อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 125 โลกคู่ขนาน 2
ฉันให้คัตสึมิ โฮมุระใช้ฉันแปลงร่างจะต้องแย่แน่นอน
แม้จะไม่เคยมาก่อนแต่ฉันมั่นใจเลยว่าต้องเป็นแบบนั้น ฉันจึงพยายามห้ามตัวเองไม่ให้แปลงร่างเป็นเข็มขัด
ถ้าคัตสึมิคุงแปลงร่างโดยใช้ฉัน ฉันมั่นใจว่าฉันจะต้องโหยหาเขาในฐานะอัลฟ่าคนหนึ่งและอยากอยู่เคียงข้างเขาแน่นอน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันลังเลไม่เปลี่ยนเป็นเข็มขัดเสียที ทว่าสุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานได้
『~~~~งื้อ』
———การฝืนจิตใจตัวเองและไม่หลงเขาเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
ให้บอกกันตามตรงว่าฉันรู้สึกดีสุดๆ
หรือว่าฉันควรจะปล่อยตัวให้มีความสุขดีนะ….ไม่สิ ฉันจะต้องต่อต้านมัน ทนไว้สิตัวฉัน
ความรู้สึกที่เหมือนได้รับความกล้าในการก้าวต่อไปเมื่ออยู่เคียงข้างเขามันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
แสงสว่างที่ส่องมาเยียวยาจิตใจของฉันจนทำให้ฉันอยากจะสำนึกผิดกับเรื่องที่เคยทำลงไป
นี่เหรอพลังของคัตสึมิ โฮมุระ
『CHANGE→SCORPIO』
『ANTI VENOM!!』
ขั้นตอนการแปลงร่างแบบใหม่เกิดขึ้น ระบบการทำงานเปลี่ยนไปเป็น Anti Venom Scorpio
การ์ดขนาดใหญ่เท่ามนุษย์คนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าของคัตสึมิคุงผ่านหัวเข็มขัด ก่อนจะเปลี่ยนร่างของเขาให้กลายเป็นไรเดอร์ในการ์ด
ชิ้นสวนสีชมพูถูกติดตั้งขึ้นบนร่างของคัตสึมิคุงซึ่งคล้ายกับร่างของอัศวินดำที่เปลี่ยนสี ช่างแตกต่างจากการที่ฉันแปลงร่างเองเสียเหลือเกิน
「วู้ว ประมาณนี้น่าจะไหว」
ความรู้สึกของฉันหลังถูกเขาใช้ในการแปลงร่างหากจะให้อธิบายก็คงจะเป็น
…หากฉันอยู่กับเขา ฉันคงสามารถแข็งแกร่งได้ยิ่งกว่านี้
ไม่ใช่การสิงสู่ แต่คือการใช้ชีวิตร่วมกัน
ความกล้าหาญที่เขามอบให้กับฉันมันถูกส่งเข้าไปถึงส่วนลึกภายในจิตใจ นี่สินะความรู้สึกของแกนพลังงานที่เขาใช้ในร่างอัศวินดำและอัศวินขาวรู้สึก….ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเธอถึงได้แข็งแกร่งนัก
「ลุยกันเลย ฮิลด้า」
ชื่อของฉันถูกเรียกขึ้น แต่ฉันก็ไม่คิดจะตอบกลับไป
สิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้มีเพียงต่อสู้กับความรู้สึกภายในใจและหาทางช่วยเขาเอาชนะสัตว์ประหลาดตรงหน้า
「ร่างบ้าอะไรของมัน!!」
「ขะ ข้าจะลุยก่อนเอง!!」
สัตว์ประหลาดที่คัตสึมิคุงเรียกมันว่าสัตว์ประหลาดกระดิ่ง(ซูสุมุชิ)ได้กระโดดเข้ามาโจมตี สิ่งมีชีวิตที่รูปร่างคล้ายกับจิ้งหรีดตัวเท่ามนุษย์ ปีกที่อยู่ข้างหลังของมันกระพือไปมาอย่างรุนแรง
「ตายยยยย!!」
คัตสึมิคุงหลบการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะสวนหมัดกลับไปเข้าที่หน้าเต็มๆ
「หนวกหูชิบ」
「อุ!?」
จากนั้นมันถ็ถูกเตะอัดเข้ากลางลำตัวอีกดอกจนกระเด็นไปพร้อมกับกระอักเลือดสีน้ำเงินออกมา
「ปะ เป็นไปได้ยังไงกัน」
「ลูปัส…ไม่สิ น่าจะแข็งแกร่งกว่าชิโระร่างนั้นระดับหนึ่ง อื้ม ประมาณนี้สินะ」
「บัดซบเอ้ย เลเซอร์ ช่วยมารุมมันที!!」
เมื่อตระหนักได้ว่าสู้ตัวต่อตัวไม่น่าไหว มันจึงเรียกสัตว์ประหลาดเลเซอร์เข้ามาช่วย
นอกจากนี้ปีกของสัตว์ประหลาดกระดิ่งก็กระพือไปมาจนเกินการสั่นสะเทือนแปลกๆ
「วิ้งงงงงงง!!」
แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารรอบๆพังทลายจนฝุ่นคลุ้งออกมา
……。
พลังทำลายด้วยคลื่นจะโหดเกินไปไหม?
「ฮึ้มมมมม!!」
สัตว์ประหลาดเลเซอร์กำลังชาร์จพลังอยู่ด้านหลังของเขา การโจมตีจากทั้งสองด้านแบบนี้เขาจะรับมือยังไงนะ?
ในระหว่างที่ฉันกำลังคิด คัตสึมิคุงก็หยิบการ์ดหนึ่งใบขึ้นมาจากข้างเข็มขัดโดยไม่ได้แสดงท่าทีตื่นตระหนกอะไรเลย
「……ไอ้นี่น่าจะเข้าท่า」
『AVATAR SKILL!!』
『VENOM MIRAGE』
เขาเสียบการ์ดเข้าไปในหัวเข็มขัดเพื่อเปิดการใช้งานพลังใหม่
จากนั้นก็มีร่างโคลนของคัตสึมิคุงอีกคนปรากฏตัวขึ้นมาข้างๆเขาเพื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดเลเซอร์
「……。..สะดวกดีวุ้ย」
「โย้ช งั้นฉันจัดการไอ้ตัวนี้ละกัน」
ร่างแยก?…ภาพลวงตา?
เขาสามารถใช้พลังของฉันที่ฉันไม่สามารถใช้ได้ด้วยเหรอ?
「ส่วนแกก็ยังน่ารำคาญเหมือนเดิม」
「วิ้งงงง!! อย่าคิดเชียว่าแกจะ———」
「หนวกหูเว้ย!!」
ฉันไม่สนใจแรงสั่นสะเทือนที่มันส่งมาก่อนจะพุ่งเข้าไปเตะมันสุดแรง
ร่างของมันกระเด็นไปในอากาศ ก่อนที่ฉันจะเสียบการ์ดใบใหม่เข้าไปข้างในเข็มขัด
『AVATAR SKILL!!』
『VENOM SLICER!!』
ดาบสีชมพูสลับดำปรากฏขึ้นมาจากบนท้องฟ้าแล้วตรงเข้าไปที่มือของคัตสึมิคุง ก่อนที่เขาจะใช้ดาบเล่มนั้นในการฟันปีกของสัตว์ประหลาดทิ้ง
เมื่อเห็นว่าปีกของตัวเองถูกสะบั้นจนไม่เหลือซาก มันก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าสิ่งมีชีวิตตรงหน้าของมันคือตัวอันตรายสุดๆแล้วส่งเสียงกรีดร้องออกมา
「ม่ายยยยยย!?」
『AVATAR FINISH!!』
「แกไปก่อนเพื่อนเลยแล้วกัน」
『VENOM IMPACT!!』
ลูกเตะที่ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเปลวเพลิงสีม่วงเข้าปะทะกับร่างของสัตว์ประหลาดกระดิ่งที่กำลังพยายามจะหนีจนร่างของมันระเบิดเป็นจุล
ร่างโคลนที่กำลังกระทืบสัตว์ประหลาดเลเซอร์อยู่ฝ่ายเดียวได้เลือนหายไป ก่อนที่คัตสึมิคุงจะกลับมารับมือกับมันต่อ
「แกเป็นรายถัดไป」
เอ๋? คราวนี้เป็นการ์ดสีใหม่เหรอ
เดี๋ยว ไอ้เงาสีแดงที่สะท้อนในการ์ดนั่น!!
