อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ - ตอนที่ 85 ต่อต้าน
มู่หยางหลิงเล็งลูกธนูไปที่เป้าหมาย แล้วทันใดนั้นลูกธนู 2 ดอกก็พุ่งทะลุผ่านร่างชายชาวหู 2 คนที่กำลังยืนหัวเราะเสียงดังอยู่หน้าค่าย จากนั้นพวกชาวหูทั้งค่ายก็แตกตื่น พร้อมกับตะโกนเสียงดังลั่นว่า “มีการซุ่มยิง พวกชาวฮั่นโจมตีเรา!”
มู่หยางหลิงรีบหยิบลูกธนูขึ้นมายิงรัว ๆ ด้วยความคล่องแคล่ว จากนั้นหลิวเซวียนกับหลิวลี่ก็ลอบเข้าไปขย่มต้นไม้ทั้งสองข้างทางเพื่อสร้างบรรยากาศ ทำให้พวกมันแตกตื่นและคิดว่ากำลังถูกชาวฮั่นบุกโจมตีจริง ๆ มันจึงพากันชักอาวุธเดินขึ้นมาตามถนนเส้นใหญ่
ส่วนมู่หยางหลิงก็ยังคงยิงลูกธนูใส่พวกมันไม่ยั้ง จนพวกมันเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
พวกมันติดตามแม่ทัพวู่ซู่เพื่อมาทำการปล้นสะดม โดยส่วนมากแม่ทัพวู่ซู่จะนำพวกมันบุกเข้าไปปล้นทรัพย์สินของชาวบ้านตามมณฑลต่าง ๆ พวกมันไม่ใช่หน่วยทหาร แต่พวกมันเป็นพวกโจรที่ชอบปล้นทรัพย์สินของชาวบ้านเพื่อประทังชีวิตของพวกมันเอง แล้วชาวฮั่นส่วนใหญ่ก็จะมีนิสัยขี้กลัวและไม่กล้าที่จะต่อสู้ เพราะแค่พวกชาวหูชักดาบออกมาขู่จะฆ่า พวกชาวฮั่นก็จะต้องรีบคุกเข่าร้องขอชีวิตกันแล้ว ดังนั้นการบุกโจมตีในครั้งนี้ พวกชาวหูกว่า 100 คนจึงแบ่งกลุ่มออกเป็น 4 กลุ่มย่อย เพื่อกระจายกำลังเข้าไปโจมตีแต่ละหมู่บ้านให้ราบตามแผน และพวกที่ตั้งค่ายอยู่ข้างถนนเส้นใหญ่นี้ เดิมทีมันก็คิดว่าตนนั้นได้ทำลายหมู่บ้านในเขตเมืองเจ็ดลี้จนราบคาบไปหมดแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าตอนนี้พวกมันได้มาติดกับของพวกชาวฮั่นเข้าเสียได้
อูเหยี่ยรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะเขาเพิ่งรู้ว่าความคิดและจิตใจของชาวฮั่นนั้นซับซ้อนกว่าที่เขาคิดไว้มาก แม่ทัพวู่ซู่ที่แสนจะเก่งกาจจนไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ ก็ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะมาติดกับของพวกชาวฮั่นเข้าแล้ว
อูเหยี่ยตกใจจนสติแตก พร้อมกับตะโกนออกมาว่า “เราติดกับพวกชาวฮั่นแล้ว” สิ้นเสียงของอูเหยี่ย พวกชาวหูที่เหลือก็พากันตื่นตระหนก พวกมันรีบคว้าตัวหญิงสาวไว้ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นก็เตรียมจะพาพวกนางวิ่งหนีไป แต่ชายชาวหูคนหนึ่งที่กำลังดึงผมหญิงสาวดันโดนลูกธนูของมู่หยางหลิงเสียบเข้าที่คอ แล้วนั่นก็เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาอูเหยี่ยด้วย ลูกธนูดอกที่สามและดอกที่สี่พุ่งตามเข้ามา จนทำให้อูเหยี่ยต้องปล่อยผู้หญิงลงแล้วหยิบมีดเล่มใหญ่วิ่งหนีไป
