ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่345 ถานเจ้อ
อวี้ถังก็ไม่อยากห่างจากเผยเยี่ยน
ตั้งแต่พวกเขาแต่งงาน ก็ไม่เคยห่างกันมาก่อน
แต่นางอยากไปจุดธูปขอพรกับพระโพธิสัตว์อยู่บ้าง
2746
หลังจากนางกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง เหมือนว่านางยังไม่เคยไปขอบคุณพระโพธิสัตว์ดีๆ
สักครั้ง
นางเป็นฝ่ ายโอบคอเผยเยี่ยนก่อน เอ่ยแผ่วเบาว่า “ไม่อย่างนั้น เจ้าไปวัดถานเจ้อกับ
ข้า? ข้าแค่พักที่นั่นสองคืนเท่านั้น”
หากไม่มีสวีเซวียนไปด้วย นางคงกลับมาในเย็นวันนั้นแล้ว
นางไม่คุ้นชินกับการค้างแรมข้างนอกอีกแล้ว
เผยเยี่ยนใจคล้อยตามอยู่บ้าง แต่เขาคิดว่าไม่อาจปล่อยให้อวี้ถังคุ้นชินกับการเห็นเขา
เป็นตัวสํารองได้ ทั้งไม่อาจให้นางล่วงรู้ความคิดของเขา จึงตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่งว่า “ข้า
และจื่อจินนัดกันไว้แล้ว พรุ่งนี้จะไปขึ้นเขาเฟิ่งหวง”
อวี้ถังผิดหวังอยู่บ้าง
เผยเยี่ยนและโจวจื่อจินไปขึ้นเขา ย่อมไม่ใช่เพราะไปเที่ยวเล่น เป็นไปได้ว่ามีเรื่อง
สําคัญต้องพูดกับโจวจื่อจินมากกว่า
“เอาเถิด!” นางละแขนที่คล้องคอเผยเยี่ยนลง เอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าจะค้างที่เขาเฟิ่ งหวง
ด้วยหรือไม่?”
“อืม!” เผยเยี่ยนขานรับ “อย่างไรเจ้าก็ไม่อยู่เรือน ข้าตามโจวจื่อจินไปพักด้านนอกสอง
วันคงดีเหมือนกัน”
ท่าทางน้อยใจนั้น พาให้อวี้ถังรู้สึกผิด นางเร่งเอ่ยว่า “ครั้งนี้สถานการณ์ค่อนข้างพิเศษ
อยู่บ้าง! นัดกับนายหญิงอินไว้พอดี หากไม่มีนางไปด้วย ข้าคงไม่อาจไปหรอก”
“ไม่เป็นไร!” เผยเยี่ยนทําเป็นใจกว้าง เอ่ยว่า “เจ้ามีเรื่องให้ทํา ข้าออกไปข้างนอกจะได้
วางใจเช่นกัน”
ก็ทําได้เพียงเป็นเช่นนี้
2747
อวี้ถังคิดว่าภายหลังตัวเองคงต้องออกไปข้างนอกให้น้อยลงแล้ว นางยังคงง้อเผยเยี่ยน
ต่อ “ข้าได้ยินนายหญิงอินพูดว่าอาหารเจวัดถานเจ้อนั้นรสชาติดีไม่น้อย ถึงเวลานั้นข้าจะซื้อ
อาหารขึ้นชื่อกลับมาให้เจ้าดีหรือไม่?”
