อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร - ตอนที่ 390 ร่วมมือทำอาหารบำรุง
ตอนที่ 390 ร่วมมือทำอาหารบำรุง
ฝนตกตลอดตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนกรกฎาคม
เดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคมส่วนใหญ่จะฟ้าครึ้มมีฝนตกโปรยปราย แต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคมส่วนใหญ่ฝนตกหนัก พายุกระหน่ำ หลายแห่งเริ่มมีน้ำท่วม
ความกังวลของมู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนเป็นจริง อีกทั้งเป็นห่วงว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไปพอถึงเดือนสิงหาคมจะกลายเป็นอุทกภัยใหญ่
เธอจึงให้โรงพยาบาลผิงคังและโรงพยาบาลสำนักแพทย์โบราณที่เกี่ยวข้อง รวมถึงโรงพยาบาลตระกูลปาของเผ่าหมาป่าพระจันทร์พยายามเตรียมสมุนไพรป้องกันโรคระบาดไว้ให้มากๆ
พอปิดเทอมหน้าร้อนมู่เถาเยาไม่ได้ไปที่เผ่า แต่อยู่ที่เมืองเย่ว์ตูต่อ ไปโรงพยาบาลผิงคังทุกวันพร้อมกับลู่จือฉิน ศิษย์พี่ใหญ่ อาจารย์อาเล็ก เพื่อจัดการกับสมุนไพรที่ส่งมาจากแต่ละท้องที่
หากเกิดเรื่องขึ้น จัดส่งจากเมืองเย่ว์ตูสะดวกกว่าส่งจากหมู่บ้านเถาหยวนซาน
สุขภาพของตี้อู๋เปียนเหมือนคนปกติแล้ว เขากับพวกมู่เถาเยาต่างวุ่นอยู่กับการป้องกันน้ำท่วม ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่สุดในตอนนี้
เนื่องจากมีการป้องกันล่วงหน้า สถานการณ์ในตอนนี้จึงนับว่าดี แม้จะมีหลายที่เกิดน้ำท่วม แต่อย่างน้อยก็ไม่มีการบาดเจ็บหรือล้มตาย
หน่วยงานของประเทศก็ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งพลเมืองทุกระดับรวมใจ สวรรค์อาจเห็นในความพยายามของทุกคนจึงบันดาลให้ฝนเริ่มซาลงในช่วงปลายเดือน
เมื่อฝนไปฟ้าใสแล้ว ต้นไม้ก็ยิ่งเขียวชอุ่ม ดอกไม้เบ่งบาน แม้แต่อากาศก็สดชื่นขึ้นมาก
มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนไปเผ่าหมาป่าพระจันทร์ด้วยความอารมณ์ดี
ครั้งนี้มู่เถาเยาพาตี้อู๋เปียนไป ลู่จือฉินพาลู่หันซูไป พวกเขาพาสองเทาน้อยกลับไปรวมฝูงที่ป่าพิษหมาป่าแล้วถือโอกาสเก็บดอกจื่อตัน
ด้วยระดับวิทยายุทธขั้นต้นของตี้อู๋เปียนกับลู่หันซูยังไม่พอที่จะฝึกกำลังให้ยาจื่อตันออกฤทธิ์ได้ ทำได้เพียงรอปีหน้า
โชคดีที่มีหมาป่าช่วยเฝ้าดอกจื่อตันแทนพวกเขา ทำให้ไม่ถูกสัตว์อื่นมาทำลายของล้ำค่า
ทั้งสี่คนอยู่ในป่าพิษหมาป่าสองวันก็กลับตำหนักพระจันทร์
มู่เถาเยากับลู่จือฉินพาลู่หันซูกับปาอินไปทำยาด้วยกัน
ดอกจื่อตันรอบนี้พอผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นก็ทำยาจื่อตันออกมาได้สองร้อยกว่าเม็ด
เก็บสำรองไว้ที่ตำหนักพระจันทร์สิบเม็ด จากนั้นเอาหนึ่งในสามให้เย่ว์จือกวง เพื่อแบ่งให้คนมีฝีมือในเผ่ากิน อีกทั้งสอนเขาฝึกให้ยาออกฤทธิ์
สองในสามเอากลับประเทศเหยียนหวง นอกจากแบ่งให้กลุ่มคนที่เข้าเขตป่าชั้นในครั้งก่อนแล้ว ยังให้กลุ่มฝึกพิเศษที่ไม่ได้เข้าไปด้วย และคนอื่นๆ ยกเว้นกลุ่มเยาวชนอัจฉริยะ จะได้รับคนละหนึ่งเม็ด
คนของกลุ่มเยาวชนอัจฉริยะอายุยังน้อย ยังไม่เหมาะจะกินยาที่มีฤทธิ์รุนแรงแบบนี้
