อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 167 ประกายแสงแห่งดวงดารา
การปราบพวกสัตว์ประหลาดเป็นไปได้ด้วยดี
เรมะสามารถเอาชนะสัตว์ประหลาดหินลงได้
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ก็เรียกได้ว่าย่ำแย่อยู่
「ระดับการปนเปื้อนยังขยายตัวต่อ!」
「ถึงจะจัดการพวกมันได้ แต่การปนเปื้อนไม่ลดลงเลย!!」
ในขณะที่ฟังเสียงของโอโมริซังและกราท ฉันก็มองภาพบนจอที่แสดงเมืองซึ่งถูกเลือดสีม่วงของสัตว์ประหลาดกัดกิน
ในห้องบัญชาการ ฉันคอยเฝ้าติดตามสถานการณ์และออกคำสั่งเท่าที่ตัวเองจะไหว ถึงแม้จะดูงุ่มง่ามไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ออกมาไม่แย่นัก หลายๆอย่างที่คิดเอาไว้ก็เป็นจริง
เมื่อพิจารณาว่าพวกเราได้ขัดขวางการกระจายเลือดของสัตว์ประหลาดได้ระดับหนึ่งแล้ว ก็ต้องคิดต่อว่าจะรับมือกับสถานการณ์ที่เหลือยังไง
「กราท ทางพวกอากาเนะเป็นยังไงบ้าง?」
「พื้นที่ในจุดที่พวกเธอดูแลอยู่สามารถจัดการกับเลือดส่วนมากได้ ระดับการปนเปื้อนเลยต่ำกว่าส่วนอื่น แต่สุดท้ายมันก็จะค่อยๆแพร่กระจายอย่างแน่นอน」
ตอนนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไล่กวาดล้างสัตว์ประหลาดให้หมดพร้อมกับป้องกันการปนเปื้อนที่แพร่กระจาย
「อันดับแรกยังไงก็ต้องหาทางกำจัดพวกสัตว์ประหลาดให้หมดก่อน อัลฟ่าช่วยย้ำกับเรมะทีนะว่าให้ทำลายอวัยวะส่วนสำคัญเพื่อป้องกันการระเบิดตัวตายของสัตว์ประหลาด」
「เข้าใจแล้ว!!」
พื้นที่ปนเปื้อนยังไม่ลุกลามมาก
ฉันคิดว่าพวกเรายังพอมีเวลาจะจัดการกับมันได้
เมื่อตัดสินใจแบบนั้นฉันก็เรียกทาเรีย
「ทาเรีย ช่วยระบุขอบเขตที่การปนเปื้อนจะแพร่กระจายและคำนวณความเป็นไปได้ให้ที」
『มีแผนรับมือแล้วเหรอคะ?』
ทาเรียถามฉันด้วยความสงสัย
「อีกสักพักฉันจะออกไปเผาพวกมันทิ้งให้หมดเอง」
『……คะ?』
「ฉันจะออกไปหน้างาน แบบนั้นคงจะสะดวกกว่า」
『ไม่ค่ะ คือไม่ใช่ว่าฉันได้ยินท่านไม่ชัดแต่….』
เสียงของทาเรียเหมือนจะลำบากใจ
『หากท่านคัตสึมิทำแบบนั้น……』
「ตอนนี้พื้นที่ปนเปื้อนถูกจำกัดให้แคบลงได้เพราะฝีมือของพวกเรมะ ดังนั้นหากฉันลงไปช่วยด้วยความเสียหายก็จะเกิดขึ้นแค่วงแคบ」
ฉันเข้าใจว่าทาเรียกังวลเรื่องอะไร แต่นี่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับตอนนี้
