อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 108 หญิงสาวที่กลายเป็นพิษร้าย
สำหรับจัสติสครูเซเดอร์แล้ว การมาเรียนก็เป็นส่วนสำคัญในการใช้ชีวิต
แม้พวกเราจะเป็นนักเรียนแต่ในอีกมุมหนึ่งพวกเราก็ยังต้องปกป้องโลกจากพวกเอเลี่ยน
เหมือนกับอากาเนะ ตัวฉันเองได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เรียนต่อมหาลัย ช่วงชีวิตมอปลายของฉันก็ใกล้จะจบลงเข้าไปทุกที
แต่ว่าพักนี้รู้สึกมีเรื่องกวนใจไม่หาย
「คิราระ ไม่หิวเหรอ?」
「เอ่อ มะ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย」
ในขณะที่ฉันกำลังคิดหลายๆอย่างระหว่างทานข้าวกลางวัน คาโอริเพื่อนร่วมชั้นก็พูดขึ้น
「นึกว่ากำลังไดเอทอยู่ซะอีก…แต่ถึงจะกินไปสักเท่าไหร่มันก็ไปกองกันที่หน้าอกไม่ใช่หรือไงน้า?」
「เอโกะ รู้ไหมว่าเราสามารถฟ้องเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศกับเพศเดียวกันได้น่ะ?!」
จากนั้นเอโกะ เพื่อนของฉันอีกคนก็พูดจาชวนให้โดนตำรวจรวบ
เหตุผลที่ฉันรู้สึกกังวลก็เป็นเพราะเรื่องเพื่อนของฉันอีกคนอย่าง ไฮรุ โคโนฮานะ
พวกเธออยู่ห้องเดียวกันมา 3 ปีได้แล้วคงจะมีหลายอย่างที่รู้ โดยเฉพาะไฮรุ
「คิราระ ทำไมมองฉันแบบนั้นล่ะ?」
「ไฮรุ เธอจำเรื่องที่บอกว่าตัวเองเคยนั่งข้าง คัตสึมิ โฮมุระได้ใช่ไหม?」
「อื้อ ก็เคยนั่งข้างจริงแหละ」
น่าอิจฉาชะมัด
เธอตอบรับกลับมาอย่างสบายๆ
「สุดท้ายเขาก็คืออัศวินดำ…อันที่จริงฉันก็เคยจินตนาการเอาไว้อยู่หรอกว่าโฮมุระคุงคืออัศวินดำ แถมยังเขียนนิยายลงเว็บเกี่ยวกับเขาอีกด้วยผลตอบรับที่ได้ก็ปังสุดๆ ฉันละเป็นปลื้ม」
「แย่แล้วสิคิราระ คาโอริ ยัยเพื่อนสมองไหลคนนี้ดันเปิดเผยความลับที่แสนน่ากลัวออกมาเฉยเลย」
「ยัยนี่เกินเยียวยาแล้ว ดังนั้นช่างมันเถอะ」
จะว่าไปเอโกะกับคาโอริเองก็เคยอยู่ห้องเดียวกับเขานี่หว่า
ทั้งสองคนนี้จะรู้เรื่องอะไรบ้างไหมนะ?
「ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ยังไงกับคัต…โฮมุระคุงเหรอ?」
「ไม่เคยเฉียด สิ่งที่ฉันทำมีเพียงจ้องมองเขาและจินตนาการถึงเด็กหนุ่มผู้แสนโดดเดี่ยวที่ดีอดีตอันดำมืด จนกลายเป็นแผลทางใจ」
「บางทีเธอก็น่ากลัวไปนะ เอโกะ」
ไฮรุบอกกับเอโกะ
น้ำเสียงของเธอดูขนลุกสุดๆ ทางเอโกะก็ตอบกลับไปอย่างเขินๆ
「กะ ก็ไม่คิดว่าไอ้ที่จิ้นทั้งหมดมันจะจริงนี่นา…..」
ในอีกมุมหนึ่งการที่เธอเห็นคัตสึมิคุงตอนเรียนอยู่แล้วคิดแบบนั้นได้ สัญชาตญาณของเธอคงดีสุดๆ
อาโออิเองก็เหมือนกัน อย่าบอกว่าพวกโอตาคุมันจะมีพลังแปลกๆทำนองนี้กันหมดนะ?
