องค์หญิงหมอเทวะ - ตอนที่ 84 ข้าไม่รู้จักท่าน
นิยาย องค์หญิงหมอเทวะ World-shaking First … บทที่ 84 ข้าไม่รู้จักท่าน ซูมู่เก้อรู้สึกหนาวราวกับว่านางถูกโยนลงไปในน้ําแข็งและหิมะและตัวสั่นเทา “หนาว หนาวมาก…” เซี่ยโฮวโม่มองไปที่เด็กผู้หญิงตัวผอมที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาและค่อยๆเอื้อมมือไปกอดนาง “อืม…” เมื่อรู้สึกถึงอุณหภูมิที่อบอุ่นของเซียโฮวโม่ซูมู่เก๋อก็ฮีมฮัมอย่างสบาย ๆและอยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยท่าทางที่สบาย เซี่ยโฮวโม่วางฝ่ามือหนาลงบนไหล่บางของนางเบา ๆ เมื่อสัมผัสนางเขารู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตและกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่นขึ้น ช่วงเวลาที่ใบหน้าเล็กๆของนางกดเข้ากับหน้าอกของเขา เขารู้สึกได้ถึง กระแสน้ําอุ่นที่ไหลเข้าสู่หัวใจของเขา มันรู้สึกดีถ้าเขาจะกอดนางไว้แบบนี้ตลอดไป ซูมู่เก่อรู้สึกขมเล็กน้อยในปากและขมวดคิ้วอย่างอึดอัด นางฟื้นคืนสติอย่างค่อยเป็นค่อยไป “ดูสิ นางตื่นแล้ว” “ดี!” ซูมู่เกือค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความเจ็บปวดที่จุดระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของนาง เมื่อลืมตาขึ้น นางก็เห็นใบหน้าที่เย็นชาและหล่อเหลาของเซี่ยโฮวโม่ “ฝ่าบาท…” เมื่อเห็นนางตื่นขึ้นเซี่ยโฮวโม่ก็ขยับคิ้ว “เจ้าฟื้นแล้ว” ซูมู่เกือลุกขึ้นนั่งด้วยการสนับสนุนจากมือของนางและทันทีที่เห็นกุยหม่าพร้อมกับรอยยิ้มที่เข้าใจยาก”เจ้าโชคดีนะ
ถ้าข้าไม่ช่วยเจ้าทันเวลาเจ้าก็คงตายไปแล้ว” ซูมู่เกือตะลึงงันไปชั่วขณะและแสดงความขอบคุณทันที่ราวกับว่านางไม่รู้จักเขา “ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือ ของท่าน” กุยหม่าหัวเราะ “ไม่จําเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้คืนข้าแน่พิษในร่างกายของเจ้าได้รับการล้างพิษพื้นฐานแล้ว ทานยาขับพิษต่อไปอีกอย่างน้อยสามวันเพื่อขับพิษที่เหลือ ออกให้หมด” หลังจากที่นางรู้สึกตัว ซูมู่เกือก็นึกบางอย่างขึ้นมาทันทีและยกผ้าห่มขึ้นเพื่อ ลุกจากเตียง เซี่ยโฮวโม่ขมวดคิ้ว “เจ้ากําลังจะไปไหน?” “ท่านแม่ ข้าจะไปตามหาท่านแม่” “ข้าส่งคนไปตามหานางแล้ว ถ้าจะ เกิดอะไรขึ้น มันก็เกิดขึ้นแล้วมันสายไปแล้วสําหรับเจ้าที่จะไปตอนนี้” เมื่อนึกถึงคําพูดขององค์หญิงแปดในสนามล่าสัตว์ซุมู่เก๋อก็ดูเศร้าหมองยิ่งขึ้น “ฝ่าบาท เราพบนางแล้วพะย่ะค่ะ” ตงหลินเข้ามาในห้องและกระซิบรายงาน เซี่ยโฮวโม่พยักหน้าด้วยท่าทางเย็นชา “แม่ของเจ้าถูกพบแล้ว ไม่ต้องกัง วล” เมื่อรู้ว่านางจ้าวสบายดี ซูมู่เก๋อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพค่ะ” “องค์หญิงแปดบอกว่าเจ้าถูกสัตว์ร้ายโจมตีในสนามล่าสัตว์เกิดอะไรขึ้น?” เมื่อนึกถึงฉากนั้น ซูมู่เกือไม่สามารถระงับความโกรธของนางได้ “ตอนนั้นข้าเข้าไปในสนามล่าสัตว์กับองค์หญิง แปด…” นางอธิบายสถานการณ์สั้น ๆ ยิ่งเซี่ยโส่วโม่ได้ยินมากเท่าไหร่เขาก็กลายเป็นคนบึงตึง องค์หญิงเซียโฮวหยินเจ้ากล้าดียัง ไง?! “อย่างไรก็ตาม