หากผ่านตรงนี้ไปได้ หลังจากนี้เรมะคงมีเวลาหาทางออกได้ดีกว่าเดิม
「ฉันจะพยายามทำให้แน่ใจว่าไม่ฝืนเกินไปและก็ไม่คิดจะสู้จริงจังด้วยไม่ต้องห่วงหรอก」
『……ทราบแล้วค่ะ』
「ขอบคุณที่เข้าใจ」
ฉันหันกลับไปมองจอภาพ
จากนั้นประตูห้องบัญชาการด้านหลังก็เปิดออก
ฉันรู้ว่าคนที่เข้ามาคือโซเรียซัง แต่พอหันกลับไปดันเจอคนอื่นนอกจากโซเรียซังด้วยซะงั้น
「คัตสึมิคุง!!」
「ยะโฮ คัตสึมิคุง」
「คาเสะอุระซัง? ฮิลด้าด้วย ทำไมพวกเธอมาอยู่ที่นี่กัน?」
「ฉันเป็นคนพามาเอง」
โซเรียซังที่อยู่ข้างๆคาเสะอุระซังตอบ
เธอควรจะอยู่ในห้องของเธอสิตอนนี้ มาทำอะไรที่นี่กัน
「คือ พอดีฉันเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากภายในห้องแล้วค่ะ ก็เลยคิดว่าน่าจะช่วยอะไรได้….」
「ส่วนฉันช่วยได้แน่นอน……」
ฉันจำพลังของคาเสะอุระซังได้
พลังในการฟื้นฟูซ่อมแซมวัตถุ
ด้วยพลังของเธอ พวกเราอาจจะสามารถรับมือกับการปนเปื้อนได้ แต่การจะให้เด็กสาวธรรมดาออกไปหน้างานเลยมันก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก
「ไม่ว่าเธอจะมีพลังมากแค่ไหน แต่ความเป็นจริงที่เธอคือคนธรรมดาที่เราต้องปกป้องก็ไม่เปลี่ยน ฉันไม่อยากให้เธอออกไปหน้างานเลยสักนิด」
เหมือนกับฮาคัวไม่มีผิด
เธอเลือกจะต่อสู้เพราะมีพลังในการต่อสู้
บางทีนั่นอาจจะเป็นความผิดของฉันด้วยก็ได้
「หากเธอเลือกเส้นทางแบบพวกฉันแล้วครั้งหนึ่ง การต่อสู้ของเธอจะไม่มีวันจบสิ้น เธอแน่ใจแล้วงั้นเหรอที่จะเดินบนเส้นทางนี้」
「ฉันก็ไม่ได้คิดจะทำแบบครึ่งๆกลางๆค่ะ!」
คาเสะอุระซังพูด
「ตอนที่ฉันถูกฮิลด้ายึดร่างเอาไว้ ฉันได้สัมผัสประสบการณ์ที่น่ากลัวมามากแล้ว!」
「อึก」
「ฉันรู้สึกกลัวอยู่เสมอว่าจิตสำนึกตัวเองจะหายไปตอนไหน เกือบจะเคยยอมแพ้ด้วยซ้ำกับความจริงที่ว่าตัวเองคนไม่มีวันได้ร่างคืน!」
「อุ่ย」
「แต่ว่า……」
คาเสะอุระซังยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจฮิลด้าที่ได้รับดาเมจจากคำพูดของเธอ
「แน่นอนว่าฉันก็รู้สึกกังวลเมื่อตัวเองมาถึงจุดนี้….แต่ว่าฉันก็ไม่อยากจะให้ใครต้องมาเผชิญความกลัวแบบฉันอีก ความกลัวต่อพวกเอเลี่ยนและสัตว์ประหลาด ฉันไม่อยากจะเห็นผู้คนถูกแย่งชิงบ้านและที่อยู่อาศัยของพวกเขา….」
「……」
「ฉันอยากจะปกป้องสถานที่ของทุกคนค่ะ」
ปกป้องสถานที่ของทุกคน…..
