อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 643 บาดแผลเพียงผิวเผิน
ตอนที่ 643 บาดแผลเพียงผิวเผิน
มู่เถาเยาใช้เวลาสองวันศึกษาเอกสารของลู่จือฉินที่เรือนอุ่นรัก จากนั้นก็ไปที่เผ่าหมาป่าพระจันทร์ในช่วงสุดสัปดาห์
ตี้อู๋เปียนย่อมตามไปด้วย แม้พ่อตาจะไม่ยินดีต้อนรับก็ตาม
แต่เขาหน้าหนา มู่เถาเยาไปไหนเขาก็ไปด้วย รวมถึงไปหาญาติ
ปู่ทวดเกาอายุร้อยกว่าปีมองเด็กสองคนที่ดูเหมาะสมกัน ดีใจจนกินข้าวเยอะกว่าเดิมครึ่งชาม
ไอหยา เหลนเขยหล่อจนเจริญอาหารจริงๆ!
ปู่ทวดเกายังไปพักที่ตำหนักพระจันทร์หลายวันเพราะตี้อู๋เปียนอีกด้วย
เดิมทีเย่ว์หลั่งยังแค่เหม็นขี้หน้าตี้อู๋เปียน ต่อมาเขาเอานมร้อนไปส่งให้ลูกสาวด้วยตัวเอง เห็นเขาอยู่ในห้องด้วย แต่ปากของลูกสาวกลับเจ่อแดง…
พ่อที่อาบน้ำร้อนมาก่อนมีเหรอจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น โมโหจนเรียกลูกชายสองคนไปบุกห้องตี้อู๋เปียนยามวิกาลแล้วอัดสามรุมหนึ่ง
วันรุ่งขึ้นหลังจากมู่เถาเยาตื่นนอนไม่เห็นตี้อู๋เปียนก็รู้สึกแปลกใจ เพราะปกติพอเธอออกจากห้องก็จะเห็นเขา
เย่ว์หลั่งพูดหน้าตาเฉย “ลูกพ่อ เขามีธุระนิดหน่อย ตอนนี้ออกไปแล้ว”
มู่เถาเยาตกใจ “เช้าขนาดนี้เลยเหรอคะ”
เย่ว์หลั่งพยักหน้า “อึม เขาโตป่านนี้แล้ว ลูกไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก”
มู่เถาเยาไม่สงสัยอะไร กินอาหารเช้ากับคนในครอบครัวเสร็จก็ไปเยี่ยมเหมียวฉีที่คุกพร้อมเย่ว์จือกวง
แม้เหมียวฉีจะติดคุก แต่สภาพจิตใจก็ดูไม่แย่
นอกจากหน้าที่ที่ต้องทำในคุกแล้ว เธอยังแบ่งเวลาทุ่มเทให้กับการวิจัยสมุนไพรและตำรับยาด้วย
ระยะนี้ช่วยลู่จือฉิน เจียงเย่ว์ และคนอื่นๆ ได้ไม่น้อย
นั่งวิจัยคนเดียวก็อาจเกิดภาวะสมองตันได้ การไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคนอื่นไม่ได้หมายความว่าคนที่สู้เราไม่ได้จะช่วยอะไรเราไม่ได้เลย
อย่างไรเสียขีดความสามารถของคนคนหนึ่งก็มีจำกัด ส่วนใหญ่จำเป็นต้องอาศัยพลังของหมู่คณะหรือคนอื่นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์
ดังนั้นยามที่ ‘ถึงทางตัน’ อาศัยพลังจากภายนอกถึงจะเดินไปได้ไกลขึ้น
การชำนาญใช้ปัจจัยภายนอกหรือใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆ ก็เป็นภูมิปัญญาอย่างหนึ่ง
การสู้ด้วยตัวเองสำคัญก็จริง แต่หลายครั้งที่เมื่อเราพยายามจนถึงร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วก็ยังยากที่จะได้รับผลตอบแทนคืนมาก็จะทำให้ท้อแท้ได้ง่าย จากนั้นก็จะล้มเลิกความตั้งใจ
การยืมพละกำลังเรียกได้ว่าก็เป็นหนึ่งในหนทางสู่ความสำเร็จ
อย่างเช่นเธอทำธุรกิจ ถ้ามีเส้นสายย่อมประสบความสำเร็จได้ง่าย
แน่นอนว่าการยืมพละกำลังไม่ได้ความว่าจะเลิกสู้ด้วยตัวเองเลย แต่เป็นการยืมพลังและสติปัญญาของคนอื่นบนพื้นฐานความพยายามของตัวเองที่มีอยู่แล้วมาทำให้เกิดผลลัพธ์ที่เราต้องการ
การวิจัยวิทยาศาสตร์ก็เช่นกัน หลายครั้งที่ต้องยืมความคิดและสติปัญญาของคนรุ่นก่อนหรือหมู่คณะ
