อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 168 ศัตรูที่น่าเกรงขาม
ช่างเป็นปาฏิหาริย์จริงๆที่ฉันมายืนอยู่จุดนี้ได้
เมื่อไม่นานมานี้ตัวฉันที่ทำตัวแย่ๆและปรารถนาจะตายอยู่เสมอ แต่ตอนนี้ดันได้สู้เคียงข้างเหล่าจัสติสครูเซเดอร์ที่เป็นผู้ผดุงความยุติธรรม
แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้คิดจะเข้าข้างตัวเองว่ากลับตัวกลับใจมาอยู่ฝ่ายดีอะไรหรอก
ถึงฉันจะทำความดีไปเรื่องเลวร้ายมันก็ไม่ได้หายไป
แต่ในเวลาเดียวกันหากฉันตายๆไปสิ่งที่ฉันทำมันก็ไม่ได้กลับมาเป็นเหมือนเก่า
ดังนั้นสิ่งที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าการชดเชยบาปที่ตัวเองก่อไว้ ใช่แล้วมันเป็นเพียงการสร้างความพึงพอใจให้ตัวเอง
「ลองพูดประโยคเปิดครั้งแรก…คงเข้าท่าสินะ?」
สตับเบอร์ สัตว์ประหลาดผู้กลืนกินจักรวาล
กองกำลังของพวกมันปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเราเพื่อลักพาตัวโมโมโกะ
「จิตวิญญาณแห่งดวงดาราาาา」
「พูดเป็นแค่คำนี้หรือไงนะ?」
สัตว์ประหลาดที่แสดงภัยคุกคามต่อหน้าฉันก็คือหนึ่งในพวกมัน
ฉันชี้คัลเลอร์สเลเซอร์ที่เปลี่ยนมาจากปืนไปยังสัตว์ประหลาดที่มีแขนทั้ง 6 ยื่นออกมา
「ลุยกันเลยไหม โมโมโกะ?」
ฉันทำการคุยกับโมโมโกะที่อยู่ข้างในหัว
『ได้เลย ฮิลด้า』
「โย้ช ตราบใดที่เธอไม่หวั่นไหว พวกเราก็ไม่มีทางแพ้หรอก」
ตอนนี้ฉันได้สิทธิ์ในการคุมร่างเธอชั่วคราว แต่ทันทีที่โมโมโกะต้องการฉันจะรีบคืนร่างให้เธอทันที
เอาเถอะ
สิ่งที่ฉันทำอยู่ตอนนี้ก็เป็นการชดใช้หนี้ให้กับคัตสึมิคุงที่ช่วยชีวิตฉันและต่อสู้เพื่อขอโทษโมโมโกะ
「อ๊ากกก!!」
「มาตะโกนโวยวายเป็นนักรบคลั่งไปได้!」
สตับเบอร์กระโจนใส่ฉันพร้อมกับแขนทั้ง 6 ของมัน
แต่การโจมตีแค่นี้ไม่มีทางมาถึงตัวฉันหรอก
หากเทียบกับคัตสึมิคุงที่ต้องเตรียมใจรับมือกับการโจมตีถึงตายในดอกเดียวของเขาแล้ว ตัวตรงหน้าฉันเทียบไม่ติดสักนิด
「ฮึบ!」
ฉันก้าวไปข้างหน้าแล้วฟาดดาบลงใส่อีกฝ่าย
เปลือกนอกของมันค่อนข้างแข็งจนเกิดประกายไฟปลิวว่อนไปทั่ว น่าจะต้องหาอะไรแรงๆอีกหน่อยมาเจาะมัน
「โมโมโกะ!」
『จะใช้พลังช่วยเอง!』
ฉันกดกดสวิตช์สีเขียวที่อยู่ตรงคัลเลอร์สเลเซอร์เพื่อใช้งานฟังก์ชันอาวุธที่โกลดี้สร้าง
『COLOR VARIATION! BOLTER GREEN!!』