น่าแปลกใจจริงๆที่เหตุผลของเธอช่างคล้ายกับอากาเนะสุดๆ
「ฉันเองก็เห็นด้วย」
「โซเรียซัง……」
ฉันหันไปหาโซเรียซัง ผู้เป็นอดีตเยลโล่แห่งเซไคเซ็นไต
「ก็จริงว่าฉันอาจจะเป็นคนนอก แต่ในฐานะคนที่ถูกเลือกโดยเซไคเซ็นไตแล้ว ฉันบอกได้ทันทีว่าคาเสะอุระตัดสินใจด้วยเจตจำนงเสรีของเธอเอง หากเป็นช่วงเวลานี้พลังของเธอจะต้องเปร่งประกายออกมาอย่างแน่นอน」
「โซเรีย เธอพูดคำดีๆพวกนี้เป็นด้วยเหรอ!?」
ว่าแล้วฮิลด้าก็โดนหมัดของโซเรียทุบหัวไปหนึ่งดอก
…..หรือจะเป็นเรื่องที่เซกัลบอกกันนะ
「อู้ยยยย….คัตสึมิคุง」
「หือ?」
「โมโมโกะไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเองหากเกิดอะไรขึ้น」
หลังได้ยินคำพูดของฮิลด้า ฉันก็ตัดสินใจได้ว่าคงไม่สามารถหยุดเธอได้แล้ว
แบบนี้เองสินะความรู้สึกของพวกเรมะที่ไม่อยากให้ฉันออกไปสู้
ความกังวลที่อาจจะเกิดอะไรแย่ๆขึ้น
「…เฮ้อ…เข้าใจแล้ว แต่ว่าความเป็นไปได้ที่ศัตรูจะเล็งเป้ามายังเธอก็สูง ดังนั้นหากเกิดอะไรผิดปกติขึ้นฉันจะรีบไปช่วยทันที」
「อื้อ!!」
คาเสะอุระซังพยักหน้าให้กับฉัน จากนั้นฉันก็หยิบโปรโตกับชิโระซึ่งกลายร่างเป็นหัวเข็มขัดขึ้นมา
「เอ๋ แล้วทำไมคัตสึมิถึงจะแปลงร่างเลยล่ะ?」
「ฉันตั้งใจจะเปิดประตูมิติน่ะ ก็จริงว่าไม่สามารถใช้พลังอะไรได้มากแต่แค่นี้คงไม่เป็นไร….ทาเรีย ช่วยบอกพิกัดที่เสี่ยงที่สุดด้วย แล้วก็ขอข้อมูลโดยรอบนั้นที ฉันจะไปทางนั้นก่อน」
『ทราบแล้วค่ะ』
สถานที่….ใกล้จุดที่อาโออิอยู่สินะ
เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้ว ฉันก็เปิดการใช้งานหัวเข็มขัดเพื่อแปลงร่างทันที
「ลุยละนะ โปรโต ชิโระ」
『ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ดังนั้นระวังการใช้พลังของนายด้วยล่ะ』
『โฮก!!』
เข็มขัดปรากฏขึ้นตรงเอวของฉัน ฉันการเสียบหัวเข็มขัดทั้งสองลงไป
เสียงการทำงานดังขึ้นจากหัวเข็มขัด สูทสีดำค่อยๆปกคลุมร่างของฉัน
เกราะสีขาวถูกซ้อนเอาไว้ตรงส่วนนอกแถมยังมีเกราะทรงXที่ติดเหมือนเป็นเครื่องยับยั้งพลังของฉันเอาไว้ด้วย
จากนั้นไอน้ำก็พ่นออกมาจากช่องว่างในชุดเกราะ การแปลงร่างพลูโตลูปัสเสร็จสิ้น
หลังจากแปลงร่างเสร็จสิ้นฉันก็หยิบ Gravity Buster ขึ้นมาพร้อมกับกราวิตี้ไดร์ฟที่เสียบอยู่ข้างในนั้น
จากนั้นก็นึกภาพทิวทัศน์ของอาคารหลังหนึ่งแล้วเหนี่ยวไกปืน ประตูมิติได้ถูกเปิดขึ้นแล้วปลายทางของประตูนี้ก็คือภาพที่ฉันเห็นในจอก่อนหน้านั่นเอง
「……เชื่อมต่อเสร็จสิ้น」
ฮิลด้าเองก็เปลี่ยนร่างเป็นอุปกรณ์แปลงร่างให้คาเสะอุระที่เป็นจัสติสพิงค์แล้วใช้งานก่อนตรงเข้าไปในประตูมิติ
「คาเสะอุระซัง ไปสมทบกับอาโออิที」
「เข้าใจแล้วค่ะ…ขอบคุณที่เชื่อใจฉันนะ คัตสึมิคุง」
คาเสะอุระซังก้าวเข้าไปข้างในอย่างไม่ลังเล
ฉันเห็นร่างของเธอร่อนลงไปในอาคารปลายทางแล้ว จึงส่งข้อความไปหาอาโออิต่อ
***
ฉันไม่คิดว่าตัวเองต้องสู้เพราะมีพลังในการต่อสู้
การได้รับพลังที่ไม่ต้องการและก้าวเข้าสู่โลกการต่อสู้ทันที มันก็คงมีแค่ในมังงะ
แต่สิ่งที่สำคัญในคราวนี้ก็คือฉันอยากจะช่วยเหลือพวกเขา
ฉันต้องการจะปกป้องสถานที่ของฉัน
ฉันไม่อยากจะให้มีคนต้องเผชิญเรื่องแบบเดียวกับฉัน
ความรู้สึกอันแรงกล้าที่เอ่อล้นภายในใจมันทำให้ฉันตัดสินใจก้าวเข้าสู่สนามรบเช่นเดียวกับคัตสึมิคุงและคนอื่นๆ
『โมโมโกะ พวกเรามาถึงปลายทางแล้ว』
「อื้อ」
ด้วยพลังของคัตสึมิคุง พวกเราเลยมาถึงอาคารปลายทางได้ทันที
ที่นี่อยู่ใกล้กับจุดปะทะ น่าจะหาอาโออิจังได้ง่าย….