『เซไค!! CHANGE!!』
『RELIEF RED!!』
ทันทีที่การ์ดใบนั้นถูกเสียบเข้าไป การ์ดขนาดใหญ่ก็ปรากฏตรงหน้าของคัตสึมิคุงก่อนจะพุ่งผ่านร่างของเขาไปเหมือนกับตอนแรก
จากร่างสีดำชมพูตอนนี้เขาได้กลายเป็นร่างสีแดงฉานที่พร้อมจะแผดเผาทุกสิ่ง
มอทัลเรด?!!
ไม่สิ ชื่อของร่างที่เขาใช้มันแตกต่างออกไป หรือนี่จะเป็นร่างจริงของเซไคเซ็นไตก่อนจะกลืนกิน?!
ในขณะที่ร่างของเขากลายเป็นมอทัลเรด เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากหัวเข็มขัด
『ดาวดวง!』
『การฟื้นคืน!!』
『ที่แห่งนี้คืออาณาจักรแห่งดวงดาว!!!』
「ดาวหางสีแดงผู้เชื่อมโยงหมู่ดาว!! รีไลฟ์ เรด!!」
….เอ๋ ไหงตอนจบเขาพูดประโยคพิลึกนั่นด้วยล่ะ?
คัตสึมิคุงก็เหมือนจะแปลกใจไม่ต่างกับฉันเพราะร่างกายของเขาตอนนี้เหมือนจะโพสต์ท่าแปลกๆพร้อมกับพูดคำพูดที่เหมือนออกมาจากอนิเมะ
ความเงียบได้เข้ามาครอบงำพวกเราทั้งวสองคน สัตว์ประหลาดเลเซอร์ที่เห็นก็แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาแบบแปลกๆ
「……」
「อิหยังวะ?」
「……บัดซบทำไมร่างของฉันมันถึงขยับไปเองฟะ!!!」
「เอ๋!?」
ท่าทางจะหัวเสียสุดๆ ดูจากการที่รีบพุ่งเข้าไปต่อยสัตว์ประหลาดเลเซอร์ที่กำลังงุนงงอยู่ก็รู้เลย
…..หรือว่ามันเป็นเงื่อนไขในการแปลงร่างของพวกเซไคเซ็นไตที่ถูกต้องกันนะ?
「อ๊ากกกก!!?」
สัตว์ประหลาดเลเซอร์ที่ตั้งหลักได้ก็ปลดปล่อยพลังงานที่สะสมออกมาจากหัวของมันพุ่งตรงเข้ามาหาคัตสึมิคุง
「บึ้มไปซะ!!」
ร่างของเขาที่ได้กลายเป็นเรดแห่งเซไคเซ็นไตไปเรียบร้อยแล้วทำการสร้างดาบยักษ์สีแดงขึ้นมาแล้วพุ่งตรงเข้าไปหาสัตว์ประหลาดเลเซอร์
เพียงแค่การฟาดดาบเพียงครั้งเดียว พื้นที่ตรงหน้าก็เกิดความบิดเบี้ยวขึ้นจนทำให้เลเซอร์ที่โจมตีสลายหายไปจนหมด
「รีบทำให้มันจบๆดีกว่าวุ้ย!!」
「ได้ยังไง!?」
ใช้พลังควบคุมแรงโน้มถ่วงของมอทัลเรดได้ด้วย?!
