อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 57 นักวิทยาศาสตร์ปีศาจ
ในอดีตฉันคือลำดับที่ 61 หรือรู้จักกันในนามของ นักวิทยาศาสตร์ปีศาจโกลดี้ ชายผู้หยิ่งผยองและโง่เขลา
แน่นอนว่าตัวฉันคืออัจฉริยะ
ฉลาดยิ่งกว่าใครและเป็นนักวิจัยอยู่ในองค์กร สูทที่ฉันสร้างขึ้นมาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ความสามารถในการต่อสู้ขึ้นเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างคนที่ใช้ได้ก็คือวาส ผู้ที่กลายมาเป็นอาจารย์ของฉันในภายหลัง แล้วก็เพราะความช่วยเหลือของเขานี่แหละเลยทำให้ฉันกลายมาเป็นลำดับที่ 61
จำได้ว่าตอนนั้นฉันรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
ได้รับการยกย่องในความสามารถที่ฉันมีและความคิดที่จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็สุขใจมากแล้ว
『สร้างสูทที่สามารถทำให้แข็งแกร่งขึ้นได้』
ฉันทำการวิจัยและทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยมีจุดประสงค์ง่ายๆ เลยคือการก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายผู้ใช้
จนได้ผลงานชิ้นเอก 3 ชิ้นและผลงานที่ล้มเหลวอีก 1 ชิ้น
VERSION:SAGITTAEIUS
VERSION:LEGURUS
VERSION:LIBRA
VERSION:VIRGO
SAGITTAEIUS เป็นสูทที่ฉันเก็บไว้ใช้เอง
ส่วน LIBRA ถูกมอบให้กับวาสเพื่อเป็นการขอบคุณ อีกส่วนหนึ่งก็เพราะเขาเป็นคนเดียวที่เข้ากันได้กับมัน ส่วนLEGURUSค้นหาไม่เจอคนที่เข้ากันได้สักที
ตอนแรกฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าทำไมสูทที่ฉันสร้างขึ้นมามันถึงได้จุกจิกเกี่ยวกับการเลือกตัวผู้ใช้ขนาดนั้น
เท่าที่ฉันพอจะเดาได้ก็คงเป็นเพราะแกนกลางที่ได้มาเป็นตัวขับเคลื่อนสูท จากที่สังเกตฉันเข้าใจเพียงว่ามันมีเจตจำนงเป็นของตัวเอง
ด้วยสาเหตุนั้นเอง
ฉันจึงขุดค้นด้วยความอยากรู้ ว่าแกนพลังงานมาจากไหน คืออะไร
ภารกิจในการเพิ่มภูมิปัญญาที่ฉันต้องทำสำเร็จ
….ทว่าเมื่อฉันได้รู้ความจริง ฉันถึงกลับไปไม่เป็น
『ไอ้นี่มัน อะไรกัน……』
หลังจากวิเคราะห์หาข้อมูลอย่างยากลำบาก ภาพที่ฉายตรงหน้าฉันกลับเป็นขุมนรก
ดาวเคราะห์ถูกทำลาย
สิ่งมีชีวิตบนดาวนั้นถูกสังหารสิ้น
เด็กสาวที่เป็นเป้าหมายของพวกมันตกอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวัง ท้ายที่สุดเธอก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นแกนพลังงาน
『อย่ามาล้อกันเล่นนะเว้ย……!』
ความจริงที่เจอทำให้ฉันตกใจจนสบถออกมา
ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงแกนพลังงานที่มีความนึกคิด
