ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่348 ไม่คาดฝัน
เฟ่ ยจื้อเหวินไปนั่งที่ศาลาด้านข้างกับเผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนคิดว่าเฟ่ ยจื้อเหวินจะคุยเรื่องนี้กับเขาอย่างตรงไปตรงมา ใครจะรู้ว่าเฟ่ ยจื้อ
เหวินกลับทอดมองทิวทัศน์อยู่ค่อนวัน ไม่ปริปากอันใด
ต้นฤดูร้อนเริ่มมีพวกยุงตัวเล็กๆ บินว่อนไปทั่วแล้ว แม้เผยเยี่ยนจะตบยุงเป็นพักๆ เฟ่
ยจื้อเหวินก็ยังไม่คิดเปิดปากแม้แต่น้อย เขาทนไม่ไหวอยู่บ้าง เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ เจ้ามาหาข้า ไม่ใช่
ว่าจะพูดเรื่องรับตําแหน่งกรมขุนนางกับข้าหรอกรึ?”
แม้เฟ่ ยจื้อเหวินและเผยเยี่ยนจะเป็ นศิษย์ที่มีอาจารย์คนเดียวกัน แต่อายุและ
ประสบการณ์ทําให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขาไม่ได้สนิทสนมกันเท่าใด เขาได้ยินมาจาก
จางอิงว่าเผยเยี่ยนเป็นคนตรงไปตรงมาทั้งฉลาดหลักแหลม แต่คาดไม่ถึงว่าเผยเยี่ยนจะเป็นคน
เปิดเผยและมีไหวพริบเช่นนี้
เขานึกถึงยามที่อวี้ถังและเผยเยี่ยนอยู่ด้วยกัน อดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ยามนี้ค่อยเอ่ย
เสียงเบาขึ้นมา “ข้ามาหาเจ้า ย่อมเป็นเพราะมีเรื่องส่วนตัวจะคุยด้วย!”
พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็เงียบไปอีกครั้ง
เผยเยี่ยนยังกังวลที่อวี้ถังกลับที่พักไปคนเดียว ฟังจบก็ลอบกลอกตา ข่มกลั้นความไม่
พอใจไว้ข้างใน เอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ในเมื่อเจ้ามาหาข้า คาดว่าคงจะไตร่ตรองมามากแล้ว อย่างอื่น
ไม่พูดถึง แต่เจ้าควรคิดว่าข้าสมควรฟัง ทั้งเหมาะที่จะฟังคําพูดพวกนี้ เช่นนั้นเจ้ายังมีอะไรให้
ลังเลอีก? หรือว่าเจ้าจะคิดต่ออีกสักสองสามวัน? รอเจ้ารู้สึกว่าเจ้าพร้อมแล้ว ค่อยมาพูดให้ข้า
ฟัง”
เฟ่ ยจื้อเหวินหัวเราะออกมา “เจ้าจะรีบกลับไปทําอะไรกัน? รอบกายนายหญิงเผยมีสาว
ใช้มากมายเพียงนั้น เจ้ายังกลัวไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนนางอีก?”
2771
เผยเยี่ยนกล่าวอย่างไม่อายแม้แต่น้อย “สาวใช้พวกนั้นจะสู้ข้าได้อย่างไร? นางย่อม
อยากให้ข้าอยู่เป็นเพื่อนมากที่สุด!”
นํ้าเสียงเปี่ยมด้วยความมั่นใจนั้นของเขา พาให้เฟ่ ยจื้อเหวินพูดไม่ออกอยู่ค่อนวัน
ท้ายที่สุดก็สั่นศีรษะยิ้มๆ เอ่ยว่า “เจ้ามั่นใจขนาดนี้เชียว?”
“แน่นอน!” เผยเยี่ยนเอ่ย “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ข้าก็เป็นสามีนาง หากนางยินดีที่จะอยู่
กับสาวใช้มากกว่าข้า นั่นหมายความว่านางย่อมไม่พอใจอะไรข้า ข้าควรจะหาวิธีแก้ไขให้นาง
กําจัดเรื่องที่ไม่พอใจนี้! มิเช่นนั้น นางไม่พูด ข้าไม่ถาม สั่งสมไว้นานวันเข้า ย่อมเกิดปัญหาขึ้น
หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองถามอินหมิงหย่วน ข้าว่าเขาก็มักจะตะลอนไปทั่วทุกที่ตามภรรยา ทั้งไม่คิด
เล็กคิดน้อยเรื่องที่นางพูดมากเรื่องมากสักนิด หากเจ้าถามเรื่องเช่นนี้กับข้า ยังมิสู้ไปถามเขา ใน
ความคิดของข้า ไม่มีใครทรมานคนเก่งเท่าภรรยาของเขาอีกแล้ว อินหมิงหย่วนสามารถให้
ความเคารพรักนางได้เห็นได้ชัดว่าอินหมิงหย่วนนั้นเก่งกาจอย่างแท้จริง!”