「ทางฉันเองก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับเขานะ」
คาโอริพูดเหมือนอยากจะดึงให้กลับมาเข้าเรื่อง จากการที่เอโกะหลอนจนขาดสติ
「อันที่จริงฉันก็เคยคุยกับเขาค่อนข้างพอสมควรเลยแหละ」
「……เอ๋ เคยได้ยินเป็นครั้งแรกเลยแฮะ」
「นั่นสิ น่าแปลกชะมัด ฉันคิดว่าไฮรุจะไม่สนใจพวกผู้ชายซะอีก」
เอ๋? ไหนคัตสึมิคุงบอกว่าจัดการกับความทรงจำของเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ….ทำไมท่าทางเหมือนเธอจะพูดต่างจากคราวก่อนด้วย
หรือบางทีเขาจะไม่รู้ว่าอัลฟ่าจัดการไปมากขนาดไหนสินะ
「เป็นเพราะได้นั่งข้างกันก็เลยมีโอกาสได้คุยกันมากกว่าคนอื่นเฉยๆสินะ?」
「นั่นก็จริงอยู่ แต่ว่า……」
ไฮรุหยุดพูดแล้วยิ้มออกมาเหมือนกันหวนนึกถึงเรื่องราว
「เพราะเขาเป็นเพื่อนฉันนี่นา」
เธอผู้กลายเป็นเพื่อนของเขาได้อย่างรวดเร็ว
น่ากลัวจริงๆ
ในขณะที่ฉันกำลังคิดหลายๆอย่างในหัว ไฮรุก็กำหมัดขึ้นมาแล้วพูด
「คอยดูเถอะ ครั้งหน้าที่เจอกันจะซัดหน้าสักหมัดให้ได้เลย!!」
「ยะ อยู่ดีๆก็พูดอะไรของเธอน่ะ……?」
ฉันถามกับไฮรุด้วยความแปลกใจ ทางเธอก็ยิ้มออกมาแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาที่ปากก่อนจะพูดต่อ
「ความลับ!」
เป็นไปได้ไหมว่าอัลฟ่าไปทำอะไรแปลกๆกับความทรงจำของเธอ เพราะมันต่างจากคราวก่อนสุดๆเลย
จำเป็นต้องบอกประธานไหมนะ?
ฉันควรให้ไฮรุไปเจอกับคัตสึมิคุงจริงๆหรือเปล่า?
ถ้าทำแบบนั้น คู่แข่งอาจจะเยอะขึ้นด้วยก็ได้…..
และแล้วช่วงพักกลางวันก็สิ้นสุดลง
พอช่วงเลิกเรียนฉันก็ตรงกลับไปที่ร้านกาแฟแทนที่จะเป็นบ้าน
「มาแล้ว」
「โอ้ส」
「สวัสดีค่ะ! คิราระซัง」
อาโออิกับฮารุเหมือนจะมาถึงก่อนแล้ว แล้วก็เหมือนเคย การทักทายของสองพี่น้องต่างกันสุดๆ
「อากาเนะล่ะ?」
「เหมือนจะไปดูการปรับปรุงของจัสติสบิทที่สำนักงานใหญ่」
「ว่าแต่ทางคัตสึมิคุงล่ะ ไปด้วยกันเหรอ?」
ฉันอยากจะถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของไฮรุอีกครั้ง
แต่อาโออิกลับส่ายหัว
「เอ๋ ไม่อยู่?」
「อื้อ ออกไปข้างนอก」
「คนเดียว?」
「กับอัลฟ่า」
ออกไปข้างนอกเหรอ
แต่น่าแปลกแฮะที่อาโออิไม่ตามติดไปด้วยถึงจะมีน้องสาวอยู่ก็เถอะ
「ทำไมเธอถึงไม่ตามไปล่ะอาโออิ?」
「เห็นแบบนี้ฉันก็อ่านบรรยากาศนะ」
「「!?」」
เรื่องที่ประหลาดสุดๆในปีนี้เกิดขึ้นแล้ว
ฉันหันหน้าไปหาฮารุจังราวกับไม่อยากจะเชื่อ อาโออิที่เห็นก็ถอนหายใจ
「เขาไปเคารพหลุมศพ」
「เอ๋?」
อาโออิพูดขึ้นจนทำให้ฉันตกตะลึง
「เขาไปเยี่ยมหลุมศพของพ่อกับแม่」
***
หลุมศพของพ่อกับแม่ฉันอยู่ที่สุสานนอกตัวเมือง
มันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม แต่ช่วงนี้ของปีคงไม่ค่อยมีใครมากันนัก
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันไม่สามารถมาเยี่ยมพวกท่านได้เพราะพวกสัตว์ประหลาดและเอเลี่ยน ดังนั้นพอสบโอกาสก็เลยตัดสินใจว่าจะมาสักที