ข้าไม่คิดว่าคนที่วางยาข้าคือองค์หญิงแปด” ด้วยความคิดที่หลากหลายในใจของนางซูมู่เก๋อจึงลังเลว่าจะบอกเซี่ยโฮวโม่ถึงคนที่นางได้พบหรือไม่ เมื่อมองไปที่ท่าทางที่รอบคอบของนางเซี่ยโฮวโม่รู้ว่านางต้องปกปิดอะไรบางอย่างจากเขา “มันเป็นใคร?” อย่างไรก็ตาม นางอยู่บนเรือลําเดียวกันกับเซี่ยโฮวโม่ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องซ่อนตัวจากเขา“ชายคนนั้นดูเหมือนองค์จักรพรรดิมากเพคะ” ผู้ชายที่นางเห็นก่อนที่จะคลานออกจากบ้านไม้นั้นคล้ายกับองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยมาก!ในตอนนั้นนางคิดว่ามันคือองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยด้วยซ้ํา! เซี่ยโฮวโม่ หรี่ตา “เหมือนองค์จักรพรรดิ…” “เพค่ะ หม่อมข้าค่อนข้างแน่ใจในเรื่องนั้น” “ข้ารู้” เซี่ยโฮวโม่ยืนขึ้นหลังจากพูด”ไปกันเถอะ” ซูมู่เกือสับสนอยู่พักหนึ่งไปกันเถอะ?ไปที่ไหน? เมื่อเห็นนางไม่มีแนวโน้มที่จะจากไปเซี่ยโฮวโม่จึงหันกลับมามองนาง “ทําไม? เจ้าอยากค้างคืนที่นี่?” “ไม่”ซูมู่เก่อเดินตามไปสองก้าวแต่กุยหม่าหยุดกลางคัน
“ข้ายังพูดไม่จบ เมื่อมองไปที่กุยหม่า ซูมู่เก๋อก็รู้สึกปวดหัว”เจ้าค่ะมีอันใด?” กุยหม่ามองนางขึ้นและลงอย่างพินิจพิเคราะห์ “อะไร? เจ้าจําข้าไม่ได้? ข้า ช่วยเจ้าไปแล้วสองครั้งเจ้าปฏิบัติต่อผู้ช่วยชีวิตของเจ้าเช่นนี้หรือ?” สําหรับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ซูมู่เก่อตัดสินใจแสร้งทําเป็นไม่รู้ “ข้าไม่รู้ว่า ท่านหมายถึงอะไรใต้เท้า กุยหม่าใส่ท่าทาง ๆ “ผู้หญิงอกตัญญ! ข้าไม่น่าช่วยเจ้าเลย!” “เจ้ากําลังรออะไรอยู่? เจ้าไม่ต้องการออกไป?” เซี่ยโฮวโม่กระตุ้นด้วยเสียง ซูมู่เก๋อยิ้มให้กุยหม่า “ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอนใต้เท้า พบกันคราว หน้า” หลังจากพูดจบนางก็เดินผ่านเขาไปขา เซี่ยโฮวโม่นั่งบนหลังม้าแล้ว ซูมู่เก๋อหยุดชั่วคราว สงสัยว่านางต้องเดินกลับไปที่บ้านพัก
“ขึ้นมา” เซี่ยโฮวโม่ยื่นมือเรียวและใหญ่ของเขาไปหานาง “ฝ่าบาท มันไม่เหมาะสมที่ชายและหญิงจะสนิทสนมกันมากขนาดนี้” หากเห็นพวกเขานั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันพวกเขาอาจประสบปัญหาโดยไม่จําเป็น เซี่ยโฮวโม่ดึงมือออกอย่างไม่แยแส “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็วิ่งตามหลังม้าได้” หลังจากพูดจบเขาก็ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังเส้น ทางข้างหน้า
วิ่งตามหลังม้า!? ยังคงมีพิษบางอย่างหลงเหลืออยู่ในร่างกายของนาง ถ้านางวิ่งกลับไปที่บ้านพักการไหลเวียนของเลือดนางจะถูก เร่งและพิษอาจกําเริบดังนั้นนางจึง อยากจะพูดคุยและแสดงความคิดเห็นมากกว่า! “ฝ่าบาท รอหม่อมข้าด้วย…อา!” ในพริบตา ซูมู่เกือก็นั่งบนอานม้าอย่างมั่นคงแล้ว
