องค์หญิงหมอเทวะ - ตอนที่ 43 : ราวกับว่าเขาได้ตายไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?” ซูมู่เกอถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในถนนที่เงียบและแปลกๆ
นางขมวดคิ้วและดึงกริชที่ขาของนางออกมาอย่างรวดเร็วในสภาพที่ตื่นตัวเต็มที่
เปิดม่านรถม้าอย่างระมัดระวัง นางเห็นคนขับของนางนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างชัดเจนพร้อมกับแสงจันทร์
ทันใดนั้น มีลมกระโชกรุนแรงจนทำให้นางสะดุ้ง นางรีบดึงม่านไปข้างๆแล้วกระโดดลงจากรถม้า หลังจากกลิ้งไปบนพื้นหลายครั้ง ในที่สุดนางก็พบความสมดุลของนาง
ร่างมืดดำเดินตรงมาหยุดตรงหน้านาง ที่คมดาบในมือของเขามีเลือดไหลอาบ
“เจ้าต้องการอะไร!”
“มอบมันมาให้ข้า ไม่งั้นเจ้าตาย!”
ซูมู่เกอขมวดคิ้วสับสนกับคำพูดเหล่านั้นอย่างเห็นได้ชัด มอบอะไร? ผู้ชายคนนี้หมายถึงอะไรกัน?
ชายชุดดำเห็นความเงียบของนางเป็นการปฏิเสธและให้รู้สึกหงุดหงิด เขายกดาบขึ้นพร้อมพ่นลมหายใจหึ และเตรียมที่จะต่อสู้
ซูมู่เกอเพิ่งเรียนรู้ทักษะการป้องกันตัวของการต่อสู้ระยะประชิดในชีวิตก่อน ซึ่งแทบไม่เพียงพอที่จะจัดการกับนักรบ แต่เมื่อเผชิญหน้ากับระดับปรมาจารย์ที่มีพลังภายใน นางต้องยอมแพ้!
การเคลื่อนไหวของชายชุดดำนั้นโหดร้ายมาก แม้ว่าทุกส่วนในร่างกายจะยังไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต มันดุร้ายจนถึงขั้นทำให้แขนและขาของนางแยกออกจากกัน!
หลังจากเคลื่อนไหวหลายสิบครั้ง ซูมู่เกอก็อยู่รอดมาอย่างหวุดหวิด วันนี้นางลืมนำผงป้องกันตัวมาด้วย!
ไอ้ระยำเอ้ย!
ในขณะที่นางต่อสู้กับชายคนนั้น นางจับตาดูสภาพแวดล้อมโดยรอบ ถนนในเขตโจวไม่กว้างนักและมีตรอกซอกซอยเล็กๆมากมาย
นางหลบดาบของชายชุดดำพร้อมกับม้วนลงบนพื้นและวิ่งไปที่ตรอกที่ใกล้ที่สุด
ชายชุดดำติดตามนางไปอย่างรวดเร็ว
“อยากหนีรอดอย่างนั้นเหรอ? ไม่มีทาง!”
ซูมู่เกอไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะโชคร้ายจนต้องเจอทางตัน!
เมื่อเห็นชายในชุดดำเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ นางทำได้เพียงพยายามปกป้องตัวเองอย่างเต็มที่ นางบดฟันลงด้วยความโกรธและกลัว
ซอยนั้นแคบมากจนแทบไม่สามารถหลบได้ การเคลื่อนไหวโจมตีของชายชุดดำรุนแรงขึ้นและดุดันมากขึ้น หลายครั้งที่นางสามารถหลีกเลี่ยงการโจมตีของเขาได้จนมาถึงสิ้นสุดของตรอกนั้น
ทันใดนั้น ชายชุดดำก็แทงดาบลงมาที่ใบหน้าของนาง นางตกใจและหลบไปด้านข้างใช้มือกำบังไว้
สิ่งที่ไม่คาดคิดคือทิศทางของดาบในมือของชายชุดดำเปลี่ยนไปเล็งที่แขนของนาง
ไม่มีเวลาพอที่นางจะหลบได้และนางก็รอคอยคมดาบนั้น
“เอือก!”