“อืม!” เผยเยี่ยนตอบอย่างเย็นชาอีกครั้ง เร่งรัดให้อวี้ถังไปพักผ่อนไวๆ “พรุ่งนี้เช้าข้ายัง
นัดใต้เท้าเฟ่ ยไว้”
พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพักผ่อนของขุนนาง
อวี้ถังเร่งตอบรับ ยามที่ไปอาบนํ้าจึงอาบอย่างรวดเร็ว อยากจะไปคุยเป็นเพื่อนเผย
เยี่ยน เผยเยี่ยนกลับไม่มีอารมณ์คุย หลังจากพูดไม่กี่คําก็ดับไฟ โอบอวี้ถังโรมรันพันตู อวี้ถังคิด
ว่าพรุ่งนี้เผยเยี่ยนต้องไปพบใต้เท้าเฟ่ ยและโจวจื่อจินอย่างหงอยเหงาคนเดียว จึงใจอ่อน ปล่อย
ให้เผยเยี่ยนทรมานนางไป
เผยเยี่ยนกินอย่างอิ่มเอม อวี้ถังกลับเหนื่อยล้าจนตื่นสาย รอนางเก็บข้าวของออกจาก
ประตู สวีเซวียนก็คอยนางที่โถงบุปผาเกือบหนึ่งชั่วยามแล้ว
อวี้ถังอดเอ่ยไม่ได้ “เจ้าไปปลุกข้าก็เพียงพอแล้ว รอเช่นนี้ ทําให้ข้ากระดากอายอย่าง
ยิ่ง”
สวีเซวียนหัวเราะชอบใจ เอ่ยว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าตื่นเช้ามาโดยตลอด จู่ๆ นอนตื่นสายเช่นนี้
ย่อมเพราะเหนื่อยล้าเป็นแน่” พูดจบ ก็เบิกตากว้างมองอวี้ถัง “ไม่ใช่ว่าเจ้าท้องหรอกกระมัง?
เริ่มแรกที่ข้าตั้งท้อง ก็ง่วงเหงาหาวนอนทุกวันเช่นกัน”
“ไม่ใช่!” อวี้ถังส่ายศีรษะอย่างเศร้าซึมอยู่บ้าง
นางนับวันแล้ว ไม่อาจตั้งท้องเวลานี้ได้หรอก
สวีเซวียนไม่อาจถามมากได้ ดึงมือนางเอ่ยว่า “นี่จะเป็นไรไป บางคนก็มีลูกช้า
เหมือนกับพี่สะใภ้สามของข้า แต่งงานสามปีถึงเพิ่งจะกําเนิดลูกคนโต แต่พอคลอดลูกคนโต
2748
ภายในสามปีก็มีลูกสองคน ให้กําเนิดลูกชายติดต่อกันถึงห้าคน กระทั่งมารดาข้ายังพูดว่ารับไม่
ไหว เอาแต่คลอดบุตรคนแล้วคนเล่า เห็นเด็กวิ่งเล่นเต็มลานเรือน ปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างยิ่ง”
อวี้ถังรู้ว่านางกําลังปลอบใจตัวเองอยู่จึงเผยยิ้มบาง
ทั้งสองคนขึ้นรถม้าด้วยกัน
รถม้าเป็นของสกุลอิน อาจเพราะว่าเพื่อดูแลสวีเซวียน จึงกว้างขวางและมั่งคง ยังมีไพ่
และหมากแต่ละประเภทให้เล่นฆ่าเวลา พวกหมากล้วนสามารถวางติดกับกระดาน ยังมีที่
สําหรับวางเตาเล็กๆ ใช้ชงชาหรือต้มขนมหวานล้วนได้ทั้งนั้น
อวี้ถังยิ้มมุมปากขึ้นมาอีกครั้ง
นี่คงเป็นสาเหตุที่อินหมิงหย่วนยืนหยัดให้ใช้รถม้าของสกุลอินกระมัง?
นางนึกถึงวันนั้นที่อินหมิงหย่วนมารับสวีเซวียน ยามที่สวีเซวียนบอกเขาว่าจะไปพักที่
วัดถานเจ้อสองวัน อินหมิงหย่วนก็หน้าเปลี่ยนสี จึงอดเอ่ยไม่ได้ “หลังจากอินหมิงหย่วนกลับไป
คงไม่ได้โวยวายอะไรกับเจ้ากระมัง?”
