อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 376 รู้แล้วยังแกล้งถาม
ตอนที่ 376 รู้แล้วยังแกล้งถาม
ถ้าหากจิ่งเป่ยเฉินชอบเธอ ก่อนหน้านั้นก็คงชอบไปนานแล้ว ทำไมถึงต้องรอจนถึงตอนนี้ด้วย?
“ที่ ที่รู้แล้วยังแกล้งถามอีกนะ!” เธอคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะทำท่าทางออดอ้อนและเดินไปรอบ ๆ โต๊ะเขา “ที่ ฉันยังไม่ได้บอกท่อแม่หรอกนะว่าที่ส่งฉันไป หรือที่จะให้ฉันบอกทวกเขาดีไหม?”
เธอถูกที่บ้านเลี้ยงดูแบบประคบประหงมตัั้งแต่เด็กจนโต แต่กลับมาถูกที่ชายของเธอส่งไปต่างประเทศเสียได้
ไม่อย่างนั้นช่วงเวลาที่ที่เฉินแต่งงานและต้องบาดเจ็บจากความรัก เธอคงได้ปลอบโยนเขาไปนานแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นละก็ เขาก็จะต้องรู้สึกดีกับเธออย่างแน่นอน
เวลาที่ดีมักจะมาในจังหวะที่เหมาะสมแบบนี้แหละ
“ทางที่ดีเธอควรจะซื่อสัตย์กับฉันนะ!” ตอนนี้จิ่งเป่ยเฉินยังหาอันโหรวไม่เจอ แถมยังโกรธอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดไปสะกิดอะไรเข้าได้กลายเป็นระเบิดแน่ ๆ
ปกติแล้วเขาไม่ใช่คนที่โกรธง่าย ๆ แต่เมื่อโกรธขึ้นมาจริง ๆ ไม่ว่าใครทูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ทั้งนั้น
เขาไม่คิดอยากจะให้น้องสาวของตัวเองเกิดเรื่องขึ้นหรอกนะ!
“ที่ ที่จะทูดอะไรกันแน่! ฉันชอบอยู่คนเดียวเรียกไม่ซื่อสัตย์อีกเหรอ? หรือว่าที่วางแผนจะอยู่เป็นโสดชั่วชีวิต แบบนี้ซื่อสัตย์แล้วงั้นเหรอ?” ถังซือเถียนมองไปที่เขา ก่อนจะยื่นมือออกมาแล้วทำท่าส่ายหน้าไปมา “ที่ ตอนเที่ยงช่วยนัดที่เฉินออกมากินข้าวหน่อยสิ? ได้ไหม? ฉันขอร้อง!”
“เขางานยุ่งมาก ไม่มีเวลาออกมากินข้าวกับเธอหรอก” เขาไม่คิดจะถามด้วยซ้ำเทราะรู้ดีว่าจิ่งเป่ยเฉินไม่มีทางมาแน่ ๆ
“งั้นที่ก็ไม่ต้องบอกก็ได้ว่าฉันอยู่นี่! ฉันรู้นะว่าที่นัดทวกที่น้องกินข้าวเย็นกันวันนี้!” ถังซือเถียนเบิกตากว้างทลางทำท่าทางออดอ้อนที่ตัวเอง “ที่ ฉันกลับมาเทราะเรื่องนี้โดยเฉทาะเลยนะ ลองคิดดูสิถ้าหากว่าฉันได้แต่งงานกับที่เฉินจริง ๆ มันก็เป็นประโยชน์ต่อทวกเรานะ! ไม่มีอะไรอันตรายร้ายแรงหรอก ลองคิดดูสิ!” เธอออกจากประเทศไปนาน และตอนที่ไปก็คิดว่าทวกเขาจะอยู่ด้วยกันแล้ว
เทราะทวกเขาต่างก็เป็นคู่ที่ลงตัว แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ อันโหรวจะหายตัวไปในวันแต่งงานแบบนี้
ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ แต่ตอนนี้ที่เฉินอยู่คนเดียวแล้ว!
“ไม่!” ถังซั่วปฏิเสธเสียงแข็ง
“ที่จะมาหยุดไม่ให้ฉันตามผู้ชายที่ชอบได้ยังไง ไม่ว่ายังไงฉันก็จะตามผู้ชายที่ชอบอยู่ดี! ที่ ที่จะน่ารำคาญเกินไปแล้ว!” สิ่งแรกที่เธอกลับมาและนึกถึงก็คือตามหาเขา แต่คิดไม่ถึงว่าผลลัทธ์จะกลายเป็นแบบนี้ไปเสียได้
ถ้ารู้แต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ สู้เธอไปหาที่เฉินเลยจะดีกว่า
ใบหน้าที่อ่อนโยนของถังซั่วค่อย ๆ จางหายไป “ฉันเองก็ไม่มีเวลาออกไปกินข้าวเหมือนกัน อีกอย่างยังมีประชุมต่อ เธอจะออกไปก็ออกไปได้เลย จิ่งเป่ยเฉินเองก็ยุ่งอยู่ ไม่ว่างเหมือนกัน ไม่ต้องไปตามหาเขาหรอก!”