อย่างไรเสียปีหน้าก็ยังมีอีก พอถึงตอนนั้นค่อยเก็บไว้ให้พวกเขาคนละเม็ด รอถึงเวลาเหมาะสมค่อยกิน
ดังนั้นยาดอกจื่อตันที่เหลือก็จะถูกเก็บไว้สำรองที่ซย่าโหวโซ่วสิบเม็ด ส่วนอื่นๆ นำไปให้คนในสำนักซย่าโหวทั้งหมด
เย็นวันนี้มู่เถาเยาพาทุกคนฝึกฝนให้ยาออกฤทธิ์
เช้าวันรุ่งขึ้น แต่ละคนแยกย้าย ตี้อู่หลันฉือตามติดมู่เถาเยา
“เสี่ยวเยาเยา พอยาจื่อตันออกฤทธิ์แล้วพี่เหมือนเกิดใหม่เลยล่ะ รู้สึกว่าเหาะขึ้นสวรรค์ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว”
“…ค่ะ” ถึงจะเกินจริงไปหน่อย แต่พละกำลังก็เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า ใช้คำว่า ‘เหมือนเกิดใหม่’ มาบรรยายก็ดูจะไม่เกินไป
แม้ภายนอกจะไม่มีอะไรเปลี่ยน แต่ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนเดิม
“เสี่ยวเยาเยา ตอนนี้พ่อพี่สู้ชนะอาจารย์ลู่ได้แล้วไหม”
มู่เถาเยาหลุดขำ “ทำไมพี่ถึงอยากให้ลุงตี้อู่สู้ชนะอาจารย์สามของฉันล่ะคะ”
ตี้อู่หลันฉือมองไปรอบๆ เหมือนคนมีพิรุธ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีคนแล้วจึงกระซิบแบบที่ได้ยินกันแค่สองคน “พี่รู้สึกว่าอาจารย์ลู่ชอบผู้ชายที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง”
มู่เถาเยา “…พี่ช่างสังเกตมากเลยค่ะ” ขนาดเธอยังไม่รู้เลยว่าอาจารย์ตัวเองชอบผู้ชายแบบไหน!
“ตอนนี้พ่อพี่เพิ่งสี่สิบแปด ถ้านับตามอายุของคนฝึกยุทธ์ก็เท่ากับยังไม่ถึงครึ่งชีวิต พี่อยากให้พ่อมีคนร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน”
“พี่ไม่เคยถามลุงตี้อู่เหรอคะว่าทำไมถึงไม่แต่งงานใหม่”
“เคยถามสิ ตอนปิดเทอมหน้าร้อนพี่ก็ถามอีก พ่อบอกว่าเมื่อก่อนพี่ยังเด็ก เลยไม่มีความคิดนั้น แต่ตอนนี้พี่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว พ่อกลับบอกว่ายังไม่เจอคนที่ชอบ…”
“…ฉันดูอาจารย์สามก็เหมือนจะไม่ได้มองหาใครนะคะ…”
มู่เถาเยาก็กลุ้มใจเหมือนกัน!
เธอยังอยากได้น้องสาวเสี่ยวลู่ลู่นะ! อีกทั้งเธอเองก็รู้สึกว่าลุงตี้อู่เหมาะสมกับอาจารย์สามดี!
แต่ถ้าอาจารย์ไม่อยากจริงๆ เธอก็ไม่มีทางบังคับ อย่างไรเสียไม่แต่งงานก็ไม่ส่งผลต่ออายุขัย ขนาดเธอยังไม่อยากมีครอบครัวเลย แล้วจะไปบังคับอาจารย์ได้อย่างไร
แต่ก็ต้องลองพยายามดูก่อน เหมือนอาของเธอที่ตอนนี้ก็เตรียมแต่งงานแล้ว!
อืม กำหนดวันแต่งงานของทั้งสองคนแล้ว เป็นช่วงฉลองวันชาติของประเทศเหยียนหวง
ถึงแม้วันนั้นจะไม่ใช่วันหยุดของเผ่า แต่เป็นวันฤกษ์ดี คนทางนี้ก็มีเวลาไปร่วมงานได้ จึงกำหนดวันตามนั้น
ตี้อู่หลันฉือคล้องแขนมู่เถาเยา เอาศีรษะซบบ่าเธอ “เสี่ยวเยาเยา พี่ชอบอาจารย์สามของเธอมากเลยนะ พี่คิดว่าช่วงสองสามปีนี้จะให้พ่อมาเยี่ยมที่เมืองเย่ว์ตูบ่อยๆ เป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน”
ไม่อย่างนั้นทั้งสองคนอยู่คนละเมือง ไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกันเท่าไร แล้วจะชอบกันได้อย่างไร
มู่เถาเยาครุ่นคิดแล้วตอบ “ไม่งั้นฉันกับตระกูลตี้อู่ร่วมมือกันทำอะไรที่เมืองเย่ว์ตูดีไหมคะ แบบนี้ลุงตี้อู่ก็จะได้อยู่ต่อไประยะหนึ่ง”
“เอาสิๆ !”
