อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] - ตอนพิเศษ 135 สีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนเปลี่ยนไป
ตอนพิเศษ 135 สีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนเปลี่ยนไป
ตอนพิเศษ 135 สีหน้าของเนี่ยนเนี่ยนเปลี่ยนไป
โม่เพียวเพิ่งมาที่นี่เพื่อสืบดูคุณหนูเปี่ยว ผู้เป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงที่สุดต่อคุณหนูของนาง แต่นางไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญเห็นติงเซียงเข้ามาและออกไป
นางเม้มปากและตามติงเซียงไปทันที
เมื่อเห็นติงเซียงเข้าไปในสวนจิ่นเฟิง นางก็กัดฟันแน่น ก่อนจะคว้าตัวสาวใช้ที่เดินผ่านมา แล้วถามว่า “พี่สาวคนนั้นเป็นใครหรือ?”
“หือ?” สาวใช้มองนางที่ใส่ชุดคนดูแลสวนดอกไม้ แล้วรู้สึกว่านางน่ารักน่าเอ็นดู จึงตอบเพียงว่า “เจ้าหมายถึงพี่ติงเซียงใช่หรือไม่? นางเป็นหัวหน้าสาวใช้ข้างกายคุณชายใหญ่ นางจึงพูดคุยกับคุณชายใหญ่ได้ เจ้าเพิ่งมาที่นี่ อิจฉาพี่ติงเซียงหรือไม่เล่า? ข้าบอกเลยว่าการได้ทำงานเคียงข้างคุณชายใหญ่เป็นเรื่องดีมาก”
โม่เพียวไม่ได้ฟังสิ่งที่สาวใช้พูดในตอนท้าย อย่างไรเสียนางก็สนใจเพียงว่าติงเซียงคนนี้เป็นหัวหน้าสาวใช้ข้างกายว่าที่นายท่าน
หัวหน้าสาวใช้ติดต่อกับคุณหนูเปี่ยว มันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
โม่เพียวเป็นห่วงคุณหนูของนางมาก นางรู้สึกเหมือนว่าคุณหนูอยู่กลางดงหมาป่า และกำลังตกอยู่ในอันตราย
ความจริงแล้ว เหตุใดท่านอารองไป๋ถึงจัดให้นางไปอยู่ที่สวนดอกไม้? ถ้าเขาจัดให้นางอยู่ข้างคุณชายใหญ่ด้วย นางก็จะสามารถต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคุณหนูได้
ขณะที่โม่เพียวเดินกลับ ในใจนางก็เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง
นางกังวลจนนอนไม่หลับในตอนกลางคืน ประกอบกับการที่ต้องมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย นางจึงเป็นห่วงคุณหนูมาก และไม่อาจทนอยู่ในห้องเงียบ ๆ ได้
ก่อนเหวินหย่าจะจากไป นางได้เตือนเป็นหมื่นครั้งว่าให้ดูแลคุณหนูให้ดี หากคุณหนูเป็นอะไรขึ้นมา นางจะถูกเหวินหย่าฉีกเป็นชิ้น ๆ แน่นอน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ โม่เพียวก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน จึงออกจากห้องไปเงียบ ๆ และเริ่มมุ่งหน้าไปทางสวนจิ่นเฟิง
ในตอนกลางคืนไม่มีการเคลื่อนไหวในสวนจิ่นเฟิง ทันทีที่โม่เพียวกระโดดขึ้น นางก็ทะยานขึ้นไปบนกำแพง ผ่านหญิงเฝ้าสวนสองคน และตรงไปที่ห้องด้านซ้าย
กลางดึกคืนนั้น สีหน้าของอาเวินเปลี่ยนไปทันที เขารีบลืมตาสะกดรอยตามโม่เพียวไป
เมื่อเห็นโม่เพียวเข้าไปในประตูห้องด้านซ้ายเงียบ ๆ สีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้นทันที มาหาเจ้าอวี้ซีหรือ? มิตรหรือศัตรู?
เขายืนเงียบอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง ทันทีที่ได้ยินเสียงดังมาจากข้างใน ดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันที
คุยกับแม่นางอวี้ซี แสดงว่าเป็นคนที่แม่นางอวี้ซีรู้จัก
การแอบพบกันกลางดึกเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ แม่นางอวี้ซีคนนี้น่าสงสัยยิ่งนัก
อาเวินไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวจะถูกจับได้ เขาจึงไม่รู้ว่าข้างในนั้นพูดเรื่องอะไรกัน
เขารีบหันหลังเดินกลับไปที่ห้องหลัก
เมื่อเขาเข้าประตูไป ก็พบว่าไป๋หลิวอี้ยืนพิงขอบเตียงโดยลืมตาอยู่ จึงรีบเข้าไปเล่าเรื่องราวของที่เกิดขึ้นในห้องด้านซ้าย
“… คนที่แอบเข้ามาเป็นสตรี ดูจากเสื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นสาวใช้ในจวนนี่แหละขอรับ”
ไป๋หลิวอี้ยกยิ้ม “ไม่เป็นไร ปล่อยพวกนางไปเถอะ”
อาเวินรู้สึกว่าท่าทางของเจ้านายดูสบาย ๆ เกินไป “นายท่าน ท่านต้องการให้ข้าไปตรวจสอบตัวตนของแม่นางอวี้ซีหรือไม่ขอรับ?”
แม้อาเวินจะเป็นเด็กหนุ่ม แต่ทักษะของเขานั้นไม่อาจหยั่งรู้ได้ เขาคือผู้พิทักษ์ที่ทรงพลังของไป๋หลิวอี้
ที่ไป๋หลิวอี้ถูกแทงในวันนี้ แม้ว่ามันจะเป็นการช่วยชีวิตคุณชายรอง แต่ในฐานะองครักษ์ เขาไม่สามารถปกป้องเจ้านายได้ เขาจึงรู้สึกละอายใจยิ่งนัก
เขาจึงไม่กล้าหย่อนยานขณะปฏิบัติหน้าที่ในตอนกลางคืน และแน่นอนว่าเขาเห็นใครบางคนแอบเข้ามาในสวนจิ่นเฟิง
ไป๋หลิวอี้หันไปมองอาเวิน แล้วหัวเราะ “ไม่จำเป็น ข้ารู้ว่านางเป็นใคร สิ่งที่นางต้องการจะทำในอนาคตนั้นขึ้นอยู่กับนาง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขัดขวางนาง”
คุณชายใหญ่รู้จักตัวตนของแม่นางอวี้ซีงั้นหรือ? นี่หมายความว่าอย่างไร… อวี้ซีไม่ใช่สาวใช้ธรรมดาจริงหรือ?
“แต่ว่า…”
“ในอนาคตเจ้าจะเข้าใจเอง พูดสั้น ๆ ว่าต่อไปเจ้าควรสุภาพกับนางมากกว่านี้ นางอารมณ์ร้าย ถ้าเจ้าทำให้นางขุ่นเคือง เจ้าอาจจะ…ตายได้”
อาเวินรู้สึกว่า แม้คุณชายใหญ่จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าขณะพูดเช่นนั้น แต่ไม่ได้ล้อเล่นเลย
เขารู้สึกได้แม้กระทั่งความรู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอ
อาเวินมีคำถามเพิ่มเติมในใจ แต่เมื่อเห็นว่าคุณชายใหญ่ไม่ต้องการพูดอะไรมากกว่านี้ เขาจึงอดทนไม่ถามอะไรอีก
เขาไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็นมาตั้งแต่แรก คุณชายใหญ่บอกว่าเขาจะเข้าใจเองในอนาคต ดังนั้นเขาจึงรอ
อาเวินถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ไป๋หลิวอี้หัวเราะ สาวใช้ข้างกายเนี่ยนเนี่ยนน่าสนใจทีเดียว
ไม่เป็นไร ทั้งสองคนเข้ามาในจวนแล้ว นางมีเพื่อนร่วมทางเข้ามาด้วย