ด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนางรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของเซียโฮวโม่ เพื่อที่จะแนบชิดกับเขาน้อยลงซูมู่เก๋อทําได้เพียงยืดตัวของนางให้ตรงและกําบังเหียนไว้ในมือให้แน่น รู้สึกถึงร่างกายที่แข็งเล็กน้อยของนางเซี่ยโส่วโม่จึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อ ย และยกแม้ในมือขึ้นเพื่อฟาดม้าของเขา “จับแน่นๆ!” “โอ้!” ซูมู่เกือร้องด้วยน้ําเสียงต่ําและสะดุดแขนของเซี่ยโส่วโม่ รู้สึกถึง อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นที่หลังของนางนางกระตือรือร้นที่จะลุกขึ้นนั่งแต่ความเร็วของม้านั้นเร็วมากจนนางไม่สามารถนั่งบ นหลังได้อย่างมั่นคงนับประสาอะไรกับการนั่งตัวตรง! ไอ้เซี่ยโฮวโม่! เขาต้องตั้งใจ! หลังจากการเดินทางอันยาวนานและเป็นหลุมเป็นบ่อในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูหลังของที่พักของจักรวรรดิ เซียโฮวโม่กอดเอวของนางด้วยแขนที่แข็งแกร่งของเขาและบินเข้าไปในบ้านพัก “แม่ของเจ้าถูกส่งไปที่ลานบ้านที่มอบให้ตระกูลซูแล้ว” ซูมู่เกือกังวลเมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่ไม่รู้จักของนางจ้าว “ขอบพระทัยเพค่ะ ฝ่าบาทสําหรับความช่วยเหลือของพระ องค์ในวันนี้” นางกล่าวด้วยความจริงใจถ้าไม่ใช่เซี่ยโฮวโม่ นางคงจะตายไป
แล้ว “มั่นใจได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าในการตอบแทนข้าแน่” ซูมู่เก้อกล่าวลาเซียโฮวโม่และเดินเข้าไปในบ้านพักในขณะที่มันมืดลงมีทหารรักษาการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ กําลังลาดตระเวน “มันคือใคร? ใครอยู่ที่นั่น?” ซูมู่เก่อออกมาจากความมืดและลดสายตาลง “ข้ามาจากจวนตระกูลของใต้เท้าซูซูหลุนข้าหลงทางโดย บังเอิญหลังจากเดินเล่นข้าไม่รู้จะกลับไปทางใด” “ห้องพักของใต้เท้าซูอยู่ด้าน หลังสวนหน้าบ้านมันกําลังจะดึกแล้วคุณหนูซูท่านควรกลับไปให้เร็วเพื่อว่าจะเกิดอันตรายขึ้น “ขอบคุณท่าน” ซูมู่เก่อเดินตามทิศทางของทหารองค์รักษ์บอกและพบลานกว้าง ก่อนที่นางจะเข้าไปนางได้ยินเสียงร้องไห้ของ นางจ้าว “พี่สาว อย่าเสียใจ ราชาแห่งจินได้เข้าไปในป่าเพื่อมองหานางแล้ว จะมี ข่าวเร็ว ๆ นี้” นางอันปลอบโยนนางด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยน “อืม หยุดร้องไห้ซะ! โชคร้ายมาก! เมื่อซูมู่เก่อเดินไปที่ประตูสาวใช้ที่เฝ้าด้านนอกก็ตกตะลึง “คุณหนูใหญ่ คุณหนูกลับมาแล้ว! เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวข้างนอกคนในห้องก็เงียบลงทันที ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออกและนางจ้าวก็ออกมาด้วยดวงตาสีแดงและ น้ําตาไหลจากข้างในเมื่อเห็นซูมู่เก๋อยืน อยู่ข้างนอก นางจ้าวก็รีบเข้าไปกอดนางไว้ในอ้อมแขน “มูมู่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้วข้า กลัวมากๆ ซูหลุนและนางอันตามนางจ้าวออกมาและทั้งคู่ก็ตกใจเมื่อเห็นซูมู่เก๋อยืนอยู่ที่ ด้านนอก ซูจึงเหวินตกตะลึงงันในตอนแรกและเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่เป็นอันตราย นางกลับมาได้อย่างไร? ทําไมนางกลับมาได้?! ถ้านางอันไม่ดึงนาง นางคงรีบไปสอบปากคําซูมู่เกือแล้ว ซูหลุนไม่คาดหวังว่าซูมู่เก้อจะกลับมาอย่างปลอดภัย”ก็ดีแล้วที่ได้กลับมาอีกครั้งวันนี้ทุกคนเหนื่อยแล้วไปพักผ่อนเถอะ” “เจ้าค่ะ” ซูมู่เก่อเหลือบมองนางอันและซูจิงเหวินอย่างเย็นชาเมื่อได้พบกับดวงตาของซูมู่เก๋อนางอันก็ถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แอบสงบสติอารมณ์ของตัวเองผู้หญิงเลวคนนี้ค้นพบอะไรหรือไม่?