ทว่ามันกลับเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาจากสิ่งมีชีวิตที่เรียกกันว่า อัลฟ่า พวกมันเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นแกนพลังงานทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่
ความจริงนี้มันทำให้ทั้งตำแหน่งและความพึงพอใจของฉันหายไปจนหมดสิ้น
ภูมิปัญญาแสนระยำนี่ใครมันจะต้องการกัน
ฉันใช้ประโยชน์จากลำดับและความรู้ของฉันเริ่มสำรวจความดำมืดขององค์กรต่อ จนพบว่าเป้าหมายและสิ่งที่องค์กรทำอยู่คืออะไรกันแน่
เลือกดาวเคราะห์
วิเคราะห์ความสามารถของอัลฟ่าและโอเมก้า
รุกรานและทำลายล้างดาวนั้น
แล้วก็เรื่องที่มีท่านผู้นั้นอยู่บนจุดสูงสุดขององค์กร
มันเลยทำให้ฉันรู้ว่าตัวฉันโง่ขนาดไหน
หมกมุ่นอยู่แต่กับงานวิจัยและหลงลืมความจริงเรื่องรอบข้าง
ทว่ามันก็สายเกินไปแล้ว เกาส์อดีตหัวหน้าทีมวิจัยของฉัน ได้ทำการขโมยSAGITTAEIUSและพัฒนาต่อให้กลายเป็นสูทที่ด้อยกว่า
แม้จะเป็นของจีนแดงแต่มันก็เป็นสูทที่ไม่ว่าใรก็สามารถใช้มันได้และยังเสริมพลังให้ผู้ใช้ได้ระดับหนึ่ง
สิ่งประดิษฐ์ของฉันถูกนำไปใช้เพื่อการกระทำที่น่ารังเกียจ
ฉันจึงทนไม่ได้อีกต่อไปและทำการระเบิดห้องทดลองของเกาส์พร้อมกับSAGITTAEIUS เพื่อไม่ให้เขาสามารถนำไปปรับปรุงหรือทำอะไรกับมันได้อีก ก่อนหนีออกมา
『โกลเดดดดดดดดดดี้!!』
『ฮ่าๆๆๆ! ลาก่อนเว้ย! ไอ้ขี้ก็อป! ฉันไม่ยอมให้ผลงานวิจัยของฉันไปตกในมือใครหรอกก ฮ่าๆๆๆ 』
สิ่งที่น่าเศร้าเสียยิ่งกว่าการทำลายผลงานชิ้นเอกของตัวเอง ก็คงจะเป็นเรื่องที่แกนกลางภายในสูทนั้นถูกทำลายไปด้วย
ฉันหนีออกมาจากองค์กรและถูกไล่ล่าในฐานะคนทรยศ
โชคดีว่าก่อนหนีออกมาฉันได้เอาสูทเสริมแกร่งและแกนพลังงานอีก 2 ชิ้นซึ่งเก็บเอาไว้ในห้องทดลองติดมือมาด้วย ส่วนตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือการหาดาวไหนสักดาวในการซ่อนตัวจากองค์กร
แน่นอนว่าพวกคนที่ไล่ล่าฉันมา ฉันก็ตบมันจนร่วงอย่างง่ายดาย
จนกระทั่ง
『ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยโกลดี้』
『อาจารย์……!? 』
ผู้ที่ไล่ล่าฉันคราวนี้คือชายที่ฉันเรียกว่าอาจารย์และรักเหมือนพ่อ วาส
เขาปรากฏตัวตรงหน้าของฉันด้วย VERSION:LIBRA
『คุณรู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าองค์กรทำอะไรลงไป?!』
『ข้ารู้』
ผิดหวัง หรือจะบอกว่าเสียใจดีล่ะ….
ในจังหวะที่ฉันรู้ว่าถูกคนที่ไว้ใจที่สุดทรยศ เขาก็วางมือเอาไว้บนดาบของเขาเงียบๆ
『ดาบเล่มนี้ จะเป็นตัวตัดสินชะตาของเจ้า』
『———อึก!』
『จะอยู่หรือตายเจ้าจะเป็นคนกำหนดมันด้วยมือตัวเอง….นั่นคือสิ่งที่ข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ในฐานะอาจารย์』
ฉันเลือกสละยานของตัวเองทิ้งทันที