เฟ่ ยจื้อเหวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากยุ่งเรื่องข้า จึงได้ผลักข้าให้อินหมิง
หย่วนหรอกรึ? หากให้อินหมิงหย่วนรู้ว่าเจ้านินทานายหญิงของเขาลับหลัง เขาย่อมไม่พอใจ
แน่”
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ต่อหน้าเขา ข้าก็พูดเช่นนี้”
เฟ่ ยจื้อเหวินหัวเราะลั่น หลังจากหัวเราะแล้วสีหน้ากลับเศร้าซึม เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า
“ความจริงฮูหยินของข้านั้นฆ่าตัวตาย”
เผยเยี่ยนมองเฟ่ ยจื้อเหวินอย่างตกใจ เสียงทั้งหมดล้วนถูกอุดไว้ในลําคอ
บางทีอาจเพราะเอ่ยคําพูดที่ยากที่สุดออกมาแล้ว เฟ่ ยจื้อเหวินจึงมีท่าทีผ่อนคลายลง
เขาทอดมองเขาเขียวขจีที่สุดลูกหูลูกตา เอ่ยว่า “นางอยากจะหย่า นี่เป็นไปไม่ได้ แม้ข้าจะเห็น
ด้วย คนในครอบครัวข้าเห็นด้วย แต่คนสกุลมารดาของนางย่อมไม่อาจขายหน้าเพราะเรื่องนี้ได้
พ่อตาของข้าเคยเผยเรื่องนี้เป็นนัยให้เห็นมาก่อน สกุลพวกเขาไม่มีสตรีที่แต่งออกไปแล้วกลับ
เข้ามาอยู่ในเรือนอีกครั้ง พี่ชายภรรยายิ่งประกาศกร้าวออกมา หากนางกล้าออกจากประตูใหญ่
สกุลเฟ่ ย เขาจะรัดคอนางตายด้วยตัวเอง สกุลพ่อตาของข้า ข้านั้นรู้ดี เพราะนางแต่งมาสกุลข้า
คนทั้งเรือนจึงเห็นเรื่องนี้เป็นดั่งเกียรติยศ พวกคุณหนู คุณชายของสกุลพวกนางล้วนถูกคนใน
หมู่บ้านแย่งตัวกันไปเป็นลูกเขยลูกสะใภ้ พวกเขาพูดได้ก็ย่อมทําได้”
“ยามนั้นข้าจึงปรึกษากับนาง กล่าวว่าให้นางไปอยู่เรือนด้านนอกก่อน อย่างไรข้าก็
ไม่ได้วางแผนจะแต่งงานใหม่อยู่แล้ว”
“เวลานั้นคาดว่านางคงจะอับจนหนทาง จึงตอบตกลง”
“แต่ข้าคาดไม่ถึงว่า นางยังคงฆ่าตัวตาย”
พูดถึงเรื่องพวกนี้ สีหน้าของเขาก็ยิ่งสับสนงงงวย “ข้าคิดไม่ออกว่าเหตุใดนางต้องฆ่า
ตัวตาย? ทั้งนางไม่อาจอยู่กับคนอื่นได้จริงๆ หรือเพราะเหตุนี้? คิดว่าอยู่ต่อไปก็ไม่มีความหมาย
อย่างนั้นรึ?”
เผยเยี่ยนได้ฟังก็เอ่ยละลํ่าละลัก “เพราะสาเหตุนี้เจ้าจึงถามภรรยาของข้าว่าอยากได้
อะไรมากที่สุดอย่างนั้นรึ?”
“ใช่!” เฟ่ ยจื้อเหวินตอบตามตรง “ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดภรรยาของเจ้าถึงยอมติดตามเจ้า
อย่างเต็มใจ แต่นางกลับไม่อาจทําได้”
เผยเยี่ยนได้ฟังก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ แย้งว่า “ภรรยาแต่งให้ข้า ไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้!
ประเด็นอยู่ที่ว่านางชอบข้า!”
เฟ่ ยจื้อเหวินกระจ่างใจเรื่องหน้าหนาของเขาดี เดิมทีก็ไม่อยากถกเถียงเรื่องพวกนี้กับ
เขา จึงพูดถึงปัญหาของตัวเอง “หรือหากปีนั้นนางหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ข้า ข้ายังจะหาวิธีแต่งนาง
ต่ออย่างนั้นรึ?”