ซูมู่เก๋อประคองนางจ้าวเข้าไปในห้องของพวกเขา “ท่านแม่ ท่านไปไหนเมื่อบ่ายนี้?” เมื่อได้ยินคําพูดของนาง นางจ้าวก็ขมวดคิ้วและเทาจ่อที่อยู่ข้างๆ นางพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนูเราได้ยินมาว่ามีคนบาดเจ็บและถูกยกออกจากสนามล่าสัตว์ฮูหยินใหญ่กลัวว่าอาจเป็นท่านนางจึงไปกับข้าเพื่อดูอย่างไรก็ตามเราไม่พบใครเลยหลังจากไปถึงที่นั่น และเราหลงทางเจ้าค่ะ” “ยังไงก็ตามนายหญิงกับข้าเข้าไปในป่าและไม่สามารถกลับออกมาได้ทันใดนั้นหมีดําก็ออกมาจากป่า หมีตัวนั้นสูงเท่าเราสองคนมันน่ากลัวมาก” ซูมู่เกื้อกําหมัดแน่นในแขนเสื้อนางสามารถจินตนาการได้ว่าสถานการณ์นั้นอันตรายเพียงใด “โชคดีที่ข้าได้ยินจากผู้สูงอายุว่าเราควรจะปีนขึ้นต้นไม้ถ้าเจอหมีดําดังนั้นเราจึงรอดชีวิตและรอกา รช่วยเหลือจากองครักษ์ของจักรวรรดิเจ้าค่ะ นางจ้าวเติบโตในชนบทตั้งแต่อายุยังน้อยและไม่ค่อยละเอียดอ่อน เป็นเรื่องปกติที่นางจะปีนต้นไม้และภูเขาเมื่อนางยังเด็กหากผู้หญิงคนใดที่เติบโตล็กในห้องส่วนตัวประสบเหตุเช่นนี้นางจะ ต้องสูญเสียชีวิต ในเวลานั้น นางจ้าวได้ยินจากสาว ๆเหล่านั้นว่ามีคนได้รับบาดเจ็บและริเริ่มที่จะไปที่นั่นดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะ หาเบาะแสใด ๆ
แต่ตามสัญชาตญาณของซูมู่เกือเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนางอันและบุตรสาวของนาง! และเซียโฮวหยิน!ความจริงแล้วนางไม่ได้เกลียดชังองค์หญิงเซี่ยโฮวหยินมากนักนางเป็นคนที่น่ายกย่องถ้าองค์หญิงเซี่ยโฮวหยินไม่บ้าจี้ตามนางคงจะเลวร้ายเกินไป แต่ถ้ามีใครบางคนอยู่ข้างหลังนางซูมู่เกือก็ไม่สามารถนึกถึงใครอื่นได้นอกจากสนมฉิน “วันนี้เกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง?” สาวใช้ในชาสองถ้วยให้แม่และลูกสาวก่อนจะพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายสองได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหมีดําเพื่อ ปกป้ององค์จักรพรรดิขณะออกล่าสัตว์เจ้าค่ะ” ซูมู่เกือเลิกคิ้วเล็กน้อย “องค์ชายสองได้รับบาดเจ็บสาหัส?” “เจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิทรงกริ้วมาก” ทันทีที่คําพูดสุดท้ายของนางออกมาสาวใช้ตัวน้อยก็วิ่งไปที่ประตูด้านนอก “คุณหนูใหญ่คุณหนูเจ้าค่ะองค์จักรพรรดิส่งคนมาที่นี่เพื่อให้คุณหนูรีบเข้าไปที่พระราชวังจิงอันเจ้าค่ะ”
นิยาย องค์หญิงหมอเทวะ World-shaking First …
บทที่ 84 ข้าไม่รู้จักท่าน
ซูมู่เก้อรู้สึกหนาวราวกับว่านางถูกโยนลงไปในน้ําแข็งและหิมะและตัวสั่นเทา
“หนาว หนาวมาก…”
เซี่ยโฮวโม่มองไปที่เด็กผู้หญิงตัวผอมที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขาและค่อยๆเอื้อมมือไปกอดนาง
“อืม…”
เมื่อรู้สึกถึงอุณหภูมิที่อบอุ่นของเซียโฮวโม่ซูมู่เก๋อก็ฮีมฮัมอย่างสบาย ๆและอยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยท่าทางที่สบาย
เซี่ยโฮวโม่วางฝ่ามือหนาลงบนไหล่บางของนางเบา ๆ เมื่อสัมผัสนางเขารู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตและกอดนางไว้ในอ้อมแขนของเขาแน่นขึ้น
ช่วงเวลาที่ใบหน้าเล็กๆของนางกดเข้ากับหน้าอกของเขา เขารู้สึกได้ถึง กระแสน้ําอุ่นที่ไหลเข้าสู่หัวใจของเขา
มันรู้สึกดีถ้าเขาจะกอดนางไว้แบบนี้ตลอดไป
ซูมู่เก่อรู้สึกขมเล็กน้อยในปากและขมวดคิ้วอย่างอึดอัด นางฟื้นคืนสติอย่างค่อยเป็นค่อยไป
“ดูสิ นางตื่นแล้ว”
“ดี!”
