อัศวินดำคุงไม่อยากเป็นเซ็นไต - ตอนที่ 101 เซไคเซ็นไตจู่โจม 3
หากจะให้ฉันอธิบายสถานการณ์คร่าวๆก็คือพวกฉันจำเป็นต้องหยุดพวกเซ็นไตอวกาศพวกนั้น
ทางคัตสึมิคุงกับกรีนกำลังไปช่วยปกป้องพวกคนที่หลบหนีไม่ทันระหว่างนั้นก็กำจัดสัตว์ประหลาดดวงดาราไปด้วย ส่วนทางจัสติสครูเซเดอร์ก็รับมือกับพวกเซไคเซ็นไตที่ติดตั้งอุปกรณ์เสริมมา
คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับพวกจัสติสครูเซเดอร์ในการเอาชนะพวกมันที่ติดตั้งของใหม่มา
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะพ่ายแพ้
ตอนนี้สิ่งที่ฉันทำได้คือการจำกัดความเสียหายให้แคบที่สุดและอพยพคนที่ยังเหลืออยู่
「ทาเรีย รายงานสถานการณ์การอพยพ!」
『ลังจากตรวจสอบปฏิกิริยาทางชีวภาพในพื้นที่โดยรอบดูเหมือนจะมีผู้ที่ยังไม่สามารถอพยพได้ทันหลงเหลือค่ะ ต้องการจะมุ่งหน้าไปเลยไหมคะ?』
「แน่นอนสิ ชิราคาวะคุง! มุ่งหน้าเต็มพิกัด!」
「เข้าใจแล้ว!!」
ยานขนาดยักษ์ ไวท์ 5 พุ่งตัวออกไปด้วยความเร็ว
ทั่วเมืองตอนนี้เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดดวงดารา โชคยังดีที่ตอนนี้พวกมันเล็งแต่พวกคัตสึมิคุง พวกเราเลยเคลื่อนไหวได้ง่าย
「สัตว์ประหลาดดวงดารางั้นเหรอ ทำไมมันถึงได้มีองค์ประกอบที่คล้ายกับสัตว์ประหลาดบนโลกจังฟะ」
『จากการวิเคราะห์ ดูเหมือนว่ามันจะใช้วิธีการสร้างของสัตว์ประหลาดบนโลกแต่วัสดุที่ใช้เป็นของต่างดาวค่ะ』
「ถ้าให้เดาก็น่าจะเป็นพวกซากศพของลำดับแห่งดวงดาราที่ตายไป…แต่ไม่ว่าจะยังไงนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คนปกติคิดจะทำแน่」
ทหารที่ไร้ซึ่งเจตจำนง อาจจะดูเป็นของที่ใช้สะดวก แต่มันก็ไม่ต่างอะไรกับการเหยียบย่ำชีวิตที่จบลงไปแล้ว
ส่วนจุดที่ลำบากสุดๆก็คงจะเป็นพลังของพวกมันเทียบกับลำดับแห่งดวงดาราชั้นต้นๆได้เลย
「นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เลือกคัตสึมิคุงกับกรีน」
โปรโตวันที่พลังขั้นสุดยอด กับความสามารถของกรีนที่คาดเดาอนาคตได้
ปัจจุบันจัสติสครูเซเดอร์ยังพลังในการทำลายล้างที่สูง จึงไม่เหมาะสำหรับการรับมือกับพวกมันเท่าไหร่
「ประธาน เรามาถึงกันแล้ว ฉันจะเปิดประตูยานให้รีบจัดการซะ!」
「อ้า เดี๋ยวฉันจัดการเอง」
ดูเหมือนว่าระหว่างที่กำลังคิดอะไรคนเดียวพวกเราก็มาถึงดาดฟ้าที่มีคนซึ่งอพยพไปไม่ทันซ่อนตัวอยู่
ในขณะที่ตรวจสอบความปลอดภัยโดยรอบฉันก็ลงไปข้างล่างตรงจุดที่ส่งสัญญาณทางชีวภาพมา
「ถึงคนที่ยังอพยพไม่ทัน!! ทีมช่วยเหลือมาถึงแล้ว!!」