ฉันต้องหาทางเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้สูงขึ้น
ยานของฉันเกิดการระเบิดขึ้นในขณะที่วาสกำลังผ่ายานออกเป็นสองส่วน
ฉันไม่ได้สนใจร่างกายของฉันที่ถูกเปลวเพลิงแผดเผาและเอาแกนกลาง 2 ชิ้นใส่ลงไปในยานหลบหนีโดยตั้งพิกัดเอาไว้ก่อนแล้ว จนหนีออกมาได้สำเร็จ
『ต้องเตรียมตัวให้พร้อม』
ดาวเคราะห์สีน้ำเงิน คือปลายทางที่ฉันกำลังจะไป
ฉันพยายามดึงสติในขณะที่กระอักเลือดออกมาจากปากเพื่อพยายามคุมยานให้จอด
***
คอสโม่แปลงร่างเป็นไรเดอร์ที่ดูชั่วร้าย ส่วนคัตสึมิกลายเป็นanother form
เมื่อฉันเห็นทั้งสองคนเผชิญหน้ากัน ฉันก็พยายามจะพาโอโมริคุงและกราทหนีไปเพื่อไม่ให้เกะกะเขา
「กราท รีบพาโอโมริคุงหนีไปเร็วเข้า!」
「ก็คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว ถึงฉันจะไปร่วมสู้ด้วยก็ไม่เห็นภาพ ได้ตายกันหมดแหง」
ตอนนี้ LEGURUSหลุดการควบคุมไปแล้ว จึงไม่น่าแปลกที่พลังของคอสโม่จะสูงกว่าAnother Formของคัตสึมิคุง
แต่ที่น่าแปลกคือ การเปลี่ยนแปลงในคราวนี้มันค่อนข้างแตกต่างจากเมื่อวันก่อนโดยสิ้นเชิง
อะไรกันที่ทำให้เธอต้องเลือกเส้นทางที่สุดอันตรายนี้เพื่อรับพลังมา
「คงไม่ได้คิดว่าจะหนีไปได้หรอกใช่ไหม? 」
「กรี๊ด!? 」
ทว่า พอละสายตาจากโอโมริเดี๋ยวเดียว หญิงสาวที่ชื่อว่าฮิลด้า ก็ปรากฏตัวหลังโอโมริและล็อกแขนขวาเอาไว้บนคือของโอโมริ ก่อนจะแสดงอุปกรณ์แปลงร่างที่ไร้รสนิยมบนมือซ้ายแล้วยิ้มแย้มออกมาเหมือนเด็ก
「โอโมริคุง!? 」
「มานะ!? 」
「อย่าขยับเชียวนะ หากยอมอยู่นิ่งๆ ทางฉันก็จะไม่ทำอะไรเหมือนกัน♪」
พลังของอีกฝ่ายน่าจะเป็นการยึดร่าง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสูทนั้นมีอัลฟ่าอยู่ พลังต่อสู้ของเธอคงสูงมากแน่
「พลังของอัลฟ่าสินะ」
「ดูออกด้วยเหรอ ก็ประมาณนั้นแหละ」
「……แล้วเจ้าของร่างเดิมล่ะ ยังมีชีวิตอยู่ไหม? 」
พลังของเธอเหมือนกับปรสิตที่ควบคุมร่างผ่านเข็มขัด
「แน่นอนว่า ยังมีชีวิตอยู่ แต่ร้องไห้ตลอดเวลาจนรู้สึกรำคาญชะมัด」
แค่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตัวประกัน…
คงต้องไปสืบเธออีกที ฉันถ่ายภาพใบหน้าของเธอไว้ด้วยกล้องปากกาตรงกระเป๋าเสื้อ
「นายคงจะเป็นโกลดี้ คนดังคนนั้นสิน้า」
「อ้า ไอ้นั่นน่ะฉันเอง!」
「….ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นคนบ้าบอแต่กล้ากว่าที่ฉันคิดแฮะ เอาเถอะตอนนี้มาเฝ้าดูการต่อสู้กันดีกว่า」
ฉันไม่รู้ว่าทำไมถึงถูกเรียกว่าคนบ้า แต่ฉันก็ทำตามที่ฮิลด้าบอก
「ส่วนตัวฉันอยากจะฟังคำอธิบายจากคนพัฒนาสูทอย่างนายด้วยสิ」
「อ๊ากกกกกกกกก……」
「ให้ตายเถอะ」
โอโมริคุงก็ถูกจับเป็นตัวประกัน แต่ฉันกลับทำอะไรไม่ได้เลย
…ถ้าในเวลาแบบนั้นฉันสู้ได้ละก็นะ…!!