ปัง!
จู่ๆ ก็มีลมพักกระหน่ำมาอย่างแรง ซูมู่เกอเห็นชายชุดดำตรงหน้านางลอยออกไปและกระแทกพื้นอย่างแรง ราวกับว่าเขาถูกซัดด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
เขาคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด มือคว้าดาบไว้และวิ่งหนีไปทันที มีร่างอีกสองร่างรีบวิ่งตามเขาไป
มีชายร่างสูงและสมส่วนยืนอยู่ที่ทางเข้าซอยเมื่อซูมู่เกอเงยหน้าขึ้น
เขายืนหยัดต่อสู้กับแสง และแสงจันทร์ที่เย็นเยียบ มีหมอกปกคลุมเขา นางมองไม่เห็นดวงตาของเขา แต่เมื่อเขาเคลื่อนเข้าหานางเส้นประสาทที่ตึงเครียดของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงอย่างช้าๆ
ซูมู่เกอก้าวไปข้างหน้า และเมื่อรองเท้าบูทสีดำเข้ามาในสายตาของนาง นางก็หยุดอยู่กับที่
แม้ว่านางจะรู้ว่าชายคนนี้ตัวสูง นางยังคงประหลาดใจกับความสูงที่แตกต่างกันมากเมื่อนางยืนอยู่ต่อหน้าเขา
อย่างน้อยตอนนี้นางก็ปลอมตัวเป็นผู้ชาย
มันแปลกมากเมื่อนางยืนอยู่ตรงหน้าชายผู้นี้ซึ่งทำให้นางดูเหมือนถั่วงอก!
“ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตข้าได้ท้านเวลา ใต้เท้าเซี่ย”
“ทักษะการป้องกันตัวของเจ้าไม่เลว ใต้เท้าซู” เซี่ยโฮวโม่พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
นางคว้ากริชในมือไว้มั่น
เขาพยายามทดสอบนางอีกครั้ง!
เขาควรจะอยู่ที่นี่ก่อนที่ชายชุดดำจะปรากฎตัวและเขาก็ไม่ยอมแสดงตัวออกมาเพื่อช่วยนางเพื่อที่เขาจะได้ดูว่านางจะหาทางรอดให้ตัวเองได้หรือไม่!
นางไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับสิ่งอื่น ยกเว้นว่าซูหลุนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้!
ตายล่ะ!
“ข้าขออภัยที่ทำตัวโง่เขลาต่อหน้าท่าน ใต้เท้าเซี่ย เมื่อผู้คนกำลังจะตาย พวกเขาจะทำการต่อสู้จนสุดกำลังสุดท้ายไม่ว่ากรณีใดๆ หางไม่ใช่เพื่อการมาของท่าน ข้าคงกลายเป็นผีภายใต้คมดาบของชายผู้นั้นแล้ว”
ตงหลินปรากฏตัวขึ้นเมื่อนางพูดจบ
“ใต้เท้า เราจับชายผู้นั้นได้แล้วขอรับ”
เซี่ยโฮวโม่เคลื่อนสายตาของเขาออกไปจากด้านบนของศีระษะของซูมู่เกอ “พาตัวเขากลับไปสอบสวนอย่างเคร่งครัดและหาสาเหตุที่เขาโจมตีใต้เท้าซูมาให้ได้”
“ขอรับ ใต้เท้า”
ตงหลินจากไป เหลือเพียงทั้งสองในตรอกนั้น
“ใต้เท้าเซี่ย มันดึกมากแล้ว กลับกันเถอะ”
“ได้”
พวกเขาเดินออกมาจากตรอกนั้นทีละคน ซูมู่เกอตะลึงค้างไปเมื่อนางออกมาพบกับถนนที่ว่างเปล่า
เซี่ยโฮวโม่เดินออกหน้านางไปทันที และนางก็ต้องเดินตามเขาไป
ไม่มีรถม้าบนถนน ซึ่งหมายความว่าพวกเขาต้องเดินกลับ!