「อาโอ….บลูกำลังสู้อยู่」
เมื่อฉันมองไปข้างล่างอาคารก็พบว่ามีเสียงการต่อสู้ดังขึ้น เซ็นไตในชุดสีน้ำเงินกำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดสีม่วงหลายสวิบตัวอยู่
『อ๊า』
『ม่าย!?』
ลำแสงได้ทะลวงอกของสัตว์ประหลาดที่ถูกสายสลิงขึงไว้ในอากาศ
ฉันส่งเสียงตกใจออกมาเมื่อเห็นอาโออิจังกำลังจัดการศัตรูโดยใช้ท่าโจมตีที่อ้างอิงมาจาฤทธิ์หมัดดาวเหนือกับMad Max อย่างน้อยก็ในมุมของฉัน
『「หา……」』
ฉันกับฮิลด้าพูดออกมาพร้อมกัน บางทีเธอเองก็คงรู้สึกแปลกๆแบบเดียวกับฉัน
「มะ มาทำเรื่องที่พอทำได้กันเถอะ ฮิลด้า」
『อ้า งั้นเอาเป็นไอ้นั่นละกัน』
อาวุธที่ประธานได้สร้างเอาไว้ให้
ฉันนำมันออกมาจากอุปกรณ์แปลงร่างที่ข้อมือ
「เอ่อ….ดูยังไงก็เหมือนของเล่น……」
สีสุดฉูดฉาด ขนาดพกพาง่ายประมาณปืนพกซึ่งมีหัวยิงคล้ายเครื่องพ่นสเปรย์ติดตรงปลาย
ฉันใช้มันเล็งไปยังจุดที่มีการปนเปื้อน
『มันคืออุปกรณ์ที่ช่วยปลดปล่อยพลังของเธอให้สมดุลขึ้น เหนี่ยวไกแล้วปล่อยพลังได้เลย』
「จะลองดู……!!」
ฉันค่อยๆสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วเหนี่ยวไก จากนั้นฉันก็สัมผัสได้ถึงพลังที่หลั่งไหลออกมาจากภายในร่าง
พลังแห่งดวงดาราได้มาบรรจบกันที่ปลายปืนแล้วปลดปล่อยแสงออกมา
แสงสีชมพูแบบเดียวกันกับที่ฉันปล่อยภายในห้องฝึกค่อยๆเข้าไปหาจุดที่ปนเปื้อนเพราะเลือดของสัตว์ประหลาด
「ถามจริง คลุมได้หมดนี่เลยเหรอ…?」
ขนาดตัวฉันเป็นคนใช้พลังเองยังตกใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ
แสงดังกล่าวได้ทำการกวาดล้างการปนเปื้อนทั่วบริเวณไม่ว่าจะเป็นพื้นดินหรือตัวอาคาร……การปนเปื้อนถูกยับยั้งและทำให้กลับไปเป็นเหมือนเก่า
「คะ คัตสึมิคุง เป็นยังไงบ้างแบบนี้?!」
『ยืนยันการปนเปื้อนถูกกำจัดจนหมดแล้ว!! จากนี้ก็ช่วยทำต่อไปในจุดอื่นด้วยล่ะ!!』
「จะพยายาม!」
แค่คิดว่าตัวเองน่าจะทำได้ แต่ก็ประหลาดใจไม่น้อยที่ดันทำได้จริง
『อุ ปฏิหาริย์วันคริสต์มาส?』