เมื่อชายชาวหูคนอื่น ๆ เห็นว่าอูเหยี่ยเลิกสนใจผู้หญิงแล้วหยิบมีดขึ้นมา พวกมันเองก็พากันปล่อยผู้หญิงตามไปด้วย
เพราะพวกมันเริ่มคิดได้ว่า ผู้หญิงจะไปฉุดมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ชีวิตนี้ ถ้าเสียไปแล้วก็คือเสียไปเลย
มู่หยางหลิงง้างคันศรสำหรับลูกดอกลูกสุดท้าย
ส่วนหลิวเซวียนกับหลิวลี่ก็รีบวิ่งเข้าไปตัดเชือกให้หญิงสาวที่ถูกมัดรวมกันอยู่ที่พื้น พร้อมกับพูดขึ้นเบา ๆ ว่า “รีบลุกขึ้นเร็วเข้า พวกมันกำลังจะกลับมากันแล้ว”
แต่หญิงสาวพวกนั้นก็ยังคงมึนงง ด้วยความที่ชายทั้งสองพุ่งเข้ามาช่วยพวกนางแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลิวเซวียนเห็นดังนั้นจึงตะคอกเสียงดังใส่พวกนาง “รีบวิ่งหนีไปสิ หลานสาวของข้าเป็นเป้าล่อพวกมันอยู่ตรงนั้นน่ะ พวกเรามีกันแค่ 3 คน พวกเจ้าอยากจะให้พวกข้าตายตอนนี้เลยรึไง?”
สิ้นสุดคำพูดของหลิวเซวียน หญิงสาวพวกนั้นก็เริ่มได้สติ และพยุงกันตามหลังหลิวเซวียนกับหลิวลี่เข้าป่าไป
ทั้งสองคนพาหญิงสาวพวกนั้นเข้าไปหลบอยู่ในช่องหุบเขา โดยไม่ลืมที่จะเอากิ่งไม้ใบหญ้ามาสุมปิดช่องไว้พรางตาอีกที “พวกข้าจะไปล่อพวกมันมาจัดการ ส่วนพวกเจ้าก็หลบอยู่ที่นี่กันก่อน เช้าวันใหม่ค่อยไปจากที่นี่ แล้วอย่าเอะอะเสียงดังเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นพวกเจ้าคงไม่มีใครรอดไปได้แน่” หลิวเซวียนพูดจบก็ลากแขนหลิวลี่วิ่งออกไป
ส่วนมู่หยางหลิงก็เริ่มหยิบมีดเล่มใหญ่ขึ้นมาสู้กับพวกชาวหูแล้วในตอนนี้
อูเหยี่ยวิ่งมาได้สักพักก็พบว่าไม่มีศัตรูตามพวกเขามาเลย อีกทั้งลูกดอกธนูที่พุ่งเข้ามาเป็นระยะก่อนหน้านี้ก็เงียบหายไปแล้วด้วย เขาจึงคิดได้ว่า นี่คือกลลวงชัด ๆ อูเหยี่ยรีบพาพรรคพวกวิ่งกลับมาที่เดิมด้วยความโมโห แต่ก็ต้องหงายเงิบไปอีก เพราะพรรคพวกที่เหลือของเขาโดนฟันคอขาดเรียบด้วยน้ำมือของเด็กตัวเล็กที่โผล่หัวออกมาจากป่าทึบนั่น
อูเหยี่ยโมโหจนเลือดขึ้นหน้า เขานำกำลังคนถือดาบตามมู่หยางหลิงไป แต่ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังโต้ตอบกันอยู่นั้น เด็กสาวกลับค่อย ๆ ถอยเข้าป่าไปเรื่อย ๆ แล้วพละกำลังของเด็กน้อยตรงหน้าก็มีมากเสียเหลือเกิน จนพรรคพวกที่อยู่รอบกายอูเหยี่ยนั้นได้รับบาดเจ็บเพราะนางไปตาม ในขณะเดียวกัน พวกเขาเองก็แตะไม่ถึงปลายเสื้อของเด็กคนนั้นด้วยซ้ำ ตอนนี้อูเหยี่ยลืมเรื่องพรรคพวกกลุ่มแรกที่เข้าป่าไปก่อนหน้านี้เสียสนิท เขาหวังเพียงแค่ว่า วันนี้จะต้องฆ่าเด็กคนนี้ให้ตายคามือให้ได้