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา
ก่อนที่อีกไม่กี่วินาที ประตูดาดฟ้าจะถูกเปิดแล้วปรากฏร่างของชายหญิง 5 ชีวิต
เป็นคู่สามีภรรยาสูงอายุ กับลูกสาวของเขาและเด็กๆอีก 2 คน
หญิงสาวผู้ที่เหมือนจะเป็นแม่ของเด็กทั้งสองเดินเข้ามาเหมือนเป็นตัวแทนของกลุ่ม โดยปล่อยให้คู่สามีภรรยาสองคนปกป้องเด็ก
「ปะ เป็นทีมช่วยเหลือเหรอคะ?」
「อ้า! ตรงนี้มันอันตราย รีบขึ้นยานมาเร็วเข้า!」
『มีปฏิกิริยาปริศนากำลังพุ่งเข้ามาค่ะ』
「ชิบ!」
รู้ได้ทันทีว่ามันคืออะไร ฉันรีบหยิบปืนหันไปเล็งยิงยังสัตว์ประหลาดดวงดาราที่พุ่งเข้ามา
ชิ ไม่ตายจริงด้วยวุ้ย
『ใช้ฉันสิคะ! ใช้ฉัน!!』
「เห้อ ช่วยไม่ได้!! ทาเรีย!」
ในขณะที่ฉันกำลังจะติดอุปกรณ์แปลงร่างซึ่งหยิบออกมาจากกระเป๋าไว้บนแขน ร่างของสัตว์ประหลาดดวงดาราก็ร่วงลงจากดาดฟ้าพร้อมกับแสงประกายสีแดงที่พุ่งผ่านไป
ไว้ใจได้จริงด้วยสินะ
รูขนาดใหญ่เกิดขึ้บนร่างของมันก็ที่จะระเบิดไปในอากาศ
「คัตสึมิคุง……!」
ถึงจะมองไม่ทัน แต่เขาคงเข้ามาช่วยฉันเอาไว้
งั้นก็ไปกันต่อ!
「เอ้าทุกคน รีบขึ้นมาเร็ว!」
「คะ ค่ะ!」
หลังจากยืนยันว่า 5 คนขึ้นมาครบแล้ว ประตูยานไวท์ 5 ก็ปิด
พอให้ทาเรียตรวจสอบเพิ่มทั่วเมืองก็ไม่พบใครที่ตกค้างอีก ก็หมายความว่า 5 คนนี้คือกลุ่มสุดท้าย
「ว้าว นี่มันอัศวินขาวแหละ!!」
「โห! จริงด้วย!!」
「อ่ะ อ้าาา ใช่แล้วจ้า เอาเป็นว่าตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ แต่ไปนั่งเงียบๆก่อนได้ไหม」
ดวงตาของเด็กทั้งสองเป็นประกายทันทีที่เห็นชิราคาวะคุงซึ่งกำลังขับยานอยู่ ท่าทางพวกเขาคงสบายใจที่ตัวเองรอดแล้วละมั้ง
พอชิราคาวะคุงเห็นแบบนั้นก็หันมาโบกมือให้นิดหน่อย
「แต่ไม่ใช่อัศวินดำสินะ……」
「ผู้หญิงเหรอ? ……ผิดคนละมั้ง」
「ทำไมถึงทำท่าผิดหวังขนาดนั้นเล่า?」
ชิราคาวะคุงอายุ 1 ปี ได้รับการโจมตีทางจิตใจเข้าให้แล้ว!!
แต่ก็คงงั้นแหละมั้ง ในมุมของพวกเด็กๆชิราคาวะคุงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาเคยเห็นด้วยนี่เนอะ
จากนั้นฉันก็บอกให้พวกเขาไปนั่งแล้วคาดเข็มขัดเอาไว้
「ขะ ขอขอบพระคุณมากเลยนะคะที่มาช่วยพวกเรา!」
「ไม่ต้องสุภาพขนาดนัน้ก็ได้ เป็นหน้าที่ของพวกฉันอยู่แล้วที่ต้องปกป้อง」
แอบเขินนิดหน่อยแฮะพอถูกหญิงสาวขอบคุณขณะไปช่วยเธอคาดเข็มขัดเพราะมือของเธอสั่นจนคาดมันไม่ได้ แต่ก็คงเป็นปฏิกิริยาปกติเมื่อคนดีๆแบบฉันเข้ามาหาแหละ———
『โกลดี้……?』
อยู่ดีๆก็ขนลุกวุ้ย!!
