องค์หญิงหมอเทวะ - ตอนที่ 55 : นี่คือภัยคุกคาม
ถึงนางไม่เต็มใจ อยากแข็งข้อ แต่ ซูมู่เกอตัดสินใจเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อประโยชน์ของนางจ้าว
อย่างไรก็ตาม นางจ้าวไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วม ซูมู่เกอรู้ว่านางจ้าวกลัวนางอันและซูหลุนจะโกรธ ท้ายที่สุด ซูหลุนบอกนางว่าการปรากฏตัวของนางจะทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าสาธารณชนเนื่องจากสถานะที่ด้อยกว่าของนาง
ซูมู่เกอขอให้หงส์เหม่ยและคนอื่น ๆ ถอยออกไปและนั่งลงกับนางจ้าว
“ท่านแม่ ท่านจะซ่อนตัวอยู่ในเงาที่ไร้ตัวตนตลอดไปงั้นหรือเจ้าค่ะ?”
นางจ้าวไม่กล้ามองไปที่ซูมู่เกอ จริงๆแล้วนาวรู้ดีว่าซูมู่เกอต้องการจะพูดอะไร
ซูเหวินโม่จะโตขึ้นในวันหนึ่ง นางจึงไม่สามารถซ่อนตัวตนที่แท้จริงของการเป็นแม่จากคนอื่นได้ตลอดไป
แต่…
ดังที่ซูหลุนกล่าวว่า สถานะของนางต่ำต้อยเกินไป มันจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะลูกทั้งสองของนาง
ซูมู่เกอรู้ดีว่านางคิดอะไรอยู่ แต่นางไม่ได้ตั้งใจที่จะให้นางจ้าวถอยหลังกลับ เราต้องเรียนรู้ที่จะแข็งแกร่งขึ้น
“ท่านแม่ ถ้าท่านไม่เต็มใจไป ข้าจะไม่บังคับท่าน แต่ข้าหวังว่าท่านจะสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการแต่งงานของเหวินโม่และข้าในอนาคตได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางจ้าวก็ตกใจและมองไปที่ซูมู่เกอด้วยความเสียใจรู้สึกผิด ใครไม่อยากช่วยลูก ๆ ในการเลือกอนาคตที่ดีกว่า
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง รูปลักษณ์ที่มุ่งมั่นค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางจ้าว นางมองไปที่ซูมู่เกอและพยักหน้า “มู่มู่ลูกรัก แม่จะไปกับเจ้า”
ซูมู่เกอยิ้มด้วยความโล่งใจและเรียกหงส์เหมยมาช่วยนางจ้าวแต่งตัว
เมื่อพระอาทิตย์กำลังตกดิน คนในสวนหน้าบ้านมาแจ้งว่าอาหารเย็นกำลังจะเริ่มขึ้น
“ข้าไม่คาดคิดว่านายท่านจะส่งใครมาแจ้งนายหญิงและคุณหนูของเรา” เยว่รู่รู้สึกประหลาดใจเมื่อรู้สึกว่าความพยายามของซูมู่เกอในการเสี่ยงเพื่อค้นหาซูหลุนนั้นไม่ได้ไร้ผล
ในไม่ช้า ซูมู่เกอก็จับจูงนางจ้าวไปที่ลานหน้าบ้าน
ซูมู่เกอไม่เคยคาดหวังว่าจะมีคนจำนวนมากออกมาต้อนรับในห้องโถงด้านหน้ามากขนาดนี้
เซี่ยโฮวคุณ ซึ่งนั่งเบาซ้ายคนแรก เมิ่งฉางเต๋อและลูกชายของเขาซึ่งนางไม่ได้พบหน้ามานานแล้วและขุนนางบางคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของซูหลุน รวมถึงสมาชิกของครอบครัวคหบดี ชนชั้นสูงที่มีชื่อเสียงในเมืองชุนหยางทั้งหมดอยู่ที่นี่ด้วย