อาโออิจังพูดอะไรแปลกๆออกมา แต่พิจารณาถึงช่วงเวลาของปีแล้ว มันก็ผ่านมาสักพักแล้วนะ
ความเร็วในการกวาดล้างสัตว์ประหลาดของอาโออิจังและความเร็วในการชำระล้างของฉันสูงพอๆกัน หากเป็นแบบนี้ต่อไปละก็——
『หา! กำลังเสริมของพวกมันกำลังเข้ามาแล้ว!!』
『……ดูเหมือนพลังของเธอจะดึงดูดพวกมันมานะ』
ปฏิกิริยาของสัตว์ประหลาดจำนวนมากปรากฏบนหน้ากากของฉัน
พวกมันทั้งหมดคือสัตว์ประหลาดตัวสีม่วง
『จำนวนแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา คัตสึมิคุง ให้กำลังใจฉันหน่อยสิ』
『เข้าใจแล้ว….สูดหายใจเข้าลึกๆ…แล้วแสดงให้พวกมันเห็นซะว่าเธอเก่งแค่ไหน อาโออิ!!』
『ดะ เดี๋ยว ไม่สิ…ที่คิดไว้ไม่ใช่แบบนี้』
ฉะ ฉันควรจะลงไปช่วยเธอดีไหมนะ
ไม่สิ ฉันที่สู้ยังไม่ได้เรื่องแบบนี้ อยู่ที่นี่แล้วคอยจัดการการปนเปื้อนน่าจะดีกว่า ขืนลงไปก็มีแต่จะไปขัดขวางอาโออิจังเปล่าๆ
「ฮิลด้าจากนี้ฉันไปตรงไหนต่อดี?」
『มะ โมโมโกะ!!』
หลังจากได้ยินเสียงของฮิลด้าที่ตะโกนขึ้น เธอก็เปลี่ยนร่างเป็นนกฮูกจักรกลแล้วผลักร่างของฉันออกจากจุดที่เคยอยู่
ประตูมิติที่ลักษณะแตกต่างจากของคัตสึมิคุงปรากฏขึ้นตรงนั้น ก่อนจะมีแขนที่คล้ายกับแมลง 6 แขนพุ่งออกมา
「อึก สัตว์ประหลาด……!?」
『ไม่ เจ้านี้ต่างออกไป』
「จิตวิญญาณแห่งดวงดาราาาาาา……」
สิ่งที่ปรากฏตัวขึ้นไม่เหมือนสัตว์ประหลาดก่อนหน้าหรือพวกเอเลี่ยนที่เคยเห็น มันเป็นสัตว์ประหลาดสีดำที่มีหกขา
ใบหน้าแสนดุร้ายมาพร้อมกับฟันที่แหลมคม
ขาทั้ง 6 ของมันกระแทกเข้ากับพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะส่งเสียงอันแหบแห้งเรียกชื่อของฉันเหมือนกับที่เซกัลเรียก
「คัตสึมิคุง พวกมันเป็นใครกัน」
『สตับเบอร์! คาเสะอุระซัง พวกมันต้องตามกลิ่นพลังของเธอมาแน่นออน!!』
คัตสึมิคุงกำลังตรวจสอบสถานการณ์อยู่ในห้องบัญชาการ ส่วนอาโออิจังก็กำลังรับมืออยู่กับสัตว์ประหลาดสีม่วง
———หากฉันตัวคนเดียวคงจะรีบขอความช่วยเหลือจากคัตสึมิคุงอย่างไม่ลังเลไปแล้ว แต่ว่า……!!