พอสัมผัสได้ว่าอารมณ์ของทาเรียเปลี่ยนไปจนผิดปกติ ฉันก็หันไปตรวจสอบเข็มขัดของเด็กชายที่นั่งข้างๆ
「คุณลุงเป็นเพื่อนของอัศวินดำเหรอครับ?」
「ใช่แล้ว ฉันคือคนที่คอยสนับสนุนเขาเอง…ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วนะ ฉันจะพาพวกเธอไปยังที่ปลอดภัยเอง」
「อื้อ!」
ฉันหันไปมองชิราคาวะคุงที่กำลังขับยานอยู่
ตอนนี้ไวท์ 5 กำลังมุ่งหน้าไปยังเขตปลอดภัย ทว่าอยู่ดีๆมันก็หยุดลงซะงั้น
「ชิราคาวะคุงเกิดอะไรขึ้น?」
「ประธาน ดูเหมือนพวกมันจะเล็งมาทางเราแล้วค่ะ」
「……!」
พอมองจากมุมของห้องนักบินก็พบว่ามีพวกสัตว์ประหลาดดวงดารากำลังเล็งยานของพวกเราเต็มไปหมด
แบบนี้แย่แล้วสิ
ไม่รู้ทำไมตอนนี้มันถึงมาเล็งพวกเรา
อาจจะเป็นเพราะคำสั่งจากพวกเซไคเซ็นไตก็ได้ หรือไม่ก็พวกมันมีความนึกคิดเป็นของตัวเองหลงเหลืออยู่ แต่เอาเป็นว่าหากรับมือกับพวกมันทั้งหมด ถึงเป็นไวท์ 5 ก็ไม่น่าเอาอยู่
「ประธาน」
「หือ?」
ชิราคาวะคุงหันหน้ามามองฉันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
「อาจจะเวียนหัวนิดหน่อยนะ」
「นี่เธอหมายถึง———」
วินาทีต่อมา ชิราคาวะคุงก็ทะยานขึ้นไปบนฟ้าเป็นเส้นตรง
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงกะทันหันของแรง G ร่างของฉันจึงพุ่งลงไปข้างหลังทันที
「โอ้ย!? โฮ้ยๆๆๆ ชิราคาวะคุงทำอะไรเนี้ย!?」
「……」
ไม่ตอบเฉย!?
ทันทีที่ไวท์ 5 เริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง พวกสัตว์ประหลาดหลายตัวก็เริ่มกระโดดเข้ามาโจมตี
บางส่วนก็ถูกเปลวเพลิงจากไอพ่นสีฟ้าท้ายยานเผาทิ้งไป
「ชะ ชิราคาวะคุง อย่าพุ่งตรงไปที่ศูนย์อพยพนะ!!」
「รู้แล้วน่า นี่ก็กำลังหาทางอยู่」
เพื่อสนับสนุนชิราคาวะคุง ฉันจึงเรียกทาเรียให้ติดตั้งอาวุธของไวท์ 5
「ทาเรีย แพ็คเกจ 1 กับ 6 ทำงานได้!!」
『รับทราบแล้วค่ะ จะทำการติดตั้งทันที』
หมายเลข 1 คือเครื่องยิงขีปนาวุธ 6 ลำก้อง ส่วนหมายเลข 6 คือปืนเลเซอร์เล็งเป้าอัตโนมัติ
พอสิ้นเสียงของทาเรีย อาวุธพวกนั้นก็โผล่ออกมาจากยานแล้วกำจัดพวกสัตว์ประหลาดที่เกาะอยู่ตามปีกของยานให้ร่วงหล่นลงไป
เสียงระเบิดได้ดังกึกก้องไปทั่วยาน
「คะ คึก!?」
「นี่เรากำลังจะตายกันหมดเหรอ?」
「มะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถึงการขับจากนี้จะยากลำบากไปบ้าง แต่สนามพลังโน้มถ่วงพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นภายในยานยังสามารถทำงานได้ ทำให้ยังคงระดับต้านแรง G เอาไว้ไหว!!」