มันคือความตั้งใจ! ผู้ชายคนนี้ต้องตั้งใจ!
ซูมู่เกอเริ่มสงสัยว่าชายคนนี้รู้เรื่องที่นางปลอดตัวเป็นซูหลุนแล้วหรือไม่
เซี่ยโฮวโม่เป็นคนตัวสูงและขายาว เขาก็เดินปกติ แต่สำหรับซูมู่เกอที่ร่างกายไม่แข็งแรงและสามารถสูงเพียงแค่หน้าอกของเขา นางได้แต่ยืนมองเขาก้าวยาวไปแค่นั้น มันเร็วเกินไป!
เซี่ยโฮวโม่กำลังเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ สบายๆ ในขณะที่นางต้องวิ่งตามเขา!
การเดินจากที่นี่โดยรถม้าไปหย่าเหมินใช้เวลาครึ่งชั่วโมง และถ้าเป็นการเดินอย่างน้อยต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมง
ซูมู่เกอเดินตามจังหวะของเขาไปชั่วขณะ จากนั้นนางก็เหนื่อยมากจนช้าลงๆ ท้ายที่สุดแล้วไม่ได้มีกฎว่านางต้องเดินติดตามเขาไปอย่างใกล้ชิด!
ราชาแห่งจินที่เดินอยู่ด้านหน้าไม่ได้สังเกตเห็นรายละเอียดใดเลย แต่พอเดินไปได้สักพัก เขารู้สึกได้ว่าเสียงด้านหลังของเขาเงียบเกินไป เขาหยุดและหันกลับไปมอง จากนั้นเขาก็เห็นร่างบางเดินตามมาด้านหน้าด้วยความกระเสือกกระสน
ตามปกติ เขาใช้ “วิชาตัวเบา” ในเวลากลางคืนซึ่งเป็นทักษะศิลปะการต่อสู้ที่ช่วยให้เขาลอยบนชายคาและเดินบนกำแพง อาจเร็วกว่านี้มาก แต่ตอนนี้เขาต้องเดินเพราะซูมู่เกอ คนที่ต้องลากตัวเองกลับอย่างลำบาก!
ด้วยการทำงานหนักมาทั้งวันและการต่อสู้ในช่วงเย็นนี้อย่างตึงเครียด ตอนนี้นางต้องเดินอีกนับชั่วโมงกว่าจะกลับถึงที่พักได้ ความโกรธเริ่มลุกไหม้ในใจนาง
โดยไม่คาดคิด นางเห็นเซี่ยโฮวโม่อยู่ไม่ไกลต่อหน้านาง เมื่อนางเงยหน้าขึ้นไปมอง
เขารอนางอยู่หรือ?
ซูมู่เกอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและตามด้วยการกัดฟัน
“ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องรอ ใต้เท้าเซี่ย ขาของข้าสั้นไปหน่อย”
หลังจากเหลือบไปมองขาของนาง เซี่ยโฮวโม่หมุนตัวกลับไปและออกเดินต่อ “ขาสองข้างสั้นเกินไปจริงๆ”
“!!”
………………….
เมื่อพวกเขากลับไปที่บ้านพักหย่าเหมิน ซูมู่เกอก็ล้างหน้าอย่างเรียบง่ายและนอน บางทีนางอาจเหนื่อยเกินไป ในไม่ช้านางก็หลับสนิท
ในห้องของเซี่ยโฮวโม่ มีแสงไฟริบหรี่
ตงหลินเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ “ใต้เท้า ชายคนนั้นบอกว่าเขาไม่มีมันอยู่กับเขา” ตงหลินรายงานด้วยเสียงเบา
“เขาเป็นผู้นำมันออกไปจากค่ายหยานเซี่ย และเขาบอกว่าเขาไม่มีมัน?”
