อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว [ 坑爹儿子鬼医娘亲 ] - ตอนที่ 869 แววตาแปลกประหลาด
ตอนที่ 869 แววตาแปลกประหลาด
ตอนที่ 869 แววตาแปลกประหลาด
“รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่” อวี้ชิงลั่วรีบขยับไปที่ขอบเตียง เห็นว่านางจะลุกขึ้นมาก็รีบหาหมอนนุ่มๆ มาหนุนหลังให้ และประคองนางอย่างระมัดระวัง
แม่นมเก๋อได้พักผ่อนสักพัก ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาก
นางเองก็ถือเป็นคนที่มีวรยุทธ์อยู่บ้าง ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะเป็นเพียงการฝึกอย่างลับๆ อยู่ไม่กี่ปี ไม่ได้สูงส่งนัก แต่ร่างกายก็แข็งแรงกว่าสตรีทั่วไปอยู่หน่อย
“คุณหนู คิดไม่ถึงว่าข้าจะได้พบท่าน” แม่นมเก๋อหัวเราะ เอนกายลงบนหมอนนุ่ม
เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่ว นางก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก
หนานหนานปีนขึ้นไปบนเตียงทันที คุกเข่าลงข้างๆ แม่นมเก๋อ ชะโงกหัวไปตรงหน้านาง “แม่นมเก๋อ ยังมีข้าอีกคนๆ”
“จริงสิ แม่นมเก๋อคิดถึงหนานหนานที่สุดเลย ไม่เจอกันตั้งนาน เหมือนจะสูงขึ้นหน่อยแล้ว” แม่นมเก๋อเห็นร่างเล็กๆ ของเขาก็มีความสุขเป็นพิเศษ แววตาอ่อนโยนนั้นแทบจะมีหยาดน้ำเอ่อคลอ
“ผอมลงไปหรือ? ไม่ได้กินของดีๆ อย่างนั้นหรือ?” จับมือของหนานหนาน รู้สึกได้ถึงความนุ่มนิ่ม แม่นมเก๋อกลับยังคงขมวดคิ้ว
หนานหนานพยักหน้าอย่างแรง “แม่นมเก๋อ มีเพียงท่านที่ดูออก” คนอื่นล้วนบอกว่าข้าไม่ได้ผอม เขาปวดใจอย่างมาก
“ไม่มีท่านอยู่ข้างกาย ข้าไม่ได้กินอาหารดีๆ เลย” เขาผอมลงจริงๆ ครั้งก่อนที่ชั่งน้ำหนักตนเองก็พบว่าหายไปหนึ่งชั่งเต็มๆ น่ากลัวเหลือเกิน
อวี้ชิงลั่วหันหน้าหนีอย่างเงียบๆ กระตุกมุมปาก เขากล้าพยักหน้าได้อย่างไร ท่าทางเช่นนั้นของเขา ผอมลงตรงไหนกัน?
แม่นมเก๋อปวดใจอย่างมาก รีบกล่าว “ต่อไปแม่นมเก๋อจะทำของอร่อยๆ ให้เจ้ากิน อยากกินอันใดต้องบอกแม่นมเก๋อนะ จะต้องขุนให้ร่างผอมๆ ของเจ้ากลับมาให้ได้”
“ได้ๆๆ ข้าอยากกินทอดมันกุ้งที่แม่นมเก๋อทำ ทั้งยังมีขาหมูอีก แล้วก็มี…”
“แม่นมมาปรากฏตัวที่ดินแดนเหมิงได้อย่างไร ถูกเหมิงจื้อเฉิงจับตัวมาหรือ” อวี้ชิงลั่วทนมองต่อไปไม่ไหว ฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว รีบกล่าวขัดจังหวะ เปลี่ยนหัวข้อเสียดื้อๆ
หนานหนานหันไปจ้องนางอย่างไม่พอใจ อวี้ชิงลั่วกลับทำเหมือนไม่เห็น เพียงแต่จ้องแม่นมเก๋ออยู่อย่างนั้น
อีกฝ่ายนิ่งไป เม้มปากเล็กน้อย ผ่านไปนานกว่าจะเอ่ย “ข้า… เมื่อก่อนเป็นคนเหมิง ท่านน่าจะรู้กระมัง”
“เย่ซิวตู๋บอกข้าแล้ว ว่าท่านเคยเป็นคนข้างกายของเหมิงกุ้ยเฟย”
