อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 606 คู่จิ้นคู่นี้น่าสนับสนุน ตอนที่ 607 คนไร้ซึ่งศีลธรรม
- Home
- อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร
- ตอนที่ 606 คู่จิ้นคู่นี้น่าสนับสนุน ตอนที่ 607 คนไร้ซึ่งศีลธรรม
ตอนที่ 606 คู่จิ้นคู่นี้น่าสนับสนุน ตอนที่ 607 คนไร้ซึ่งศีลธรรม
ตอนที่ 606 คู่จิ้นคู่นี้น่าสนับสนุน
หลังจากชุลมุนสักพักมู่เถาเยาก็เข้าใจถึงสาเหตุที่ตี้อู๋เปียนเลือดกำเดาไหลแล้ว เธอหน้าแดงหัวใจเต้นแรง ไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดี
สรุปว่าตลอดช่วงบ่ายก็ไม่ได้แช่น้ำพุร้อน
ทั้งสองคนเปลี่ยนเสื้อผ้า กะว่ากินอาหารเย็นเสร็จค่อยแช่น้ำพุร้อนดูดาวชมแสงออโรร่า
เนื่องจากล้างหน้าออกหมดแล้ว ทั้งคู่จึงไม่ได้ออกไปไหน นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หันหน้าเข้าหากัน
ออกมาเที่ยวก็เรื่องหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทิ้งงานไปอย่างสิ้นเชิง
หนึ่งชั่วโมงต่อมามู่เถาเยาก็สั่งอาหาร
ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมง หาวห่าวพาแม่บ้านที่จัดไว้เฉพาะสำหรับแขกห้องนี้มาส่งอาหารด้วยตัวเอง
ชั่วขณะที่เห็นมู่เถาเยา ทั้งสองคนก็อึ้งตะลึงงัน
ขออภัย
มู่เถาเยาเปิดประตูให้สุดแล้วยิ้มพูด “ผู้จัดการหาว แม่บ้านโจว เชิญเข้ามาค่ะ”
เกิดเหตุขัดข้องในการเชื่อมต่อ กรุณาลองใหม่อีกครั้ง
ลองใหม่อีกครั้ง
แม่บ้านโจววัยยี่สิบหกปีอยากกรีดร้องเหลือเกิน แต่ก็ยังไม่ลืมว่าอยู่ในระหว่างทำงาน
เธอเรียนด้านการบริการมาโดยเฉพาะ ได้รับการศึกษาขั้นสูง จึงต้องอดทนไว้!
เคยบริการดาราชื่อดังและนักธุรกิจรายใหญ่มามากมายนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยตื่นเต้นเท่าตอนนี้!
หาวห่าวถามด้วยความไม่แน่ใจ “คุณมู่หรือเปล่าคะ”
“ใช่ค่ะ ใบหน้านี้ออกไปไหนไม่สะดวก ก็เลยต้องแปลงโฉมค่ะ ขอโทษด้วย”
“…นึกไม่ถึงเลยค่ะ ก่อนหน้านี้แต่งหน้าเอาเหรอคะ ไม่มีเค้าลางเหมือนเลยสักนิดค่ะ ขนาดล้างหน้าออกหมดแล้ว” เธอแต่งหน้าทำงานมาแล้วหลายปีเพราะประเภทงานที่ทำ จึงดูคนที่ล้างเครื่องสำอางแล้วออก แต่เมื่อเที่ยงที่พวกเขามาถึงเธอกลับดูไม่ออกเลย
“ไม่ใช่การแต่งหน้าธรรมดาค่ะ มันคือการแปลงโฉม” มู่ถาเยายิ้ม บอกให้พวกเขาเอาอาหารไปวางที่โต๊ะในห้องรับแขก