『แต้มสีสัน! ความเขียวขจี! แต่งเดิมดารา! ที่แห่งนี้คือผืนจักรวาล!!』
『ฉันว่ามันแปลกๆนะ——!?』
คัลเลอร์สเลเซอร์เปลี่ยนไปเป็นสีเขียว ปลายดาบยาวถูกเปลี่ยนกลับไปเป็นปืน
จากนั้นพลังงานสีเขียวก็พุ่งออกมาราวกับต้องการแต่งแต้มสีสันให้บริเวณโดยรอบ
「ดาราาาา!!」
「ยึดติดจริงน้า!!」
กระสุนที่ออกมาจากปากกระบอกปืนทำให้พื้นที่รอบๆกลายเป็นสีเขียวจนหมด———ความสามารถของกระสุนสีเขียวคือการเสริมพลังและเพิ่มการเจาะทะลวง
กระสุนดังกล่าวได้ทะลวงลำตัวและด้านขวาของอีกฝ่ายจนกระเด็นหายไป
「อ๊ากกกก!? อ้า!! จิตวิญญาณ จิตวิญญาณแห่งดวงดาราาาา!!」
「ต่อไปก็สีแดง!!」
『COLOR VARIATION! GRAVITY RED!!』
『แต้มสีสัน! จงโบยบินเรด!! ดึงดูดโลกเข้าไว้ด้วยกัน!! ที่แห่งนี้ผืนคือจักรวาล!!』
ยังไม่จบหรอกน่า!!
แสงสีแดงพวยพุ่งออกมาจากคัลเลอร์สเลเซอร์และเปลี่ยนมันกลายเป็นโหมดดาบหุ้มพลังแรงโน้มถ่วง
ฉันทำการพุ่งเข้าไปแทงอีกฝ่ายด้วยความรวดเร็ว ดาบคราวนี้สามารถฝังเข้าไปในร่างของมันได้สำเร็จ
「อั้ค!?」
ดาบแทงทะลุร่างของสตับเบอร์ในขณะที่ร่างของมันถูกแรงโน้มถ่วงตรึงเอาไว้
พอมันถูกหยุดการเคลื่อนไหวแล้วฉันก็เปลี่ยนกลับไปเป็นโหมดปืนอีกครั้ง
「มาละเลงสีกันเถอะ!!」
『ท่าไม้ตายสินะ!?』
『COLOR! FULL COMPLETE!!』
ฉันเปิดใช้งานสวิตซ์ทั้ง 5 สีของคัลเลอร์สเลเซอร์ พื้นที่ตรงหน้าของฉันได้เกิดมิติที่แต่งแต้มไปด้วยสีสันทั้ง 5 จากนั้นฉันก็ทำการกระโดดเข้าไปข้างในนั้น ร่างกายของฉันถูกห่อหุ้มด้วยพลังแห่งดวงดารา ตอนนี้ฉันพร้อมจะเตะปิดเกมแล้ว
แ ต้ ม สี สั น
พลังแห่งดวงดารา JUDGEMENT
『「ชื่อเฉิ่มไปไหม!?」』
『หา?』
โมโมโกะกับฉันบ่นออกมาพร้อมกันเพราะชื่อของท่าไม้ตายที่มันไม่ถูกใจฉันสักนิด จากนั้นลูกเตะของฉันก็กระแทกเข้ากับดาบที่แทงอยู่ตรงร่างของสตับเบอร์ แล้วพลังงานทั้ง 5 สีก็เกิดการระเบิด
「จิตวิญญาณณณณณณณณณ!?」
สัตว์ประหลาดส่งเสียงกรีดร้องออกมาและระเบิดขึ้นจากภายในร่าง
「ฟู้ว! จบไปอีกหนึ่ง」
ฉันร่อนลงมาที่พื้นแล้วถอนหายใจ
ศัตรูไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นแต่ฉันก็ไม่คิดประมาท โดยส่วนตัวแล้วฉันว่าเจ้านี่น่าจะเป็นแค่ตัวสอดแนม
「การเปิดตัวของพวกเราผ่านไปได้ด้วยดี หน่อยหน่อยนะโมโมโกะ」
『ฮิลด้าก็ด้วย』