「ฮ้าาาาาาาา!!」
「อึก」
เสียงคำรามดังลั่น
เมื่อได้ยินเสียงนั้นฉันก็หันไปมองคัตสึมิคุงที่ยืนอยู่ตรงหน้า ร่างของเขากระเด็นถอยไปราวกับหญิงที่ถูกตัดจนปลิวว่อน
คอสโม่วิ่งไล่ตามเขาไป โดยทิ้งเส้นสีน้ำเงินเป็นทางเอาไว้ตรงจุดที่ผ่าน ก่อนโจมตีเขาเหมือนสัตว์ร้าย
「อัศวินขาวววววว!!」
「……เชี่ยเอ้ย」
『GRAVITY BUSTER!!』
ดาบสีดำขาวปรากฏขึ้นในมือของเขาเพื่อปัดป้องการโจมตีอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าจะทนแรงปะทะของอีกฝ่ายไม่ไหว เขาจึงเบี่ยงการโจมตีนั้นแทน เมื่อปัดป้องเสร็จดาบของคัตสึมิคุงก็ฟันไปที่ลำตัวของเธอ
「ฮ้า!」
「!? 」
การโจมตีสุดแรงของร่างanother ไม่ได้ผลเลยสักนิด คอสโม่ทำการคว้าแขนขวาของเขาเอาไว้และใช้หัวโขกเข้ากับหน้าของคัตสึมิคุง
การต่อสู้ที่อาศัยสัญชาตญาณดิบ
ทนทานต่อการโจมตีและฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
「ไม่รู้สึกเจ็บเลยหรือไงฟะ!!」
「เมื่ออยู่ต่อหน้าความภักดีนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดมันก็แค่ของไร้สาระ มาสิ อัศวินขาว!!」
「ไม่เห็นจะเข้าใจสักนิดเว้ย!!」
คัตสึมิคุงจับGravity Busterด้วยมือทั้งสองข้างปัดป้องการโจมตีที่เขามาเหมือนพายุโหมกระหน่ำ
「ตายซะ ตายซะ! อัศวินขาว!!」
『JOKER: ARM BLADE』
ชิ้ง! ใบมีดที่คล้ายกับครีบปลาปรากฏขึ้นที่แขนขวาของเธอพร้อมกับแสงจ้า
โคสโม่เหวี่ยงแขนของเธอฟาดไปมาใส่Gravity Busterจนเกิดเป็นประกายไฟ ก่อนจะผลักคัตสึมิคุงกับGravity Busterจนกระเด็นไป
「นี่แหละคือพลังของฉัน….ฉันอยู่เหนือกว่านาย…พลังที่มีเพียงผู้ที่ถูกเลือกโดยท่าน (รูอิน) พึงมี….」
「……คุ!」
พลังของคอสโม่เหนือจากคัตสึมิคุงในร่างAnotherอย่างสิ้นเชิง!!
ใบมีดที่แขนของเธอฟันลงไปตรงไหล่ของเขา จนทำให้ชุดเกราะส่วนนั้นหลุดออกมาทันที
「อึก……ยังหรอกน่า!!」
คัตสึมิคุงทนต่อความเจ็บปวดที่อยู่ตรงไหล่และเปลี่ยนGravity Busterเป็นโหมดปืนแล้วยิงกระสุนพลังงานใส่ลำตัวของคอสโม่จนทำให้เธอถอยออกไป
เขาจับไหล่ของตัวเองเอาไว้ระหว่างที่พักหายใจ ก่อนจะหันมาหาพวกเราที่ยังไม่หนีไปไหน
「เรมะ! ทำไมถึงยัง อึก……!? ฮิลด้า นี่เธอ……」
「จำชื่อของฉันได้ด้วยเหรอ ดีใจจังเลย คั ต สึ กิ คุง」
「ปล่อยโอโมริซังซะ……!」
「มาเวลามาสนใจฉันด้วยเหรอ นายมีสิ่งที่ต้องรับมืออยู่นะ」
「ฮ่าๆๆๆ!!」
เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งของคอสโม่ดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะพุ่งเข้ามาโจมตีการปะทะกันของดาบและใบมีดตรงแขนของเธอเสียดสีกัน ฮิลด้าหรี่ตาลงเมื่อมองดูภาพตรงหน้า
「น่าเสียดายชะมัด ฉันละสงสารแกนกลางนั่นจริงๆ 」
「พูดอะไรของเธอกัน? 」