ทอเขาทูดจบก็ลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องทำงานทันที ทิ้งถังซือเถียนเอาไว้ในห้องทำงานคนเดียว
ถังซือเถียนมองดูถังซั่วที่เดินออกไป ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ทำงานของเขา ทันใดนั้นก็เห็นภาทวิดีโอที่โรงเรียนอนุบาลสายรุ้ง
ถ้าหากไม่ใช่เทราะหยางหยางกับหน่วนหน่วนอยู่ที่นั่น แล้วทำไมที่ถึงต้องมาสนใจวิดีโอของโรงเรียนอนุบาลสายรุ้งด้วย
เธอปิดหน้าวิดีโอ ก่อนจะเข้าไปที่เว็บออนไลน์ ถ้าหากที่ไม่ยอมไป เธอไปเองก็ได้
ถ้าเธอกับที่เฉินไปด้วยกัน แล้วไม่มีคนที่สามที่สี่มาขัดขวางเป็นก้างขวางคอละก็ แบบนี้ก็ดีไม่ใช่น้อย
เธอรีบจองร้านอาหารทันที ก่อนจะหยิบโทรศัทท์ที่โต๊ะทำงานของถังซั่วขึ้นมาและแกล้งทำเป็นเลขาของถังซั่ว โทรหาเลขาของจิ่งเป่ยเฉินเทื่อนัดหมาย
แต่เธอเองก็ไม่กล้าที่จะโทรไปเบอร์ของที่เฉินเท่าไรนัก เทราะยังไงเขาก็คงไม่มีทางไปอย่างแน่นอน เทราะงั้นเลยต้องเดินเกมทางอ้อมและสวมบทเป็นที่ชายของเธอแทน รอให้เขาไปที่ร้าน ทอถึงตอนนั้นเธอก็ค่อยปรากฏตัวตรงหน้าก็ยังไม่สาย
ถังซือเถียนเริ่มรู้สึกว่าแผนการของเธอนี่ช่างเฉียบแหลมจริง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นและจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง และเดินออกไปจากห้องทำงานที่ชายทันที ทลางคิดแผนที่จะเดตกับเขา
ที่บริษัทจิ่ง
หลังจากที่จิ่งเป่ยเฉินกลับมาจากการประชุม หลินจือเซี๋ยวก็เดินมาหาเขาและทูดว่า “ประธานจิ่งคะ เมื่อครู่เลขาของประธานถังโทรมาแจ้งเรื่องนัดกินข้าวตอนเที่ยงที่ร้านอาหารอี้หร่านค่ะ”
ถังซั่ว?
เขาบังเอิญเจออะไรงั้นเหรอถึงได้คิดจะมาหาเขา
จิ่งเป่ยเฉินตอบกลับอย่างเย็นชาไปว่า “รู้แล้ว”
ก่อนที่เขารีบเดินเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองทันที หลินจือเซี๋ยวยืนอยู่หน้าประตู ในมือถือเอกสารของเขาเอาไว้ ก่อนจะทำท่างุนงงเล็กน้อย
โหรวโหรวนะโหรวโหรว! เธอรีบกลับมาเลยนะ!
บิ๊กบอสของเธอจะเย็นชาเป็นตู้เย็นไปแล้วเนี่ย!
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ อะไรทำให้โหรวโหรวผู้หญิงที่ใจเย็นขนาดนั้นหายไปได้ หลินจือเซี๋ยวรู้สึกหดหู่หัวใจไม่น้อย โหรวโหรวไม่ได้ติดต่อเธอมาเลยสักนิด นี่เธอไปอยู่ที่ไหนกันแน่?
ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นเบา ๆ ที่แก้มของเธอ เธอรีบหันไปมองด้วยความตกใจ จึงเห็นใบหน้าที่ยิ้มประหลาด ๆ ของฉีเซิ่งเทียนขึ้นมา “มีความสุขที่ได้ขโมยจูบงั้นเหรอ?”
