อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 132 โลกคู่ขนาน 9
สัตว์ประหลาดแม็กม่าเป็นศัตรูที่น่าเกรงขาม
นอกจากการโจมตีด้วยแม็กม่าที่สามารถฆ่าพวกเราได้ในครั้งเดียว มันยังสามารถฟื้นคืนชีพมาได้ทุกครั้งไม่ว่าจะโจมตีสักเท่าไหร่ก็ตาม
ครั้งแรกที่พวกเราเผชิญหน้ากับมันพวกเราจำเป็นต้องถอยมาอย่างช่วยไม่ได้ เรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
และตอนนี้มันกำลังบุกเข้ามาโจมตีอาณานิคมที่ 1
ก้อนลาวาเข้ากระแทกกับบาเรียสีเหลือง
แล้วฉันก็ได้รู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่ามันก็คือการที่โล่ซึ่งสร้างโดยฝีมือของอัศวินดำสามารถป้องกันมันเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทว่ามันคงทนไม่ได้ตลอดไปแน่นอน
ฉันกับคิราระสัมผัสเรื่องนี้ได้โดยสัญชาตญาณ ดังนั้นพวกฉันจึงตัดสินใจสวมสูทขับเคลื่อนออกไปลุย แม้จะไม่มีผู้บัญชาการและอาโออิอยู่ก็ตาม
「ครั้งนี้พวกเราอาจจะตายก็ได้」
「บังเอิญจังเลยนะที่ฉันก็คิดแบบเดียวกัน」
สัตว์ประหลาดแม็กม่ายืนอยู่ตรงหน้าอาณานิคมที่ 1 แล้ว
ความร้อนที่สัมผัสได้แม้จะห่างไปหลายสิบเมตร ฉันกับคิคาระพูดกันอย่างติดตลก
แม้ว่ามันจะดูน่าสิ้นหวังสักแค่ไหนก็ตาม
อาโออิก็ไม่อยู่เพราะออกไปคุ้มกันผู้บัญชาการ แถมศัตรูยังเป็นสัตว์ประหลาดที่พวกเราเคยพ่ายแพ้หมดรูป
หากคิดดูแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะเผชิญหน้าได้ตรงๆเลย หนทางในการเอาชนะก็ไม่มีด้วย
ทว่าถึงจะเป็นแบบนั้น———
「ยังมีคนที่เราต้องปกป้อง」
「ชวนให้รู้สึกเหมือนเป็นศึกตัดสินในการยึดครองอาณานิคมที่ 2 เลยแฮะ แต่ว่าจะว่าไปสาเหตุที่มันยังไม่ได้สาดพลังเต็มที่เป็นเพราะลูกน้องมันไหมนะ?」
สัตว์ประหลาดตัวอื่นเฝ้ามองอยู่ไกลๆ เหมือนกับกันไม่ให้มีใครหนีรอดไปได้
「……คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลุย」
นี่คือปราการสุดท้ายของมนุษยชาติ
หากเราแพ้ตรงนี้ ผู้คนในฐานแห่งใหม่ก็จะตายกันหมด
แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตพวกเราก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด
『โอ้ววววว……』
「มะ มันกำลังจะมาแล้ว!!」
「อ้า!!」
ในขณะที่สัตว์ประหลาดแม็กม่ากำลังจะโจมตี พวกเราก็เตรียมอุปกรณ์ในมือเตรียมรับมือ
ฉับหยิบดาบยาวออกมาจากสูทขับเคลื่อน ทางคิราระเองก็หยิบเอาขวานที่ติดอยู่หลังสูทออกมา
———แม้จะต้องตายที่นี่ก็ต้องลากมันลงหลุมไปด้วยให้ได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายนี้ของฉัน หรือจะฝืนโอเวอร์ไดร์ฟก็ตาม
『โอ้ววววว!!』
สัตว์ประหลาดแม็กม่าพ่นลาวาออกมาพร้อมกับเสียงคำราม
ในขณะที่เรากำลังจะเตรียมรับมือ ก็มีบางสิ่งบินมาจากด้านหลังของเราด้วยความเร็วสุดเหลือเชื่อก่อนจะแทงทะลุร่างของสัตว์ประหลากแม็กม่าไป
『อั๊ค!!?』
『『หา!?』』
สัตว์ประหลาดแม็กม่าส่งเสียงร้องออกมา ลาวาไหล่ออกมาจากร่างของมันเหมือนกับเลือด
นั่นมัน ดาบใหญ่?