ทันทีที่ซูมู่เกอเข้าไปกับนางจ้าว นางรู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่นาง นางสงบนิ่งและก้าวไปข้าหน้าเพื่อแสดงความเคารพ ด้วยผมที่ปกปิดใบหน้าของนางไว้ครึ่งหนึ่ง นางจึงไม่ได้รับความสนใจจากเซี่ยโฮวคุณมากนัก
แม้จะมีประเพณีพื้นบ้านแบบเปิดในแคว้นฉู่ แต่ไม่อนุญาตให้ชายและหญิงร่วมโต๊ะในงานเลี้ยงเล็ก ๆ เช่นนี้ แขกที่เป็นหญิงจะถูกแยกออกจากชายด้วยฉากกั้น
เข้าสู่พื้นที่สำหรับแขกของผู้หญิง ซูมู่เกอพบว่ามีที่นั่งสามถึงสี่โต๊ะแล้ว ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของเจ้าชายองค์ที่สองนี้จะไม่ธรรมดา
ในฐานะผู้ให้การต้อนรับของคฤหาสน์ซู ซูมู่เกอและแม่ของนางต้องร่วมโต๊ะของนางอันแน่นอน
นางอันกำลังคุยกับฮูหยินอย่างเป็นทางการบางคนที่นางเป็นเพื่อนด้วย นางหันไปมองเห็นซูมู่เกอมากับนางจ้าว และรอยยิ้มของนางก็หยุดนิ่งบนใบหน้าของนาง
ตามที่เห็นสายตาของนางอัน หลายคนหันกลับมามองที่ซูมู่เกอและแม่ของนาง
นางจ้าวรู้สึกไม่สบายใจทันที หลังจากใช้เวลาหลายปีกับซูหลุน นี่เป็นครั้งแรกที่นางต้องเผชิญกับเหตุการณ์เช่นนี้!
“ท่านแม่ ไม่ต้องกลัว พวกเขากำลังมองมาที่เรา เราทำตัวสบายๆ” ซูมู่เกอปลอดโยนนางด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและกำมือของนางจ้าวไว้แน่นทำให้ความตึงเครียดของนางจ้าวที่อยู่ลึกๆในใจของนางผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“ผู้หญิงสองคนนี้คือ….” นายหญิงบางคนที่มาที่คฤหาสน์ซูเป็นครั้งแรกถามด้วยความสับสน
ซูจิงเหวิน ผู้ซึ่งกำลังคุยกับเพื่อนสนิทของนางหลายคน ทันใดนั้นก็เห็นซูมู่เกอพร้อมกับดวงตาของนางเบิกกว้างขึ้นทันที
“พวกทาสโง่เง่า! ทำไมถึงปล่อยให้คนที่เสื่อมทรามเช่นนี้มาร่วมงานเลี้ยงนี้? มันจะรู้ไหมว่าความรับผิดชอบที่มันจะต้องได้รับถ้าองค์ชายสองขุ่นเคืองพระทัยจะเป็นเช่นไร? !”
เสียงของซูจิงเหวินไม่ดัง แต่ก็เพียงพอให้แขกผู้หญิงได้ยินอย่างชัดเจน
นางอันไม่ต้องการให้ซูจิงเหวินได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงจากการไม่ต้อนรับพี่สาวต่อหน้าคนอื่นๆ นางจึงกล่าวอย่างยิ้มแย้มว่า “เหวินเอ่ออย่าพูดจาหยาบคาย รีบขอโทษพี่สาวของเจ้า!” หลังจากนั้นนางก็หันไปหานางจ้าว “พี่สาว ข้าคิดว่าท่านคงไม่มาเพราะไม่สบาย ใครก็ได้พานายหญิงใหญ่และคุณหนูใหญ่ไปที่ที่นั่งเร็ว”
นางอันดูเหมือนจะสุภาพ แต่จริงๆแล้วนางแสดงให้ทุกคนเห็นว่านางเป็นนายหญิงของคฤหาสน์ซู!
ซูจิงเหวินเคยต้องพ่ายแพ้ต่อซูมู่เกอ แต่ครั้งนี้นางจะไม่โง่ถึงขนาดปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก
“ขอบคุณ นายหญิง” ซูมู่เกอไม่สนใจสายตาของการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือการดูถูกจากคนเหล่านั้นและช่วยนางจ้าวนั่งลง
“ฮึ่มมม!”