เรมะเองก็อนุญาตแล้วด้วย แต่เขามีเงื่อนไขว่าไม่ให้ฉันไปคนเดียว ฉันก็เลยพาอัลฟ่ามาพร้อมกัน
「……」
ฉันประนมมือแล้วหลับตาตรงหน้าหลุมศพ
ตลอด 3 ปีมานี้ฉันไม่สามารถมาเยี่ยมพวกท่านได้เลยสักครั้ง
「คัตสึมิยกโทษให้แล้วเหรอ?」
「หือ?」
「พ่อแม่ของนายน่ะ」
อัลฟ่าถามฉันขณะประนมมือเหมือนกับกำลังเลียนแบบฉัน
「อย่างน้อย…พวกเขาก็เคยเป็นพ่อแม่ที่ดีก่อนเกิดเรื่องนั้น」
「……งั้นเหรอ」
「ก็ประมาณนั้น」
ฉันที่ผ่านเรื่องราวมามาก ก็คิดได้ว่าคงต้องปล่อยเรื่องความแค้นอะไรไปเสียให้หมด
ต้องขอบคุณอากาเนะกับคนอื่นๆที่ทำให้ฉันไม่ต้องฝันร้ายแบบนั้นอีก
จากนั้นก็ออกมาจากสุสานพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดหลุมศพที่พกไปด้วย
「การต่อสู้นี้จะอยู่ไปอีกนานแค่ไหนกันนะ」
「ไม่รู้สิ บางทีมันอาจจะไม่มีวันจบสิ้นเลยก็ได้」
แม้ว่าการต่อสู้กับรูอินจะจบลง แต่ฉันก็ไม่ได้มองโลกในแง่ดีว่าภัยร้ายจะหมดไปถาวร
เพราะฉัน…ไม่สิโลกใบนี้ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเอเลี่ยนแล้ว
นั่นก็หมายความว่าพวกมันกลุ่มอื่นก็สามารถมายังโลกได้เหมือนกัน
การใช้ชีวิตของพวกเราหลังจากนี้คงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
「……แต่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีแล้ว」
「หือ?」
「สำหรับฉันขอแค่คัตสึมิยังอยู่ดี ฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีก」
ยัยนี่แทบไม่ต่างจากตอนที่เจอกันครั้งแรกเลย
「ฉันน่ะมันตัวคนเดียวมาตั้งแต่เกิด ถึงจะรู้ว่าตัวเองมีแม่ แต่ก็ไม่เคยพบเธอเลยสักครั้ง เอาเถอะตอนนี้ก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไรแล้วด้วยสิ」
「……」
「ชีวิตตอนนั้นของฉันเหมือนเป็นการเดินอย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งได้พบกับคัตสึมินี่แหละ」
「อย่าลืมอากาเนะด้วยสิ」
ฉันวางมือเอาไว้บนหัวของอัลฟ่าก่อนจะยิ้มออกมา
พอได้ยินเรื่องที่อากาเนะเล่าให้ฟังแล้วก็แอบตกใจเหมือนกัน
ไม่น่าเชื่อว่าการพบกันครั้งแรกของฉันกับอัลฟ่าจะเป็นตอนที่อากาเนะถูกช่วยเอาไว้
「ต้องเรียกว่าโชคชะตานำพาแหละ ทางอากาเนะเองก็เหมือนจะผิดปกตินิดหน่อยไม่ต่างอะไรกับนายด้วยสิ」
「……แต่เธอมาจากครอบครัวธรรมดาจริงๆนะ」
「นั่นแหละที่ฉันสงสัยไม่หาย」
ส่วนตัวฉันก็ไม่อยากจะเชื่อหรอก แต่พอไปอยู่มาก็รู้ว่าเป็นครอบครัวธรรมดา
แม้ว่าอาการของขาดของพี่สาวทั้งสองของเธอและความน่ารักสุดๆของคิโนโกะจะแปลกไปสักหน่อยก็ตาม
「ว่าแต่เธอทำอะไรกับความทรงจำของโคโนฮานะกันแน่?」
พอนึกถึงเรื่องในอดีตได้ฉันจึงถามอัลฟ่ากลับไปบ้าง
อัลฟ่าที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบเบือนหน้าหนีทันที
「…มะ ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย」
ยัยนี่โกหกอยู่แหง