เมื่อฉันมองทิศที่ดาบพุ่งมาก็พบว่ามีใครบางคนกำลังบินเข้ามาทางฉัน
ต้องรีบติดต่อไปทางผู้บัญชาการแล้ว
『ผู้บัญชาการ!! ตอนนี้มีดาบขนาดใหญ่พุ่งตรงมาทางพวกเราค่ะ!!?』
『อากาเนะ!! มีคนอยู่ตรงนั้นด้วย!! แบบนี้จะบ่แย่แล้วเหรอ??!』
「เดี๋ยวก่อนพวกเธอ อย่าโจมตีนะ!! นั่นเป็นกำลังเสริม!!」
กำลังเสริม?! ในขณะที่พวกเรากำลังตกใจ ก็มีใครบางคนพุ่งลงมาจอดที่เรายืนออยู่
เขาสวมสูทขับเคลื่อนที่มีขนาดเล็กกว่าที่เราใช้พอสมควร เสียงกลไกของเครื่องกลทำงานไปมาในจังหวะที่เขาเคลื่อนไหวก่อนจะจ้องมองไปยังสัตว์ประหลาดแม็กม่า
「ชิ ตื้นไป」
สูทขับเคลื่อนสีแดงดำที่มีรอยอยู่เต็มสูทไปหมด
หมวกที่ปกคลุมใบหน้าเดิมของผู้สวมใส่ ทว่าก็ยังเห็นเส้นผมสีแดงที่โผล่ออกมาจากช่องว่างของหมวกนั้น และหากมองให้ดีๆจะจบว่าเขาไม่มีแขนซ้าย
ไม่จริงน่า เธอคนนี้…นักรบลึกลับหมายเลข 2 ที่ปรากฏตัวในอาณานิคมที่ 1?!
「คะ ใครกัน!?」
「ยัยโง่ มันใช่เวลามาคุยกันไหม」
「หา!?」
「อย่าคิดจะมายุ่งเชียว เว้นแต่อยากจะโดนฉันฟันทิ้ง」
อะไรของยัยนี่กัน น่ารังเกียจชะมัด!!
ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใครแต่ฉันก็รู้สึกว่าไม่ชอบใจสุดๆ จากนั้นนักรบลึกลับหมายเลข 2 ก็พุ่งเข้าหาสัตว์ประหลาดแม็กม่าโดยไม่ได้สนใจฉันเลย
「โอ้วววว!!」
「ฮึบ」
เธอเตะอัดใส่สัตว์ประหลาดแม็กม่าจนปลิวว่อนไปพร้อมกับลาวาที่พุ่งออกมา จากนั้นเธอก็หยิบดาบที่เคยปักร่างของมันเอาไว้มาโจมตีซ้ำอย่างต่อเนื่อง
การฟันที่ดูคล่องแคล่วแม้จะมีแขนเพียงข้างเดียว
เร็วมากเสียจนฉันที่ใช้ดาบเหมือนกันเทียบไม่ติด พลังโจมตีที่รุนแรงและแม่นยำเพียงพอที่จะโค่นสัตว์ประหลาดแม็กม่าลงได้
「สุดยอด……」
การต่อสู้ที่ได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี แทนที่จะใช้กำลังเพียวๆ
นี่คือเทคนิคการต่อสู้ที่ฉันฝันเอาไว้ว่าจะสามารถใช้ได้
สัตว์ประหลาดแม็กม่าเกิดรอยแผลขึ้นทั่วร่างกายหลังรับการโจมตีไปเกือบสิบวิ ก่อนที่มันจะส่งเสียงคำรามออกมา
「อ๊ากกกกก……!!」
หลังมันคำราม มันก็ดูดซับพลังบางอย่างจากผืนดินเข้าไปที่ร่างของมัน
และแล้วร่างของมันก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมภายในพริบตา
「…..แย่แล้วสิ ยังไงอีกฝ่ายก็คือสัตว์ประหลาดแม็กม่า!」