ซูมู่เกือค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความเจ็บปวดที่จุดระหว่างนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของนาง
เมื่อลืมตาขึ้น นางก็เห็นใบหน้าที่เย็นชาและหล่อเหลาของเซี่ยโฮวโม่ “ฝ่าบาท…”
เมื่อเห็นนางตื่นขึ้นเซี่ยโฮวโม่ก็ขยับคิ้ว “เจ้าฟื้นแล้ว”
ซูมู่เกือลุกขึ้นนั่งด้วยการสนับสนุนจากมือของนางและทันทีที่เห็นกุยหม่าพร้อมกับรอยยิ้มที่เข้าใจยาก”เจ้าโชคดีนะ
ถ้าข้าไม่ช่วยเจ้าทันเวลาเจ้าก็คงตายไปแล้ว”
ซูมู่เกือตะลึงงันไปชั่วขณะและแสดงความขอบคุณทันที่ราวกับว่านางไม่รู้จักเขา “ขอบคุณสําหรับความช่วยเหลือ ของท่าน”
กุยหม่าหัวเราะ “ไม่จําเป็นต้องขอบคุณข้า ข้าจะให้เจ้าชดใช้คืนข้าแน่พิษในร่างกายของเจ้าได้รับการล้างพิษพื้นฐานแล้ว ทานยาขับพิษต่อไปอีกอย่างน้อยสามวันเพื่อขับพิษที่เหลือ ออกให้หมด”
หลังจากที่นางรู้สึกตัว ซูมู่เกือก็นึกบางอย่างขึ้นมาทันทีและยกผ้าห่มขึ้นเพื่อ ลุกจากเตียง
เซี่ยโฮวโม่ขมวดคิ้ว “เจ้ากําลังจะไปไหน?”
“ท่านแม่ ข้าจะไปตามหาท่านแม่” “ข้าส่งคนไปตามหานางแล้ว ถ้าจะ เกิดอะไรขึ้น มันก็เกิดขึ้นแล้วมันสายไปแล้วสําหรับเจ้าที่จะไปตอนนี้”
เมื่อนึกถึงคําพูดขององค์หญิงแปดในสนามล่าสัตว์ซุมู่เก๋อก็ดูเศร้าหมองยิ่งขึ้น
“ฝ่าบาท เราพบนางแล้วพะย่ะค่ะ” ตงหลินเข้ามาในห้องและกระซิบรายงาน
เซี่ยโฮวโม่พยักหน้าด้วยท่าทางเย็นชา “แม่ของเจ้าถูกพบแล้ว ไม่ต้องกัง วล”
เมื่อรู้ว่านางจ้าวสบายดี ซูมู่เก๋อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพค่ะ” “องค์หญิงแปดบอกว่าเจ้าถูกสัตว์ร้ายโจมตีในสนามล่าสัตว์เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อนึกถึงฉากนั้น ซูมู่เกือไม่สามารถระงับความโกรธของนางได้ “ตอนนั้นข้าเข้าไปในสนามล่าสัตว์กับองค์หญิง แปด…” นางอธิบายสถานการณ์สั้น ๆ ยิ่งเซี่ยโส่วโม่ได้ยินมากเท่าไหร่เขาก็กลายเป็นคนบึงตึง
องค์หญิงเซียโฮวหยินเจ้ากล้าดียัง ไง?!
