในขณะนี้เธอกำลังโวยวายออกมาพร้อมกับชี้อาวุธที่คล้ายกับดาบไปตรงหน้าของเอเลี่ยนหัวม้า
「……」
「……」
「……」
『หน้ากาก ชุดเกราะ เหมือนอัศวินขาวทุกประการ แต่เพศนี่สิอิหยังวะ!!』
หมายความว่ายังไง?!
ถึงจะเห็นเองกับตาฉันก็ไม่เข้าใจเลยสักนิด
น้ำเสียง รูปร่าง และท่าทางที่แสดงออกมาไม่ใช่คัตสึกิคุงเลยสักนิด…ได้ยังไงกัน?!
「ตอนนี้จะกลายเป็นรูทรีเวิสกับคัตสึมิจังสินะ」
「บลู เสียสติไปแล้วหรือไง!?」
「ยัยนี่ก็เพี้ยนแต่แรกแล้วไหม?! เอาเป็นว่ารีบไปกันเถอะ!!」
อัศวินขาวได้หลุดออกไปจากกล้องแล้วกับบลูที่สติหลุดไปเพราะอัศวินขาวจัง
ถึงจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่เรื่องดีแหง!!
————-
Note 1 : ซิกม่าเข้าสู่สนามรบ…แต่สภาพตอนสู้คงทุลักทุเลสุดๆ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code