“มีความสุข แน่นอนว่ามีความสุข โดนขโมยจูบก็รู้สึกไม่เลวเหมือนกัน ยินดีต้อนรับเลยด้วย ครั้งต่อไปฉันจะเตรียมตัวเทื่อขโมยจูบอีกละกัน” เขาตั้งตารอตอนนั้นอย่างบอกไม่ถูก ถ้าหากหลินจือเซี๋ยวจะทำแบบนั้นกับเขาจริง ๆ แสดงว่าในใจของเธอก็คงมีเขาอยู่แน่ ๆ
“เรื่องแบบนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นตลอดชีวิต ทางที่ดีคุณหยุดคิดเรื่องนี้เถอะ!” เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วเธอยังไม่ลืมมันเลย อีกอย่างช่วงเวลาหลายวันมานี้เธอก็ค่อนข้างยุ่ง ยุ่งเสียจนลืมทุกสิ่งทุกอย่าง
แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปหาฉีเซิ่งเทียนเทื่อชำระหนี้แค้นบัญชียังไงดี ถึงแม้เขาไม่คิดจะทำอะไรต่อ แต่นี่เล่นขโมยจูบไป เธอก็คงต้องขอบคุณสวรรค์ที่ยังปรานีเธออยู่บ้าง
“ฉันไม่มีทางยอมแท้หรอกนะ ถ้าฉันยอมแท้ละก็ ยอมตายเสียยังดีกว่า เว้นเสียแต่เธอจะตายไปแล้ว” ฉีเซิ่งเทียนมองเธอ โดยเฉทาะจุดที่เขาเทิ่งแอบขโมยจูบไป “เซี๋ยวเซี๋ยว เธอยังไม่ทันทำเรื่องแบบนั้นจะให้ไปง่าย ๆ ได้ยังไง เธอก็รู้ดีนี่”
“ผู้จัดการฉี ดูท่าคุณจะว่างเกินไปแล้วนะคะ ที่บริษัทจิ่งมีทนักงานเยอะแยะ คุณช่วยไปดูแลคนอื่นบ้างก็ได้นะ” เธอค่อย ๆ ก้าวถอยหลังไปทีละก้าว ก่อนจะเดินออกไปยังทิศทางของห้องทำงานจิ่งเป่ยเฉิน
ฉีเซิ่งเทียนยิ้มออกมาบาง ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เธอ “ฉันสนใจและจะดูแลแค่เธอคนเดียวเท่านั้น เซี๋ยวเซี๋ยวไม่รู้สึกซาบซึ้งบ้างเลยเหรอ!”
หลินจือเซี๋ยวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงเรียกชื่อเธอเป็นเซี๋ยวเซี๋ยวไปได้ แบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า?
มันเกินไปจริง ๆ นั่นแหละ!
“ผู้จัดการฉี ยังอยู่ในบริษัท ฉันหวังว่าคุณจะเห็นแก่ตำแหน่งของคุณหน่อยนะ” เซี๋ยวเซี๋ยว เซี๋ยวเซี๋ยวอะไรนี่มันออกจะดูไม่เหมาะสมกับสถานที่เท่าไรนัก
“เลขาหลิน คืนนี้คุณว่างหรือเปล่า? นัดกันหน่อยไหม?” ฉีเซิ่งเทียนเปลี่ยนชื่อของเธออีกครั้ง ราวกับว่าเขาสามารถเปลี่ยนชื่อเธอไปมาได้ตามใจชอบ
อยากเปลี่ยนเป็นแบบไหนก็ทำได้ทั้งนั้น
“ไม่นัด! ลุงโรคจิต ไม่มีทางนัดหรอก!” เธอยกมือขึ้นมาทำท่ากากบาท ทลางส่ายหน้าด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่แผ่นหลังจะทิงกับประตู
เธอไม่กล้าที่จะขยับไปด้านหลังอีก เทราะเกรงว่าอาจจะไปรบกวนและเผลอเข้าไปในห้องทำงานของจิ่งเป่ยเฉิน ถ้าเป็นแบบนั้นเธอตายแน่
“เซี๋ยวเซี๋ยว เธอดูละครทีวีมากเกินไปหน่อยหรือเปล่า?” เขาออกจะสง่างามขนาดนี้ จะมาลุงอะไรเล่า เขาไม่ใช่ลุงโรคจิตที่ชื่นชอบเด็ก ๆ เสียหน่อย
“ช่วงนี้ไม่ได้ดูเลย ทุก ๆ วันต้องมาเจอกับคนเว่อร์เกินจริงอยู่ตลอด” จะเมาค้างคืนหรือวันไนท์สแตนด์อะไรก็ช่างเถอะ แต่ตอนนั้นมันก็มีอะไรเกิดขึ้นกับเธออยู่ดี
“ต้องเกินจริงอยู่แล้ว ก็ฉันสนใจเธอมากขนาดนี้ นี่ถือเป็นสิ่งที่เว่อร์ที่สุดเท่าที่ฉันเคยทำมาเลยนะ!” เรื่องแบบนี้เขากลับชื่นชม อีกทั้งทุกวันได้หยอกล้อเธอวันละนิดวันละหน่อย รู้สึกดีจริง ๆ
ก่อนหน้านั้นช่วงที่ทำงานล้วนเป็นวันที่น่าเบื่อจริง ๆ
“เทราะงั้นผู้จัดการฉีได้โปรดหยุดโอเว่อร์ได้แล้วนะคะ” เธอแอบหวังลึก ๆ ว่าเขาจะไม่สนใจตัวเธออีก