“อย่างไรก็ตาม ข้าไม่คิดว่าคนที่วางยาข้าคือองค์หญิงแปด” ด้วยความคิดที่หลากหลายในใจของนางซูมู่เก๋อจึงลังเลว่าจะบอกเซี่ยโฮวโม่ถึงคนที่นางได้พบหรือไม่
เมื่อมองไปที่ท่าทางที่รอบคอบของนางเซี่ยโฮวโม่รู้ว่านางต้องปกปิดอะไรบางอย่างจากเขา
“มันเป็นใคร?”
อย่างไรก็ตาม นางอยู่บนเรือลําเดียวกันกับเซี่ยโฮวโม่ดังนั้นจึงไม่จําเป็นต้องซ่อนตัวจากเขา“ชายคนนั้นดูเหมือนองค์จักรพรรดิมากเพคะ”
ผู้ชายที่นางเห็นก่อนที่จะคลานออกจากบ้านไม้นั้นคล้ายกับองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยมาก!ในตอนนั้นนางคิดว่ามันคือองค์จักรพรรดิเซี่ยโฮวรุยด้วยซ้ํา!
เซี่ยโฮวโม่ หรี่ตา “เหมือนองค์จักรพรรดิ…”
“เพค่ะ หม่อมข้าค่อนข้างแน่ใจในเรื่องนั้น”
“ข้ารู้” เซี่ยโฮวโม่ยืนขึ้นหลังจากพูด”ไปกันเถอะ”
ซูมู่เกือสับสนอยู่พักหนึ่งไปกันเถอะ?ไปที่ไหน?
เมื่อเห็นนางไม่มีแนวโน้มที่จะจากไปเซี่ยโฮวโม่จึงหันกลับมามองนาง “ทําไม? เจ้าอยากค้างคืนที่นี่?” “ไม่”ซูมู่เก่อเดินตามไปสองก้าวแต่กุยหม่าหยุดกลางคัน
“ข้ายังพูดไม่จบ
เมื่อมองไปที่กุยหม่า ซูมู่เก๋อก็รู้สึกปวดหัว”เจ้าค่ะมีอันใด?”
กุยหม่ามองนางขึ้นและลงอย่างพินิจพิเคราะห์ “อะไร? เจ้าจําข้าไม่ได้? ข้า ช่วยเจ้าไปแล้วสองครั้งเจ้าปฏิบัติต่อผู้ช่วยชีวิตของเจ้าเช่นนี้หรือ?”
สําหรับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ ซูมู่เก่อตัดสินใจแสร้งทําเป็นไม่รู้ “ข้าไม่รู้ว่า ท่านหมายถึงอะไรใต้เท้า
กุยหม่าใส่ท่าทาง ๆ “ผู้หญิงอกตัญญ! ข้าไม่น่าช่วยเจ้าเลย!”
“เจ้ากําลังรออะไรอยู่? เจ้าไม่ต้องการออกไป?” เซี่ยโฮวโม่กระตุ้นด้วยเสียง
ซูมู่เก๋อยิ้มให้กุยหม่า “ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอนใต้เท้า พบกันคราว หน้า” หลังจากพูดจบนางก็เดินผ่านเขาไปขา
เซี่ยโฮวโม่นั่งบนหลังม้าแล้ว
ซูมู่เก๋อหยุดชั่วคราว สงสัยว่านางต้องเดินกลับไปที่บ้านพัก
“ขึ้นมา” เซี่ยโฮวโม่ยื่นมือเรียวและใหญ่ของเขาไปหานาง
“ฝ่าบาท มันไม่เหมาะสมที่ชายและหญิงจะสนิทสนมกันมากขนาดนี้” หากเห็นพวกเขานั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันพวกเขาอาจประสบปัญหาโดยไม่จําเป็น
เซี่ยโฮวโม่ดึงมือออกอย่างไม่แยแส “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็วิ่งตามหลังม้าได้” หลังจากพูดจบเขาก็ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังเส้น ทางข้างหน้า
วิ่งตามหลังม้า!?
ยังคงมีพิษบางอย่างหลงเหลืออยู่ในร่างกายของนาง ถ้านางวิ่งกลับไปที่บ้านพักการไหลเวียนของเลือดนางจะถูก เร่งและพิษอาจกําเริบดังนั้นนางจึง อยากจะพูดคุยและแสดงความคิดเห็นมากกว่า!
“ฝ่าบาท รอหม่อมข้าด้วย…อา!”
