อัจฉริยะตัวน้อยกับคุณพ่อสุดโฉด - ตอนที่ 321 ซุปขิง
ตอนที่ 321 ซุปขิง
ไม่นานสาวรับใช้ก็ต้มซุปขิงเสร็จอย่างรวดเร็ว เธอดื่มไปหนึ่งถ้วย ร่างกายก็พลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา หลังจากนั้นเธอก็เดินขึ้นไปชั้นบน
เธอเดินไปที่ห้องอ่านหนังสือชั้นสาม ประตูเปิดไม่ได้อย่างที่คิดไว้ เธอไม่มีลายนิ้วมือของโอวหยางลี่ เธอจึงลองกดรหัสดู
เธอลองอยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่สำเร็จ เธอจึงไม่ได้ลองมันอีก
จนตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้เข้าบริษัท เธอควรจะเชื่อหลินจือเซี๋ยวว่าให้คนมารับเธอ
แม้จิ่งเป่ยเฉินจะไม่อยู่ แต่พลังของตระกูลจิ่งก็ไม่ได้พังทลาย
เธอกลับมาที่ห้องนอน เมื่อคืนเปิดตู้เสื้อผ้าออกมาดูด้านในมีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่หลายชุด ดูจากสายตาแล้วเธอเองน่าจะใส่ได้ ป้ายแบรนด์ยังคงแขวนอยู่บนเสื้อ เธออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างสะอาดสะอ้าน
เมื่อนั่งลงบนเตียงก็รู้สึกมึน ๆ อยากจะหลับ ทันทีที่ล็อกประตูห้องแล้วถึงจะหลับได้อย่างสบายใจ
เธอผล็อยหลับไป เป็นการนอนหลับที่ไร้ความฝันจนถึงกลางคืน
เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกปวดหัวอยู่เล็กน้อย เธอหรี่ตาลงก่อนจะลุกออกจากเตียง
โอวหยางลี่นั้นได้เปลี่ยนเสื้อสวมชุดอยู่บ้าน เขานั่งอยู่บนโซฟา เมื่อเห็นเธอลงมาก็หัวเราะ “นอนเต็มอิ่มเลยงั้นสิ?”
เธอตอบสนองอย่างรวดเร็ว นี่เป็นบ้านพักวิลล่าของเขา ทุกย่างก้าวของเธอนั้นอยู่ในสายตาของเขาตลอด เธอไม่มีแม้แต่แรงจะโกรธ
เธอไม่ได้เหลือบไปมองเขาแม้แต่น้อย ก่อนจะเดินไปกินข้าวเย็น
โอวหยางลี่เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามเธออย่างสบาย ๆ “ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะฟื้นฟูร่างกายได้ไวดีนะ”
อันโหรวไม่ได้สนใจเขาและกินข้าวต่อ
เมื่อโอวหยางลี่เห็นท่าทางแบบนี้ก็ไม่ได้โกรธ เขาหยิบตะเกียบไม้ไผ่สีดำขึ้นมาแล้วกินอย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางที่สง่างาม ดูท่าทางของเขาแล้วเหมือนจะอารมณ์ดีไม่น้อย
เขาดูอารมณ์ดี แต่เธอกลับรู้สึกอึดอัด
“นายคงไม่คิดว่าฉันจะเชื่อว่าจิ่งเป่ยเฉินตายไปแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? ถึงได้ดูดีใจแบบนี้ ก็แค่คลิปวิดีโอเท่านั้น ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นเรื่องจริงหรือหลอก” จู่ ๆ เธอก็พูดขึ้นมา ทั้งที่ภายในใจนั้นไม่มีความมั่นใจเลย
“แสร้งทำเป็นเข้มแข็งมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอกนะ เธอสามารถเก็บเขาไว้ในใจก็ได้ ฉันไม่ถือสาหรอก” โอวหยางลี่ไม่ได้โกรธเธอแม้แต่นิดเดียว ก่อนจะแสร้งพูดเบา ๆ “โหรวโหรว เธอคงจะรับไม่ได้ไปอีกหลายวัน คงต้องใช้เวลาสักพัก แล้วเธอจะยอมรับมันได้เอง”
“นอกจากจะได้เห็นศพ ถ้าไม่เห็น ฉันก็ไม่มีทางเชื่อ” อันโหรวตอบกลับอย่างจริงจัง
“เธอคิดว่าอุบัติเหตุรถชนระเบิดไปแบบนั้นแล้วจะมีศพอยู่อีกเหรอ? แม้แต่กระดูกก็ไม่เหลือให้เห็นแล้ว ตอนนี้ครอบครัวจิ่งกำลังวุ่นวาย เมือง A ก็ดูคึกคัก เพียงแต่การคึกคักแบบนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอเลย อยู่สงบสติสงบอารมณ์ที่นี่นั่นแหละดีแล้ว รอให้จัดการเรื่องบริษัทได้เมื่อไหร่ ฉันจะพาเธอออกนอกประเทศเอง!