“ขอรับ เขายังคงปฏิเสธที่จะสารภาพและคนของเราก็ยังคงสอบสวนเขาต่อ”
“ดี”
“ใต้เท้า คนของข้าพบว่าซูหลุนถูกใครบางคนลักพาตัวไป และผู้ติดตามเขาทั้งหมดถูกพบกลายเป็นศพ” ถ้าคนๆนั้นต้องการฆ่าซูหลุนก็ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องนำศพของเขาไป เนื่องจากศพของคนอื่นๆถูกค้นพบในเวลาอันรวดเร็ว ซูหลุนอาจยังมีชีวิตอยู่ขอรับ”
“ค้นหาต่อไป”
“ขอรับ ใต้เท้า”
………………………………
ในคฤหาสน์ตระกูลซูซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปในเมืองชุนหยาง บรรยากาศก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน
ในลานสายธารดอกไม้ นางอันมองไปที่โต๊ะอาหารเย็นๆ ด้วยความงุนงง
หลี่มาม่าเข้ามาพร้อมกับถ้วยชาและขอให้สาวใช้ทั้งหมดออกไป เมื่อนางเห็นนางอันเป็นแบบนั้น
“นายหญิง” หลี่มาม่าเดินเข้ามาหานางอันและเรียกเบาๆ
ด้วยความตกใจอย่างฉับพลัน จดหมายที่ถูกจับไว้แน่นในมือของนางอันร่วงลงพื้น นางอันเงยหน้าขึ้นมองหลี่มาม่าด้วยความประหลาดใจและรีบก้มหยิบมันขึ้นมา
“มาม่า……”
หลี่มาม่าแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรและเพียงแต่นำชาร้อนมาให้นาง
“นายหญิง ท่านไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว จะรักษาตัวเองให้ดีได้อย่างไรเจ้าค่ะ?”
นางอันจิบชาในถ้วยแล้วถอนหายใจ
“หลี่มาม่า ท่านพ่อของข้าตอบกลับจดหมายข้ามาแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้หลี่มาม่ามึงโบกมือเพื่อให้นางอันหยุด และบอกให้สาวใช้ที่อยู่นอกประตูทุกคนออกไปจากห้องพัก จากนั้นนางก็กลับมาหานางอัน
“นายหญิง ท่านกำลังจะพูดอะไร?”
“ท่านพ่อของข้า เขียนจดหมายมาถึงข้าและบอกว่า….”
“ว่าอย่างไรเจ้าค่ะ?”
ใบหน้าของนางซีดและปลายนิ้วที่ถือจดหมายสั่น
“พ่อของข้าบอกว่า ระหว่างทางไปยังเขตโจว ใต้เท้าพบกับกลุ่มโจร และ และเขาก็ถูกฆ่า ร่างของเขาถูกน้ำท่วมพัดหายไป!” นางอันหายใจติดขัดเมื่อพูดคำสุดท้าย ก้อนสะอื้นจุกอยู่ที่คอ
“อะไรนะเจ้าค่ะ?” หลี่มาม่ารู้สึกตกใจมาก “ใต้เท้า ท่านใต้เท้า อย่างไรถึงเป็นเขา….”
นางอันเช็ดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดหน้าปักสวยงาม “ท่านพ่อของข้าบอกว่าเขาส่งคนไปตาหาใต้เท้า บุคคลนั้นยังบอกท่านพ่อด้วยว่าเขาพบหลุมฝังศพของใต้เท้า……ฮึกฮือฮือ…หลี่มาม่า บอกข้าที ทำไมชีวิตข้าถึงได้รับความทุกข์ขนาดนี้? อย่างแรกข้าคิดว่าข้าได้แต่งงานกับชายในฝันและพบว่าเขามีภรรยาแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ ตอนนี้เราก็ผ่านมาหลายปีแล้ว….ทำไมตอนนี้….ทำไมเขาถึงได้ทิ้งข้าไปเช่นนี้……”
หลี่มาม่ารีบเข้าไปปลอบนางอันที่ร้องไห้อย่างขมขื่น “อย่างร้องไห้เจ้าค่ะ แม้ว่า แม้ว่าคนที่ถูกส่งออกไปตามหาใต้เท้าจะบอกเยี่ยงนั้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่แน่ชัด แม้ว่าใต้เท้าจะถูกฆ่าเราก็ยังต้องเห็นศพของใต้เท้าก่อน ถูกไหมเจ้าค่ะ…..”