「ไม่รู้เหรอ? คนอ่อนแออย่างยัยนี่จะไปแข็งแกร่งขึ้นได้ทันทีขนาดนี้ได้ยังไงกัน แล้วไหนจะเสียงร้องสุดทรมานนั่นอีก」
ก็นึกว่าจะเป็นพวกพ้องกันเสียอีก เหมือนจะไม่ใช่สินะ
ส่วนตัวฉันก็อยากจะได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มาสักหน่อย…แต่ตัวฉันตอนนี้มันไร้ค่าชะมัด
「ประธาน นัตสึ! ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน หนีไปซะ!!」
โอโมริคุงที่ถูกจับตัวอยู่ตะโกนออกมา
กราทกับฉันที่ได้ยินเธอพูดในขณะที่แขนขาสั่นเป็นเจ้าเข้าก็รู้สึกปวดหัวทันที
「ยัยปัญญานิ่ม!! ถ้าฉันทิ้งเธอเอาไว้แล้วถูกสิงร่าง ฉันก็ต้องมาลำบากจัดการเธอทีหลังอีก วันหลังช่วยใช้สมองคิดก่อนจะพูดออกมาสิฟะ!!」
「มานะ เธอหลอนละครมากเกินไปนะ! ไอ้นั่นมันคือปรสิต!! ถึงเธอจะยอมตายมันก็สร้างความลำบากให้ชาวบ้านอยู่ดี!!」
「ดะดะดะ เดี๋ยวสิรู้ไหมว่าฉันต้องรวมความกล้าขนาดไหนพูดออกมา ไหงโกรธกันเฉย?!」
「โวยวายกันจังน้า……」
คงลำบากหน้าดูหากยัยนี่ถูกยึดร่างไป นอกจากนี้เธอก็เป็นพวกพ้องของฉันด้วยสิ
ใครมันจะไปทิ้งลง
นอกจากนี้ฉันมีทางเลือกซะที่ไหน
「โอ้ยยยย!!」
「อย่าดื้อโดยเปล่าประโยชน์สิ!!」
โคสโม่เข้าเผชิญหน้ากับคัตสึมิคุงอย่างไม่คิดชีวิต จนร่างกายของคัตสึมิเต็มไปด้วยรอยแผล
คัตสึมิคุงสาดกระสุนพลังงานใส่เธอซ้ำอีกครั้ง คอสโม่จึงกระโดดถอยไปก่อนจะหายไปในกระแสวังวนแห่งมิติ
「นั่นมันประตูมิติ!? 」
สร้างออกมาได้ด้วยเหรอ?!
ฉันคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเธอจะมีพลังของ time hazard อยู่ด้วย!!
หลังหายไป คัตสึมิคุงก็พยายามมองไปรอบๆ และแล้วคอสโม่ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังของเขา ก่อนเตะซ้ำไปตรงไหล่ซ้ายที่เป็นแผล
「อั๊ค」
เขาล้มลงไปทันที ก่อนจะพยายามลุกขึ้นมา ในสภาพนี้กระดูกไหล่ซ้ายหักแล้วแหง
เมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้ว คัตสึมิคุงจึงตัดสินใจทิ้งGravity Buster
『COMPLETE! TIME! HAZARD!!』
ร่างที่มีเวลาจำกัดอยู่เพียง 10 วินาที
ชุดเกราะสีขาวของเขาได้หายไปและกลายเป็นสีดำ เขากำหมัดขวาเอาไว้แน่นก่อนพุ่งไปหาคอสโม่
『COUNT START!!』
『10!!』
ในจังหวะที่เขาสร้างประตูมิติขึ้นมา คอสโม่เองก็สร้างประตูมิติของตัวเองขึ้นเหมือนกัน และการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น
ทั้งสองปรากฏตัวและหายไปในอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า
『7!!』
「「ย๊ากกกก!!」」
แม้จะเป็นสายตาของฉันก็ยังแทบมองตามไม่ทัน
ทว่าจุดเปลี่ยนก็คงจะเป็นแขนซ้ายของคัตสึมิคุงที่ยังบาดเจ็บ!!
และนั่นจะเป็นความต่างที่เกิดขึ้นของสมดุลในพลัง!!