「พวกเราต้องรีบไปช่วยเธอ!!」
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของคิราระและเตรียมจะเข้าไปช่วย ร่างของสัตว์ประหลาดแม็กม่าก็ระเบิดพลังออกมาจนทำให้ลาวากระจายไปรอบๆ
เมื่อเห็นท่าไม่ดีฉันกับคิราระจึงตัดสินใจถอยแทน
「เป็นอะไรหรือเปล่า!?」
「ไม่เป็นไร แต่เธอคนนั้นจะรอดไหมน่ะ?!」
การโจมตีแบบนี้คงเป็นไปได้ยากที่จะหลบพ้น
ในระหว่างที่คิดแบบนั้น ฉันก็มองไปยังกองลาวาสีแดงด้วยความหัวเสีย ไม่นานนักก็มีเงาพุ่งตรงมายังจุดที่เราอยู่ พร้อมกับควันสีขาวฟุ้งไปทั่ว
「บาเรียมาได้แค่นี้เหรอ เห้อ อุปกรณ์ไม่พอเลยแฮะ」
นักรบลึกลับรอดชีวิตกลับมาได้ ก่อนจะบ่นออกมาอย่างหัวเสียโดยมีดาบใหญ่พาดไหล่อยู่
สัตว์ประหลาดแม็กม่าเหมือนจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้สักพักเพราะการระเบิดพลังลาวาของมัน
「……」
แม้จะไม่ค่อยชอบ แต่คงเห็นได้ชัดแล้วว่ายัยนี่คือพันธมิตร
เหนือสิ่งอื่นใดมันออกมาจากปากประธานเองว่าเป็นกำลังเสริม ดังนั้นก็ควรจะช่วยเหลือกัน
「มาร่วมมือกันเถอะ」
「ฉันไม่คิดจะพึ่งพายัยงี่เง่าที่ตั้งใจจะตายมันตรงนี้หรอก」
「เดี๋ยวเธอนี่เธอพูดบ้าอะไรกัน?」
ยัยนี่พูดบ้าอะไร??!
ไม่หยาบคายไปหน่อยเหรอที่มาด่าฉันว่างี่เง่า เราเคยเจอกันครั้งแรกเองนะ
「แต่คู่ต่อสู้ของเธอคือสัตว์ประหลากแม็กม่านะ มันไม่ใช่ตัวตนที่เธอจะเอาชนะได้ตัวคนเดียวสักหน่อย」
「หุบปาก พูดอะไรน่าหนวกหูอยู่ได้ แค่เห็นหน้าเธอมันก็หงุดหงิดพอแล้ว」
「ฉันขอซัดหน้าเธอสักดอกได้ไหม!?」
「ใจเย็นกันก่อนสิ อากาเนะ」
ฉันพยายามจะไปตบเธอสักดอกเพื่อเรียกสติ แค่คิราระก็มาห้ามเอาไว้
อะไรของยัยนี่ ปกติแล้วถึงจะถูกพูดอะไรแบบนี้ใส่ฉันก็ไม่ได้โมโหหรอก แต่ไม่รู้ทำไมพอมันออกมาจากปากยัยนี่แล้วมันน่าหงุดหงิดสุดๆ
ในขณะที่ฉันพยายามระงับความโกรธ คิราระก็ไปคุยกับอีกฝ่ายแทนฉัน
「ฉันก็รู้หรอกว่าพวกเราแข็งแกร่งไม่พอ แต่ยังไงการร่วมมือกันมันก็ดีกว่าตัวคนเดียวนะ」
「…เธอไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองเข้ามาเสี่ยงอันตรายหรอก」
ไหงมันต่างกับฉันคนละโลกเลยล่ะ เธอตอบคิราระอย่างนุ่มนวลก่อนจะหันไปหาสัตว์ประหลาดแม็กมา่
「แค่ฉันคนเดียว……、……หือ」
เอ๋? เกิดอะไรขึ้น?