“ขอคิดก่อนนะคะว่าทำอะไรดี บ้านพี่ทำกิจการอะไรเป็นหลักเหรอคะ”
“ท่องเที่ยว หลายปีมานี้พ่อพี่เลยไปทั่วเลย เมืองเย่ว์ตูมีบริษัททัวร์ของพวกเรา แต่ว่ามันอยู่ตัวแล้ว พ่อพี่เลยไม่ค่อยมาดูเท่าไร”
“งั้นก็ทำเกี่ยวกับท่องเที่ยว โรงแรม? อืม ไม่ง่ายเท่าไร เมืองเย่ว์ตูเคยเป็นอดีตเมืองหลวงเก่าแก่ อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการแพทย์ระดับโลก กิจการเกี่ยวกับโรงแรมอิ่มตัวนานแล้ว…”
“แหล่งท่องเที่ยว? การคมนาคม? จุดช้อปปิ้ง…มันไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เฮ้อ พี่แค่อยากได้แม่เลี้ยงทำไมมันยากขนาดนี้!” ตี้อู่หลันฉือขมวดคิ้วถอนหายใจ
มู่เถาเยาหัวเราะ
“เสี่ยวเยาเยา…”
“เอาล่ะ ฉันมีความคิดที่ออกจะไร้เดียงสาหน่อย”
“พูดมาๆ”
“ฉันมีความคิดอยากทำร้านอาหารมาตลอด ทำพวกอาหารบำรุงโดยเฉพาะ…ฉันมีสูตรมากมาย…วัตถุดิบตามธรรมชาติบางอย่างทางเหนือมีแต่เมืองเย่ว์ตูไม่มี…พวกเราทำเป็นทัวร์กินอาหารเพื่อสุขภาพแบบต้องสั่งจองล่วงหน้าได้นะคะ…หรือจะรับทำอาหารเพื่อการรักษาโรคเรื้อรังก็ได้ค่ะ…”
มู่เถาเยาเล่าความคิดที่เป็นรูปเป็นร่างมานานแล้วให้ตี้อู่หลันฉือฟัง
อาหารบำรุงหรืออาหารเพื่อการรักษาโรคแท้จริงแล้วเป็นความรู้ในชีวิตประจำวัน เกี่ยวพันถึงความรู้ทางโภชนาการ ชีววิทยา แพทย์โบราณ เป็นต้น โดยศึกษาในมุมอาหารเพื่อป้องกันโรคกับสุขภาพของมนุษย์
“ลองคิดดูนะคะ ตอนนี้คุณภาพชีวิตของคนเรายกระดับขึ้น แต่ความเครียดก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน หลายคนมีโรคเล็กโรคน้อย สุขภาพเหมือนจะดี…แต่ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพของคนเราก็สูงขึ้น ความคิดเปลี่ยนจากรักษาโรคเป็นป้องกันโรค บำรุงสุขภาพ…”
ครึ่งชั่วโมงต่อมาตี้อู่หลันฉือก็ดวงตาเป็นประกายตบต้นขาหนึ่งฉาด “เสี่ยวเยาเยา เอาแบบนี้เลย!”
“…นี่มันเป็นแค่ความคิดเพ้อฝันของฉัน ถ้าอยากทำจริงยังต้องสำรวจตลาดอะไรพวกนี้ก่อนค่ะ”
“เรื่องนี้ให้พ่อพี่ทำ เขาถนัด”
“งั้นพวกเราหาโอกาสคุยกับคุณลุงตี้อู่กันค่ะ”
ตี้อู่หลันฉือล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาทันที “พี่จะโทรหาพ่อเดี๋ยวนี้”
มู่เถาเยาจับมือเธอไว้ “ไม่รีบค่ะ รอกลับเย่ว์ตูค่อยคุยก็ยังไม่สาย มันก็อีกแค่ไม่กี่วันเอง”
“ก็จริง เฮ้อ พวกเราใกล้เปิดเทอมแล้ว จะไม่ใช่เพื่อนห้องเดียวกันแล้ว…เสี่ยวเยาเยา สมองเธอทำจากอะไร กินอาหารก็เหมือนๆ กัน แต่เธอใช้เวลาสองปีครึ่งเรียนในสิ่งที่คนอื่นใช้เวลาสิบปีจบ! ปี…ปีนี้พี่จะต้องสอบกฎหมายให้ได้!”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนให้กำลังใจตี้อู่หลันฉือ “สู้ๆ ค่ะ!”
ตี้อู่หลันฉือ “…”