เมื่อได้รับคำเตือนจากนางอัน ซูจิงเหวินไม่กล้าสร้างปัญหาอีกต่อไป นอกจากนี้ ตอนนี้มีเพียงฉากกั้นระหว่างองค์ชายสองกับผู้หญิงเท่านั้น นางไม่ต้องการให้ซูมู่เกอดึงดูดความสนใจของเขา
ตอนนี้แขกทุกคนมาถึงแล้ว ซูหลุนสั่งให้สาวใช้เริ่มนำอาหารขึ้นโต๊ะ
“ใต้เท้า ใต้เท้าเซี่ยมาถึงอยู่ที่ด้านนอก….”
ก่อนที่ซูหลุนจะได้พูด พ่อบ้านก็รีบมากระซิบบอกเขา
เมื่อได้ยินสิ่งนั้น ซูหลุนตกตะลึง ราชาแห่งจินได้แยกทางกันกับพวกเขาเมื่อตอนเดินทางกลับเมืองชุนหยางแล้ว เขาถึงมาปรากฏตัวที่คฤหาสน์เวลนี้ได้อย่างไร?
ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ ซูหลุนไม่กล้าลังเลและรีบลุกขึ้นไปพบเขา อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืน ร่างสูงและตรงก็ปรากฏตัวนอกโถงต้อนรับ
เซี่ยโฮวคุณเฝ้าดูเซี่ยโฮวโม่เดินเข้ามา ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย
ซูหลุนสะดุ้งรีบลุกขึ้นยืนและก้าวไปข้างหน้า “ข้าน้อยคารวะ ใต้เท้าเซี่ย”
เนื่องจากเซี่ยโฮวคุณเรียกเซี่ยโฮวโม่ว่า “ใต้เท้าเซี่ย” แน่นอนว่าซูหลุนทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไม่รู้และยังคงเรียกเขาแบบนี้ต่อไป
แขกทั้งหลายต่างประหลาดใจที่เห็นใบหน้าตื่นตระหนกของซูหลุนและคุกเข่าคารวะ ผู้ที่มีตำแหน่งต่ำกว่าซูหลุนตามเขาไปคุกเข่า คนอื่น ๆ จากตระกูลจักรพรรดิและกลุ่มนายท่านอาวุโสของตระกูลต่างๆ ก็ลุกขึ้นยืนและมองดูเซี่ยโฮวโม่เดินเข้ามา แต่พวกเขาไม่ได้ทักทายในทันที
ด้านหลังฉากกั้น ได้ยินคำพูดว่า “ใต้เท้าเซี่ย” ซูมู่เกอมองไปที่ฉากกั้นด้วยความมึนงงพร้อมกับร่างกายของนางที่แข็งทื่อขึ้นเล็กน้อย
เหตุใดเซี่ยโฮวโม่ องค์ชายที่ดูแลหยานเซี่ยจึงเดินทางมาที่คฤหาสน์ตระกูลซู?
ยังคงรู้สึกมึนงง ซูมู่เกอรู้สึกได้ถึงสายตาอันเฉียบคมที่จับจ้องมาที่นาง เมื่อมองไปรอบ ๆ นางพบว่าแขกผู้หญิงทุกคนถูกดึงดูดไปที่อีกด้านหนึ่งของฉากกั้น ไม่มีใครมองนางในเวลานี้!
“มู่มู่ เจ้ารู้สึกสบายดีไหม?” นางจ้าวที่นั่งข้างๆ ซูมู่เกอพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับนาง
ซูมู่เกอรู้สึกตัวแล้วกลับมาแสดงออกและตอบกลับอย่างใจเย็น “ไม่มีอะไร ข้าอาจจะหิวนิดหน่อย”
มองไปที่ใบหน้าเล็ก ๆ ของนางอย่างน่าสงสารและน่ารัก นางจ้าวกล่าวว่า “รออีกสักครู่ งานเลี้ยงจะเริ่มเร็ว ๆ นี้”
ซูมู่เกอยิ้ม อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางจ้าวผ่อนคลายลงมากแล้ว
“ลุกขึ้นเถิด” เซี่ยโฮวโม่ ด้วยการแสดงออกที่นิ่งเฉย เดินตรงไปยังที่นั่งขวามือของเซี่ยโฮวคุณและนั่งลง
ในฐานะน้องชายของเซี่ยโฮวคุณมีความเป็นไปได้ที่เขาจะนั่งที่นั่งนี้
“ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่อีกล่ะ ใต้เท้าเซี่ย?”