อยู่ดีๆยัยนั่นก็หยุดลงไปดื้อๆ
ในขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้นเองเธอก็ทำท่าเหมือนจะพูดกับใครสักคนอยู่ ไม่นานนักเธอก็ลดจิตสังหารลงแล้วกลับไปอยู่ในท่าผ่อนคลาย
「———จะมาแล้ว」
「มาแล้ว? เธอหมายถึงใครกำลังจะมา?」
เธอไม่สนใจคำถามของฉันก่อนจะปักดาบใหญ่ลงกับพื้นแล้วเดินไปนั่งตรงซากปรักหักพัง
———สัตว์ประหลาดแม็กม่ายังคงอยู่สบายดีเหมือนเดิม ฉันกับคิราระที่เห็นการกระทำขอเธอก็อดสับสนไม่ได้
「———ฟู้ว」
「ทำไมเธอมานั่งสบายใจเฉิบแบบนี้ล่ะ?!」
「แย่แล้ว สัตว์ประหลาดแม็กม่ากำลังจะเข้ามา!」
「โอ้วววววว!!」
สัตว์ประหลาดแม็กม่าได้ปลดปล่อยลาวาของมันด้วยแขนทั้งสองข้างที่กางออก
นักรบลึกลับก็ไม่คิดจะขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ฉันกับคิราระที่เห็นท่าไม่ดีก็ตั้งใจจะไปสกัดการโจมตีนี้ แต่ในจังหวะนั้นเอง
———แขนซ้ายของสัตว์ประหลาดแม็กม่าก็ปลิวว่อนไปในอากาศ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ร่างของเขาคนนั้นก็ปรากฏอยู่ระหว่างพวกเรากับสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่กำลังกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
「ชักจะเบื่อเห็นหน้าแกแล้วจริงๆวุ้ย」
เขาคว้าเอาแขนซ้ายของสัตว์ประหลากแม็กม่าที่ร่วงลงมาก่อนจะหายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่———เพียงเสี้ยววิเขาก็ปรากฏตรงหน้าของสัตว์ประหลากแม็กม่าแล้วใช้แขนซ้ายที่ขาดของมันแทงเข้าไปตรงอกแล้วต่อยซ้ำเหมือนตอกตะปูจนร่างของมันกระเด็นไป
「อ๊ากกกกกกก!!?」
สัตว์ประหลาดแม็กม่าปลิวไปชนกับอาคารที่อยู่ด้านหลัง แต่ความแรงในการปะทะก็ไม่ได้ลดลงเลย
ในที่สุดเมื่อแรงปะทะนั้นหมดลง ร่างของมันก็นอนแน่นิ่งไป โดยมีเขายืนอยู่ตรงปลายของรูที่เกิดจากฝีมือของเขาเอง หมัดเขาตอนนี้กลายเป็นสีแดงฉานเพราะความร้อนจากลาวาที่ทะลักออกมาจากร่างของสัตว์ประหลาด
「เปลี่ยนจุดที่แกนกลางอยู่เหรอ เอาเรื่องนี่หว่า」
「「……」」
ในฉันเห็นฉากที่เกินกว่ามนุษย์จะทำได้ ฉันก็ถึงกับพูดไม่ออก
ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสัตว์ประหลาดแม็กม่าจะปลิวไปได้ขนาดนั้นด้วยหมัดเดียว
「หือ?」
เขาเอียงหัวสงสัยมือมองมือขวาตัวเองที่แดงฉาน เส้นด้ายสีเงินได้โผล่ออกมาห่อหุ้มมือขวาของเขาเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆทำลายเกราะตรงส่วนนั้นทิ้งไปจนเผยให้เห็นเกราะส่วนสีดำข้างในของเขาครู่หนึ่ง ก่อนที่ผ้าพันคอสีเงินจะเริ่มถักทอเกราะอันใหม่มาปกคลุมมือของเขา