ในขณะที่ฉันต่อสู้ โมโมโกะก็จะคอยส่งพลังและปรับจูนให้เข้ากับฉัน
พวกเราทั้งสองกลายเป็นตัวตนที่ขาดกันไม่ได้ในการต่อสู้
『งั้นก็มีรีบจัดการที่นี่ให้เสร็จแล้วตรงไปที่อื่นซึ่งถูก———』
「ดะ เดี๋ยวก่อน โมโมโกะ」
ฉันที่กำลังจะส่งร่างคืนให้โมโมโกะกลับมาเคลื่อนไหวแทนอีกครั้งเพราะความบิดเบี้ยวของมิติตรงหน้า
จากนั้นฉันก็เตรียมอาวุธไว้ในมือแล้วเดาว่าสตับเบอร์ตัวใหม่อาจจะโผล่มา ไม่นานนัก ร่างสีขาวโพลนที่ไร้ซึ่งใบหน้าก็โผล่ออกมาจากภายในนั้น
『จิญวิญญาณแห่งดวงดารา ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ』
「พวกสตับเบอร์….เปิดมาก็พูดอะไรไร้สาระสมกับเป็นพวกแกจริงๆ」
『บอกให้รู้ไว้เลยว่า ก่อนหน้านี้เป็นเพียงการอุ่นเครื่อง』
ดูท่าพวกมันจะไม่ยอมปล่อยโมโมโกะไปง่ายๆ
พอสู้กับอีกตัวเสร็จ ตัวที่แกร่งกว่าก็โผล่มาแทน
『ตามคำสั่งของนายแห่งข้า ข้าจะขอเก็บจิตวิญญาณแห่งดวงดาราไว้』
「แล้วคิดจะฉันจะบอกว่าเชิญเลยหรือไง?」
ไอ้หมอนี่….เป็นแค่ลูกน้องงั้นเหรอ?
ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็แอบตึงมือ แถมยังดูถูกฉันเหมือนไม่เห็นกันในสายตาอีก ฉันก็เลยบ่นด้วยความหัวเสียออกมา
『ข้าไม่ได้พูดกับเจ้า แกนพลังงาน』
ก็แปลว่ามันตั้งใจจะพูดแค่กับโมโมโกะจริงๆสินะ น่าหงุดหงิดจริง
『จิตวิญญาณแห่งดวงดารา มากับข้า แล้วข้าจะไม่แตะต้องดาวโลก』
『……คึ』
「โมโมโกะ อย่าไปฟังมันเชียว」
『ฉันรู้น่า พวกตัวร้ายประเภทนี้ยังไงมันก็ต้องเปิดด้วยประโยคประมาณนี้แหละ』
ฉันแอบคิดมาระยะหนึ่งแล้วนะ แต่โมโมโกะนี่ค่อนข้างมีความรู้ในด้านนี้แปลกๆ
แถมยังรู้จักการใช้ประโยคเปิดตัวหรือคำพิเศษในกลุ่มนักสู้อีก
『คิดจะต่อต้านงั้นหรือ แต่ก็ไม่ได้สำคัญเพราะแค่ระดับเจ้า….อึก!』
จากท่าทีที่สบายๆก่อนหน้านี้ของมันได้เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อประตูมิติเปิดขึ้นร่างๆฉัน
จากนั้นคัตสึมิคุงในชุดเกราะขาวดำก็โผล่ออกมาแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าฉันราวกับจะปกป้องพวกเราทั้งสอง
「คัตสึ…อัศวินดำคุง ทำไมถึง…」
「พวกเราจัดการกับสัตว์ประหลาดทุกตัวหมดแล้ว ฉันก็เลยฝากที่เหลือให้โอโมริซังกับคนอื่นๆจัดการแทนน่ะ」
ทำงานกันเร็วสุดๆ
ไม่ถึงสามนาทีตั้งแต่สตับเบอร์ปรากฏตัวด้วยซ้ำ นี่กวาดล้างกันหมดแล้วเหรอ?!