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ในเมื่อเจ้าไม่มีสิ่งใดที่ทําผิดต่อนาง แล้วจะสนใจว่านางคิดอะไร
ทําไม? เจ้าไม่ใช่กล่าวว่าเจ้าไม่คิดแต่งงานใหม่หรอกรึ? แม้ว่าคนของสกุลเจ้าจะช่วยหาภรรยา
ใหม่ให้เจ้า ก็คงไม่อาจหาคนสกุลธรรมดาได้อีกกระมัง?”
2773
เฟ่ ยจื้อเหวินถูกเขาพูดเช่นนี้ก็ถลึงตาใส่ไปที ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “เมื่อก่อนข้าคิด
ว่าข้าไม่ติดค้างอะไรนาง แต่เห็นพวกเจ้าเช่นนี้ ข้าจึงรู้สึกว่าข้าไม่ได้ทําดีกับนางเท่าพวกเจ้า คน
ตายต้องให้ความสําคัญ ข้าคิดว่า ของที่นางยังไม่ได้ยามมีชีวิต ข้าก็จะชดเชยให้นางยามที่จาก
ไปแล้วกัน!”
“คนตายไปแล้ว ยังมีประโยชน์อันใด!” เผยเยี่ยนพึมพําเสียงเบา ไม่นานก็ตั้งสติได้ นี่
เป็นเรื่องที่อวี้ถังโกหกเฟ่ ยจื้อเหวินเพื่อเขา เขาไม่อาจทําลายนํ้าใจของนางได้ สมองเขาแล่น
ปราดอย่างว่องไว เอ่ยว่า “นางฆ่าตัวตาย ในเรือนย่อมมีข่าวซุบซิบนินทามากมายกระมัง? ข่าว
ลือเช่นนี้ ยิ่งเจ้าอธิบาย คนอื่นก็จะยิ่งคิดว่าเจ้าร้อนตัว ดังนั้นภรรยาของข้าพูดถูกแล้ว เจ้ามิสู้
เป็นขุนนางดีๆ ให้นางได้มีบรรดาศักดิ์
พระราชทาน คนอื่นเห็นการวางตัวของเจ้า ย่อมเบี่ยง
ประเด็นจากการวิพากษ์วิจารณ์นางออกมา ยามที่มนุษย์มีชีวิตอยู่ ก็ควรหลงเหลือชื่อเสียงไว้
เจ้าคงไม่อาจให้นางที่ตายไปแล้ว นอนตายตาไม่หลับได้หรอกกระมัง!”
เฟ่ ยจื้อเหวินมองเขาด้วยยิ้มคล้ายไม่ยิ้มไปทีหนึ่ง เหมือนกําลังพูดว่า ความคิดเล็กๆ นั้น
ของเจ้า อย่าได้นํามาแสดงต่อหน้าข้าดีกว่า
เผยเยี่ยนครุ่นคิด นี่ไม่ใช่ข้าอยากวางอุบายเจ้า เป็นเจ้าเองที่รู้ว่ามีหลุมยังกระโดดลงไป
นี่จะโทษข้าได้รึ?
เขาเอ่ยต่อด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปถามคนอื่นได้ คนไม่อยู่แล้ว ใครถูก
ใครผิด ล้วนต้องเหลือให้คนรุ่นหลังพูดถึง”
“ไม่แปลกใจที่อาจารย์กล่าวว่า หากเจ้าเป็นขุนนาง ย่อมเป็นขุนนางที่มีอํานาจ” เฟ่ ยจื้อ
เหวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยังจะพูดว่าใครถูกใครผิด ล้วนหลงเหลือไว้ให้คนรุ่นหลังพูดถึง ผู้บันทึก
ประวัติศาสตร์พวกนั้นไม่ใช่ว่าจัดแจงไว้เสร็จสรรพแล้วหรอกรึ?”
“จัดแจงไว้แล้วหรือไม่ พวกเราล้วนรู้ดีแก่ใจ” เผยเยี่ยนไม่คิดโต้แย้งเรื่องพวกนี้กับเขา
เอ่ยว่า “เรื่องชื่อเสียงและบรรดาศักดิพระราช ์ ทานนั้น ก็เป็นเรื่องที่พูดคุยในเรือนของข้า ไม่แน่ว่า
อาจจะเป็นคําพูดที่ภรรยาปลอบใจข้า เจ้าฟังผ่านๆ หูไปก็ได้”
เฟ่ ยจื้อเหวินปิดปากเงียบ
เผยเยี่ยนเห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะพูดเรื่องสําคัญกับตัวเอง ก็คร้านจะรับมือกับเขาแล้ว
เอ่ยเป็นมารยาทไม่กี่ประโยค ก่อนจะบอกลากลับที่พักของตัวเอง
อวี้ถังชะเง้อดูเป็นพักๆ หลังจากเห็นเขาก็ดึงมาที่เรือนในทันที ถามอย่างร้อนใจ “เป็น
อย่างไร? ใต้เท้าเฟ่ ยพูดอะไรกับเจ้าบ้าง?”