เขาที่เห็นแบบนั้นก็พยักหน้าแล้วพูด
「……ขอบคุณนะ โปรโต」
หลังยืนยันแล้วว่าเกราะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาก็หันไปหานักรบลึกลับที่นั่งอยู่ใกล้ๆ
「ขอบคุณเธอมากนะ เร็กซ์」
「ฉันต่างหากที่ต้องขอบคุณนาย แค่นายปรากฏตัวขึ้นตอนนี้ความปรารถนาของฉันก็กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว」
หญิงสาวที่ชื่อเร็กซ์กล่าวอย่างสงบนิ่ง
ในขณะที่ฉันเห็นท่าทางของเขาซึ่งต่างกับตอนที่สู้สัตว์ประหลาดสุดๆ ก็มีการติดต่อมาจากผู้บัญชาการ
『พวกเธอเป็นยังไงบ้าง!!』
「อ่ะ เอ่อ คือ……」
『อัศวินดำน่าจะมุ่งหน้าไปถึงแล้วนะ!! มีหลายเรื่องที่เกิดจะอธิบายได้อยู่ แต่รับประกันว่าเขาเป็นกำลังเสริมได้ดีแน่! ช่วยสรุปเรื่องทางนั้นให้หน่อยว่าถึงไหนแล้ว?!』
ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แค่เขาปรากฏตัวขึ้นทุกอย่างมันก็เปลี่ยนไปจนหมดราวกับโลกพลิกกลับ ดังนั้นฉันถึงรายงานไปตามที่ตัวเองพอจะเข้าใจ
「ตอนนี้สัตว์ประหลาดแม็กม่าโดนเขาต่อยจนปลิวไปแล้วค่ะ..…」
『……หา…ปลิว…』
หากฉันเป็นเขาก็คงตกใจไม่แพ้กัน
ฉันนึกใบหน้าของเขาที่อยู่ภายในห้องบัญชาการออกเลยว่าจะรู้สึกยังไง ไม่นานนักพอเขาตั้งสติได้ก็เริ่มพูดต่อ
『อะ เอาเป็นว่าตอนนี้เขาก็กลายมาเป็นพวกพ้องของเราแล้ว ถึงตัวจริงจะยังไม่แน่ชัดก็เถอะ!!』
「……มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอคะ?」
เป็นเรื่องที่เกิดคาดจริงๆที่ผู้บัญชาการพูดแบบนี้
เพราะโดยปกติแล้วเขาจะเป็นคนที่สงสัยกับทุกเรื่องและไม่ไว้วางใจใครง่ายๆ
คงจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาก่อนหน้านี้จริงๆสินะ
ในขณะที่ฉันกำลังเฝ้ารอคำตอบจากผู้บัญชาการ ฉันก็ได้ยินเสียงของอาโออิพูดขึ้นแทรก
『เขาคือพวกพ้อง』
「แม้แต่อาโออิก็ด้วย……」
『ไม่มีเวลาจะอธิบายรายละเอียด แต่เขาได้ช่วยเหลือพวกเราทุกคนรวมถึงฉันเอาไว้』
ฉันพยักหน้าให้กับคำพูดของอาโออิที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างที่ไม่เคยสัมผัสได้มาก่อน
หาเธอพูดถึงขนาดนี้แล้วฉันก็ไม่มีอะไรต้องห่วงอีก
『และบางที….เขาอาจจะชอบฉันอยู่ก็ได้』
「หา?」
『เขารู้จักชื่อของฉันและเรียกมันออกมาด้วยความห่วงใย』
……。
……、……。
「…ผู้บัญชาการ ดูเหมือนสมองอาโออิจะได้รับการกระทบกระเทือนนะคะ」
「อาโออิ ในที่สุดเธอก็กลายเป็นบ้าไปแล้ว……」
『โหดร้าย』
ฉันหัวเราะเบาๆออกมาขณะที่ฟังอาโออิมาพูดเรื่องรักๆใคร่ๆ ว่าแต่เอาจริงดิ ทั้งที่พวกเรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายเป็นคนจริงหรือเปล่าเนี่ยนะ?