“เคยเห็นคนที่ไม่มีความรับชอบมาก็เยอะ แต่ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไร้ความรับผิดชอบแบบนายมาก่อน โอวหยางลี่ นายมีสิทธิ์อะไรถึงคิดว่าฉันจะกลับไปหานาย?” เธอยิ้มอย่างเฉยชา ก่อนจะวางตะเกียบลงและหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดปาก เธอมองเขาด้วยสายตาที่เหม่อลอย “ต่อให้นายจับฉันไว้ตลอดชีวิตก็เหมือนเดิม”
เขายิ้มพลางหัวเราะออกมา “ไม่เป็นไร ฉันไม่รีบอยู่แล้ว”
แต่เธอรีบ!
ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว แม้แต่ข่าวการหายตัวไปของเธอเองก็ไม่รู้
ยิ่งเห็นโอวหยางลี่ดูผ่อนคลายแบบนั้น ภายในใจของเธอก็ยิ่งกระวนกระวายใจ ด้านนอกตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง?
หลังจากคืนนี้โอวหยางลี่ก็ไม่ได้ออกไปไหน นอกจากนอนตอนกลางคืน และเกือบทุกช่วงเวลาเธอก็อยู่ภายใต้การดูแลของเขาตลอด
ท่าทางของเธอที่แสดงออกมาค่อนข้างสงบ แต่ว่าภายในใจนั้นร้อนรนเป็นอย่างมาก
นับได้ว่าเธอหายตัวไปห้าวันแล้ว จิ่งเป่ยเฉินเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และเธอก็ไม่อยู่ ลูก ๆ สองคนที่อยู่ที่บ้านจะเป็นยังไงบ้าง?
เธอมองทิวทัศน์ที่เสื่อมโทรมด้านนอกหน้าต่าง ภายใต้แสงแดดอ่อน ๆ กิ่งก้านค่อย ๆ แตกหน่อออกมาใหม่ ดูเหมือนเต็มไปด้วยพลัง
ทันใดนั้นเธอก็มองไปที่โอวหยางลี่ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโซฟา “อยากจะลองฝีมือของฉันสักหน่อยไหม? มื้อกลางวันนี้ให้ฉันทำอาหารหน่อยเป็นไง?”
โอวหยางลี่ละสายตาออกจากหนังสือมามองเธอ “ไม่ต้อง เธอกินข้าวไปอย่างเงียบ ๆ สบายใจก็พอ”
“นายป้องกันตัวเองเกินไปหรือเปล่า?” แม้แต่ห้องครัวเธอก็เข้าไปไม่ได้
“โหรวโหรว สำหรับเธอ ฉันไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเอง” เขากลัวว่าหากเธอไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาและเกิดเธอคิดวางแผนแอบหนีไปจากเขาขึ้นมาจะทำยังไง
ในห้องครัวมีของเยอะแยะมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมีดเครื่องครัวไม่น้อยเลย หากเธอได้รับบาดเจ็บแบบเหลียวเว่ย หรือเกิดเรื่องบ้า ๆ ขึ้นมาจะทำยังไง?
“ขอบคุณนายที่ดูถูกฝีมือของฉัน” แม้ตอนนี้เธอจะคิดแผนออกแล้ว แต่ทำยังไงก็ยังไม่มีโอกาส
“พวกเรารู้จักกันมาตั้งนาน ฉันเข้าใจในส่วนนี้ของเธอดี” เธอฉลาดตั้งแต่เด็กจนโต ภายในใจนั้นคิดเรื่องที่น่ากลัวอยู่แน่ ๆ
เพราะงั้นตั้งแต่ที่เธอเข้ามา เขาจึงยืนกรานไม่ยอมให้เธอเหยียบเข้าไปในห้องครัวแม้แต่ก้าวเดียว
อันโหรวออกห่างจากตัวเขาและหันกลับไปมองวิวด้านนอกหน้าต่างอีกครั้ง
ไม่ได้ เธอรอแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ต้องหาวิธีออกไปจากที่นี่ให้ได้
……..