ฉันจ้องไปยังอัลฟ่าที่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างน่าสงสัยสุดๆ
「….ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันขอให้เธอทำเรื่องที่ไม่อยากด้วยสิ บอกมาเลยไม่โกรธหรอก」
「คัตสึมิ……!」
พอคิดดูแล้วตอนนั้นฉันก็เห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆ
ถึงตอนนี้ก็รู้สึกผิดชะมัดที่ฝืนลบความทรงจำของเธอโดยไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลย
「เด็กคนนั้นได้ความทรงจำทั้งหมดกลับมาแล้ว」
「แล้วผลกระทบจากเจ้าโกสนั่นล่ะ?」
「ตอนนี้ไม่น่าจะเป็นอะไร」
ไฮรุ โคโนฮานะคือเหยื่อของสัตว์ประหลาดโกส
นั่นคือหนึ่งในเหตุผลใหญ่ๆที่ฉันเกลียดพวกสัตว์ประหลาด
เพราะเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉันก็เลยตกเป็นเป้าของพวกมันไปด้วย แถมยังทำให้จิตใจของเธอได้รับความเสียหายอีก
หากฉันไปช่วยเธอได้ทันเรื่องราวคงไม่ต้องจบแบบนี้
「คัตสึมิ คิดตอนนี้ไปมันก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว」
「……ฉันรู้」
หากตอนนั้นฉันลบเพียงแค่ความทรงจำเรื่องของโกสไป โคโนฮานะคงไม่ต้องลืมเรื่องของฉัน
ทว่าเมื่อฉันเห็นพวกสัตว์ประหลาดมันทำร้ายเธอ ฉันก็ตัดสินใจทันทีว่าไม่ควรให้เธอมาเกี่ยวข้องกับฉันอีก
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ขอให้อัลฟ่าลบทุกอย่างที่เกี่ยวกับฉันไป
พวกเราไม่เคยสนิทอะไรกันมาก่อน กลายเป็นเพียงคนแปลกๆหน้าที่ทักทายกันแล้วก็จบ
「ขอโทษเธอด้วยนะ」
「ถ้าจะขอโทษไปขอโทษเด็กคนนั้นเถอะ」
「……อ้านั่นสินะ」
อัลฟ่าเองก็คงรู้สึกแย่เหมือนกัน
ยัยนี่ไม่ใช่พวกชอบทำอะไรกับความทรงจำของคนอื่นเพราะสนุกด้วยสิ
ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องรู้สึกผิดเลย
「……ว่าแต่ ความทรงจำของเธอมันกลับมาตั้งแต่ตอนไหนกัน?」
「ตอนที่อดีตของคัตสึมิถูกเปิดเผย」
……เอ๋?
「นั่นมันช่วงเวลาที่เลวร้ายสุดๆไปเลยไม่ใช่หรือไง!! ว่าแต่เรื่องในคราวนั้นมันเกิดขึ้นกี่โมงนะ อย่าบอกว่าเป็นช่วงมื้อเย็นพอดี?!」
「อื้อ ก็ใช่!มื้อเย็นพอดี!!」
「บัดซบการเปิดเผยอดีตของฉันให้โลกรู้จังหวะนรกชิบ อวสานอาหารเย็นชัดๆ!!」
ถึงฉันจะไม่ได้สนใจเรื่องในอดีตแล้วแต่เจ้าเกาส์นั่นมันเลือกเวลาได้บัดซบชิบ
หากเป็นแบบนั้น พ่อแม่ของโคโนฮานะก็รู้แล้วน่ะสิ!
ถึงความทรงจำของพวกเขาจะไม่อยู่แล้ว แต่เขาก็คงจำฉันในอดีตได้อยู่ดี
「นี่ฉันควรไปเจอกับเธอสักครั้งจริงเหรอเนี่ย……?」
ก็รู้หรอกว่าหากเป็นโคโนฮานะคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น
ในเมื่อความทรงจำกลับมาแล้ว ก็อาจจะดีกว่าหากขอให้เรมะช่วยปกป้องและพูดคุยกันดีๆสักครั้ง
ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะมาที่Lupus Striker ฉันยื่นหมวกที่ชิโระสร้างขึ้นไปให้อัลฟ่าด้วย
「กลับกันเถอะ」
「อื้อ」
ทีนี้ก็กลับไปที่ร้าน———หือ!!