“ฉันเคยเห็นการแปลงโฉมแค่ในโทรทัศน์กับในนิยาย นึกไม่ถึงว่ามันจะมีอยู่จริง! เปลี่ยนเหมือนเป็นอีกคนเลยค่ะ”
“มันเป็นวิชาที่สืบทอดมาแต่โบราณค่ะ”
ตอนที่ 608 ยังต้องป้องกันผู้หญิงด้วย ตอนที่ 609 แม้แต่ฝันยังเก็บไปคิด
ตอนที่ 608 ยังต้องป้องกันผู้หญิงด้วย
หลังจากแช่บ่อน้ำพุร้อนเสร็จตี้อู๋เปียนก็อิดออดกลับเข้าห้อง จากนั้นก็เพ้อฝันว่ามู่เถาเยาอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้ตอนเช้าตื่นออกจากห้องมาเห็นนางเอกในฝัน หูของเขาก็แดงก่ำอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
มู่เถาเยากำลังแปลงโฉมตัวเอง ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าของเขา แต่ต่อให้เธอเห็นก็ไม่มีทางคิดเยอะ ยิ่งไม่มีทางนึกถึงสาเหตุ
“ซาลาเปาน้อย พวกเราจะออกกันแต่เช้าแบบนี้เลยเหรอ” ตี้อู๋เปียนเห็นเธอหันหลังให้ก็หายเกร็งไปเยอะ
มู่เถาเยาไม่หันกลับมา มองกระจกทาหน้าของตัวเองไปพลางตอบ “คุยกันไว้ว่าจะไปเล่นสกีไม่ใช่เหรอ ตอนนี้หิมะหยุดตกแล้ว ดูท่าอีกเดี๋ยวดวงอาทิตย์ก็จะโผล่ออกมาแล้ว”
“งั้นฉันให้แม่บ้านโจวเอาอาหารมาส่งแล้วให้จัดหารถไปส่งพวกเราที่ลานสกีด้วยดีไหม”
“อืม”
ตี้อู๋เปียนไปโทรศัพท์
มู่เถาเยาแปลงโฉมเสร็จก็เปลี่ยนให้ตี้อู๋เปียนทำต่อ
แม่บ้านโจวแฟนคลับตัวยงเอาอาหารมาส่ง พอเห็นคนที่หน้าตาไม่เหมือนเดิมก็ถึงกับถอยหลังไปดูเลขห้องใหม่
มู่เถาเยายิ้มพูด “แม่บ้านโจวคะ ถูกห้องแล้วค่ะ ฉันแปลงโฉมแล้ว รีบเข้ามาเถอะค่ะ”
แม่บ้านโจวเข็นรถอาหารเข้าไปด้วยสีหน้างุนงง
พอเห็นตี้อู๋เปียนก็ดวงตาเบิกโพลง ประหลาดใจสุดๆ
แต่ก็แค่ชั่วขณะ เธอตั้งสติจดจ่อกับงานได้อีกครั้ง
เราต้องมีจรรยาบรรณในการทำงานสิ!
และสิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่อยากให้ไอดอลเห็นสภาพโง่ๆ ของเธอ!
จัดวางอาหารลงบนโต๊ะเสร็จแม่บ้านโจวก็ออกไป
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเริ่มกินอาหาร จากนั้นก็ไปเปลี่ยนชุดเล่นสกี เตรียมอุปกรณ์ให้ครบแล้วออกจากห้อง
แม่บ้านโจวเห็นพวกเขาสวมเสื้อผ้าบางเกินไปจึงพูดเตือน พร้อมทั้งสอบถามข้าวของที่พวกเขาเตรียมมาไปตามหน้าที่ สุดท้ายยังถามอีกว่าต้องให้เธอไปช่วยสอนไหม
ในฐานะที่เป็นคนเมืองเสวี่ยตู แถมยังเป็นแม่บ้านตัวท็อปของโรงแรมหรู เธอต้องเล่นสกีเป็นอยู่แล้ว!