ลมหนาวเย็นยามค่ำคืนพัดมา แสงไฟนีออนหลากสีสันสว่างไสวทั่วเมือง A ในความมืดนั้นยังคงรุ่งเรืองเช่นเคย ผู้คนต่างสัญจรไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน
และเวลานี้บนพื้นผิวแม่น้ำที่งดงามก็มีกลุ่มคนที่กำลังทำหน้าที่ค้นหาบางอย่างอยู่ในน้ำ ห้าวันเต็ม ๆ กับเบาะแส เจ้าหน้าที่หน่วยดับเพลิงเข้ามาดำเนินการกอบกู้สิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่กลับไม่พบร่องรอยพวกเขาที่เป็นเป้าหมาย
ฉีเซิ่งเทียนมองไปที่ชายคนที่ยืนอยู่ท่ามกลางสายลมหนาวในระยะไกล เสื้อกันลมสีดำของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลมหนาว แผ่นหลังที่เย็นชาตลอดเวลาของเขานั้นดูโดดเดี่ยว อ้างว้าง และเยือกเย็น
การกอบกู้บนพื้นผิวน้ำดำเนินการอยู่ทั้งวัน แต่เขากลับไม่ได้รับอะไรเลย
จิ่งเป่ยเฉินมองไปที่พื้นผิวแม่น้ำ แม้ว่าจะอยู่ไกล แต่เหมือนเขายังคงได้ยินเสียงของพวกเขา
หาไม่เจอ หาไม่เจอแม้แต่อย่างเดียว
“พี่เฉิน ไม่มีข่าวนั่นแหละถือว่าเป็นเรื่องที่ดี! แต่พี่ต้องพักผ่อนหน่อยหรือเปล่า?” ขวดไวน์ที่อยู่ในมือของฉีเซิ่งเทียนถูกยื่นไปด้านหน้าเขา “ดื่มให้ร่างกายอุ่นหน่อย พี่ยืนตรงนี้มาห้าชั่วโมงแล้วนะ!”
การทำงานกู้ซากสิ่งของขึ้นมาจากน้ำนั้นมีสาเหตุมาจากรถยนต์ที่ตกลงจากสะพานลงสู่แม่น้ำ โดยระยะเวลาการเคลื่อนย้ายนั้นจะเคลื่อนตัวทุก ๆ สองสามชั่วโมง
มีเพียงแค่การเคลื่อนย้ายที่ทำให้จิ่งเป่ยเฉินขยับตาม
เขายังคงมองไปที่พื้นผิวแม่น้ำ ดูเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงพูดของฉีเซิ่งเทียนด้วยซ้ำ
ฉีเซิ่งเทียนเองก็มองไปที่พื้นผิวแม่น้ำเช่นกัน หาไม่เจอมาห้าวันแล้ว ถึงจะหาเจอก็คงเป็นศพเท่านั้นเอง
แม่น้ำที่เย็นแบบนั้น แม้อันโหรวจะว่ายน้ำเป็น ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่จะสามารถออกมาจากรถได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงถ้าต้องว่ายน้ำในวันที่หนาวเย็นแบบนี้
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือถ้าหากว่าว่ายไปถึง ตอนนี้พวกเขาก็คงจะหาเธอเจอไปแล้ว
เขายังคงมองหาร่างของเธอด้วยความหวังริบหรี่
“ไม่ดื่ม พี่กินข้าวหรือยัง?” ฉีเซิ่งเทียนลองถามออกไป
แต่ก็ยังคงไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ เขาดูเหมือนกลายเป็นรูปปั้นไปเสียแล้ว
“พี่เฉิน ยังหาพี่สะใภ้ไม่เจอ แต่พี่ก็ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายตัวเองต้องทรุดลงไปด้วยนะ! พี่ดูสภาพของพี่ตอนนี้สิ หนวดเครายาว ผมก็รุงรัง ไม่ได้อาบน้ำมาห้าวันแล้ว เนื้อตัวทั้งสกปรกและเหม็น ถ้าฉันเป็นพี่สะใภ้ต้องทิ้งพี่ไปแน่ ๆ เพราะงั้นตอนนี้พี่กลับไปกับฉัน ไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อน ไม่แน่ว่าเมื่อพระเจ้าเห็นสภาพที่หล่อเหลาและเย็นชาของพี่ขึ้นมา เขาอาจจะคืนพี่สะใภ้มาให้ก็ได้!”
คำพูดโน้มน้าวของฉีเซิ่งเทียนนั้นดูเหมือนว่าจะลอยไปกับสายลม จิ่งเป่ยเฉินกลายเป็นคนหูหนวกไม่ได้ฟังเขาเลยสักนิด
แต่ทันใดนั้นร่างกายของจิ่งเป่ยเฉินก็ล้มลงไป ถังซั่วที่อยู่ด้านหลังรีบเข้ามาประคองจับตัวเขาไว้ หมิ่นลี่เองก็ยังคงรักษาท่าฟันคาราเต้ค้างเอาไว้