ในพริบตา ซูมู่เกือก็นั่งบนอานม้าอย่างมั่นคงแล้ว
ด้วยการเคลื่อนไหวเล็กน้อยนางรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของเซียโฮวโม่
เพื่อที่จะแนบชิดกับเขาน้อยลงซูมู่เก๋อทําได้เพียงยืดตัวของนางให้ตรงและกําบังเหียนไว้ในมือให้แน่น
รู้สึกถึงร่างกายที่แข็งเล็กน้อยของนางเซี่ยโส่วโม่จึงยกมุมปากขึ้นเล็กน้อ ย และยกแม้ในมือขึ้นเพื่อฟาดม้าของเขา “จับแน่นๆ!”
“โอ้!” ซูมู่เกือร้องด้วยน้ําเสียงต่ําและสะดุดแขนของเซี่ยโส่วโม่ รู้สึกถึง อุณหภูมิที่ร้อนขึ้นที่หลังของนางนางกระตือรือร้นที่จะลุกขึ้นนั่งแต่ความเร็วของม้านั้นเร็วมากจนนางไม่สามารถนั่งบ นหลังได้อย่างมั่นคงนับประสาอะไรกับการนั่งตัวตรง!
ไอ้เซี่ยโฮวโม่! เขาต้องตั้งใจ!
หลังจากการเดินทางอันยาวนานและเป็นหลุมเป็นบ่อในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูหลังของที่พักของจักรวรรดิ
เซียโฮวโม่กอดเอวของนางด้วยแขนที่แข็งแกร่งของเขาและบินเข้าไปในบ้านพัก
“แม่ของเจ้าถูกส่งไปที่ลานบ้านที่มอบให้ตระกูลซูแล้ว”
ซูมู่เกือกังวลเมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่ไม่รู้จักของนางจ้าว “ขอบพระทัยเพค่ะ ฝ่าบาทสําหรับความช่วยเหลือของพระ องค์ในวันนี้” นางกล่าวด้วยความจริงใจถ้าไม่ใช่เซี่ยโฮวโม่ นางคงจะตายไป
แล้ว
“มั่นใจได้ ข้าจะให้โอกาสเจ้าในการตอบแทนข้าแน่”
ซูมู่เก้อกล่าวลาเซียโฮวโม่และเดินเข้าไปในบ้านพักในขณะที่มันมืดลงมีทหารรักษาการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ กําลังลาดตระเวน
“มันคือใคร? ใครอยู่ที่นั่น?”
ซูมู่เก่อออกมาจากความมืดและลดสายตาลง “ข้ามาจากจวนตระกูลของใต้เท้าซูซูหลุนข้าหลงทางโดย บังเอิญหลังจากเดินเล่นข้าไม่รู้จะกลับไปทางใด” “ห้องพักของใต้เท้าซูอยู่ด้าน หลังสวนหน้าบ้านมันกําลังจะดึกแล้วคุณหนูซูท่านควรกลับไปให้เร็วเพื่อว่าจะเกิดอันตรายขึ้น
“ขอบคุณท่าน”
ซูมู่เก่อเดินตามทิศทางของทหารองค์รักษ์บอกและพบลานกว้าง ก่อนที่นางจะเข้าไปนางได้ยินเสียงร้องไห้ของ นางจ้าว
“พี่สาว อย่าเสียใจ ราชาแห่งจินได้เข้าไปในป่าเพื่อมองหานางแล้ว จะมี ข่าวเร็ว ๆ นี้” นางอันปลอบโยนนางด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยน
“อืม หยุดร้องไห้ซะ! โชคร้ายมาก!
เมื่อซูมู่เก่อเดินไปที่ประตูสาวใช้ที่เฝ้าด้านนอกก็ตกตะลึง
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูกลับมาแล้ว!
เมื่อได้ยินความเคลื่อนไหวข้างนอกคนในห้องก็เงียบลงทันที
ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออกและนางจ้าวก็ออกมาด้วยดวงตาสีแดงและ น้ําตาไหลจากข้างในเมื่อเห็นซูมู่เก๋อยืน อยู่ข้างนอก นางจ้าวก็รีบเข้าไปกอดนางไว้ในอ้อมแขน
“มูมู่ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้วข้า
กลัวมากๆ
ซูหลุนและนางอันตามนางจ้าวออกมาและทั้งคู่ก็ตกใจเมื่อเห็นซูมู่เก๋อยืนอยู่ที่ ด้านนอก
ซูจึงเหวินตกตะลึงงันในตอนแรกและเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่เป็นอันตราย
นางกลับมาได้อย่างไร? ทําไมนางกลับมาได้?!