ท่าทีราวกับไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ถูกหรือผิดนั้น พาให้เผยเยี่ยนอยากหัวเราะออกมา “นี่เจ้า
เดาได้ว่าใต้เท้าเฟ่ ยจะพูดอะไรกับข้าอย่างนั้นรึ?”
“นี่ไม่ใช่เจ้าพูดไร้สาระหรอกรึ?” อวี้ถังใช้แขนคล้องเผยเยี่ยนเล็กน้อย เอ่ยว่า “ดึกขนาด
นี้ ดักรอเจ้าอยู่ที่นั่น ก่อนหน้านี้ยังถามเรื่องพวกนั้นกับเจ้าโดยเฉพาะ หากไม่ใช่ว่าอยากพูดเรื่อง
ส่วนตัวในเรือนกับเจ้าจะเป็นเรื่องอะไรได้อีก? ใต้เท้าเฟ่ ยก็แค่หลอกข้าเท่านั้น”
“เป็นเจ้าที่ฉลาด!” เผยเยี่ยนบีบจมูกนางด้วยรอยยิ้ม
อวี้ถังหันหน้าหนี หลบมือของเผยเยี่ยน ย่นจมูกเร่งเร้าเขา “รีบพูดมา! เขาพูดอะไรกับ
เจ้าบ้าง?”
เผยเยี่ยนเล่าเรื่องการตายของฮูหยินเฟ่ ยให้นางฟัง
อวี้ถังเบิกตาค้างอย่างตกตะลึง เอ่ยว่า “นี่ช่าง…นางตายในเรือนอย่างนั้นรึ?”
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ถาม”
อวี้ถังอดพึมพําไม่ได้ “นี่หากเป็นข้า ล้วนไม่รู้ว่าควรจะตายที่ไหนดี”
นางพูดไม่ทันขาดคํา ก็ถูกเผยเยี่ยนตําหนิออกมา ‘พูดจาเหลวไหล’ คล้อยหลังก็เอ่ยว่า
“พูดเป็นเด็กไม่ยั้งคิด ในวัดในวา เจ้าพูดคําเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร! ไม่ใช่ อยู่ข้างนอกก็ไม่อาจ
พูดสุ่มสี่สุ่มห้า ระวังจะถูกพระโพธิสัตว์ได้ยินเข้า!”
“อ่อ!” อวี้ถังรีบรับปาก เอ่ยว่า “เช่นนั้นใต้เท้าเฟ่ ยถามเรื่องนี้ เพราะอยากไว้หน้าให้ฮู
หยินเฟ่ ยอย่างนั้นรึ?”
เผยเยี่ยนเล่าเรื่องเขาและเฟ่ ยจื้อเหวินให้อวี้ถังฟังอย่างไม่ตกหล่นแม้แต่ประโยคเดียว
อวี้ถังได้ฟังก็ขมวดคิ้ว ชั่วเวลาสั้นๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าเป็นความผิดของใคร ทําได้
เพียงชื่นชมเผยเยี่ยน “เจ้าพูดได้ถูกต้อง ในเมื่อใต้เท้าเฟ่ ยก็มีสิ่งที่ทําผิดพลาด เช่นนั้นก็ควรทํา
ให้ฮูหยินที่อยู่ในปรโลกได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเสียหน่อย!”
ให้นางล่วงลับไปด้วยชื่อเสียงที่บริสุทธิ์
อวี้ถังเอ่ยอย่างจริงจัง “เจ้าว่า ใต้เท้าเฟ่ ยจะทําอย่างไร?”
“ไม่รู้” เผยเยี่ยนยักไหล่ “ข้าคิดว่าศิษย์พี่เสแสร้งแกล้งทําอยู่บ้าง ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็
อย่าได้เสียใจในภายหลัง ในเมื่อเสียใจในภายหลังแล้ว ย่อมควรจะเด็ดขาด เขานั่งคิดอยู่ตรงนั้น
ไม่มีประโยชน์อันใด!”