มู่หยางหลิงล่อพวกมันเข้ามาถึงเขตกับดัก โดยที่นางเองยังคงใช้มีดเล่มใหญ่ขวางลำดาบของพวกมันอยู่ จากนั้นนางก็เตะเข้าที่ท้องของชายชาวหูตรงหน้า แล้วหันไปถีบชายอีกคนจนหงายท้องไป มู่หยางหลิงรีบพลิกตัวกลับมาทันที ก่อนจะเตะเข้าที่ข้อพับของชายอีกคน แล้วนางก็หลบเข้าไปหลังมุมต้นไม้แถวนั้นเพื่อพรางตัว พวกชาวหูพากันกระจายเข้ามาในถนนเส้นเล็กนี้ตามแผนที่มู่หยางหลิงได้วางไว้ จากนั้นหลิวหย่งก็อาศัยจังหวะที่แต่ละคนกำลังเผลออยู่นั้น พาพรรคพวกออกมารุมฆ่าพวกมันทีละคน
อูเหยี่ยกลิ้งเข้าไปหลบอยู่หลังพุ่มไม้และซุ่มดูหลิวหย่งกับพวกที่กำลังรุมฆ่าพรรคพวกของเขา แต่อูเหยี่ยก็สังเกตเห็นว่าพวกหลิวหย่งไม่มีกระบวนท่าอะไรในการโจมตีเลย พวกเขาเพียงแค่หาจังหวะวิ่งเข้าไปรุมตีคู่ต่อสู้คนใดคนหนึ่งเท่านั้น และพวกเขาก็จะจัดการแบบนั้นเป็นคน ๆ ไปเรื่อย
อูเหยี่ยจึงตะโกนบอกพรรคพวกที่เหลือว่า “พวกนั้นไม่ใช่ทหาร มันเป็นแค่ชาวฮั่นธรรมดา รีบจัดการเด็กผู้หญิงคนนั้นซะ นางเป็นคนเดียวที่มีวรยุทธ์”
หลิวหย่งได้ยินดังนั้น เขาก็ใช้มีดปาดคอชายตรงหน้าด้วยความเยือกเย็นทันที จากนั้นเขาก็ตรงเข้ามาทางอูเหยี่ยเพื่อจะจัดการฆ่าเสียให้สิ้นเรื่อง แต่แล้วชายชาวหูอีกคนกลับตรงเข้ามาพร้อมดาบ หลิวหย่งจึงต้องใช้ดาบในมือขวางลำดาบของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้จนตัวเขาล้มลงไป เนื่องจากไม่ทันได้ตั้งตัวจริง ๆ ชายชาวหูคนนั้นหัวเราะเสียงดังก่อนจะพูดออกมาว่า “พวกชาวฮั่นเนี่ยเหมือนลูกไก่ตัวเล็ก ๆ เลยนะ แรงหายไปไหนหมดวะ เด็ก ๆ ทั้งหลาย ฆ่ามันให้หมด”
มู่หยางหลิงที่กำลังช่วยหลิวเซวียนกู้กับดักอยู่ได้ยินเข้า จึงสั่งการไปว่า “ป้องกันการรวมตัวของพวกมัน พยายามอย่าให้พวกมันรวมตัวกันได้”
“ไม่ได้จริง ๆ อาหลิง พวกมันมีเยอะเกินไป”
พวกชาวหูยังเหลือรอดอยู่ประมาณ 20 กว่าคนในตอนนี้ และถึงแม้ว่า การที่ชาวบ้านหลินซาน 3 คนช่วยกันรุมชาวหูคนเดียวนั้น จะทำให้แยกไม่ออกว่าใครเป็นใครบ้าง แต่ชายชาวหูมีความแข็งแกร่งกว่าพวกเขามากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ถ้าหากว่าลดกำลังเหลือแค่ 2 รุม 1 ละก็ ชายชาวหูสามารถจัดการกับหนุ่มชาวบ้านทั้งสองคนได้อยู่หมัดแน่นอน