“อืม” แม่นมเก๋อพยักหน้า “รับใช้อยู่ข้างกายเหมิงกุ้ยเฟย มักจะได้รู้เรื่องราวที่ไม่ควรรู้อยู่บ้าง หลายปีก่อน เหมิงกุ้ยเฟยต้องการปิดปากข้า ข้าจึงหนีออกมา ในตอนนั้นก็ได้พบท่าน จึงได้เปลี่ยนชื่อสกุลเสีย เรียกตนว่าแม่นมเก๋อ”
อวี้ชิงลั่วหรี่ตาเล็กน้อย จริงๆ แล้วนางไม่รู้ว่าพบกับแม่นมเก๋อได้อย่างไร อย่างไรตอนนั้นคนที่ให้แม่นมเก๋ออยู่ข้างกายก็คืออวี้ชิงลั่วคนเก่า
“ครั้งก่อนที่อาณาจักรเทียนอวี่ ก็เคยเห็นคนของเหมิงกุ้ยเฟยมาแอบสอดแนมข้า ในตอนนั้นข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาไปถึงท่าน จึงได้…จากมาโดยไม่ลา” เมื่อเห็นอวี้ชิงลั่วมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว นางก็รีบยิ้มแล้วอธิบาย “ท่านอย่าโกรธเลย ข้ามีการพิจารณาของข้า หลังจากนั้นก็ไปตกอยู่ในมือของเหมิงจื้อเฉิง เขาอยากได้ข้อมูลบางอย่างจากข้า ก็เลยขังข้าเอาไว้”
นางเองก็เป็นคนรู้ความ รู้ว่าให้ตายก็ไม่ปริปาก อย่างมากที่สุดก็โดนทรมาน
หากกล่าวออกไปจริงๆ เช่นนั้นก็คงหนีไม่พ้น ‘ความตาย’
“ข้ารู้สึกว่าเขาน่าจะกำลังทำการใหญ่อยู่ ก่อนหน้าก็เพียงแต่ขังข้าไว้ในเรือนเดี่ยว ไม่กี่วันก่อน จู่ๆ ก็ย้ายมาที่นี่ ช่างแปลกเหลือเกิน”
เรือนเดี่ยวหรือ?
จู่ๆ หนานหนานก็นึกถึงเรือนที่เขาตามเหมิงจื้อเฉิงไปกลางดึกก่อนหน้านี้ รีบถาม “เรือนนั้นมีกลไกใช่หรือไม่ เหมือนกับเป็นเรือนร้างๆ ใช่หรือไม่ ด้านซ้ายของห้องที่ท่านอยู่มีผนังใหญ่ที่ถูกลอกออกใช่หรือไม่”
แม่นมเก๋อแปลกใจ พยักหน้าอย่างงุนงง “ใช่”
อวี้ชิงลั่วและหนานหนานสบตากันอย่างรวดเร็ว ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ถอนหายใจอย่างหนัก “คิดไม่ถึง ที่แท้เราก็เคยอยู่ใกล้กันเพียงนี้”
แม่นมเก๋อแปลกใจเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เหมือนว่าจะคิดอะไรออก รีบนั่งตัวตรงทันที
เมื่อนั่งตรงก็สัมผัสได้ว่าบนร่างกายมีบาดแผล อดไม่ได้ที่จะร้องอู้อี้ออกมา
“พวกท่านช่วยข้ามา เช่นนั้น… เช่นนั้นทางด้านเหมิงจื้อเฉิงเล่า หากข้านำปัญหามาให้พวกท่านจะทำอย่างไร” ให้ตายเถิด เหตุใดนางจึงมองข้ามเรื่องใหญ่เช่นนี้ไปได้ ตอนนี้พวกเขายังอยู่ที่จวนผู้อาวุโสสกุลหมิง ในเมื่อช่วยคนมาได้แล้ว ก็ควรจะจากไปโดยทันทีจึงจะถูก
ไม่อย่างนั้นแล้ว เหมิงจื้อเฉิงผู้นั้นที่มีวิธีการไร้ปรานีมาโดยตลอด ไม่แน่ว่ากลางดึกอาจจะส่งคนมาลอบฆ่าพวกเขาก็เป็นได้
อวี้ชิงลั่วเม้มปาก ช่วยพยุงให้นางกลับไปนอนราบอีกครั้งอย่างเงียบๆ น้ำเสียงไม่เร็วหรือช้าเกินไป กล่าวอย่างสบายๆ “เหมิงจื้อเฉิงตายแล้ว”
“ว่าอะไรนะ” แม่นมเก๋อไม่อยากจะเชื่อเท่าใดนัก รู้สึกเหมือนกำลังฝันอย่างไรอย่างนั้น ไม่จริงเลย