มู่เถาเยาปฏิเสธ “พวกเราเล่นกันเองได้ค่ะ ขอบคุณแม่บ้านโจวนะคะ”
“ยินดีค่ะ”
แม่บ้านโจวพาทั้งสองคนนั่งรถนำเที่ยวไปส่งที่ยอดเขาของลานสกี ระหว่างทางมีผ่านบ้านน้ำแข็ง
“ซาลาเปาน้อย อีกสองวันพวกเราแช่น้ำพุร้อนเบื่อแล้วมาอยู่บ้านน้ำแข็งบ้างดีไหม”
“อืม”
แม่บ้านโจวอยากอธิบายว่าบ้านน้ำแข็งไม่ได้มีสองห้องนอน แต่ก็เลือกที่จะเงียบดีกว่า
คนเป็นคู่รักกัน นอนเตียงเดียวกันก็เรื่องปกติ!
เมื่อวานพอได้เห็นพวกเขา เธอก็จินตนาการถึงลูกๆ ของพวกเขาแล้ว จะต้องน่ารักที่สุดในจักรวาลแน่ แถมยังจะฉลาดที่สุด หน้าตาดีที่สุด!
มู่เถาเยา “แม่บ้านโจวคะ เดี๋ยวกลับไปรบกวนให้คนไปทำความสะอาดห้องหน่อยนะคะ ต่อไปให้ทำความสะอาดตอนที่พวกเราไม่อยู่”
“ได้ค่ะลูกสาว”
มู่เถาเยา “…” เรียกคนที่เด็กกว่าไม่กี่ปีว่าลูกสาว ไม่รู้สึกว่ามันตลกเหรอ
แม่บ้านโจวก็ตะลึงตัวเอง เพราะเธอทำตัวไม่เป็นมืออาชีพ!
“เอ่อ ขอโทษค่ะคุณมู่”
มู่เถาเยายิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ แต่ก็อย่าเรียกแบบนี้เลยนะคะ จะทำให้ตัวเองดูแก่เปล่าๆ”
“ฉันไม่ถือสาค่ะ” แม่บ้านโจวฉีกยิ้มเห็นฟันแปดซี่ ยิ้มเหมือนคนซื่อบื้อ
“ซาลาเปาน้อย เธอเคยพักบ้านน้ำแข็งมาก่อนไหม” ตี้อู๋เปียนอดพูดแทรกขึ้นไม่ได้ เพราะเขาต้องป้องกันพวกผู้หญิงที่เข้ามาด้วย!
“เคยพักตอนอยู่เมืองนอก ตอนเย็นนอนบนเตียงดูดาวก็สวยดีนะ”
“ได้เลย”
แม่บ้านโจว “…” ยังต้องให้นำอะไรด้วยเหรอ
อยู่ๆ ก็รู้สึกว่าลูกสาวเธอใสซื่อบริสุทธิ์เหลือเกิน!
แต่เธอก็มองออกว่าคุณชายเล็กจริงใจ ไม่ใช่คุณชายเสเพลที่หลอกฟันผู้หญิงไปวันๆ
อดีตราชา ราชา และคุณชายใหญ่ไม่เคยมีข่าวฉาวเสียหาย คุณชายเล็กก็ย่อมสืบทอดกรรมพันธุ์นั้น!
ยิ่งไปกว่านั้นลูกสาวออกจะดีเลิศประเสริฐศรี ใครจะทำเธอเสียใจได้ลง
แม่บ้านโจวฟังทั้งสองคนคุยกันแบบไร้เดียงสา พอไปถึงยอดเขารอยยิ้มแบบแม่เอ็นดูลูกก็ชัดเสียยิ่งกว่าชัด!
“ลูก…คุณมู่ คุณชายเล็กคะ เล่นเสร็จมีรถรอรับกลับโรงแรมอยู่ที่ล่างเขานะคะ”
มู่เถาเยาพยักหน้า พูดเตือน “แม่บ้านโจวเรียกตี้อู๋เปียนว่า ‘คุณชายลู่’ ก็พอค่ะ เขาใช้ชื่อลู่อู๋เปียนเข้าพักค่ะ”
“ได้ค่ะคุณลู่”
“ค่ะ กลับไปก่อนนะคะ พวกเราเล่นกันเองได้”
“ค่ะ ลานสกีก็มีครูฝึกสอนโดยเฉพาะ ถ้ามีอะไรก็ไปหาพวกเขาได้”
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนพยักหน้าพร้อมกัน
พอแม่บ้านโจวกลับไปแล้วพวกเขาก็เริ่มใส่อุปกรณ์ให้ตัวเอง
มู่เถาเยาเล่นสกี ตี้อู๋เปียนเล่นสโนวบอร์ด ทั้งสองคนเว้นระยะห่างเล็กน้อยแล้วลื่นลงไปพร้อมกัน
สโนวบอร์ดค่อนข้างเท่ แต่สกีจะไวกว่า
จะลงเนิน กระโดดเหาะ ก็ทั้งสวยทั้งเท่ สองรอบก็ดึงดูดสายตาของนักท่องเที่ยวกับครูฝึกสอนได้แล้ว พวกเขาคิดว่ามีนักกีฬาที่ไหนมาเล่นโชว์!