อันที่จริงคนที่ถนัดยืมแรงคนอื่นก็คือคนที่ฉลาดที่สุด
หลังจากมู่เถาเยาคุยกับเหมียวฉีเสร็จก็เกิดไอเดียใหม่ กลับไปขลุกตัวในห้องทดลอง ชั่วพริบตาเวลาผ่านไปหลายวัน ไขข้อข้องใจตำรับยาโบราณได้สำเร็จ อีกทั้งยังคิดค้นตำรับใหม่บนพื้นฐานตำรับเดิมได้ สรรพคุณดียิ่งกว่า
ถ่ายรูปตำรับยาแล้วส่งเข้ากลุ่มสำนักแพทย์โบราณ จากนั้นไปปรุงยาที่ศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ปาซื่อ ผลิตในปริมาณน้อย ไม่นานก็เข้าสู่กระบวนการทดลองยา
วุ่นอยู่กับเรื่องนี้ทุกวันจนเวลากว่าครึ่งเดือนผ่านไป
ในช่วงระหว่างนี้มู่เถาเยาเจอตี้อู๋เปียนน้อยมาก ประการแรกคือเธอยุ่งมาก ประการสองคือในเมื่อตี้อู๋เปียนอยู่ที่เผ่า แบบนั้นก็ไม่หายไปไหน เธอไม่มีอะไรต้องกังวล
แต่เรื่องที่เธอนึกไม่ถึงคือ ระยะนี้ส่วนใหญ่ตี้อู๋เปียนจะหลบพักฟื้นอยู่ในห้อง! อีกทั้งเขายังแอบดีใจที่ว่าที่พ่อตากับพี่ชายทั้งสองรู้แค่ว่าเขากับมู่เถาเยาแค่จูบกัน
เขาไม่กลัวถูกซ้อม กลัวแค่ว่าผู้ชายสามคนที่เขาไปยั่วโมโหไม่ได้จะเกลี้ยกล่อมซาลาเปาน้อยให้ทำอะไร หรืออยากหาอะไรให้เขาทำ จะได้ไม่ไปเจอซาลาเปาน้อยได้ง่ายๆ…
เฮ้อ ชีวิตเขาช่างยากแท้!
แต่พอนึกถึงว่าพรุ่งนี้จะได้กลับเมืองเย่ว์ตูแล้วเขาก็ดีใจขึ้นมาอีกครั้ง กินข้าวอร่อยขึ้นเยอะ
เย่ว์เลี่ยงกับเป่ยซีทั้งจนปัญญาทั้งรู้สึกขำ
อวิ๋นไป๋อยู่ในตระกูลเย่ว์เป็น ‘คนนอก’ ไม่กล้าแสดงความคิดเห็นพร่ำเพรื่อ แถมตี้อู๋เปียนยังเป็นหลานชายของเขา เขาช่วยฝ่ายไหนก็ไม่ดีทั้งนั้น
ถ้าหากจะต้องเลือกจริงๆ เขาก็คงต้องเลือกเข้าข้างเมีย หลานชายโตแล้ว ถูกอัดสักสองสามครั้งไม่ใช่เรื่องใหญ่!
อันที่จริงมู่เถาเยาสังเกตเห็นมาหลายวันก่อนแล้วว่าพ่อกับพี่ชายไปหาเรื่องตี้อู๋เปียน แต่เธอไม่ได้เข้าไปยุ่ง แค่แอบส่งยารักษาให้
เธอเป็นหมอ แถมยังรู้จักเขาดี แค่เอาใจใส่นิดหน่อยก็มองออกแล้วว่าเขาเดินไม่ปกติ แถมยังเจ็บจนเป็นตะคริว แค่นี้ก็เดาได้แล้วว่าโดนรุมซ้อมมา
สงสารแฟนก็สงสาร แต่พ่อกับพวกพี่ชายรู้หนักเบาแน่นอน ไม่มีทางเอาถึงขั้นพิการ ก็แค่บาดแผลผิวเผิน
แต่ก็ใช่ว่าจะเลวร้ายเสมอไป ตอนนี้ถือว่าได้เปิดเผยแล้ว ต่อไปก็ไม่ต้องแอบแม้กระทั่งจะจับมือกัน
คนเป็นพ่อไม่รู้ความคิดของลูกสาว คีบกับข้าวให้ลูกเสร็จก็ถามขึ้น “ลูกรัก ลูกกลับเมืองเย่ว์ตูก่อนแล้วค่อยกลับหมู่บ้านเถาหยวนเหรอ”
“ค่ะ กลับหมู่บ้านเถาหยวนจะอยู่นานหน่อยค่ะ เลยไปเมืองเย่ว์ตูดูอาจารย์สามกับเสี่ยวลู่ลู่หน่อย”
“ดี เดี๋ยวพ่อกับแม่จะเตรียมนมผงเยอะหน่อยฝากไปให้เสี่ยวลู่ลู่กิน นมผงของเผ่าเราของดีเลยนะ”
ในความเป็นจริงไม่ใช่แค่นมผง แต่ของส่วนใหญ่เป็นของดีทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นสุขภาพของคนในเผ่าจะดีขนาดนั้นได้อย่างไร
“ขอบคุณค่ะคุณพ่อคุณแม่” เนื่องจากตอนเด็กๆ มีชีวิตที่ไม่ค่อยดี น้ำนมของอาจารย์สามจึงออกน้อยหลังคลอด ไม่พอให้เสี่ยวลู่ลู่กิน จำเป็นต้องใช้นมผงจำนวนมาก
เป่ยซีอมยิ้มมองลูกสาว พูดด้วยความเอ็นดู “เด็กโง่ จะเกรงใจพ่อแม่ทำไม”
มู่เถาเยายิ้ม