มีใครบางคนที่แสนคุ้นหน้าปรากฏตัวขึ้น
ทันทีที่ฉันรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็เอาหมวกไปสวมให้อัลฟ่าแล้วยกเธอขึ้นรถทันที
「กรี๊ด?! คัตสึมิ! อยู่ดีๆก็…ฉันขึ้นเองได้หรอกน่า!!」
「โปรโตช่วยควบคุมLupus Strikerไปส่งอัลฟ่าที่ร้านที」
『เข้าใจแล้ว!』
จากนั้นLupus Strikerก็เริ่มทำงานและขับออกไปด้วยตัวเองพร้อมกับอัลฟ่า
อัลฟ่าที่กำลังสับสนก็ส่งเสียงร้องออกมา แต่ตอนนี้ให้เธอรีบหนีไปจะดีกว่า
「ฉันรู้ว่าแกอยู่แถวนี้ ออกมาซะ」
「รู้ได้ยังไงกันน้า」
หญิงสาวคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าฉันด้วยรอยยิ้ม
ฮิลด้า เอเลี่ยนที่ครอบครองร่างของ โมโมโกะ คาเสะอุระเอาไว้
นิสัยของยัยนี่ประหลาดสุดๆ เธอปรากฏตัวขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ไม่เปลี่ยนไปจากคราวก่อนๆเลย
「พอดีว่าเห็นจังหวะมันได้ก็เลยตั้งใจจะมาทักทายน่ะ」
「แกต้องการอะไร」
ตามฉันมาไกลขนาดนี้ทำไมกันฟะ?
เธอยิ้มออกมาอย่างสบายๆ ไอ้ฉันจะทำอะไรก็ไม่ได้ด้วยเพราะร่างกายนี้ไม่ใช่ของเธอ
「ฉันจะคืนโมโมโกะให้」
「……หา?」
ทันทีที่เธอพูดจบ ร่างของฮิลด้าก็แยกออกมาจากร่างหลัก
แสงสว่างส่องออกมาจากร่างทั้งสองที่แยกจากกัน โดยมีร่างหนึ่งล้มลงกับพื้นราวกับหมดเรี่ยวแรง ฉันที่เห็นก็รีบเข้าไปพยุง
「นะ นี่เธอเป็นอะไรหรือเปล่า!?」
「……」
「ฮิลด้า!! นี่มันหมายความว่ายังไง!!」
เป้าหมายของฉันก็คือการปลดปล่อยโมโมโกะ คาเสะอุระออกจากฮิลด้า
แต่ฉันไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเธอต้องการอะไรถึงปล่อยเอง
「ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอเป็นพิเศษหรอกน่า ตอนสิงอยู่ก็ใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์โลกปกติด้วย ดังนั้นร่างกายหายห่วงจ้า」
『โฮก!!』
ชิโระที่สแกนร่างของเธอก็บอกว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่ฉันไม่ไว้ใจเลยสักนิด
ต้องรีบพาเธอไปโรงพยาบาล!!
「นอกจากนี้ฉันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ร่างคนอื่นในการเคลื่อนไหวแล้วด้วยเพราะฉันสามารถสร้างมันขึ้นมาได้เอง」
「แล้วทำไมแกถึงยังใช้ร่างนี้อยู่อีกเล่า!!」
「ก็มันน่ารักแล้วฉันก็ชอบนี่นา หากฉันสร้างร่างจริงของตัวเองขึ้นมามันจะทำให้นึกถึงอดีตที่ไม่ชอบน่ะ แถมร่างนี้นายน่าจะชอบกว่าด้วยสิ」
…เธอหัวเราะออกมา แต่ยัยนี่ต้องเกลียดร่างเดิมตัวเองขนาดไหนกันนะ?