อวี้ชิงลั่วน้ำเสียงเรียบเฉย เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงสองวันที่ผ่านมาอย่างเงียบๆ หลังจากนั้นครู่ใหญ่ก็กล่าว “ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นจวนผู้อาวุโสสกุลหมิงหรือทั้งดินแดนเหมิงก็ล้วนโกลาหลไปหมด
แม่นมเก๋อผงะไป ครู่ใหญ่กว่าจะได้สติกลับมา ทันใดนั้นก็กล่าวอย่างตระหนักได้ “ไม่แปลกเลย… ที่เหมิงจื่อเย่าต้องการจับตัวข้า บอกว่าเป็นเครื่องรางคุ้มภัย ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
เป็นเพราะเหมิงจื่อเย่าหมดหนทางแล้วจึงทำเช่นนั้น
เพียงแต่ว่า…
“ไม่คิดเลยว่าเขาจะลงมือกับผู้อาวุโสสกุลหมิงได้ ช่างชั่วช้าสารเลวจริงๆ” แม่นมเก๋อตาแดง กัดฟันด้วยความโกรธ “หากรู้แต่แรก ตอนนั้นข้าจะไม่ปกปิด ไม่เก็บซ่อนไว้ คงจะยืนหยัดตั้งแต่แรก รายงานเรื่องความชั่วร้ายของพวกเขาเสีย”
อวี้ชิงลั่วไม่เข้าใจ คำพูดของแม่นมเก๋อ เหตุใดจึงทำให้นางรู้สึกสับสนได้
ขณะกำลังคิดจะถามให้รู้เรื่อง จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอก
บนหน้าผากของเย่ซิวตู๋ยังคงมีเหงื่อ เมื่อเข้ามาในห้องและเห็นว่าแม่นมเก๋อฟื้นแล้ว สีหน้าก็อ่อนโยนลงมาก จากนั้นก็หันไปกล่าวกับอวี้ชิงลั่ว “แม่นมเพิ่งฟื้น เจ้าเองก็อย่าพูดมากไปเลย ให้ร่างกายนางดีขึ้นเสียก่อนค่อยพูดคุยเรื่องวันเก่าๆ ก็ยังไม่สาย”
เขากล่าว จากนั้นก็เดินเข้ามา นำเครื่องประดับผมในมือติดไว้ที่เรือนผมของอวี้ชิงลั่ว กล่าวเสียงต่ำ “ก่อนหน้านี้เจ้าเผลอทำหล่นไป”
แม่นมเก๋อมองการกระทำของพวกเขาสองคน จากนั้นก็ยิ้มออกมา แววตาที่มองเย่ซิวตู๋ก็อ่อนโยนเช่นกัน
หนานหนานมองอย่างแปลกใจอย่างมาก เหตุใดทุกครั้งที่แม่นมเก๋อได้พบท่านพ่อ สายตาจึงแปลกนักเล่า ดูเหมือน… จะตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ดูซับซ้อนเล็กน้อยด้วย
พวกผู้ใหญ่อย่างอวี้ชิงลั่วทั้งสองคนรู้สึกได้ถึงสายตาของนาง ก็พากันหันมามองนาง
แม่นมเก๋อกลับลดสายตาลงและเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเบา “คุณหนู ข้าอยาก… คุยกับท่านอ๋องซิวตามลำพัง ท่านและหนานหนานช่วยถอยไปก่อนได้หรือไม่?”
“…”
อวี้ชิงลั่วและหนานหนานล้วนเบิกตากว้าง อยากคุยกับเย่ซิวตู๋ตามลำพังหรือ?
เฮ้อ ไม่สิ ไม่ควรเป็นพวกเขาทั้งสามคนที่ร้องไห้และพูดคุยกันให้มากเพราะได้พบกันหลังห่างหายไปนานหรอกหรือ
จากสิ่งที่เย่ซิวตู๋บอก ดูเหมือนเขาและแม่นมเก๋อก็ไม่ได้เจอกันมานานหลายปีแล้ว เหตุใดจึงเป็นพวกนางสองคนที่ต้องถอยไปเล่า
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แม่นมเก๋อจะคุยอะไรกับท่านอ๋องกันนะ? ทำไมดูเป็นความลับขนาดนั้น
ไหหม่า(海馬)