ไป๋หลิวอี้คิดได้ดังนั้น จากนั้นเขาก็หลับตาและหลับไปอีกครั้ง
แต่เนี่ยนเนี่ยนที่อยู่ห้องด้านซ้ายกำลังมุมปากกระตุก ขณะมองโม่เพียวที่มากระซิบข้างหูนาง
“คุณหนู ท่านฟังข้าอยู่หรือไม่เจ้าคะ? ข้าบอกว่าข้าสืบมาอย่างดีแล้ว คุณหนูเปี่ยวผู้นั้นซื้อใจคนได้เก่งมาก หากท่านไม่ฆ่านางในตอนนี้ อนาคตท่านจะต้องลำบากแน่นอนเจ้าค่ะ ยิ่งกว่านั้น ติงเซียงสาวใช้ในสวนจิ่นเฟิงก็ถูกนางซื้อไปแล้วด้วย ข้าเห็นนางเข้าออกสวนหลิงสุ่ยจริง ๆ ข้าไม่ได้โกหกท่านนะเจ้าคะ”
เนี่ยนเนี่ยนหมดหนทาง นางยุ่งมาทั้งวัน และตอนนี้นางง่วงมาก
เหตุใดโม่เพียวถึงมีพลังล้นเหลือนัก ทั้งวันนางไม่ได้ทำอะไรเลยหรือ? ต้องขี้เกียจแน่นอน
“คุณหนู…”
“โม่เพียว ข้ารู้ ข้ารู้ทุกอย่าง” นางปวดหัวตุบ ๆ ร่างกายก็อ่อนเพลีย นางพูดได้เพียงว่า “ข้ารู้ว่าติงเซียงเป็นคนเช่นไร ข้ารู้ด้วยว่าหลิ่วยางยางไม่ได้ธรรมดา เหมือนที่เห็นอย่างผิวเผิน แต่โม่เพียว… เจ้าช่วยตอบจุดประสงค์ในการมาจวนซูกั๋วกงของเราอีกครั้งได้หรือไม่?”
จุดประสงค์หรือ?
โม่เพียวกะพริบตา ในที่สุดก็ปล่อยมือที่เขย่าร่างของเนี่ยนเนี่ยน แล้วพูดอย่างเคอะเขินว่า “ถอนหมั้นเจ้าค่ะ”
“อืม ใช่ ตอนนี้เจ้ากลับไปนอนให้เรียบร้อย แล้วไม่ต้องคิดเรื่องติงเซียงกับหลิ่วยางยางอีกต่อไป เข้าใจหรือไม่?”
“อื้ม” โม่เพียวเดินออกไปอย่างกระสับกระส่าย
จากนั้นนางก็ฝันว่าโม่เพียวทุบหัวนาง แล้วเดินตามนางทั้งวันทั้งคืน ขณะกระซิบบทสวดมนต์ข้างหูนางไม่หยุด
เนี่ยนเนี่ยนรู้สึกว่าความฝันนี้น่ากลัวเกินไป จนเหงื่อเย็นออกท่วมตัว
โชคดีที่เมื่อนางตื่นขึ้นก็เป็นเวลาเช้าแล้ว
เนี่ยนเนี่ยนลูบหน้าผากตัวเอง พลางรู้สึกเสียใจที่พาโม่เพียวมาที่นี่ คนที่นางพามาควรจะเป็นเหวินหย่า เหตุใดนางถึงพาโม่เพียวมาที่นี่?
หลังจากล้างหน้าเสร็จ เนี่ยนเนี่ยนก็หลุดพ้นจากฝันร้าย
เมื่อออกไปอีกครั้ง ข้างนอกก็มีแสงแดดจ้าแล้ว ส่วนสาวใช้ในเรือนก็กำลังยุ่งมาก
เนี่ยนเนี่ยนจ้องมองชุดสาวใช้บนร่างตัวเอง ทันใดนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะลืมหน้าที่ตัวเองอีกแล้ว
แต่มันแปลกจริง ๆ ที่ติงเซียงไม่มาปลุกนาง นางตัวสั่นขณะรีบเดินไปที่ห้องหลัก
ทันทีที่เดินไปถึงหน้าประตูห้องหลัก นางก็เกือบจะชนเข้ากับคนที่เดินเข้ามาอย่างไม่คาดคิด
เนี่ยนเนี่ยนขมวดคิ้ว เมื่อเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นนางก็หายใจไม่ออก สีหน้าของนางเปลี่ยนไป
นางรีบปิดหน้า แล้วหันหลังกลับเตรียมวิ่ง
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรื่องสัพเพเหระขอให้บอกโม่เพียว เก็บหมดทุกรายละเอียด
เจอใครเข้ากันนะเนี่ยนเนี่ยน ถึงได้มีสีหน้าแตกตื่นแบบนั้น
ไหหม่า(海馬)