『มาสเตอร์ สงบสติลงก่อนค่ะ ฉันไม่คิดว่านั่นจะเป็นคำอธิบายที่เด็กเล็กจะเข้าใจได้ค่ะ』
นั่นสินะ เอาแต่ตื่นเต้นไปหน่อยจนเป็นฉันเองที่ยังไม่ได้นั่งคาดเข็มขัดอยู่คนเดียว
แต่การที่ยานต้องเร่งความเร็วขนาดนี้เพื่อหนีพวกสัตว์ประหลาดก็บ่งบอกได้ชัดว่าพวกมันเร็วสุดๆเหมือนกัน
「ทาเรียโอนสิทธิ์ควบคุมการยิงมาให้ฉัน!!」
『แต่ว่าท่านฮาคัวกำลังควบคุมส่วนบิน———』
「ฉันจะทำมันทั้งคู่นั่นแหละ หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ฉันปกป้องพวกเธอไม่ไหวแน่!!」
พอเธอได้ขับยานก็เหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากนั้นเธอก็ทำการควบคุมคอนโซลด้วยมือขวาที่ยังว่างอยู่
เธอใช้ไวท์ 5 ได้เหมือนมือเท้าแล้วสินะ สมกับที่มีความสามารถในการเรียนรู้สุดน่าทึ่งจริงๆ
เธอดึงคันโยกควบคุมสุดแรงเพื่อหมุนกลับยานไวท์ 5 แล้วเล็งอาวุธไปยังพวกสัตว์ประหลาดที่ใกล้เข้ามา
「เอาไปกินซะ!!」
ขีปนาวุธถูกยิงออกไปพร้อมกันทั้งหมด
พวกที่หลบได้ก็จะถูกเลเซอร์ผ่าครึ่ง
「แฮก…แฮกๆ」
「ชะ ชิราคาวะคุง……? ยังไหวใช่ไหม?」
「ยังไหวอยู่———ชิ มาอีกแล้ว!!」
「หือ!?」
ชิราคาวะคุงเหมือนจะสัมผัสบางอย่างได้ จึงเร่งเครื่องไวท์ 5
เพียงไม่กี่วินาทีหลังสิ้นเสียงของเธอ ไวท์ 5 ก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
「บัดซบ!」
ชิราคาวะคุงเดาะลิ้นอย่างไม่พอใจขณะพยายามขับยานต่อไป
ถึงพวกผู้อพยพที่มาด้วยจะไม่ได้รับผลกระทบจากแรง G แต่สีหน้าของพวกเขาก็ซีดไม่น้อย
ไม่ได้แล้ว ฉันต้องทำให้พวกเขาสบายใจขึ้น!
「ทุกคน———」
「ชิ ไม่ร่วงไปซักทียะ!! เอาไปกิน ตายไปซะให้หมด ไอ้พวกแมลงน่ารำคาญ!!」
「ชิราคาวะคุง! พวกเราคือฝั่งธรรมมะไม่ใช่หรือไง!!?」
ไปติดเชื้อมาจากคัตสึมิคุงหรือยังไงกันนะ?!
คัตสึมิคุงกับเรดน่ะฉันพอจะทำใจได้แล้ว แต่เธออย่าไปอยู่กับฝ่ายนั้นอีกคนเถอะขอร้อง
หรือว่าไปแล้วหว่า? ได้ยินว่าพวกเด็กทารกได้รับอิทธิพลจากคนเลี้ยงดูง่ายด้วยสิ
「ประธาน ไวท์ 5 นี่แกร่งสุดๆไปเลย!!」
「อ้า ก็ต้องงั้นสิ…ว่าแต่ไหงมาพูดเอาตอนนี้———」
『สร้างบาเรียขึ้นมาที่ส่วนหน้าของยานแล้วค่ะ ท่านฮาคัว พร้อมเข้าปะทะค่ะ』
「โย้ชชชชช!!」
「ชิราคาวะคุง!? ทาเรีย!?」
ยัยนี่ตั้งใจจะใช้ยานเข้าชนร่างของสัตว์ประหลาดอย่างไม่ลังเลเลยเหรอฟะ?!