การทำลายเลเซอร์ด้วยแรงโน้มถ่วงนี่มันช่างไร้เหตุผลเหลือเกิน จากนั้นเขาก็ปิดเกมด้วยการตัดหัวของมันทิ้งก่อนจะใช้แรงโน้มถ่วงในการบดขยี้ร่างของมันให้แหลกเป็นชิ้นๆ
「……เห้อ」
จากการต่อสู้ในคราวนี้ฉันเริ่มจะเข้าใจพลังของร่างนี้บ้างแล้ว
Ant Venom เหมือนจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรักษาความสมดุลของพลังงานแห่งดวงดาราที่ฉันถือครองอยู่โดยไม่ถูกมันกลืนกินเข้าไป โดยการทำให้มันอยู่ในรูปแบบของการ์ดแทน
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ความสามารถของพวกเขาได้อย่างหลากหลายเสียด้วย
「เหมือนศัตรูจะไม่เหลือแล้วนะ」
หลังตรวจสอบว่าปลอดภัยแล้ว เขาก็ปลดการแปลงร่างออก
เมื่อฉันได้รับการปลดปล่อยจากร่างเข็มขัด ก็กลับไปสู่ร่างของมนุษย์ ความรู้สึกอบอุ่นที่อยู่ภายในอกก็หายไป
….เกือบจะแย่แล้วสิ
หากปล่อยไหวฉันขาดเขาไม่ได้แน่นอน
ไม่ว่าจะได้รับความสุขหรือความกล้ามามากแค่ไหน แต่จงอย่าลืมไปเชียวตัวฉันว่าฉันไม่ควรจะมีความสุข———
「ฮิลด้า」
「ฮี้!?」
เพราะอยู่ดีๆก็ถูกเรียก ฉันเลยส่งเสียงแปลกๆออกมา
ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในร่างหัวเข็มขัดแล้วสายตาของเขาก็เลยจับจ้องมาที่สายตาของฉันอย่างไม่ลดละเลย
「เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ย」
「อึก อย่าได้เข้าใจอะไรผิดไปเชียวล่ะ เพียงแค่ฉันยอมให้นายใช้ครั้งเดียวไม่ได้หมายความว่าฉันจะเป็นผู้หญิงใจง่ายอะไรหรอกนะ!!」
「……เอ๋?」
「อึก เอาเป็นว่าช่วยหยุดจ้องกันสักทีได้ไหม?」
ทำไมถึงกลายเป็นตัวฉันซะเองที่เสียอาการเล่า แถมไอ้ เอ๋? นั่นมันอะไร หมอนี่ไม่ได้เข้าใจจิตใจของคนอื่นเลยสักนิด
「เอาเป็นว่ารีบออกไปจากที่นี่กันดีกว่า พวกสัตว์ประหลาดตัวอื่นอาจจะตามมาทีหลังก็ได้」
「……อื้อ」
ตอนนี้คงต้องหาที่ในการพักผ่อนเสียก่อน
แม้จะสามารถแปลงร่างได้ แต่ก็ใช่ว่าจะสะดวกสบาย ในสถานการณ์ที่ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างพวกเราไม่รู้เลยว่าจะไปได้ไกลสักแค่ไหน
「ตอนนี้ที่จำเป็นก็คงต้องหาที่พัก อาหาร น้ำ แล้วก็ตามหาอากาเนะ」
「ส่วนตัวฉันก็สนใจเรื่องของลำดับ10เหมือนกัน」
「อ้า นอกจากนี้ยังไม่ได้ยินเรื่องที่อยากจะฟังจากปากของเจ้าตัวเลย」
พอพูดจบคัตสึมิคุงก็เริ่มเดิน
หลังจากจ้องมองแผ่นหลังที่กำลังมุ่งไปข้างหน้า ฉันก็หันมามองที่มือของตัวเอง
「……ฉันจะทนไปได้สักแค่ไหนกันนะ」
ความผิดปกติภายในจิตใจของฉันตอนนี้มันเกินจะควบคุมแล้ว
ตัวฉันจากนี้จะมีชีวิตอยู่ต่อไปด้วยความแค้นได้จริงเหรอ…หือ?!
