อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 379 เหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่เพราะว่าถังซั่วนั้นจะมา
- Home
- อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด
- ตอนที่ 379 เหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่เพราะว่าถังซั่วนั้นจะมา
ตอนที่ 379 เหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่เพราะว่าถังซั่วนั้นจะมา
แต่ถ้าหากพี่ชายไม่มาแล้วละก็ เธอก็คิดจริง ๆ ว่าจิ่งเป่ยเฉินคงลุกขึ้นและเดินออกไปแล้วแน่ ๆ
เหตุผลที่เขาอยู่ที่นี่เพราะว่าถังซั่วนั้นจะมา
อย่างที่คิด เวลาไม่ถึงห้านาที ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง ถังซั่วเดินเข้ามาข้างในด้วยท่าทีนิ่ง ๆ
ถังซือเถียนมองเห็นเขาที่กำลังเดินเข้ามา ก็เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม “พี่ ในที่สุดพี่ก็มานะ! พี่คิดอยากกินอะไร พวกเราสั่งให้หมดแล้ว!”
ถังซั่วนั่งลงข้าง ๆ เธอ ใบหน้าที่อ่อนโยนของเขาไม่เอ่ยปากตอบเธอเลยสักคำ เขากำชับเธอก่อนหน้านั้นแล้วว่าไม่ให้เธอไปหาจิ่งเป่ยเฉิน แต่เธอกลับไม่ฟังเขาเลยสักนิด
คิดเหรอว่าการที่แอบเอาโทรศัพท์ในห้องทำงานของเขาโทรไปแล้วเขาจะไม่รู้เลย?
เลขาภายในห้องไม่ใช่พวกที่เลี้ยงหม้อข้าวไม่สุก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจิ่งเป่ยเฉินที่มักติดต่อกับเขาเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
จิ่งเป่ยเฉินมองดูเขาเข้ามา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “กินข้าวเถอะ”
“พี่เฉิน พี่ตามหามีธุระอะไรงั้นเหรอ?” ถังซั่วรู้ว่าการที่เขาคิดอยากจะมาหาเขานั้นคงต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ
ก่อนหน้านั้นเขาทั้งเมาและขับรถชนจนบาดเจ็บ ออกไปต่างประเทศ เรื่องอะไรต่างก็ล้วนทำไปหมด ทางที่ดีไม่ควรที่จะให้เขาดื่มอีกต่อไป
“โรงเรียนอนุบาลสายรุ้ง ฉันคิดอยากจะให้ติดกล้องวงจรปิดเพิ่มอีกหน่อย!” ทุกซอกมุมเขาไม่มีทางปล่อยผ่านไปแน่ อันโหรวต้องกลับไปที่นั่นอีกครั้งแน่นอน เขาจะได้รู้เรื่องนี้
“เรื่องเล็กนิดเดียว คืนนี้ก็ติดตั้งได้แล้ว!” ถังซั่วคลี่ยิ้มออกมา ความจริงแล้วเขาไม่ต้องพูดก็ได้ เพราะตัวเขาเองก็วางแผนที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว
ถังซือเถียนมองดูพวกเขาด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมโรงเรียนอนุบาลต้องติดตั้งกล้องวงจรปิดเยอะขนาดนั้นด้วย?
หรือว่ากลัวใครมาทำอันตรายหยางหยางกับหน่วนหน่วน?
หรือเพื่ออะไรกันแน่?
ระหว่างมื้ออาหาร จิ่งเป่ยเฉินเงียบตลอด ไม่พูดไม่จา เมื่อรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่วงอารมณ์ปกติเลย เขาแทบไม่เอ่ยปากพูดสักคำ ทำให้บรรยากาศภายในห้องกลับดูเงียบสงบกว่าเดิม
ถังซือเถียนเลยคิดอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อมองไปทางจิ่งเป่ยเฉินที่ยังคงทำใบหน้าเย็นชา คำพูดที่เธอคิดอยากจะพูดก็ถูกกลืนเก็บไว้ในลำคอ
ตอนนี้เมื่ออันโหรวไม่อยู่ที่นี่ พวกเขาก็ยังมีเวลาอยู่ พวกเขาสามารถไปด้วยกันได้อย่างช้า ๆ ไม่ต้องรีบร้อนอะไรก็ได้ เพราะเธอเพิ่งจะกลับมาเอง
ตกดึก
ท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่มีพระจันทร์โค้งงออย่างสวยงาม ดาวดวงเล็ก ๆ ร้อยเรียงเป็นประกายระยิบระยับอยู่ข้าง ๆ พระจันทร์
ทันใดนั้นอันโหรวก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง
ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปที่ประตูเพื่อเดินออกไปยังระเบียง เธอตกใจทันทีที่เห็นฉีหย่วนหยางอยู่ที่นี่ด้วย
ท่ามกลางแสงที่สาดส่องมาบนตัวเขา มองดูตัวเขาแล้วกลับเผยอารมณ์ที่ดูโดดเดี่ยวไม่ใช่น้อย
เธอเดินเข้ามาหาอย่างช้า ๆ ถ้าหากเขากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ทางที่ดีตอนนี้เธอไม่รบกวนเขาน่าจะเป็นการดี
“ตื่นขึ้นมาทำไม?” ฉีหย่วนหยางรับรู้ได้แต่ไกล ๆ แล้วว่าเธอกำลังเดินเข้ามา
ถึงแม้ว่าฝีเท้าของเธอนั้นจะเบา แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ยินเลย
“นายน่าจะหาแฟนสักคนนะ” อันโหรวพูดเบา ๆ
“หาเป็นเธอได้ไหม?”