จากนั้นยานที่กางบาเรียเอาไว้ก็พุ่งชนเข้ากับร่างของสัตว์ประหลาดจนแหลกเป็นชิ้นๆ
「เอาล่ะ ใช้โอกาสนี้หนี———」
『ฆ่า』
『ฆ่า』
『ฆ่า』
「……ชิ」
มากันไม่หยุดสักทีถึงจะฆ่าไปเยอะแล้วก็ตาม
ไม่ว่าจะกำจัดไปเท่าไหร่ ตัวใหม่ก็จะเข้ามาแทนที่
「……คิดว่าจะยอมแพ้หรือไงกัน」
ทว่าจิตวิญญาณของชิราคาวะคุงก็ไม่ได้อ่อนแอลงเลย
เธอจับคันบังคับเอาไว้แน่น และบังคับยานเพื่อฝ่าฟันพวกสัตว์ประหลาด จากนั้นประกายแสงสีแดงก็ทะลุผ่านร่างของพวกสัตว์ประหลาดตรงหน้ายานทั้งหมด
พอสังเกตดูก็พบว่ามีร่างหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้ายานไวท์ 5
『คิดไม่ถึงเลยวุ้ยว่าพวกแกจะฉลาดถึงขึ้นมาโจมตียาน』
เสียงของชายที่น่าไว้ใจที่สุดในจักรวาล ไรเดอร์ผ้าพันคอสีแดง ค่อยๆใช้หมัดของเขาในการสังหารพวกสัตว์ประหลาดทั้งหมด
「คัตซึน!!」
『ฮาคัว พยายามได้ดีมาก』
「อื้อ!」
จากนั้นเขาก็หันมาคุยกับฉันที่อยู่ข้างในยานโดยที่ไม่ละสายตาจากพวกสัตว์ประหลาดข้างนอกยาน
『ดูเหมือนว่าพวกมันจะเริ่มเคลื่อนไหวได้มีสติปัญญาขึ้นนะ』
「แน่ใจเหรอคัตสึมิคุง?」
『อ้าดูพวกมันสิ』
หลังคัตสึมิคุงบอก ฉันก็สังเกตร่างของพวกมันตอนนี้เหมือนว่าเปลือกสีดำที่ห่อหุ้มเอาไว้จะแตกออกเป็นชิ้นๆไปหมดแล้ว
「คัตสึมิคุงนี่มัน……」
『อ้า เหมือนกับสัตว์ประหลาดของโลกเราเลย….แต่จะให้ชี้จุดชัดเลยก็คงยากแหละ』
ก็หมายความว่าหากปล่อยพวกมันหลุดออกไป
ก็มีโอกาสที่มันจะให้กำเนิดสัตว์ประหลาดบนโลกขึ้นมาใหม่หรือเปล่านะ?!
『ปล่อยให้ฉันกับคอสโม่จัดการพวกมันเอง ไม่ปล่อยให้มันเหลือรอดไปแน่นอน』
จากนั้นเขาก็มองเห็นพวกคนที่อพยพซึ่งมากับยานของพวกเรา
『เดี๋ยวฉันจะปกป้องยานนี้จนกว่าจะถึงจุดอพยพเอง รีบตรงไปได้เลย』
「……อื้อ เข้าใจแล้ว!」
『ฝากด้วยล่ะ ฮาคัว』
เขากระโดดลงจากไวท์ 5 แล้ววิ่งไปมาบนท้องฟ้าเพื่อทำลายล้างพวกสัตว์ประหลาด
ในขณะที่ได้รับการปกป้องชิราคาวะคุงก็เคลื่อนยานต่อไปยังจุดอพยพ
หากเป็นอัศวินดำ….หากเป็นคัตสึมคุงละก็ไม่เป็นไรแน่นอน
เพราะฉันเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของเขา
「ไม่เป็นไรแล้วนะ อัศวินดำจะปกป้องพวกเราเอง」
「……อื้อ」
ฉันวางมือไว้บนหัวของเด็กชายเพื่อคลายกังวล
ต้องรีบส่งพวกเขาไปยังศูนย์อพยพ
ทว่าก็ยังโล่งใจไม่ได้
「ต่อจากนี้แหละคือของจริง」
หลังส่งพวกเขาเสร็จ พวกเราก็จะสามารถต่อสู้ได้โดยไม่ต้องกังวลข้างหลังอีก
หากเป็นศัตรูปกติแค่จัสติสครูเซเดอร์ก็น่าจะเพียงพอ แต่ตอนนี้พวกมันติดตั้งอุปกรณ์ใหม่มาเต็มไปหมด แถมเหมือนจะมีแผนอะไรอยู่ด้วย
หากให้ฉันเดามันน่าจะเป็นการโจมตีจากฟากฟ้าเหมือนกับคราวก่อน
ดังนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อม
「ถึงเวลาได้ลากคอพวกเซ็นไตอวกาศออกมาเชือดแล้ว」
จากนี้ไปจัสติสครูเซเดอร์จะได้รับพลังที่แท้จริงของพวกเธอ
「ชิราคาวะคุง หลังส่งผู้อพยพเสร็จพวกเราจะมุ่งหน้าไปหาจัสติสครูเซเดอร์ทันที」
「นายตั้งใจจะทำอะไรน่ะ?」
「ของมันก็แน่อยู่แล้ว」
ฉันยิ้มให้กับชิราคาวะคุงที่เอียงหัวสงสัย
ฉันอาจจะลงเอยด้วยการเป็นเหมือนคัตสึมิคุงก็ได้ แต่ว่า….