『ตอนนี้ฉันกำลังจะมุ่งตรงไปยังฐานบัญชาการใหม่!! เปิดระบบติดต่อไว้ก่อนล่ะ เดี๋ยวจากนี้จะส่งโดรนไปช่วยด้วย!!』
「รับทราบ」
ฉันเมามือออกจากหู ก่อนจะมองไปยังเขาคนนั้น
「คุยกันเสร็จแล้วเหรอ?」
ท่าทางเขาจะรอให้ฉันคุยกันเสร็จก่อนเสียด้วย
…แม้จะแสดงพลังออกมาขนาดนี้ แต่เขาก็ยังดูเหมือนเป็นมนุษย์ปกติอยู่ได้
เขาเดินเข้ามาหาฉันกับคิราระด้วยสูทสีเงินดำ
เขาเงยหน้ามองฉันที่ใช้สูทขับเคลื่อนซึ่งสูงเกือบ 3 เมตรสักพัก ก่อนจะหันหน้ากลับไป
「ที่เหลือฉันจัดการเอง」
『ตะ แต่ว่าสัตว์ประหลาดมัน……』
「ไม่ต้องห่วง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันอยู่ตรงนี้ยังไงล่ะ」
เขาพูดกับฉันด้วยท่าทางเป็นมิตรสุดๆ และฉันก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจอะไรกับคำพูดของเขาเลย
อันที่จริงแม้จะมีสัตว์ประหลาดตัวอื่นล้อมเอาไว้ด้วยฉันกลับรู้สึกว่า ทุกอย่างจะต้องออกมาเรียบร้อย ฉันสามารถก้าวข้ามสถานการณ์นี้ได้อย่างแน่นอน
「คัตสึมิ พวกมันมาแล้ว」
「อ้า เห็นแล้ว ยังไงก็ฝากเธอดูแลพวกสาวๆด้วยล่ะ」
「อ้า ให้เป็นหน้าที่ฉันเอง」
เร็กซ์เรียกชื่อของเขา ชายคนที่ถูกเรียกว่าคัตสึมิ ก็หันมาพยักหน้าให้
พวกสัตว์ประหลาดตัวอื่นที่เฝ้าดูสถานการณ์ เมื่อเห็นว่าสัตว์ประหลาดแม็กม่าปลิวไปซะไกล ก็เริ่มโถมกันเข้าาโจมตีพวกเรา
จำนวนของมันน่าจะร้อยกว่าตัวได้
แม้จะเผชิญหน้ากับจำนวนขนาดนี้ เขาก็ก้าวต่อไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลเลยสักนิด
「ไม่ต้องเป็นห่วงไป」
『หือ?』
ในขณะที่ฉันเฝ้ามองแผ่นหลังของเขาเร็กซ์ก็พูดขึ้น
「เพราะเขาคือศัตรูตามธรรมชาติของพวกสัตว์ประหลาด ชายคนนี้กำเนิดมาเพื่อล้างบางพวกมัน」
「ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนั้นล่ะ……?」
เมื่อคิราระถามไปแบบนั้น ปากของเร็กส์ที่เห็นผ่านหน้ากากซึ่งมารอยร้าวก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น
「แค่เห็นเธอก็น่าจะเข้าใจแล้วนะ」
เขาเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับพวกสัตว์ประหลาดที่กรูกันเข้ามา
ผ้าพันคอสีเงินของเขาโบกสะบัดไปตามสายลม ก่อนที่มันจะกลายเป็นคมมีดรูปพระจันทร์เสี้ยวแล้วแตกตัวออกไปหั่นพวกสัตว์ประหลาดให้กลายเป็นชิ้นๆ
『LA……』
「……แบบนี้นี่เอง」
เขายกแขนขึ้นก่อนจะกางนิ้วออก
จากนั้นเสียงที่เหมือนกับเส้นด้ายกำลังขึงอะไรสักอย่างก็ดังขึ้น จากนั้นสัตว์ประหลาดตรงหน้าที่เข้ามาโจมตีเขาก็ถูกแยกออกเป็นสามส่วนจนเลือดสาดไปทั่วบริเวณ
เขาสังหารสัตว์ประหลาดตรงหน้าอย่างง่ายดายโดยไม่จำเป็นต้องขยับตัวออกจากจุดที่ยืนอยู่ เมื่อพวกสัตว์ประหลาดที่เหลือเห็นก็ถึงกับผงะไปครู่หนึ่งด้วยความกลัว
「———พลังแบบนี้เหรอ」
พอเขาพูดจบ เขาก็กระโดดจากจุดที่ยืนอยู่พร้อมกับเสียงระเบิดดังลั่น