เซี่ยโฮวโม่ยกเสื้อคลุมของเขา นั่งลง รินเหล้าหนึ่งแก้วแล้วดื่มมัน “ข้าทำงานเสร็จแล้ว”
แขกทุกคนมองหน้ากันอย่างสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของใต้เท้าคนนี้ เขาดูหมิ่นองค์ชายสองได้อย่างไรและองค์ชายสองก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจกับพฤติกรรมของเขาด้วย!
“ข้าขอบคุณใต้เท้าซูสำหรับการจัดเตรียมงานเลี้ยงนี้ให้กับขุนนางทุกคนในวันนี้และข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ติดตามข้ามายาวนาน ขอบคุณทุกท่าน” เป็นเรื่องทุกข์เข็ญที่มณฑลโจวที่ประสบน้ำท่วมจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเซี่ยโฮวคุณเมื่อเขาไปถึง ซึ่งจะเป็นหายนะถ้ามันรู้ถึงองค์จักรพรรดิได้ทราบginjv’
ดังนั้น เซี่ยโฮ่วคุนจึงทำได้เพียงตัดใจจากงานเลี้ยงนี้โดยย้ำว่าขุนนางคนอื่น ๆ เป็นแขกหลักในขณะที่เขาเป็นเพียงแค่ผู้รับประทานอาหารร่วมเท่านั้น
แน่นอนว่าซูหลุนเข้าใจว่าเซี่ยโฮ่วคุนหมายถึงอะไร “พะย่ะค่ะ เรามาเริ่มงานเลี้ยงกันเถอะ”
บรรดาสาวใช้ก็เข้ามาพร้อมกับอาหารรสเลิศ
ซูมู่เกอหยิบตะเกียบขึ้นมาและเพลิดเพลินกับอาหาร ถ้านางรู้ว่าเซี่ยโฮ่วโม่จะมานางก็ไม่มีทางปรากฏตัว!
ในขณะที่ ซูมู่เกอหมกมุ่นอยู่กับการรับประทานอาหาร แขกผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็ให้ความสนใจไปที่บริเวณของแขกผู้ชาย
มันฟังดูเหมือนขุนนางระดับสูงอีกคนมาร่วมงาน พวกเขาต่างสงสัยอายุและสถานภาพสมรสของเขารวมทั้งนางอัน
เป็นครั้งแรกที่นางจ้าวได้พบกับโอกาสเช่นนี้ เป็นผลให้นางแทบไม่อยากอาหารเลยและช่วยให้ซูมู่เกอทานอาหารมื้อใหญ่
เอาแต่กินอย่างเหม่อลอย ซูมู่เกอกินมากเกินไป โดยไม่รู้ตัว!
“อา!”
หลังจากดื่มชาแล้ว ซูมู่เกอรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป มู่มู่?”