「มาแสดงให้พวกเอเลี่ยนได้เห็นกันว่ามาหาเรื่องฉันจะเป็นยังไง」
ตอนแรกก็คิดว่าจะกังวลเพราะไม่ได้สู้มานานแล้ว แต่น่าแปลกที่ฉันกลับตื่นเต้นสุดๆ
ก่อนหน้านี้ฉันต้องยืมมือคัตสึมิคุงและคนอื่นๆในการต่อสู้ แต่ตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้ว
***
อุปกรณ์เสริมของพวกมันแข็งแกร่งกว่าที่ฉันคิด
นอกจากจะป้องกันการฟันของฉันได้แล้ว แรงโน้มถ่วงของมอทัลเรดยังดึงร่างของฉันเข้าไปหามันอีกด้วย แถมจะฟันก็ทำไม่ได้อีก
การโจมตีของมอทัลกรีนก็มีฤทธิ์กัดกร่อนที่ต้านได้ยาก
บาเรียของมอทัลเยลโล่ก็ทำให้คนอื่นโจมตีได้ยาก
ไหนจะพลังในการฟื้นฟูของมอทัลบลูอีก
ถึงไม่อยากยอมรับแต่พลังของมันพวกสนับสนุนกันได้ดีจริงๆ
จุดประสงค์ก็เพื่อโค่นพกเราด้วยการสนับสนุนกันและกัน
เหมือนกับพวกเรา
「เหมือนพวกเราจะเป็นฝ่ายตั้งรับแทนแล้วสิ!!」
「……」
แทนที่จะรับพลังโจมตีของแรงโน้มถ่วงไปตรงๆ ฉันใช้ใบดาบในการเบี่ยงมันออก
ความแตกต่างในอุปกรณ์ช่างชัดเจน
ความสามารถไม่สามารถชดเชยในเรื่องนี้ได้
แต่ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆหรอก
「เยลโล่ โจมตีประสาน」
「จัดมาเด้!」
เยลโล่ปล่อยกระแสไฟฟ้าออกมาโดยมีฉันพุ่งเข้าไปโจมตีอย่างรุนแรง
ทว่าการโจมตีของพวกเราก็ถูกบาเรียของทอมัลเยลโล่และสนามพลังของมอทัลเรดป้องกันเอาไว้ ทว่าฉันก็ไม่คิดจะหยุด
「เปล่าประโยชน์!」
「ไม่มีทางที่พวกเธอจะเอาชนะฉันได้หรอก!!」
แล้วมันจะทำไมกันล่ะ
หากคิดว่าฉันจะยอมแพ้เพราะแค่โจมตีไม่ได้ละก็พวกแกคิดผิดแล้ว
ตลอดหลายปีที่ผ่านมาฉันเจอเรื่องแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
สัตว์ประหลาดที่ใช้พลังความสามารถสุดไร้เหตุผล
ทว่าสุดท้ายพวกมันก็ประมาทและถูกพวกเรากำจัดทิ้ง
「บลู! ระเบิดควัน!!」
「รับทราบ」
หรือจะเป็นเพราะมีอัศวินดำคุงกันนะ?
พอมีเขาอยู่ด้วยใกล้ๆ ฉันไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองจะพ่ายแพ้
หากพวกเราแพ้ก็จะมีอีกหลายชีวิตต้องสูญสิ้น
ดังนั้นพวกเราจะสู้ต่อไป
「เรด จับแขนฉัน!」
「อ้า」
ในจังหวะที่บลูสร้างม่านควัน เยลโล่ก็ยื่นมือมาให้ฉันจับ
จากนั้นเธอก็กว้างฉันขึ้นไปข้างบน
「……」
ฉันพุ่งลงไปจอดที่ด้านหลังของมอทัลบลูอย่างเงียบงัน ก่อนจะโจมตีใส่ฮีลเลอร์ที่สร้างความลำบากในการต่อสู้ที่สุด
「พี่คะ!」
ทว่าการโจมตีนั้นก็ถูกบาเรียของมอทัลเยลโล่ปกป้องเอาไว้….พี่งั้นเหรอ?
ไอ้ตุ๊กตาไร้ชีวิตนี่เป็นพี่ของมอทัลเยลโล่เหรอ?