「「อึก」」
มีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา
คัตสึมิคุงก็เหมือนจะสัมผัสได้เหมือนกัน เขาจึงขมวดคิ้วสงสัย
「รีบไปกันเถอะ」
「เห็นด้วยเลย」
เพราะไม่รู้ว่ามีพวกสัตว์ประหลาดอยู่อีกกี่ตัวที่ตามมา จะให้สู้กับมันทั้งหมดก็เสียเวลาแย่
***
「———ดูเหมือนจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นที่นี่นะ」
ฉันก้มตัวลงตรวจสอบบริเวณโดยรอบขณะสวมสูทขับเคลื่อนอยู่
บริเวณนี้เกิดการต่อสู้ขึ้นไม่นานมานี้เอง
ปฏิกิริยารอบๆก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตไหนอยู่
ในขณะที่ยืนยันว่าปลอดภัยแล้ว ฉันก็เปิดฝากครอบของสูทขับเคลื่อนออก
ความร้อนแผ่กระจายออกมาจากสูท ฉันปลดร่างของฉันออกมาจากมันก่อนจะกระโดดลงพื้นถนน
「ไม่อยากจะให้เกิดปัจจัยเสี่ยงอะไรก่อนที่พวกเราจะโจมตีรังพวกมันชะมัด」
「สุดท้ายก็เลยต้องออกมาดูไม่ใช่หรือไง」
อาโออิที่ออกมาจากสูทขับเคลื่อนเหมือนกันพูดกับฉันที่กำลังถอนหายใจ ก่อนจะหยิบอุปกรณ์ตรวจสอบที่เธอพกมาด้วยขึ้นมา
ฉันยืนมองหมายเลขสีน้ำเงินที่ติดอยู่ตรงไหล่ขวาของสูทขับเคลื่อนที่อาโออิใช้ซึ่งมันสลักคำว่า 3 ติดเอาไว้ระหว่างที่รออาโออิจัดการสแกนหาข้อมูล
「ผลจากการวิเคราะห์เหมือนจะเกิดการต่อสู้ขึ้นบริเวณนี้ ซึ่งสัตว์ประหลาดที่ตายคือสัตว์ประหลาดเลเซอร์และสัตว์ประหลาดกระดิ่ง」
『นั่นมันสัตว์ประหลาดที่มีค่าภัยคุกคามอยู่ในระดับ B เลยไม่ใช่หรือไงกัน ทำไมมันถึงมาตายในที่แบบนี้ได้ล่ะ?!』
คิราระที่กำลังเฝ้าระวังอยู่ภายในสูทขับเคลื่อนถามขึ้น
พวกมันทั้งสองคือสัตว์ประหลาดที่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นก้อนเนื้อได้อย่างง่ายดาย
พวกมันสู้กันเองงั้นเหรอ?
แต่ว่านั่นมัน…..
「ไม่ว่าจะมองยังไงพวกมันก็ถูกฆ่าตายไปแล้วสินะ?」
「อื้อ พวกมันทั้งคู่ตายเพราะถูกพลังงานจำนวนมหาศาลเข้าโจมตีใส่แล้วระเบิดน่ะ」
『เป็นไปได้ยังไงกัน』
สัตว์ประหลาดพวกนี้น่าจะเจออะไรสักอย่างแล้วก็เกิดการต่อสู้ขึ้นจนพวกมันตาย
ภายในความของฉันตอนนี้มีความเป็นไปได้มากมายทั้งการหลอกล่อ ตีกันเอง กลืนกินกันเพื่อวิวัฒนาการ….