อวี้ถังถอนหายใจยาวเหยียด
ยามที่ลงจากเขา เฟ่ ยจื้อเหวินไม่ได้ลงมากับพวกเขา กล่าวว่าจะพักอยู่ที่นี่สักช่วงหนึ่ง
ทําพิธีทางศาสนาให้กับฮูหยินเฟ่ ยที่ล่วงลับไป
อวี้ถังและสวีเซวียนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้นัก ทั้งสองคนนั่งรถกลับเมืองหลวง
ด้วยกัน ก่อนจะถึงถนนใหญ่หน้าตรอกทางเข้าจวนสกุลเผยก็แยกย้ายกันไป
อยู่ที่เรือนย่อมดีที่สุด!
อวี้ถังเอนกายนอนเสื่อเย็นที่ทํามาใหม่ คิดว่าไอร้อนนั้นจางไปไม่น้อยแล้ว
นางแค่เสียใจแทนฮูหยินเฟ่ ยอยู่บ้างเท่านั้น
มีชีวิตอยู่ย่อมดีกว่าตาย
อย่างไรก็มักมีความหวังอยู่
พอดีกับพ่อครัวคนใหม่ที่เชี่ยวชาญการทําอาหารประเภทเส้นเข้ามา ทํานํ้าแกงต้มยําได้
ถึงใจอย่างยิ่ง กระทั่งอวี้ถังที่ไม่ชอบกินอาหารประเภทเส้นเท่าใด ล้วนกินก๋วยเตี๋ยวแต่ละชนิด
ติดต่อกันหลายวัน
สวีเซวียนไม่ชอบอยู่บ้าง เอ่ยว่า “นี่ก็เปรี้ยวเกินไปแล้ว สกุลพวกเจ้าหาพ่อครัวมาจาก
ไหนกัน? คงไม่ใช่พ่อครัวจากเจียงหนานกระมัง? ดูถ้วยใหญ่นี้สิ เข้มข้นเกินไปแล้ว”
อวี้ถังยกนิ้วโป้งให้นาง เอ่ยว่า “พ่อครัวจากซื่อชวน เขาทําอาหารได้อร่อยยิ่ง ตอนเช้าข้า
กินข้าวต้มไปเยอะไม่น้อย เจ้าอยากจะลองชิมหรือไม่ ข้าจะให้พวกเขาเอาใส่ชามให้เจ้ากลับไป”
“เอาสิ!” สวีเซวียนหิ้วท้องมาที่สกุลเผยก็เพราะเบื่ออาหารในเรือนที่ไม่มีรสชาติ นางเอ่ย
ว่า “เช่นนั้นเขาคงทํานํ้ามันพริกเป็นกระมัง เจ้าบอกเขาทํานํ้ามันพริกให้ข้าเอากลับเรือนหน่อย
ข้าจะเอาไปแอบกิน”
อวี้ถังย่อมไม่กล้า
วันนั้นพวกนางกินเพียงอาหารเบาๆ เท่านั้น
ตอนเย็นยามที่เผยเยี่ยนกลับมา ก็พูดคุยกับอวี้ถังตามปกติ แต่อวี้ถังกลับรับรู้ได้ว่าเขา
อารมณ์ไม่ดีเท่าใด
หลังจากกินข้าวเย็นก็ตั้งใจดึงเผยเยี่ยนไปเดินเล่นในชานเรือน ยังชี้ดอกอวี้จานพวกนั้น
“เจ้าดูสิ ใกล้จะบานแล้ว เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
เผยเยี่ยนตอบไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
อวี้ถังจึงไม่อ้อมค้อมกับเขาอีกต่อไป เอ่ยว่า “เป็นเพราะทางใต้เท้าเฟ่ ยเกิดเรื่องใช่
หรือไม่?”
“เขาไหนเลยจะเกิดเรื่อง?” เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างฉงน ก่อนจะกระจ่างขึ้นมาโดยพลัน “เจ้า
คิดว่าศิษย์พี่เฟ่ ยตั้งใจมาหาพวกเรา คงตัดสินใจดีแล้วกระมัง? หากจะพูดเรื่องนี้ ยังคงมีเรื่อง
จริงๆ…ช่วงนี้เขาเริ่มเข้าออกวังบ่อยๆ ทั้งยังเริ่มเขียนเครื่องรางให้ฮ่องเต้ ฮ่องเต้สุขเกษมเปรม
ปรีดิอย่างยิ่ง กล่าวว่าอีกไม่กี่วันจะไปอารามเมฆขาว เอ่ยปากให้ศิษย์พี่เฟ่ ยร่วมทางไปด้วย”