ฉันรู้สึกประหลาดใจสุดๆกับความสามารถที่เหลือจะเชื่อของพวกเขา
『อัศวินดำ อย่าได้มั่นใจมากนัก ตอนนี้เจ้าน่ะอ่อนแอลง———』
「หนวกหูเว้ย」
คัตสึมิคุงยิงกระสุนพลังงานสีดำใส่อีกฝ่ายทันทีโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายพูดจบ
แต่แล้วกระสุนพลังงานนั้นก็พลาดเป้าเพราะอีกฝ่ายหนีเข้าไปในประตูมิติก่อนจะโผล่ขึ้นมาอีกรอบตรงจุดเดิม
『การโจมตีใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก ยอมจำนนแล้วส่งจิตวิญ———』
แล้วกระสุนดอกที่สองก็ยิงออกมาอีกครั้ง เสียงของอีกฝ่ายถูกตัดไปก่อนร่างของมันจะหายไปในประตูมิติอีกรอบ
รู้สึกว่าอีกฝ่ายเองน่าจะเริ่มหัวเสียแล้วเหมือนกัน แต่ทางคัตสึมิคุงก็ไม่ยอมแพ้
「แกเป็นตัวบ้าอะไรฟะ?」
『———หึ』
เขาเปลี่ยนโหมดอาวุธไปเป็นดาบขนาดใหญ่แล้วเหวี่ยงใส่อีกฝ่าย
การฟันของเขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังงานสีดำจนเกิดรอยแยกของมิติขึ้นตรงจุดที่เขาฟัน
『—————อั๊ค นี่เจ้า!!』
ภาพที่ฉันเห็นคือ ร่างของเจ้าตัวสีขาวที่หายไปในประตูมิติโผล่ออกมาอีกครั้งพร้อมกับแผลสีดำและเลือดที่หลั่งรินออกมา
『บัดซบ ข้าจะไม่ลืมความอัปยศนี้ เจ้าจะต้องชดใช้ด้วยความตาย!!』
เดี๋ยว มันพยายามจะหนีกลับไปเหรอ?!
สตับเบอร์สร้างประตูมิติอันใหม่แล้วหลบหนีไปยังมิติอื่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ในมุมของฉันการเผชิญหน้ากับคัตสึมิคุง ตัวเลือกอย่างการหนีก็เหมาะสมแล้วแหละ
「แกคิดว่าจะมีคราวหน้าจริงเหรอ?」
「หือ เอ๋!?」
———คัตสึมิคุงได้กระทำบางอย่างที่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่ายและพวกฉัน
เขากระแทกหมัดเข้าไปในประตูมิติที่ปิดจากนั้นเขาก็ใช้แรงในการงัดมันให้เปิดขึ้นด้วยพละกำลังที่ดุร้ายสุดๆ
สิ่งที่ออกมาพร้อมกับมือของเขาก็คือคอของเอเลี่ยนที่ไร้ใบหน้าซึ่งหลบหนีไม่พ้นเงื้อมมือของเขา
『อั๊ค ทำ ไม เจ้าถึงได้แทรงแซงมิติ———』
「แล้วแกคิดว่าที่ฉันไปไหนมาไหนได้ด้วยประตูมิติ มันฟลุ๊คหรือไง!!」
『อุก』
「ให้พวกแมลงน่ารังเกียจอย่างพวกแกที่เล็งเป้ามายังคาเสะอุระซังมันสมควรตาย!!」
จากนั้นร่างของมันก็ถูกกระชากออกมาจากประตูมิติ
มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะพ่นคำพูดออกมาพร้อมกับเสียงที่สั่นเทา
『แกนะแก!! เอาสิ ฆ่าซะ ฆ่าข้า———』
「ศพของแกขอให้เป็นของฝากจากฉันแล้วกัน!」
『อึก!?』
โหว น่าทึ่งจริงๆ….ความโกรธแค้นของเขามันเหนือกว่าพวกสตับเบอร์หลายเท่าเลยแฮะ
「ด้วยร่างของแกนี่แหละ ฝากไปบอกเจ้านายแกด้วยล่ะ!!」
เขายัดหมัดใส่หน้าของอีกฝ่ายเน้นๆแล้วโยนมันกลับเข้าไปในประตูมิติ
หัวของอีกฝ่ายแหลกเป็นชิ้นๆ ไม่นานนักประตูมิติก็ค่อยๆปิดลงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
「……โมโมโกะ」
『หือ?』
「ขอบคุณนะ เพราะเธอฉันเลยรอดมาได้」
『……รู้แล้วก็สำนึกบุญคุณกันเอาไว้ซะเถอะ』
ฟู้ว นี่มันบ้าอะไรกัน?! ดีใจจริงๆที่ฉันไม่ได้ทำให้คัตสึมิคุงโกรธถึงขึ้นนี้!!