『คัตสึมิคุง ไม่มีอะไรต้องกังวล! ให้บลูมุ่งความสนใจไปยังพวกสัตว์ประหลาดที่เหลือต่อได้เลย!!』
『โฮ่ย ฮิลด้า!!』
『ทั้งฉันและโมโมโกะไม่ได้คิดจะมาที่นี่เพื่อเป็นภาระหรอกนะ ใช่ไหมล่ะ โมโมโกะ!!』
「อื้อ……!! ก็ตัดสินใจไปแล้วนี่นา!!」
หากฉันคิดจะหนีคงไม่มายืนอยู่ตรงนี้แต่แรก
จากนั้นฉันก็พยายามลุกขึ้นยืนแล้วมองไปยังสัตว์ประหลาดสีดำ ซึ่งกางขาแหลมๆทั้ง 6 ของมันเหมือนเตรียมจะพุ่งใส่ฉัน
『ถึงฉันไม่คิดจะทำตัวเป็นพวกผู้ผดุงความยุติธรรมอะไร แต่ยังไงฉันก็ต้องชดใช้กับสิ่งที่ฉันทำลงไป ดังนั้น!!』
ฮิลด้าในร่างนกฮูกได้กระพือปีกแล้วพุ่งเข้าไปโจมตีสัตว์ประหลาดอย่างรุนแรงจนร่างของมันกระเด็นไป
มันบิดตัวไปมากับพื้นอย่างน่าขยะแขยง แต่ไม่นานนักมันก็ลุกขึ้นมาได้ใหม่เหมือนสปริง
『โมโมโกะ ฉันขอยืมร่างเธอหน่อยสิ!!』
「ฝากด้วยล่ะ!」
ร่างนี้ไม่ใช่แค่ของฉันคนเดียวอีกต่อไป
ช่วงเวลาที่ต้องต่อสู้ ฉันฝากให้ฮิลด้าเป็นคนจัดการ
ฉันทำการมอบการควบคุมร่างให้กับฮิลด้าเพื่อให้เธอสามารถต่อสู้ในฐานะจัสติสพิงค์ได้
『จิตวิญญาณแห่งดวงดาราาาา!!』
「เป็นร่างกายที่คุ้นเคยจริงๆ!!」
สัตว์ประหลาดตัวนั้นกางขาทั้ง 6 ของมันพุ่งเข้ามา แต่ฮิลด้าก็ไม่ได้หวั่นไหว ก่อนจะเตะอัดกลางลำตัวของมันไป 1 ดอก
มันส่งเสียงร้องออกมาทันที จากนั้นฮิลด้าก็หยิบเอาปืนในมือเหนี่ยวไกใส่มัน
「อ๊ากกกก! อะ อ๊าาา?」
การโจมตีดังกล่าวไม่ได้สร้างผลกระทบใดๆกับมันเลย
ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะตอนนี้พลังของฉันที่ใช้มันถูกจำกัดเอาไว้แค่ในรูปแบบของการฟื้นฟู
「ฉันว่าคงต้องเปลี่ยนร่างให้เหมาะกับสไตล์ของฉันสักหน่อย โอเคไหม โมโมโกะ?」
『เอาสิ ทำตามใจที่เธอต้องการเถอะ ฝากด้วยล่ะ!』
ฮิลด้าพยักหน้าให้กับเสียงของฉันแล้ววางมือไว้ตรงอุปกรณ์แปลงร่าง
จากนั้นร่างกายของฉันก็ถูกปกคลุมด้วยแสง ภาพนกฮูกได้ปรากฏขึ้นตรงจออุปกรณ์แปลงร่าง
จากนั้นปีกปริศนาก็ปกคลุมใบหน้าของฉันและเริ่มกางออก เหมือนเป็นร่างใหม่ที่เหมาะสมกับการต่อสู้
จัสติสพิงค์ โอลแจ็คฟอร์ม
ร่างกายของฉันถูกห่อหุ้มไว้ด้วยชุดเกราะของฮิลด้าที่มีลักษณะคล้ายกับนกฮูก
ฉันทำหน้าที่ฟื้นฟู ฮิลด้าทำหน้าที่ต่อสู้
เมื่อก่อนฉันรู้สึกแขยงสุดๆเมื่อถูกคนอื่นเข้ามาสิงร่าง แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจตัวตนของฮิลด้าแล้ว การร่วมมือกันจึงเป็นสิ่งที่ไม่แย่นัก
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครต้องสูญเสียอะไรอีก ฉันจะต่อสู้ในฐานะจัสติสครูเซเดอร์ต่อไป
「โย้ช」
ปืนภายในมือเปลี่ยนไปเป็นดาบยาว
เมื่อฮิลด้าเหวี่ยงมันเบาๆ บางอย่างที่คล้ายกับไอหมอกก็ปล่อยมาจากปลายดาบ ก่อนเธอจะชี้มันไปยังสัตว์ประหลาด
「แกไม่ควรประมาทพวกเราเลย สตับเบอร์! พวกเราทั้งสองรวมกันเป็นหนึ่งน่ะแข็งแกร่งสุดๆเลยขอบอก」
….เอ๋ อะไรของเธอน่ะ คือมันจำเป็นต้องพูดประโยคเปิดตัวอะไรทำนองนี้ด้วยเหรอ?!
—จบ—
2 รวมเป็น 1 คนหนึ่งสายฮีลคนหนึ่งสายต่อย
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code