「ฮึบ」
เพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของเขาก็หายไปจากสายตาฉันก็จะปรากฏอยู่ตรงข้างหลังของพวกกลุ่มสัตว์ประหลาด
เส้นด้ายสีเงินที่แผ่ออกมาจากผ้าพันคอของเขาได้ถูกขึงไว้ทั่วบริเวณจนทำให้พวกสัตว์ประหลาดไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้ราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ จากนั้นร่างของพวกมันก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆพร้อมกับเลือดที่สาดกระเด็น
「กะ โกหกน่า?」
สิ่งที่ฉันมองเห็นคือด้ายที่บางเฉียบสีเงินซึ่งพันรอบตัวเขาเอาไว้
มันบางมากเสียจนหากไม่สะท้อนกับแสงแดดก็คงไม่มีทางเห็น แต่มันกลับสามารถตัดพวกสัตว์ประหลาดเป็นชิ้นๆได้อย่างง่ายดาย
ไม่เพียงเท่านั้น แรงขับเคลื่อนของสูทที่เขาใช้ยังมีพลังมากพอในการบดขยี้ร่างของสัตว์ประหลาดให้เละไม่เหลือซากอีกด้วย
「……」
ผ้าพันคอที่พริ้วไสวทำการบัดเป่าเศษเลือดทั้งหมดในอากาศทิ้งไปราวกับไม่ต้องการให้มันเปื้อนสูทสีเงินดำของเขา พวกสัตว์ประหลาดที่เห็นภาพนั้นเกิดขึ้นตรงหน้าก็รับรู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกมันจะเผชิญหน้าไหว
บ้างก็เสียใจสู้จนวิ่งหนีไป
บ้างก็พุ่งเข้าใส่เขาพร้อมกับเสียงกรีดร้องแบบคนบ้า
บ้างก็ไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ราวกับถูกแช่แข็ง
แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเขาก็ฆ่าพวกมันทิ้งจนหมดสิ้นโดยปราศจากความเมตตา
「สุดยอด……」
「โหดสุดๆ……」
『ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโปรโตเซโร่ที่เจอคนเข้ากันได้จะดึงพลังออกมาได้ขนาดนี้……』
ทุบด้วยหมัด ฉีกกระชากด้วยกรงเล็บ ผ่าร่างด้วยเส้นด้าย
พาพันคือสีเงินได้กลายเป็นคมมีดฟาดฟันร่างของัสตว์ประหลาด เส้นด้ายภายในมือของเขาก็รัดและตัดคอของพวกมัน
การโจมตีที่ประสานกันได้อย่างลงตัวกำลังฆ่าล้างพวกสัตว์ประหลาดอยู่ฝ่ายเดียว
『LA、LA……』
ในจังหวะที่เสียงโลหะกำลังปะทะกัน
เสียงของเด็กสาวที่เหมือนกับฮัมเพลงก็ดังมาถึงจุดที่ฉันอยู่ ไม่นานนักผ้าพันคอของเขาก็ปล่อยแสงสีเงินขึ้นไปบนฟ้า ก่อนที่มันจะแตกตัวในอากาศแล้วร่วงหล่นลงมาแทงทะลุร่างของพวกสัตว์ประหลาดที่ยังเหลือรอดอยู่
「อุ อ้ากกก!!! ม่ายยยยย!!?」
เส้นด้ายสีเงินจำนวนมากที่ทะลุร่างของพวกสัตว์ประหลาดไปส่งผลทำให้พวกมันล้มลง ก่อนที่ไม่นานนักร่างอันไร้วิญญาณของพวกมันก็เริ่มขยับด้วยตัวเอง ก่อนจะตรงเข้าไปโจมตีสัตว์ประหลาดที่อยู่ใกล้ๆ
ท่าทางการเคลื่อนไหวของพวกมันผิดธรรมชาติสุดๆ
「นี่จะทำอะไรของแกน่ะ!!」
「……อุ……อะ」
「ตายแล้วนี่หว่า?! แต่ทำไมยังขยับได้ล่ะ?!」
เขาใช้ซากศพของพวกสัตว์ประหลาดให้มันฆ่ากันเองเหรอ?