“ฉันเป็นแม่ลูกสอง นายจะมาหาที่ไม่ดีทำไมกัน จะมาหาผู้หญิงที่เพิ่งหย่าร้างทำไม แถมยังมีลูกอีกสองคน! บ้าไปแล้ว!” เธอไม่คิดอยากจะแต่งงานอีกครั้ง หนำซ้ำยังเพิ่งหย่าร้างอีกด้วย
เธอคิดอยากจะพาหยางหยางและหน่วนหน่วนออกมาเพื่อใช้ชีวิตให้ดี ๆ
สิ่งมีชีวิตอย่างผู้ชาย ทางที่ดีควรอยู่ให้ห่าง ๆ ไว้น่าจะเป็นการดีที่สุด
“ผู้หญิงม่ายนี่แหละดี ประสบการณ์ที่ตัวเองได้รับถือว่าเป็นสมบัติชั้นเลิศ ดูแลตัวเองก็ยังได้” ฉีหย่วนหยางยิ้มพลางพูด ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่อง ส่งผลให้ดวงตาดอกท้อที่งดงามของเขานั้นดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก
“ถ้านายไม่หาแฟน หรือว่านายคิดจะหาแฟนที่เป็นผู้ชายกัน?“ อันโหรวมองไปที่ใบหน้าที่ดูชั่วร้ายของเขา และก็รู้สึกว่าผู้หญิงธรรมดาที่จะมาคู่ควรกับชายที่มีชื่อเสียงอย่างเขาคงหายากน่าดู
เขาเป็นผู้ชายที่ดูคล้ายปีศาจในบางที แต่ด้วยท่าทีก็ดูงดงามราวกับเทพธิดาเซียนอย่างไรอย่างนั้น!
“อันโหรว ถ้าวันนี้เธอไม่หยอกล้อฉันบ้างจะไม่รู้สึกดีขึ้นใช่ไหม?” แก้วในมือของเขาถูกส่งไปตรงหน้าเธอ “หรือเธอคิดอยากจะดื่มไวน์สักหน่อย?”
“ไม่เอา” วันนี้เธอคิดอยู่นานแล้วว่าหลังจากนี้พวกเขาจะไปที่ไหน แล้วเรื่องตระกูลอัน สถานการณ์ต่อจากนี้จะทำยังไง
เธอไม่ควรจะจากไปแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?
สำหรับผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่รักตัวเองแบบนี้ ทำไมแค่ผู้ชายคนเดียวที่นอกใจ เรื่องภายในบ้านตัวเองก็ควรจะสำคัญมากกว่าจิ่งเป่ยเฉินไม่ใช่เหรอ?
ถ้าหากเรื่องภายในบ้านของตัวเองดันไปเกี่ยวข้องกับเขาขึ้นมา การที่จะอาศัยอิทธิพลของเขาที่อยู่ในเมือง A ชั่วชีวิตนี้เธอแทบไม่ต้องคิดตรวจสอบเลย!
เมื่อเงียบไปสักพักหนึ่ง ฉีหย่วนหยางก็พูดขึ้นว่า “หรือเธอรู้ว่าค่ำคืนนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
อันโหรวยังคงทอดสายตามองไปที่เทือกเขาที่ซุกซ่อนอยู่ในหมอกซึ่งอยู่ไกล ๆ เมื่อได้ยินที่เขาพูด เธอก็หันหน้าไปมองเขา ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีอะไร?”
“ก็ที่โรงเรียนอนุบาลสายรุ้งตอนนี้มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเต็มไปหมด แทบทุกมุม ไม่ปล่อยไว้สักที่เลย” นั่นก็หมายความว่าต่อจากนี้เธอจะไม่สามารถไปหาหยางหยางและหน่วนหน่วนที่โรงเรียนอนุบาลสายรุ้งและพาพวกเขาออกไปได้อีก
หรือว่าจิ่งเป่ยเฉินจะรู้เรื่องพวกนี้แล้ว?