『5!!』
「ฮ่าๆๆ!!」
『WILD 1!!』
คอสโม่สับหัวเข็มขัดอย่างรุนแรง ก่อนจะพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ใบมีดที่แขนของเธอเริ่มแผ่ความร้อนออกมา ก่อนจะพุ่งลงไปหาคัตสึมิคุงและใช้แขนขั้นฉีกกระชากร่างของเขาราวกับฉลามคลั่ง
『SLASH EXECUTION!!』
「ย้ากกกกกก!!!」
คัตสึมิลุกขึ้นมาในสภาพที่เลือดอาบ
สภาพของเขาดูไม่ได้แล้วก็จริง แต่เขาก็ยังพยายามฝืนกดไปตรงหัวเข็มขัดเพื่อใช้ท่าพิเศษสุดท้าย
「อึก」
『DEADLY!! HAZARD! TIME OVER』
「ฮ่าๆๆ! ดิ้นรนเข้าไปซะ!!」
『WILD 3!!』
คอสโม่รวมพลังไว้ตรงขาของเธอ และกระโดดเตะ ทางคัตสึมิคุงก็รวมพลังเอาไว้ตรงแขนขวาของเขา
ตรงกันข้ามกับคัตสึมิคุงที่เหนื่อยล้า การโจมตีของคอสโม่แผ่พลังงานอันมหาศาลออกมา
「มันจบแล้ว อัศวินขาว!」
「เอาละเว้ย!!」
『10 COUNT!!』
คัตสึมิคุงปล่อยหมัดออกไปตรงหน้าของตัวเอง ทว่าก็เกิดประตูมิติขึ้นตรงหน้าของคอสโม่เสียก่อน
「อะไรกัน!? 」
คอสโม่ได้หายเข้าไปในประตูมิติแล้วปรากฏขึ้นข้างหลังของคัตสึมิคุง
ทว่าคัตสึมิคุงก็ยังตั้งสติทันและหันกลับไปเหวี่ยงหมัดยัดอีกฝ่าย จุดนี้อาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณในสนามรบของเขาเยอะกว่า
「โอ้วววว!!」
『KNUCKLE! FEVER!!』
หากเป็นแบบนี้ คอสโม่ไม่มีทางหลบการโจมตีของเขาพ้นแน่
หมัดที่ถูกบีบอัดด้วยพลังงานอันท่วมท้น พุ่งหาคอสโม่
「……คุ……」
———สุดท้ายหมัดนั่นก็ไปไม่ถึงตัวของเธอ
ก่อนที่หมัดของเขาจะปะทะกับร่างของเธอ ออร่าสีดำก็หายไปจากร่างของเขาจนสิ้น
เขาถูกบังคับให้กลับไปอยู่ร่างเบรก
「มาได้ แค่นี้เหรอ……!!」
「มันจบแล้วววว!!」
time hazard ถูกบังคับให้เปลี่ยนกลับเพราะร่างกายผู้ใช้ทนไม่ได้สินะ?!
การโจมตีสวนถูกหยุดไป คอสโม่ที่เห็นจังหวะก็ทำการเตะอัดเข้าไปที่ลำตัวของคัตสึมิคุงทันที
『JOKER EXECUTION!!』
「ฮ๊าาาา……」
『GAME OVER……』
การกระแทกนั้นทำให้หน้ากากของเขาแตกออกมา
ฉันพยายามจะวิ่งเข้าไปดูอาการของเขาแต่ก่อนที่จะได้ทำ คอสโม่ก็สร้างประตูมิติขึ้นมาแล้วไปโผล่ตรงหน้า
「ฉันชนะแล้ว」
เธอเตะร่างของคัตสึมิคุงที่ล้มลงกับพื้นไปมา
ก่อนจะส่งเสียงร้องออกมาด้วยความยินดี
「หึ ฮ่าๆๆ ….ทำได้แล้ว ฉันทำได้แล้ว!! ฉันเอาชนะนายได้แล้ว ชนะแล้วจริงๆ ด้วยสิ่งนี้แหละ ด้วยสิ่ง…..」
「……」
「ด้วยสิ่งนี้……มันอะไรกันล่ะ……? 」
……? อยู่ดีๆ คอสโม่ก็นิ่งเงียบไป?
ราวกับว่าอยู่ดีๆ สติของเธอก็กลับมา เธอดึงขาของตัวเองออกจากร่างของคัตสึมิคุง และถอยหลังออกไปก่อนกุมหัวด้วยความสับสน
「ฉันชนะแล้วจริงๆ งั้นเหรอ…? สิ่งนี้เรียกว่าชัยชนะได้เหรอ แม้ว่าพลังของฉันจะมีขนาดนี้ แต่ฉันก็เกือบจะแพ้เขาเพราะแค่เสี้ยววินั้น….」
「……」
「หะ หา ไม่สิ นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปกัน? ทำไมฉันถึงได้มีพลังพวกนั้นได้ล่ะ? เลโอ เลโออยู่ที่ไหนกัน ทำไม ฉันถึงไม่ได้ยินเสียงของแกล่ะ? ……」
กะ เกิดอะไรขึ้นกัน?