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนที่ถูกจับตามองไม่ได้สนใจ เล่นสกีบนที่สูงจากระดับน้ำทะเลสามพันเมตร ลื่นลงไปที่ความต่างระดับหกร้อยห้าสิบเมตร สนุกอย่าบอกใครเชียว
ด้วยเหตุนี้ตอนเที่ยงจึงไม่ได้กลับไปกินข้าว ตลอดทั้งวันเล่นทุกเส้นทางสกีของสนามนี้จนครบ
แปดหมื่นตารางเมตรเพียงพอให้คนทั่วไปเล่นได้หนำใจ แต่สำหรับพวกเขายังถือว่าเล็กไปหน่อย ยังสนุกไม่เต็มที่
อันที่จริงที่ราบหิมะแห่งนี้ก็กว้างพอสมควร แต่เนื่องจากระบบนิเวศและความซับซ้อนของสภาพอากาศ ทางรัฐบาลจึงไม่อนุญาตให้ขยายพื้นที่ไปมากกว่านี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิต
แต่ที่นี่เป็นเมืองแห่งแสงออโรร่า ไม่ใช่ดินแดนสวรรค์ของการเล่นสกี การมีลานสกีที่ใหญ่ขนาดนี้ก็นับว่าดีมากแล้ว
อีกเมืองหนึ่งที่อยู่อีกด้านของที่ราบหิมะ ที่นั่นต่างหากถึงจะเป็นแดนสวรรค์อันดับหนึ่งของการเล่นสกีอย่างแท้จริง
ระบบนิเวศของที่นั่นมีความหลากหลาย อีกทั้งวิถีชีวิตของผู้คนก็กลมกลืนกับธรรมชาติ จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่คนจะไปเล่นสกีกัน
ตอนที่ 609 แม้แต่ฝันยังเก็บไปคิด
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเล่นสกีกันทั้งวัน ตอนเย็นจึงไม่ออกไปไหน
เริ่มแช่น้ำพุร้อนหลังจากกินข้าวเสร็จหนึ่งชั่วโมง
หลังจากเกิดเหตุการณ์เลือดในกายพลุ่งพล่านเมื่อวานไป ตี้อู๋เปียนควบคุมตัวเองไม่ให้เลือดพุ่งได้แล้ว
มู่เถาเยาก็สวมบิกินี่เดินไปเดินมาตรงหน้าตี้อู๋เปียนได้อย่างเป็นธรรมชาติแล้ว แต่วันนี้หิมะไม่ตก ไม่มีเกล็ดหิมะหล่นมากระทบบ่าให้เกิดความรู้สึกเย็นๆ เธอจึงสวมชุดว่ายน้ำแขนยาว
เวลาสี่ทุ่มกว่า แสงออโรร่าสีเหลืองที่รูปร่างเหมือนพายุหมุนก็ปรากฏบนท้องฟ้าสีครามที่เต็มไปด้วยดวงดาว
แสงออโรร่าครั้งนี้คงอยู่สั้นมาก คล้ายพายุหมุนที่เคลื่อนผ่าน ไม่เหมือนอยู่ในโลกจินตนาการแบบตอนอยู่หมู่บ้านเหลิ่งจี๋ แต่ก็ทำให้มู่เถาเยาเกิดความรู้สึกอยากไล่ตามแสง
พอแสงออโรร่าไปแล้ว ตี้อู๋เปียนก็ดึงมู่เถาเยาขึ้นจากบ่อ เขาถาม “ซาลาเปาน้อย พรุ่งนี้วางแผนอะไรไว้ ถ้าไม่มี พวกเราไปประลองบนเขากันไหม เอาชุดว่ายน้ำไปด้วย ถ้าเจอแหล่งน้ำพวกเราค้างคืนในนั้นดีไหม”
ประลองกันต้องเหงื่อออกแน่ แบบนั้นก็ควรต้องอาบน้ำแช่น้ำหน่อย
“ได้”
ตี้อู๋เปียนดีใจขึ้นมาทันที
มู่เถาเยาเห็นเขาดีใจจนออกหน้าออกตาก็ยิ้มมุมปากแล้วถาม “ชอบหิมะขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก สิ่งที่ฉันชอบคือใต้ฟ้ามีเพียงเราสอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม”
มู่เถาเยา “…” ถือว่าเธอไม่ได้ถามแล้วกัน! ไอ้ที่ถามก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลยนะ!