“เขาเจอฉันแล้วสินะ” อันโหรวพูดอย่างเฉยเมย หยางหยางกับหน่วนหน่วนคงไม่มีทางขายเธอแน่ แต่ด้วยความฉลาดของจิ่งเป่ยเฉิน หยางหยางกับหน่วนหน่วนคงจะแสดงท่าทางแปลก ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่จับพิรุธได้
“ก็เป็นไปได้”
“งั้นรอก่อน! ยังไงก็ต้องมีโอกาส” ทันใดนั้นเธอก็ชำเหลืองสายตาไปมองแก้วไวน์ที่อยู่ในมือของเขา
“ถ้าอยากดื่มก็เอาไป” เขายื่นมันส่งไปตรงหน้าเธอ เขาเตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงที่เธอเดินออกมาแล้ว
“ไม่เอา ฉันไม่ดื่ม” เธอหันหลังและเดินออกไป ก่อนจะถอนลมหายใจเย็น ๆ ออกมา เดิมทีตัวเธอนั้นรู้สึกหนาวเล็กน้อย จึงเริ่มรู้สึกง่วงและคิดอยากจะกลับไปนอนต่อ
อยากนอนมากจริง ๆ
เสียงฝีเท้าของอันโหรวค่อย ๆ หายไป ฉีหย่วนหยางถูกทิ้งไว้คนเดียว เขามองไปที่แก้วไวน์ก่อนจะดื่มมันจนหมด นิ้วมือค่อย ๆ ปล่อยออกมาอย่างช้า ๆ ส่งผลให้แก้วไวน์นั้นล่วงหล่นลงทันที
เขาเดินหันหลังและออกไปจากระเบียง
……
แต่ละวันจิ่งเป่ยเฉินได้มีงานเข้ามาเพิ่ม นั่นคือการดูกล้องวงจรปิดของโรงเรียนอนุบาลสายรุ้ง หลายวันผ่านไปเขาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของอันโหรวเลยสักนิดเดียว แม้แต่หยางหยางกับหน่วนหน่วนเองก็ดูไม่มีอะไรผิดปกติ
ถ้าหากใช้วิธีนี้ในการดึงตัวเธอออกมาไม่ได้ เห็นทีเขาก็คงต้องใช้วิธีอื่น
ฉีเซิ่งเทียนเดินเข้ามาข้างในพร้อมกับสีหน้าที่จริงจัง “พี่เฉิน ประธานกรรมการบริษัทสกุลเฟิงอยู่ที่ด้านล่าง เขาคิดอยากจะเจอพี่นะ”
ครั้งนี้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของบริษัทโอวหยางกรุ๊ปแต่เดิมเป็นของบริษัทจิ่ง บุคคลที่แพร่ข่าวเรื่องนี้ออกมาคือหัวหน้าแผนกวางแผนเฟิงชิงชิง
เธอเป็นคุณหนูสองของบริษัทเฟิง การเงินของบริษัทเฟิงนั้นเงินทุนหมุนเวียนไม่ค่อยดี ทางด้านกลุ่มของโอวหยางกรุ๊ปก็พยายามกดดันพวกเขาตลอด ทางด้านหนึ่งก็ยื่นข้อเสนอทางรอดให้พวกเขา อีกทางด้านหนึ่งก็มีค่าใช้จ่ายมหาศาลที่ต้องดันออกไป
ทางด้านพวกเขาไม่มีทางที่จะปริปากผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทจิ่งออกไปแน่ ในเมื่อยังเป็นฝ่ายผู้นำ
จิ่งเป่ยเฉินเงยหน้าไปมองที่จอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ใบหน้าที่เย็นชาของเขาไม่ได้หันไปมองฉีเซิ่งเทียนแต่กลับเอ่ยปากพูดเบา ๆ ว่า “ไม่เจอ”
“พี่เฉิน พี่ต้องพักผ่อนบ้างนะ!” เขารู้สึกว่าจิ่งเป่ยเฉินผอมลงมาก
เมื่อวานคุณนายจิ่งก็โทรศัพท์มาบอกตอนที่เขาเข้าบริษัทว่าต้องให้จิ่งเป่ยเฉินนั้นกินข้าว แต่ว่าปกติแล้วตอนกินข้าวเขาไม่เคยอยู่
เขาจะต้องพักผ่อนไปให้ใครดูกัน?
ผ่านไปครึ่งเดือนไม่มีแม้แต่ข่าวของโหรวโหรว เธอสามารถหนีไปจากเขาอย่างง่ายดายแบบนี้ได้ยังไง หนีไปอย่างไร้วี่แวว
เขาคงประเมินเธอต่ำไป เมื่อห้าปีที่แล้วเธอสามารถทิ้งเต่าตัวใหญ่เอาไว้บนใบหน้าเขาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเลยสักนิด ทั้งยังหนีออกไปต่างประเทศแบบนั้นอีก
หรือว่าเธอวางแผนที่จะจากไปหลังจากผ่านไปห้าปีอีกครั้งหนึ่ง?
ห้าปี เขาไม่อยากแยกจากเธอไปห้าปี
“วันเปิดศาลคดีโอวหยางกรุ๊ป ฉันจะไปด้วยตัวเอง” จิ่งเป่ยเฉินพูด
“ไม่มีปัญหา” ขอเพียงเขาไม่กลัวนักข่าวมากมายที่จับจ้องเขาก็พอ
……
“อ้วกกก……”