อยู่ดีๆ เธอก็แสดงอาการสับสน….
「หึหึ รู้สึกตัวแล้วสินะว่าตัวเองเสียสติไปจากพลังที่เกินควบคุม น่าสงสารจริงๆ 」
ฮิลด้ายิ้มออกมา
สถานการณ์เปลี่ยนไปจนทำให้ฉันกับกราทสับสนว่าควรทำอะไรต่อ ไม่นานนัก คัตสึมิคุงที่ควรจะหมดสติไปก็พยายามลุกขึ้น
「……」
「ทำไมนายถึงยังลุกขึ้นมาได้ล่ะ? สภาพแบบนั้น เป็นไปไม่ได้….」
หากมองใบหน้าของเขาผ่านหน้ากากที่แตก ก็จะเห็นว่าดวงตาของเขามันบอกว่าเขาหมดสติไปแล้ว ทว่าคอสโม่ก็รับรู้ได้ถึงเจตจำนงที่จะต่อสู้อีก จนรู้สึกสั่นกลัว
เขายกมือขวาขึ้นมา พร้อมกับแสงจ้าที่ปรากฏในมือนั้น
「……」
『MIX!!!』
สิ่งที่ปรากฏออกมานั้นแตกต่างจากกราวิตี้ไดรฟ์ เหมือนจะเป็นของใหม่ที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน เขากดปุ่มที่อยู่ตรงไดรฟ์นั้น ก่อนที่แถบภายในจะวิ่งไปมาเหมือนรูเล็ต แถบสีที่วิ่งผ่านตรงนั้นมีทั้ง แดง น้ำเงิน เหลือง ดำ และเมื่อเขากดปุ่มอีกครั้ง จอที่แสดงผลก็ปรากฏเป็นสีแดงกับน้ำเงิน
『RED!!』『BLUE!!』
『SWORD & GUN!! MIX MUCH!!』
พลังใหม่ของเขาเหรอ?!
เขาพยายามจะใช้มันเสียบเข้าไปตรงหัวเข็มขัด
「……」
「คัตสึมิคุง……!? 」
ร่างของเขาได้หยุดนิ่งไป ก่อนที่เขาจะล้มลงไปอีกครั้ง
ถึงขีดจำกัดจริงๆ แล้วสินะ
ฮิลด้าที่เห็นคอสโม่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกกับร่างของคัตสึมิคุงที่ล้มลงไปอีกครั้ง ก็จ้องมองมาทางฉันอย่างอารมณ์ดี
「จะเอายังไงกันต่อดีนะ คอสโม่ก็หมดใจสู้ไปแล้ว ทางฉันต้องออกโรงแล้วไหม」
「เธอเองก็ได้เห็นในสิ่งที่อยากเห็นแล้วนี่? 」
「ฉันก็ไม่เคยบอกสักหน่อยว่าจะกลับไปเฉยๆ น้า」
แน่นอนว่าฉันรู้อยู่แล้ว ว่ายัยนี่ไม่กลับไปมือเปล่า
แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงอีก
เพราะสิ่งที่คัตสึมิคุงได้ทำและการพูดคุยเพียงไม่กี่วินาทีนี้ มันสามารถยื้อได้มากพอจนทำให้ผู้พิทักษ์แห่งดาวโลกได้เดินทางมาถึง
「! อึก!!」
ฮิลด้าสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างจึงปล่อยมือจากโอโมริคุงแล้วกระโดดออกจากตรงที่อยู่
วินาทีต่อมากระสุนพลังงานสองนัดได้ถูกยิงไปตรงจุดที่เธอเคยยืนอยู่จนพื้นกลายเป็นหลุม
「ไม่ลังเลที่จะยิงจุดตายเลยสินะ! อันตรายชะมัด ขอหนีก่อนละกัน!!」
ฮิลด้าหายตัวไปจากสวนสาธารณะด้วยความสามารถทางกายภาพที่เชื่อได้ยากว่ามาจากร่างของมนุษย์โลก
โอโมริคุงถูกกราทรับไปดูแลต่อ ส่วนฉันก็มองไปทางคัตสึมิคุง เห็นว่าเยลโล่กับเรดกำลังวิ่งเข้าไปดูอาการของเขา
「เยลโล่ คัตสึมิคุงเขา……」
「ยังมีชีวิตอยู่ แต่คงต้องรีบพาไปรักษาเด้……」
「……」