โอบผู้หญิงที่รักกลับเข้าห้อง ตี้อู๋เปียนไม่อิดออดนานก็กลับเข้าห้องตัวเอง
วันรุ่งขึ้นตื่นนอนโดยที่ฟ้ายังไม่สว่าง เก็บของที่อาจจำเป็นต้องใช้ จากนั้นก็เปิดประตูแขวนป้ายหน้าห้องว่า ‘กรุณาทำความสะอาด’ แล้วปิดประตู อาศัยตอนที่ฟ้ายังไม่สว่าง ไม่ค่อยมีคน ใช้วิชาตัวเบาเหาะจากบ่อน้ำพุร้อนออกไป
ทั้งสองคนไปถึงบนที่ราบหิมะที่ไร้ผู้คนตอนฟ้าสว่าง
ประลองกันหลายครั้งมู่เถาเยาก็เอาชนะแบบเลือดตาแทบกระเด็น
ตี้อู๋เปียนแอบผิดหวัง เขาคิดว่าตัวเองจะชนะสักตาเสียอีก
มู่เถาเยาเห็นเขามีสีหน้าแบบนี้ชนิดที่เห็นได้ยาก จึงอดเลิกคิ้วถามไม่ได้ “ฉันชนะแล้วคุณไม่ดีใจเหรอ”
“ไม่อะ ฉันคิดแค่ว่าเมื่อไรจะได้ปรับสมดุลหยินหยาง”
มู่เถาเยาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ตอนนั้นเธอก็แค่พูดส่งเดช นึกไม่ถึงว่าเขาจะเอาจริงขนาดนี้
ช่วงนี้จูบน้อยลงแล้ว เพราะเขาบอกว่าพอมีความคิดแบบนี้แล้วมาจูบเขากลัวจะควบคุมตัวเองไม่อยู่…
อันที่จริงเธอไม่ถือสาจริงๆ นะ แต่เธอก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายเริ่มก่อน มันน่าอายเกินไป!