เขาที่โมโหอยู่นี่อันตรายสุดๆ ขนาดว่าไม่ใช่ร่างที่สุดยอดของเขานะ
ชีวิตของฉันไม่ปลอดภัยเลยสักนิด ดีใจจริงๆที่ได้มาอยู่กับโมโมโกะ!!
「คัตสึมิคุงนายดูเครียดๆนะหรือเพราะคลั่งที่ไม่ได้ออกมาแนวหน้าซะนาน?」
「หา? อย่ามาเรียกฉันว่าคลั่งสิเห้ย」
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาทำ ว่ากันตามตรงหากไม่ใช่พวกสัตว์ประหลาดหรือเอเลี่ยนชั่วร้ายแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีโหดร้ายแบบนี้กับใครเลย
「งั้นก็ ชิโระ ช่วยแปลงร่างเป็นรถหน่อยสิ」
『โฮก!!』
แสงส่องออกมาจากหัวเข็มขัดของคัตสึมิคุง จากนั้นยานพาหนะที่มีลักษณะคล้ายมอเตอร์ไซค์สีขาวดำก็ปรากฏขึ้น
『PRO-T STRIKER!!』
「ขอบใจมากชิโระ ฮิลด้า คาเสะอุระซัง ขึ้นมาสิ เดี๋ยวฉันจะส่งพวกเธอไปยังจุดที่ปนเปื้อนเอง」
「อื้อ เข้าใจแล้ว」
ฉันพยักหน้าให้เขาแล้วขึ้นไปซ้อนท้าย
ต้องคืนร่างให้โมโมโกะแล้วสินะ
『ฮิลด้า ช่วยอยู่ต่อแบบนี้จนถึงปลายทางที』
「เอ๋ ทำไมล่ะ?」
『คือแบบว่า พอต้องมาซ้อนท้ายกันสองต่อสอง มันอาจจะทำให้ฉันเขินตายไปซะก่อนน่ะ』
……。
ว่าแล้วฉันก็ขึ้นไปซ้อนท้ายเขาแล้วใช้แขนทั้งสองของฉันโอบรอบเอวของเขา
「โย้ช คัตสึมิคุง ฉันจะคืนร่างให้โมโมโกะฝากที่เหลือด้วยล่ะ!」
「แล้วมาโอบฉันทำไมเนี้ย」
『เดี๋ยวสิฮิลด้าาาาาา?!」
จากนั้นฉันก็เฝ้ามองดูโมโมโกะกรีดร้องออกมาขณะซ้อนท้ายคัตสึมิคุงที่บินอยู่บนฟากฟ้า
ปัญหาตอนนี้น่าจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่จากนี้ไปคงต้องระวังภัยคุกคามใหม่อย่างพวกสตับเบอร์ยิ่งกว่าเดิม
—จบ—
สุดท้ายก็แค่มาเปิดตัวศัตรูใหม่สินะ….ถึงจะโดนกระทืบฝ่ายเดียวก็เถอะ สงครามครั้งนี้ฮิลด้าอยู่ฝ่ายโมโมโกะแน่นอน….ก็สิงร่างได้นี่เนอะคุ้มแหละ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code