“ท่านพี่” ฟางจู้จื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องของตนถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา เขาตกใจจนจับมีดฟันไปมั่วซั่วด้วยความตื่นกลัว “อาหลิง ช่วยลุงด้วย”
ในขณะที่ชายชาวหูหลายคนกำลังค่อย ๆ รวมตัวกันตั้งรับ ชาวบ้านหลินซานเองก็ทยอยตายไปทีละคน
มู่หยางหลิงกัดฟันแน่น นั่งผูกปมเชือกจนเสร็จ จากนั้นนางก็หยิบมีดเล่มใหญ่ขึ้นมา แล้วบอกกับหลิวเซวียนและคนอื่น ๆ ว่า “พวกท่านเฝ้าเอาไว้นะ ข้าจะไปล่อพวกมันมาเอง”
ชายชาวหูคนหนึ่งถีบหลิวต้าจ้วงจนกระเด็นไปอีกทาง จากนั้นมันก็ง้างดาบขึ้นจะฟันหัวหลิวหย่ง แต่มู่หยางหลิงก็เข้ามาขวางไว้ได้ทัน นางผลักมันให้กระเด็นออกห่างไป และด้วยพละกำลังของนางนั้นทำให้มันถอยไปได้ประมาณ 3 ก้าว พอสบโอกาสนางก็ชักดาบกลับมาแล้วปาดเข้าที่คอของมันจนขาดวิ่น จากนั้นนางก็ตรงเข้าไปดึงตัวหลิวต้าจ้วงขึ้นมา “ถอนกำลัง รีบถอนกำลังเดี๋ยวนี้”
มู่หยางหลิงเข้าไปช่วยชาวบ้านคนอื่นต่อ แล้วเร่งให้พวกเขาถอนกำลังกลับไปตั้งหลักด้านหลัง ส่วนตัวนางเองก็พยายามเตะถ่วงต่อไปเรื่อย ๆ พร้อมกับล่อพวกมันให้เข้ากับดักไป และด้วยความที่นางตัวเล็กมาก พอนางเหยียบลงบนกับดัก กับดักก็จะไม่สามารถทำงานได้ เพราะน้ำหนักตัวที่ยังน้อยเกินไป แต่พอพวกชายชาวหูกลุ่มนั้นมันเดินตามเข้ามาเรื่อย ๆ ตัวของพวกมันก็ตกลงไปในกับดักได้อย่างง่ายดาย และถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ได้ตายกันในทันที แต่นั่นก็สามารถตัดกำลังของพวกมันไปได้เยอะมากทีเดียว หลังจากนั้น มู่หยางหลิงก็ใช้จังหวะนี้หลบหนีเข้ามุมต้นไม้ทึบอีกครั้ง
ชาวบ้านหลินซานคนอื่น ๆ ก็พรางตัวกลับเข้ามุมหลบเดิม จนทำให้ตอนนี้ภายในป่าก็จะเหลือแค่พวกชาวหูที่นอนส่งเสียงร้องโอดโอยกันอยู่
อูเหยี่ยหยิบมีดเล่มใหญ่ของเขาขึ้นมาตั้งท่าป้องกันตัว ก่อนจะเริ่มขยับเดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวังกว่าเดิม คราวนี้พวกชาวหูเกาะกลุ่มกันแน่น แล้วพากันก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ ด้วยความรอบคอบยิ่งขึ้น เพราะมันกลัวว่าศัตรูฝ่ายตรงข้ามจะจับพวกมันแยกออกจากกันอีก
แต่สิ่งที่มู่หยางหลิงต้องการที่สุดก็คือรูปแบบที่พวกมันกำลังใช้อยู่ในตอนนี้นี่แหละ นางเฝ้ามองพวกมันเดินเข้ามาในระยะกับดัก จากนั้นหลิวเซวียนก็ตัดเชือกกับดักตามสัญญาณของมู่หยางหลิงทันที ฉมวกไม้หลายอันลอยมาแต่ไกล จนทำให้พวกชาวหูเบิกตากว้างด้วยความกลัว พวกมันพยายามจะหนีกันไปคนละทิศคนละทาง แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว เพราะพวกมันเกาะกลุ่มกันแน่นหนาเกินไป ฉมวกไม้ 5 อันนั้นจึงเสียบเข้าที่หน้าอกและช่องท้องของชายชาวหู 3 คนที่ยืนอยู่รอบนอกอย่างรวดเร็ว……