「เอาเถอะ จะมาถามถึงเรื่องที่สัตว์ประหลาดมันทำก็ไม่ช่วยอะไร」
「นั่นสินะ」
『เจอกันก็มีแต่ต้องฆ่าให้ตายไปข้างหนึ่ง』
ใช่แล้ว
นั่นคือทั้งหมดที่ต้องทำเวลาเจอสัตว์ประหลาด
ไม่มีวันที่ฉันจะให้อภัยพวกมันซึ่งพรากชีวิตของครอบครัวที่ฉันรักไป
「หรือว่า……」
「อาโออิ?」
「จะมีคนนอกเหนือจากเราที่สามารถเอาชนะ———」
「เรื่องนั้นไม่มีทางเป็นไปได้หรอก」
อาโออิพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังคาดหวัง แต่ฉันก็พูดตัดบทอย่างเย็นชา
จะเป็นไปได้ยังไง
ความหวังพวกนี้มีแต่จะฉุดรั้งพวกเราเอาไว้ บนโลกนี้นอกจากพวกเราไม่มีใครสามารถต่อสู้กับสัตว์ประหลาดได้หรอก
「การฆ่าพวกสัตว์ประหลาดคือ ภารกิจของเรา」
「……อื้อ ฉันเข้าใจที่เธออยากจะบอกดี」
อาโออิพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อย
ไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบอะไรเพิ่มแล้ว
ที่เหลือก็คือกลับฐานแล้วไปรายงานข้อมูล
『นี่ อากาเนะ』
「หือ?」
『อาณานิคมที่หนึ่ง…พวกเราจะเอาชนะมันได้ไหมนะ….』
「ไม่ใช่ว่าจะชนะได้ไหม แต่ไม่มีทางเลือกนอกจากชนะ」
อาณานิคมของสัตว์ประหลาดมีด้วยกันทั้งหมด 3 จุด
ในที่แห่งนั้นพวกเราคงจะได้ต่อสู้กับพวกสัตว์ประหลาดระดับผู้บริหารที่มีค่าภัยคุกคามระดับ A หรือสูงกว่า
แต่ว่า———
「เพราะนั่นคือทางรอดเดียวสำหรับพวกเรา」
『……นั่นสิ……ขอโทษที่ถามอะไรไร้สาระนะ』
ไม่ว่ามันจะเป็นกลยุทธ์ที่สิ้นหวังขนาดไหน พวกเราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องลุย
ไม่อย่างงั้นจุดจบของมนุษยชาติคงได้มาถึงจริงๆ
「……」
หลังพูดอะไรกันเสร็จ ฉันก็หันกลับไปมองสูทขับเคลื่อนของฉัน
เกราะจักรกลที่มีความสูงกว่า 3 เมตรสีดำทั้งตัว โดยพวกมันถูกสลักตัวเลขเอาไว้บนไหล่ขวาซึ่งฉัน อาโออิ และคิราระได้รับมา
เมื่อเห็นหมายเลข 1 ที่ถูกทาด้วยสีแดงตรงไหล่ขวานั่น ความเกลียดชังที่มีต่อพวกสัตว์ประหลาดมันก็ได้เอ่อล้นออกมาจากอกของฉันอีกครั้ง———ความแค้น ความโกรธ ความเกลียดชัง ฉันต้องพยายามสุมพวกมันไม่ให้หายไปจากหัวใจของฉัน ไม่อย่างงั้นจิตใจของฉันคงได้แหลกสลายไปพร้อมกับโลกที่ไร้ความหวังนี้เป็นแน่
—จบ—
เหล่าเซไคเซ็นไตในยุคที่ยังไม่ถูกกลืนกินก็มีท่าโพสต์เฉพาะตัวไม่ต่างอะไรกับจัสติสครูเซเดอร์
ฮิลด้ากำลังเกิดความหวั่นไหวภายในใจแถมพลังจริงๆของเข็มขัดดันสะดวกแปลกๆ นอกจากนี้ก็มีการปรากฏตัวของ 3 สาวในโลกที่ล่มสลาย ดูเหมือนอาโออิโลกนี้จะไม่ได้เป็นพวกหน้านิ่งเล่นอะไรแผลงๆเหมือนจักรวาลหลักและคิราระที่ไม่ใช้ภาษาคันไซปลอมๆ
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code