นั่นคือสิ่งที่ฉันพอจะรู้จากการฟัง
「ทีนี้นายก็ไม่จำเป็นต้องยั้งมือแล้วนะ ไม่ดีเหรอ?」
หลังพูดจบมีสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้นในอากาศทันที
อุปกรณ์เสริมที่คล้ายกับกราวิตี้และมิกซ์ไดร์ฟของฉัน
มันเหมือนกับกล่องที่ติดเข็มฉีดยา 5 สี เธอใช้มันเสียบเข้าไปที่หัวเข็มขัดทันที
『SCREAMDRIVER!!』
「ในที่สุด เวลาที่ฉันรอคอยก็มาถึง……!」
ฮิลด้าเปิดการทำงานของหัวเข็มขัด
ทันใดนั้นพลังงานกับห้วงอารมณ์ที่น่าเหลือเชื่อก็แผ่เข้ามาในตัวของฉัน
『Let’s go down together…………』
เสียงของกลไกการทำงานจากเข็มขัดช่างชวนให้รู้สึกน่าสิ้นหวัง เข็มฉีดยาทั้ง 5 ได้แทงลงไปยังหัวเข็มขัดก่อนจะผสมกันมั่วซั่วไปหมด จากนั้นควันก็พวยพุ่งออกมา
『ได้โปรดรักฉันที!』『อย่าทิ้งฉันไปเลย』『มองมาที่ฉันสิ』
『ได้โปรดอย่ายกโทษให้กับฉันเลย』 『อย่าลืมฉันนะ』
『VENOMSCORPIO』
รูปร่างที่เหมือนกับสัตว์ประหลาดแมงป่องยักษ์ปรากฏตัวขึ้นหลังควัน
แล้วหางของมันก็แทงทะลุร่างของฮิลด้าจากด้านหลัง เธอส่งเสียงร้องออกมาด้วยความทุกข์ทรมานพร้อมกับโอบกอดควันนั้นเอาไว้
「อะ อ๊ากกกกก ฮ่ะๆๆๆ…!!」
ฮิลด้าหัวเราะออกมาแม้จะเจ็บปวดสุดๆ
จากนั้นชุดเกราะก็เริ่มก่อตัวขึ้นแล้วปกคลุมร่างของเธอ ชุดเกราะสีชมพูและเขียว
หน้ากากส่องแสงออกมาจากดวงตาสีดำทั้งสอง
มือที่แหลมคมปลายนิ้วที่ติดกรงเล็บ เกราะไหล่ที่ยืนออกมาคล้ายกับหางของแมงป่อง
เสื้อคลุมสีชมพูที่ดูเหมือนพิษร้ายพันอยู่รอบเอวของเธอ ทันทีที่เธอสะบัดผ้าคลุมออก ควันทั้งหมดก็ได้หายไปจนสิ้น
『MODE:VENOM SCORPIO』
『I can’t turn back now…………』
「SCORPIO การรวมตัวกันของพลังแห่งดวงดาราที่ใช้ในการปกป้องดวงดาวหรอ…หึ ฮ่าๆๆๆ รู้สึกดี รู้สึกดีสุดๆไปเลย」
「……สมองแกไหวไหมเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ มาจบเรื่องนี้กัน!!」
ยัยนี่แกร่งขึ้นจริงๆ
น่าจะตึงมือฉันพอสมควร
แต่ความเจ็บปวดของเธอที่ต้องแลกมานั่นมันอะไรกัน
「ในที่สุดนายก็เห็นฉันในสายตาสักที」
「หา」
「นี่แหละสิ่งที่ฉันต้องการ แบบนี้กำลังดีเลย ฉากจบที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง!!」
「เออๆ พล่ามให้จบ!!」
ฉันวางคาเสะอุระซังไว้ตรงใต้ร่ม ก่อนจะหยิบชิโระออกมา
ไดรเวอร์สีทองปรากฏขึ้นในมือของฉัน สายตาฉันจับจ้องไปยังฮิลด้าที่แปลงร่างเสร็จแล้ว
ยัยโรคจิตที่ชอบทำอะไรตามใจชอบจนคนอื่นเดือดร้อนน!!
ไม่ต่างอะไรกับรูอินเลยสักนิด!!
【TRUTHDRIVER!!】
「ฉันจะทำลายความปรารถนาอันบิดเบี้ยวของแกให้หมดเอง!! ลุยกันเลยชิโระ!!」
『ARE YOU READY?! 』
『NO ONE CAN STOP ME!!』
ฉันทำการแปลงร่างด้วยTRUTH DRIVER
ยัยนี่มันอยากจะตายหรือจะอยากรอดกันแน่ฟะ
ตัวฉันในตอนนี้ถึงจะยังไม่แน่ใจ แต่สิ่งที่ฉันบอกได้แน่ๆเลยก็คือ ยัยนี่เป็นตัวปัญหาที่ทำคนอื่นเดือดร้อนสุดๆ
–จบ–
เอโกะแต่งนิยายหลอนจนดัง ไฮรุที่จำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว
ฮิลด้าที่คลั่งอยากตาย และที่สำคัญ อาโออิที่รู้จักการอ่านบรรยากาศ!!
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code