ใบหน้าขาวนวลของมู่เถาเยาเริ่มแดงระเรื่อ
ตี้อู๋เปียนไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรในใจ คิดว่าคำพูดของตัวเองทำเธอหน้าแดงจึงดีใจมาก “ซาลาเปาน้อย ไม่งั้นเธอกลับไปก่อน ฉันฝึกอยู่ที่นี่สักสองสามวัน”
“…ก็ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรือเปล่า”
“ต้อง ฉันรีบ”
เขาต้องยกระดับความสัมพันธ์ให้ได้ก่อนกลับไป ไม่อย่างนั้นพอกลับไปแล้วคนอยู่เยอะยิ่งไม่มีโอกาส อย่างมากสุดคงได้แค่แอบขึ้นเตียงตอนคนนอนกันหมดเหมือนพวกลักลอบมีชู้
แต่ถ้าซาลาเปาน้อยกลับเผ่า เขาก็ไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้แอบย่องเข้าห้องกลางดึก จึงต้องใช้เวลาในช่วงสองเดือนนี้ยืนยันในความสัมพันธ์แล้วประกาศให้ทุกคนรู้ แบบนี้ว่าที่พ่อตาก็สกัดดาวรุ่งยากแล้ว
อันที่จริงเขาเองก็รู้ว่าขอแค่ซาลาเปาน้อยยินดี ว่าที่พ่อตาก็ไม่มีทางขัดขวางได้ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมียืดเยื้อบ้างเพราะด้วยอายุของซาลาเปาน้อยที่ยังไม่มาก อย่างไรเสียอายุเธอก็เป็นเรื่องจริง
อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดของเธอ เพิ่งจะอายุยี่สิบสามปี
อายุแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นก็เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยพอดี
ลองคิดในมุมกลับ ถ้าเป็นลูกสาวของเขา เขาก็ตัดใจไม่ลง แต่ว่าเขาอยากมีเมีย ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะเขากลัวช้าแล้วอะไรๆ จะเปลี่ยน อย่างไรเสียซาลาเปาน้อยก็มีคนมาจีบเยอะแยะ!
ต่อให้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนมีเขาอยู่ตรงหน้า ซาลาเปาน้อยไม่มีทางเลือกคนอื่น แต่ในเรื่องความรู้สึกมันก็ตอบยาก นี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงรีบอยากให้ซาลาเปาน้อยยืนยันความสัมพันธ์
สภาวะทางร่างกายต่อให้ควบคุมยากก็ยังควบคุมได้ แต่ด้านจิตใจมันทรมานกว่า
มู่เถาเยา “ยิ่งรีบยิ่งไม่สำเร็จ ตอนนี้อารมณ์คุณไม่นิ่ง ยากที่จะก้าวผ่านได้”
“ซาลาเปาน้อย ฉันไม่ต้องการเหตุผลอะไรทั้งนั้น วัดใจกันไปเลย”
“…ตอนนั้นฉันก็แค่พูดส่งเดช ทำไมคุณถึงคิดจริงจังได้…”
“ซาลาเปาน้อย เธอจะกลับคำเหรอ” ตี้อู๋เปียนสีหน้าเปลี่ยน
ถ้าเธอไม่ยินยอม เขาไม่มีทางบังคับ แต่ว่า…
“…เปล่า ฉันหมายความว่า ไม่ว่าจะตอนไหน ปล่อยไปตามธรรมชาติก็พอ” มู่เถาเยาอดหน้าแดงไม่ได้ขึ้นมาอีกแล้ว
“จริงเหรอ ซาลาเปาน้อย เธอยอมแล้วเหรอ” ตี้อู๋เปียนดีใจจนพูดเสียงเปลี่ยน
มู่เถาเยาพยักหน้าเบาๆ “อืม” ดีไม่ดีอีกหน่อยเธออาจเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเพศศึกษาก็ได้
แน่นอนว่าเพศศึกษาก็เป็นศาสตร์ทางการแพทย์ ขอบเขตเนื้อหาของมันประกอบด้วยชีววิทยาทางเพศ สรีรวิทยาทางเพศ จิตวิทยาทางเพศ และประเด็นทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับโรคทางเพศ กายวิภาควิทยา การหลั่งของสารในร่างกาย การวินิจฉัยและการรักษา เป็นต้น
เรียนแพทย์ถ้าพัฒนาไปทุกด้านได้จะเป็นการดีที่สุด!
พอตี้อู๋เปียนได้รับคำตอบยืนยันก็ยิ้มกว้างจนทัศนียภาพดูจืดชืดไปทันตา
มู่เถาเยาอดเอานิ้วเขี่ยไฝแดงตรงหว่างคิ้วของเขาไม่ได้
ตี้อู๋เปียนโน้มศีรษะจูบริมฝีปากแดงที่ทำให้เขาหลงใหล
เนื่องจากกลัวสูญเสียการควบคุม หลายวันมานี้เขาเลยไม่ได้จูบเธอดีๆ แม้แต่ฝันเขายังเก็บไปคิด เขากระหายมากจริงๆ