“แต่ท่านพ่อของข้าบอกว่าศพถูกน้ำพัดหายไป ข้าจะพบร่างของเขาได้ที่ไหน….”
หลี่มาม่าไม่เห็นด้วยเล็กน้อยกับการขมวดคิ้วของนาง
ท่านเสนาบดีอันอยู่ห่างไกลตั้งเมืองหลวง คนที่เขาส่งออกมาไม่สามารถไปถึงเขตโจวได้เร็วกว่าพวกเขาที่อยู่ที่นี่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาอยู่ในเมืองชุนหยางมาหลายปีแล้ว ซึ่งหมายความว่าคนของพวกเขาคุ้นเคยกับเส้นทาง สถานการณ์รอบตัวมากกว่า
ทำไมพวกเขาไม่พบร่องรอยของใต้เท้าซู ในขณะที่คนของเสนบาบดีอันส่งมาไปได้ข้อมูลนั้นมาจากไหน?
แม้ว่าหลี่มาม่าจะอยู่ในคฤหาสน์ซูเกือบตลอดชีวิตของนาง นางได้แต่งงานกับผู้ช่วยมือดีที่ใกล้ชิดที่สุดของใต้เท้าซู และโดยปกติแล้วนางจะมีความคิดที่ไม่เหมือนใครต่อเรื่องภายนอก
ตอนี้มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในเขตโจวของเมืองชุนหยาง และไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไร ซูหลุนก็จะต้องรับผิดชอบ หากจักรพรรดิทรงพิโรธ ท่านเสนาบดีอันอาจมีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วย ในกรณีนี้มันจะดีกว่าที่ซูหลุนจะตาย และจักรพรรดิอาจยกโทษให้พวกเขาเพราะเห็นแก่คนชราและเด็กๆในคฤหาสน์หลังนี้
เมื่อนางอันสงบลง หลี่มาม่าได้บอกนางอันเกี่ยวกับความคิดของนางด้วยวิธีที่ละมุนละม่อม
ตามที่คาดไว้หลังจากได้ยินสิ่งนี้ นางอันมีสติและกลับมามีสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์
“ท่านหมายความว่า ท่านพ่อของข้าต้องการรักษาความปลอดภัยของทุกชีวิตในคฤหาสน์ซูด้วยวิธีนี้งั้นหรือ?”
กล่าวอีกนัยหนึ่งเขาต้องการปกป้องตัวเอง!
หลี่มาม่าคิดกับตัวเองและไม่ได้บอกแก่นางอัน ท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นพ่อแท้ๆของนางอัน
“ซูมู่เกอไปมณฑลโจวเพื่ออะไร? ท่านส่งใครมาตรวจสอบหรือไม่?”
ถ้านางอันอยากจะรับมือกับสิ่งนี้ ตามความปรารถนาของพ่อนาง นางจะต้องเตรียมห้องโถงไว้ทุกข์สำหรับซูหลุนในวันนี้ราวกับว่าเขาได้ตายไปแล้วจริงๆ!
หลี่มาม่าส่ายหัว “คนขับรถม้าที่ไปกับนางกลับมา มันอยู่ในความชุลมุนวุ่นว่าย ข้าจึงยังไม่ส่งใครไป”
“ไป ส่งคนไปเดี๋ยวนี้ ข้ารู้สึกร้อนรนใจอยู่ตลอดเวลา”
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะจัดการให้เดี๋ยวนี้”