เยลโล่ตรวจดูอาการของเขาที่นอนจมกองเลือด และหลังจากยืนยันแล้วว่ายังมีชีวิตอยู่ เรดก็หันไปหาคอสโม่ที่ไม่ขยับไปไหนเลย ก่อนปลดปล่อยความโกรธและเจตนาฆ่าออกมาอย่างชัดเจน มันคือสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยสักครั้ง
「แกสินะ」
「อึก!」
บางทีเจตนาฆ่าของเรดคงดึงสติของคอสโม่ได้ เธอจึงพยายามสร้างประตูมิติเพื่อตอบสนองอีกฝ่าย
เมื่อเห็นแบบนี้ เรดก็ลดสะโพกลงเล็กน้อยก่อนเอามือจับด้ามดาบ ก่อนพุ่งไปฟันคอสโม่ด้วยพลังที่ยากจะมีใครหยุดได้ จนเฉือนทั้งประตูมิติและไหล่ของคอสโม่ทิ้ง
「อั๊ค!? อะไรกัน!? 」
เรดคือผู้ที่มีความเข้ากันได้อีกคนหนึ่งเหมือนกับเคสของโปรโต
เธอเป็นเพียงเด็กสาวชาวโลกธรรมดา แต่หลังจากรอดตายมาหลายครั้ง เธอก็สามารถปลุกพรสวรรค์นักสู้แต่กำเนิดของเธอขึ้นมาได้ จนฉันสามารถบอกได้เลยว่าเธอคือสุดยอดมนุษย์โลกที่ฉันยังตกใจ
「น่ารำคาญชะมัด จงหายไปซะ」
การฟันที่มองไม่เห็นได้ฟาดฟันไปทั่ว
การโจมตีที่ทำลายได้แม้กระทั่งประตูมิติอย่างง่ายดาย สร้างความสับสนให้กับคอสโม่ จนอีกฝ่ายตัดสินใจหนีไปแทน
เรดที่พลาดโอกาสปิดบัญชีแค้นและรู้ว่าคอสโม่หนีไปได้สำเร็จ ก็ทิ้งดาบและวิ่งไปหาคัตสึมิคุง
「คะคะคัตสึมิคุง?! เยลโล่ เขาจะไม่เป็นไรจริงๆ ใช่ไหม?!」
「บ่รู้เด้!! ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย!! ประธาน!! รีบมาหน่อย!!」
「ขะ เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงฉันเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะเชียวนะ แค่ปฐมพยาบาลละก็ไม่มีปัญหา!!」
「มันคนละสาขา」
「รู้อยู่แล้วเฟ้ย!! ยัยคนไม่อ่านบรรยากาศ!!」
สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างน่ากังวล เรดกับเยลโล่เองก็ทำอะไรไม่ถูก
อาจจะเป็นเพราะชิโระคอยปกป้องเขาอยู่ก็ได้ เขาเลยยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะวางไว้ใจ
「ถ้าเรื่องรักษาฉันทำไหว」
「กราท? ทำได้เหรอ? 」
กราทกับโอโมริคุงเดินเข้ามาหา ก่อนที่เขาจะปล่อยออร่าบางอย่างลงไปที่ตัวของคัตสึมิคุง
ใบหน้าของเขาค่อยๆ ผ่อยคลายลง
「ฉันปล่อยพลังงานที่สะสมเอาไว้ให้เขาน่ะ」
「แล้วเธอจะไม่เป็นไรเหรอ? 」
「ถ้าได้กินของที่สุดแสนอร่อยที่สุดก็ไม่มีปัญหาหรอก เข้าใจไหม ของที่อร่อยสุดๆ 」
เหมือนจะถูกบังคับให้รับผิดชอบแปลกๆ เลยวุ้ย แต่แค่นี้อาการของคัตสึมิคุงก็น่าจะดีขึ้นแล้วสินะ…
หลังจากนั้นก็ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปอีกหน่อย
「โอโมริซังมีสองคน……!? 」
「บ่จริงน่า……」
「เข้าใจแล้ว แฝดที่พลัดพราก….」
「ไว้เดี๋ยวฉันอธิบายให้ฟังทีหลัง พวกเธอหุบปากกันก่อน!!」
สุดท้ายก็ต้องมาตามอธิบายเรื่องโอโมริคุงให้ยัยพวกนี้ฟังด้วยสิน้า
————-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code