“ไม่เป็นไร ข้ากำลังจะไปห้องน้ำ ท่านแม่ ถ้าท่านรู้สึกเบื่อเรียกให้เหมยฮัวส่งท่านกลับก่อนนะเจ้าค่ะ”
นางจ้าวพยักหน้า “ได้”
ซูมู่เกอลุกขึ้นและออกไปจากห้องโถงต้อนรับ
“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นเจ้าค่ะ?” เยว่รู่ที่รออยู่ด้านนอกเห็นซูมู่เกอออกมาและทักทายเธอ
“ไม่มีอะไร ไปทานอาหารเย็นกับสาวใช้คนอื่น ๆ เถอะ ข้ากำลังจะไปห้องน้ำ เจ้าไม่ต้องติดตามข้า”
เยว่รู่ไม่พบสิ่งผิดปกติกับซูมู่เกอ ดังนั้นนางจึงไม่ยืนกราน
หลังจากเดินไปจนถึงสวนเล็ก ๆ ของคฤหาสน์ซู ซูมู่เกอเริ่มสบายใจขึ้น นางกินแบบยัดมากเกินไปจริงๆ
“คุณหนูใหญ่ซู ช่างบังเอิญจริงๆ” เช่นเดียวกับที่ซูมู่เกอตั้งใจจะหาที่เย็น ๆ เพื่อพักผ่อน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังมาจากด้านหลัง
ซูมู่เกอมองย้อนกลับไปและพบว่าเป็นเมิ่งซิ่วเหวิน คนที่มอบตั๋วเงินมูลค่า 500 เหลียงให้นางนั่นเอง
วันนี้ เมิ่งซิ่วเหวินสวมเสื้อคลุมสีฟ้าอ่อน มีเข็มขัดหยกรัดรอบเอวของเขา เผยให้เห็นรูปร่างที่สูงและสง่าของเขาในขณะที่ผ้าคลุมศีรษะประดับด้วยหยกสีขาวบนเรือนผมของเขาดูแวววาวกว่าแสงจันทร์
“เป็นนายท่านเมิ่งนี่เอง”
หลังจากดี่มเหล้าสองแก้วในงานเลี้ยง เมิ่งซิ่วเหวินรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยและออกมาเดินเล่น โดยไม่คาดคิดเขาได้พบกับซูมู่เกอและรู้สึกมีความสุขอย่างอธิบายไม่ถูก
“ขอบคุณเจ้ามาก คุณหนูซู”
ซูมู่เกอเลิกคิ้วและตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ตั๋วเงิน 500 เหลียงของท่านเพียงพอที่จะแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจของท่านมากแล้ว”
เมิ่งซิ่วเหวินชะงักไปชั่วขณะ รับคำพูดที่ได้ตอบกลับของซูมู่เกอเขาคิดว่านางเริ่มโกรธที่ได้รับ “อับอาย” ด้วยเงินของเขา
ถ้าซูมู่เกอรู้ความคิดของเขา นางจะตะโกนเพื่อขอ “ ความอัปยศอดสู” นั้นให้เพิ่มมากขึ้น!
“ คุณหนูซู โดยการมองตั๋วเงินให้เจ้า ข้าไม่ได้หมายถึงอะไรนอกจากความกตัญญู”
ซูมู่เกอพยักหน้า “ข้ารู้ ข้าไม่ได้บอกว่าท่านหมายถึงอย่างอื่น อย่าคิดมากเลย นายท่านเมิ่ง เป็นเวลานานแล้วที่ข้าออกมา ข้าควรจะกลับไปเดี๋ยวนี้ ลาก่อน”
“คุณหนูซู ท่าน…”
ดูซูมู่เกอจากไป เมิ่งซิ่วเหวินกังวลเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร!
ซูมู่เกอหยุดและหันกลับมามองเขา “ท่านมีอันใดอีกหรือ นายท่านเมิ่ง?”
ฮืมม เมิ่งซิ่วเหวินไม่สามารถพูดถึงความคิดและความรู้สึกส่วนใหญ่ของเขาได้ เนื่องจากการศึกษาอบรมที่เขาได้รับในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
“ข้า …”
ซูมู่เกอรู้สึกตลกเล็กน้อยที่เห็นท่าทางเขินอายของเขา เนื่องจากเขาดูเด็ก จู่ๆซูมู่เกอก็รู้สึกว่านางกำลังแกล้งเด็กวัยรุ่น
“ถ้าไม่มีอะไรอีก โปรดอภัยข้าด้วย ข้าขอลา”
เฝ้าดูนางจากไป เมิ่งซิ่วเหวินกำหมัดแน่นและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง
ในอารมณ์อันรื่นรมย์ ซูมู่เกอกำลังเดินกลับผ่านทางเดินของโถง แต่ทันทีที่นางเดินผ่านใต้ซุ้มโค้งประตู นางก็เหมือนวิ่งชน “กำแพง”…..