อูเหยี่ยตกใจจนล้มลงไปนั่งกับพื้น และในขณะที่เขากำลังจะลุกขึ้นยืนนั้น ฉมวกไม้ชุดใหม่ก็ร่วงหล่นลงมาใส่หัวอูเหยี่ยกับพวก อูเหยี่ยกับพวกทั้งหมดถูกฉมวกไม้เสียบจนตายคาที่
กลุ่มชายชาวหูที่เพิ่งตามมาทีหลังได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเข้า ก็พากันสติแตก ร้องตะโกนลั่นว่า “อินทรีเจ้าแห่งทุ่งหญ้าอย่างเราไม่เคยกลัวตาย พวกเราจะต้องฆ่าพวกมันให้หมด ต้องฆ่าพวกมันให้หมด”
มู่หยางหลิงส่งสัญญาณให้ทุกคนพรางตัวเข้าที่เดิมและห้ามปรากฏตัวให้พวกมันเห็น จากนั้นนางก็หันมาพยักหน้ากับหลิวลี่เป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง แล้วจู่ ๆ หลิวลี่ก็ถือมีดเล่มใหญ่วิ่งเข้าป่าลึกไป
การเคลื่อนไหวของหลิวลี่นั้นสามารถทำให้พวกชาวหูตื่นตระหนกกันได้ พวกมันจะวิ่งตามหลิวลี่ไปด้วยความรอบคอบยิ่งกว่าเดิม พวกมันวิ่งตามหลิวลี่ด้วยความเร็วคงที่ พร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้าไปด้วยเป็นครั้งคราว
มู่หยางหลิงชักมีดสั้นที่มู่ฉือให้นางติดตัวไว้ออกมาถือไว้ในมือ แล้ววิ่งตามพวกชาวหูไป นางอาศัยจังหวะที่ชายคนสุดท้ายเผลอ วิ่งเข้าไปอุดปากและจมูกของมันจากทางด้านหลังก่อนจะใช้มีดปาดเข้าที่ลำคออย่างเยือกเย็น จากนั้นนางก็ลากร่างของมันเข้าไปทิ้งไว้หลังพุ่มไม้
หลิวเซวียนกับหลิวหย่งที่เฝ้าดูเหตุการณ์นั้นอยู่ตลอด ถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นลีลาฆ่าปาดคอของมู่หยางหลิง
หลิวลี่วิ่งล่อพวกมันให้วนรอบป่าไปได้รอบใหญ่ จนพวกชาวหูที่ยังเหลืออยู่แนวหน้านั้นเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ทันทีที่พวกมันหันไปมองหลัง ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าพวกมันเองนั้นเหลือกันแค่ 6 คน
พวกมันเริ่มรู้สึกหวาดกลัวและหวาดระแวงไปในคราเดียวกัน เนื่องจากเพื่อนร่วมทางของพวกมันนั้นหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็วิ่งตามกันมาแท้ ๆ ตัดภาพมาที่มู่หยางหลิง นางรีบหลบเข้าหลังพุ่มไม้ทันทีที่ปาดคอชายชาวหูไปได้อีก 1 ราย และเมื่อเห็นว่ากำลังของเป้าหมายอยู่ในเกณฑ์ที่ควบคุมได้แล้ว นางจึงส่งสัญญาณให้หลิวหย่งทันที “นำกำลังคนตามไป จัดการฆ่าพวกมันให้หมด”