เสียงที่หลุดออกมาอาจจะเป็นเพราะสัญชาตญาณของเธอเอง แถมบาเรียของมอทัลเยลโล่ที่รีบสร้างขึ้นมาเหมือนจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าที่คิด จึงเกิดรอยร้าวขึ้น
「ทำไม…พวกเธอถึงยังไม่ยอมแพ้อีก…?」
「หากคิดว่าพวกฉันจะยอมแพ้ละก็ พวกฉันคงไม่มีทางมายืนอยู่ตรงนี้ได้หรอก」
「ทั้งที่ได้เห็นความต่างของพลังขนาดนี้แล้ว……」
「แล้วมันทำไมกันล่ะ? แค่นั้นต้องยอมแพ้เหรอ? หากมีสิ่งที่ต้องปกป้องอยู่ไม่ว่าจะเหตุผลไหนก็ไม่มีทางหรอก」
ของมันแน่อยู่แล้ว
หลังสิ้นคำพูดนั้นไหล่ของมอทัลเยลโล่ก็สั่นไปมา
ฉันไม่รู้ว่ายัยนั่นรู้สึกยังไง
ไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าทำไมมอทัลบลูถึงได้ไม่พูดจาอะไรสักคำแล้วเอาแต่รักษาพวกพ้องที่ทำเหมือนเขาเป็นขยะ
「ทำไม ทำไม……」
「เป็นอะไรของเธอเนี่ย?」
ดูเหมือนว่าสติของเธอจะไม่มั่นคง บาเรียเริ่มแตกออก แล้วปลายดาบของฉันก็พุ่งเข้าไปหาร่างมอทัลเยลโล่ทันที
「ซะ ซวย———」
ทว่าในจังหวะนั้นเอง มอทัลบลูที่ควรจะอยู่นิ่งๆ กลับผลักร่างของมอทัลเยลโล่ออกไปและถูกดาบแทงใส่แทน
「———อั๊ก」
「มาทำกันได้นะ!! เรด!!」
「……」
ฉันถูกโจมตีสวนเข้ามาที่ไหล่
พอเป็นแบบนี้ฉันจึงปล่อยดาบแล้วกระโดดถอยออกมา
「……รู้สึกแย่ชะมัด」
การจะต้องสู้กับคนพวกนี้มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ไม่เหมือนกับพวกสัตว์ประหลาด
หากมอทัลเยลโล่กับบลูมีนิสัยชั่วร้ายเหมือนกับมอทัลเรดฉันก็คงจะฟันได้อย่างไม่ลังเลแล้วแท้ๆ
ยุ่งยากจริง
「เรดเป็นอะไรไหม?」
「อ้า ไม่เป็นไร ยังพอทนไหว」
「พวกเราต้องซื้อเวลาอีกนานแค่ไหนกันนะ」
อย่างน้อยก็น่าจะจนกว่าคัตสึมิคุงและคอสโม่จังกำจัดพวกสัตว์ประหลาดหมด หรือไม่ก็ประธานอพยพคนหนีไปจนเสร็จ
ต้องพยายามให้มากกว่านี้แล้วสิ
「เอาล่ะทุกคนคงต้องพยายาม———」
ในขณะที่ฉันกำลังจะเข้าปะทะกับพวกมันใหม่โดยการสร้างดาบยเล่มใหม่ออกมา ไวท์ 5 ที่ขับโดยชิราคาวะจังก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวพวกฉัน
จากนั้นมันก็หยุดนิ่งในอากาศก่อนจะเปิดประตูยานออก และแล้วร่างของชายผมบลอนด์สวมเสื้อคลุมสีขาวก็กระโดดลงมาจากยาน…เอาจริงดิ?!
「อ๊ากกก!!」
ร่วงลงมากับพื้นนอนแน่นิ่ง ใช้แล้วเจ้าหมอนี่คือเรมะ คาเนะซากิ หรือที่รู้จักกันในชื่อของประธานนั่นแหละ
ดูเหมือนจะเจ็บไม่น้อย แต่เขาก็พยายามลุกขึ้นโดยกัดฟันทนเอาไว้
「หึ หึหึหึ ขอโทษที่ปล่อยให้รอ ฉันมาแล้ว!!」
「ขอเปลี่ยนเป็นคัตสึมิคุงด้วยค่ะ」
「ใครเค้ารอกัน」
「กลับไปนอนบ้านเถอะ」
「หยุดพูดได้แล้วเจ้าเด็กพวกนี้นี่!! ไม่รู้หรือไงว่าฉันต้องพยายามขนาดไหน!!」
ประธานชี้นิ้วใส่พวกฉันก่อนจะหันไปหาพวกเซไคเซ็นไต
「……ใครกัน」
「ฉันคือโกลดี้ หรือถ้าชือบนโลกก็ เรมะ คาเนะซากิ」
ทำไมถึงพูดได้อย่างองอาจขนาดนั้นนะ ใช้อิตาคนไม่ได้เรื่องจริงเหรอ?