ถ้านางอันไม่ดึงนาง นางคงรีบไปสอบปากคําซูมู่เกือแล้ว
ซูหลุนไม่คาดหวังว่าซูมู่เก้อจะกลับมาอย่างปลอดภัย”ก็ดีแล้วที่ได้กลับมาอีกครั้งวันนี้ทุกคนเหนื่อยแล้วไปพักผ่อนเถอะ”
“เจ้าค่ะ”
ซูมู่เก่อเหลือบมองนางอันและซูจิงเหวินอย่างเย็นชาเมื่อได้พบกับดวงตาของซูมู่เก๋อนางอันก็ถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
แอบสงบสติอารมณ์ของตัวเองผู้หญิงเลวคนนี้ค้นพบอะไรหรือไม่?
ซูมู่เก๋อประคองนางจ้าวเข้าไปในห้องของพวกเขา
“ท่านแม่ ท่านไปไหนเมื่อบ่ายนี้?”
เมื่อได้ยินคําพูดของนาง นางจ้าวก็ขมวดคิ้วและเทาจ่อที่อยู่ข้างๆ นางพูดอย่างรวดเร็วว่า “คุณหนูเราได้ยินมาว่ามีคนบาดเจ็บและถูกยกออกจากสนามล่าสัตว์ฮูหยินใหญ่กลัวว่าอาจเป็นท่านนางจึงไปกับข้าเพื่อดูอย่างไรก็ตามเราไม่พบใครเลยหลังจากไปถึงที่นั่น และเราหลงทางเจ้าค่ะ” “ยังไงก็ตามนายหญิงกับข้าเข้าไปในป่าและไม่สามารถกลับออกมาได้ทันใดนั้นหมีดําก็ออกมาจากป่า หมีตัวนั้นสูงเท่าเราสองคนมันน่ากลัวมาก”
ซูมู่เกื้อกําหมัดแน่นในแขนเสื้อนางสามารถจินตนาการได้ว่าสถานการณ์นั้นอันตรายเพียงใด “โชคดีที่ข้าได้ยินจากผู้สูงอายุว่าเราควรจะปีนขึ้นต้นไม้ถ้าเจอหมีดําดังนั้นเราจึงรอดชีวิตและรอกา รช่วยเหลือจากองครักษ์ของจักรวรรดิเจ้าค่ะ
นางจ้าวเติบโตในชนบทตั้งแต่อายุยังน้อยและไม่ค่อยละเอียดอ่อน เป็นเรื่องปกติที่นางจะปีนต้นไม้และภูเขาเมื่อนางยังเด็กหากผู้หญิงคนใดที่เติบโตล็กในห้องส่วนตัวประสบเหตุเช่นนี้นางจะ ต้องสูญเสียชีวิต
ในเวลานั้น นางจ้าวได้ยินจากสาว ๆเหล่านั้นว่ามีคนได้รับบาดเจ็บและริเริ่มที่จะไปที่นั่นดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะ หาเบาะแสใด ๆ
แต่ตามสัญชาตญาณของซูมู่เกือเรื่องนี้ต้องเกี่ยวข้องกับนางอันและบุตรสาวของนาง!
และเซียโฮวหยิน!ความจริงแล้วนางไม่ได้เกลียดชังองค์หญิงเซี่ยโฮวหยินมากนักนางเป็นคนที่น่ายกย่องถ้าองค์หญิงเซี่ยโฮวหยินไม่บ้าจี้ตามนางคงจะเลวร้ายเกินไป
แต่ถ้ามีใครบางคนอยู่ข้างหลังนางซูมู่เกือก็ไม่สามารถนึกถึงใครอื่นได้นอกจากสนมฉิน
“วันนี้เกิดอะไรขึ้นอีกบ้าง?”
สาวใช้ในชาสองถ้วยให้แม่และลูกสาวก่อนจะพูดว่า “ข้าได้ยินมาว่าองค์ชายสองได้รับบาดเจ็บสาหัสจากหมีดําเพื่อ ปกป้ององค์จักรพรรดิขณะออกล่าสัตว์เจ้าค่ะ”
ซูมู่เกือเลิกคิ้วเล็กน้อย “องค์ชายสองได้รับบาดเจ็บสาหัส?”
“เจ้าค่ะ ข้าได้ยินมาว่าองค์จักรพรรดิทรงกริ้วมาก”
ทันทีที่คําพูดสุดท้ายของนางออกมาสาวใช้ตัวน้อยก็วิ่งไปที่ประตูด้านนอก “คุณหนูใหญ่คุณหนูเจ้าค่ะองค์จักรพรรดิส่งคนมาที่นี่เพื่อให้คุณหนูรีบเข้าไปที่พระราชวังจิงอันเจ้าค่ะ”