สัตว์ประหลาดที่ถูกควบคุมไว้ด้วยเส้นด้ายสีเงินเริ่มเข้าโจมตีพวกที่ยังเหลือรอด
เมื่อฉันได้เห็นภาพของนรกตรงหน้า ผู้บัญชาการที่เฝ้ามองผ่านโดรนก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออก
「โปรโต จัดการมันซะ」
『———อื้อ』
เหล่าศพของสัตว์ประหลาดได้หยุดเคลื่อนไหว
เสียงของเขาเหมือนจะโกรธไม่น้อย จนทำให้เส้นด้ายสีเงินถึงกับสั่นไปมาเหมือนกับกำลังหวาดกลัว
「เธอไม่จำเป็นต้องไปใช้วิธีการแบบเดียวกับพวกมันหรอก」
『……เอ่อ。……คือ』
「ไม่ต้องห่วง ฉันไม่มีวันทิ้งเธอไปหรอก…เพราะเธอคือคู่หูของฉัน」
『……!』
「เชื่อใจฉันสิ พวกเราจะต้องได้ลุยกันไปอีกนาน」
หลังสิ้นเสียงนั้นเขาก็มองไปข้างหน้าแล้วเร่งความเร็วขึ้น
ชั่วพริบตาเดียว เขาก็ทำการระเบิดหัวของสัตว์ประหลาดที่พุ่งผ่านไปทั้งหมด
ตอนนี้ไม่หลงเหลือสัตว์ประหลาดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว แต่ว่า….
「……」
อัศวันทำก็ยังไม่ได้ลดการระวังตัวลงเลยสักนิด
ในขณะที่ฉันสงสัยว่าเพราะอะไร พื้นดินก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง
「……พื้นมัน」
เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่แผ่นดินไหวปกติ
เมื่อคิราระกับเร็กซ์สังเกตเห็นถึงความผิดปกติ ก็พบว่าสัตว์ประหลาดแม็กม่าที่ปลิวไปนอนจอดอยู่ไกลๆ ได้ฟื้นตัวกลับมาแล้วพร้อมกับร่างสีแดงฉานที่เหมือนมามากภูเขาไฟ
「ไม่จริงน่า……」
ทั้งที่โดนไปขนาดนั้นทำไมยังเคลื่อนไหวได้อีก?
เศษกองหินค่อยๆไปรวมที่ตัวของมันจนร่างมันขยายใหญ่ขึ้นราวๆตึกหลังหนึ่ง
『อ้ากกกกกก!!』
สัตว์ประหลาดยักษ์ที่ทั้งร่างปกคลุมด้วยลาวาถือกำเนิด
และสายตาของมันในตอนนี้ก็จับจ้องไปยังอัศวินดำด้วยความเกลียดชัง
***
อธิบายท้ายตอน
【TYPE“X”】
・มีความสามารถในการตัดและมัดด้วยเส้นด้าย
・สามารถสร้างเกราะขึ้นมาใหม่แทนส่วนที่เสียหายได้
・มีระบบตอบโต้อัตโนมัติและจุดปลดปล่อยพลังงานจากผ้าพันคอ
・บงการศพศัตรูได้(จำนวนมาก)
・มีความสามารถในการต่อสู้สูงทั้งในระยะใกล้และไกล
ถือว่าเป็นสูทที่ไม่ควรตกอยู่ในมือของฝ่ายร้ายที่สุดแล้วบรรดาสูททั้งหมด……
—จบ—
กับเพื่อนอ่อนโยนสุดๆ แต่กับตัวเองนี่ด่าเหมือนหมูหมา สุดท้ายคงได้ตีกันเอง
พลังของโปรโตX นี่ถ้าเป็นฝั่งวายร้ายคือน่ากลัวสุดๆ ตอนนี้ได้เวลาปิดฉากโลกา
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code