ทันทีที่ประธารปรากฏตึวขึ้น ฮิลด้าที่เอาแต่ดูเงียบๆก็เริ่มเคลื่อนไหว
เหมือนเธอจะระวังตัวไม่น้อยเลยด้วย
「คิดว่าแค่อดีตลำดับแห่งดวงดาราปลายแถมจะเปลี่ยนสถานการณ์ได้เหรอ?」
「ก็จริงว่าฉันอ่อนแอ อันที่จริงด้วยอาการบาดเจ็บยิ่งทำให้ฉันอ่อนแอกว่าสมัยก่อนอีกหลายเท่าเลย」
「งั้นนายตั้งใจจะมาซื้อเวลาเหรอ?」
「ทำไมถึงคิดงั้นล่ะ ทั้งที่ฉันคิดว่าเธอฉลาดแท้ๆนะ ฮิลด้า」
「หา?」
ประธานพูดยั่วยุอีกฝ่ายก่อนจะหยิบนาฬิกาสีทองขอบดำออกมาจากกระเป๋าเสื้อ———『จัสติสเชนเจอร์』
ฮิลด้าที่เห็นแบบนั้นก็รีบยิงกระสุนพลังงานใส่ประธานทันทีก่อนที่เขาจะได้แปลงร่าง
「ปะ ประธาน!」
「ไม่เป็นไร!!」
ในขณะที่ฉันกำลังตั้งใจจะเข้าไปช่วยเขา อนุภาคสีทองก็ปรากฏขึ้นรอบตัวของประธาน เหมือนกับบาเรียที่คอยปัดป้องการโจมตี
「ร่างกายฉันมันอ่อนแอก็จริง แต่มันสมองของฉันน่ะแกร่งกว่าพวกแกน่ะ ใช่แล้ว เพราะฉันคืออัจฉริยะยังไงล่ะ!!」
『UNIVERSE!!!』
ประธานกดปุ่มที่อุปกรณ์แปลงร่าง เสียงที่ส่งออกมาไม่เหมือนกับของพวกเรา
「จนถึงตอนนี้สิ่งที่ฉันทำได้คือการสร้างสูท สอนวิธีใช้ แล้วเฝ้ามองพวกเธอ!!!!」
『Loading N. N. N. Now Loading → Loading N. N. N. Now Loading →』
「แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะแปรเปลี่ยน อัศวินดำ จัสติสครูเซเดอร์!! นับจากนี้ฉันจะเปิดเส้นทางให้กับพวกเธอเอง!!」
ประธานยกแขนซ้ายขึ้นมาตรงใบหน้าก่อนจะกดปุ่มด้านข้างนาฬิกาอีกครั้ง
「ซาจิทาเรียส!! ขอพลังของเธอให้ฉันยืมอีกครั้งเถอะ!!」
『Anywhere as long as一 I am with you!!!!』
『Flame GOLD! Acceleration!!!』
เสียงของทาเรียเหมือนจะตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม
อนุภาคสีทองได้เข้ามาห่อหุ้มร่างกายของประธาน
เกราะสีทองก่อตัวขึ้นบนร่างของเขา สูทที่เข้าใช้ช่างคล้ายกับของพวกเราเหลือเกิน จากนั้นเขาก็ทำการสะบัดมือหนึ่งครั้งเพื่อกำจัดอนุภาคที่ปกคลุมร่างของเขาจนหมดสิ้น
『CHANGE → UP RIGING!! SYSTEM OF JUSTICECRUSADE……!!』
「ฉันผู้นี้คือจัสติสโกลด์!! นักรบแห่งดาวโลก จากนี้จะขอทำการสั่งสอนพวกแกเอง!!」
ชุดเกราะที่ดูแวววาวและฉูดฉาดสุดๆ กำลังชี้นิ้วไปหาพวกเซไคเซ็นไต
–จบ—
ฮาคัวเด็ก 1 ขวบผู้ซึมซับสังคมแห่งการนองเลือด
ว่าแต่บทเสียงแปลงร่างประธารมันแปลกๆนะ…..คิดไปเองแหละมั้ง
มาเม้ามอยหลังอ่านกันได้ที่เพจนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code