“ก่อนหน้านั้นก็มีอยู่บ้าง” สวีเซวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้มบานสะพรั่งราวกับดอกถานฮวา
ก่อนจะค่อยมืดมนลงมา “คล้อยหลังข้ากล่าวว่าข้ากลัวอยู่บ้าง เขาจึงไม่ว่าอะไรแล้ว”
อวี้ถังอดเอ่ยไม่ได้ “เจ้าอย่ากังวลเลย ข้าเห็นเจ้าร่างกายก็แข็งแรงดี นี่ยังเหลืออีกตั้ง
สองเดือนถึงจะคลอด หมอหญิงหมอตําแยในเรือนก็ล้วนเตรียมอย่างเรียบร้อยแล้ว ไม่อาจเกิด
เรื่องอะไรหรอก”
สวีเซวียนได้ฟังก็ฟื้นฟูรอยยิ้มก่อนหน้านั้นคืนมาอีกครั้ง เอ่ยว่า “ข้าก็ทราบเช่นกัน! นี่
ไม่ใช่ว่าอยากจะออกมาเที่ยวเล่นหรอกรึ?”
อวี้ถังกลับรู้สึกว่าสวีเซวียนฝืนใจทํา แต่นางก็ไร้หนทาง เรื่องเช่นนี้ ทําได้เพียงให้อิน
หมิงหย่วนปลอบนางแล้ว ไม่ก็ไปวัด เสี่ยงเซียมซีให้ทํานายได้ดวงชะตาดีๆ
2749
แต่อินหมิงหย่วนใส่ใจสวีเซวียนเพียงนี้ คงจะตระหนักได้เช่นกันกระมัง?
อวี้ถังคุยเล่นกับสวีเซวียน ไม่นานก็เบี่ยงเบนความสนใจของสวีเซวียนไป
ตอนกลางวันพวกนางจอดรถม้าข้างทาง กินของแห้งที่ตัวเองห่อมา จากนั้นก็เร่ง
เดินทางต่อ ยามโพล้เพล้จึงค่อยถึงวัดถานเจ้อ
เป็นดั่งที่สวีเซวียนกล่าว วัดถานเจ้อกําลังอยู่ในช่วงที่มีบรรยากาศดีอย่างยิ่ง
ต้นไม้เขียวชอุ่ม สกุณาพรํ่าบุปผาส่งกลิ่นหอม รวมกับเพิ่งผ่านวันสรงนํ้าพระ จึงมี
เครื่องประดับตกแต่งเทศกาลที่ยังไม่ได้จัดเก็บ ทั้งเป็นยามที่ผู้แสวงบุญมีน้อยที่สุด จือเค่อในวัด
ได้รับข่าวจากสกุลอินและสกุลสวีนานแล้ว จึงส่งพระอาจารย์ที่อัธยาศัยดีมาต้อนรับพวกนาง
โดยเฉพาะ จัดเตรียมเรือนชั้นยอดให้พวกนางพักผ่อน
อาหลันที่ตามมาด้วยชมอย่างไม่ขาดปาก ลูบเครื่องเรือนสีดําเลี่ยมเปลือกหอยเอ่ยกับ
อาซิ่ง “หากพวกเรามีเตียงแบบนี้สักหลังเป็นสินเดิมคงจะสามารถทําให้คนอิจฉาได้ทั้งชั่วชีวิต
แล้ว คาดไม่ถึงว่าเป็นเพียงวัดแห่งหนึ่ง กลับใช้ของดีขนาดนี้ในการรับแขก ข้าสามารถตามนาย
หญิงออกมาเปิดหูเปิดตา ก็ไม่เสียแรงที่ชาตินี้ได้เกิดเป็นคนแล้ว”
อาซิ่งนั้นร่าเริงเหมือนกับอาหลัน แต่เพราะอาหลันถูกเผยเยี่ยนเรียกเข้าจวน จึงใจกล้า
กว่าอยู่บ้าง นางกลับรู้จักสังเกตสีหน้าคน ได้ยินอาหลันพูดเช่นนี้ นางก็แย้มยิ้ม เอ่ยว่า “ในวัด
ย่อมไม่ใช่ว่าพบใครก็ให้พวกนางมาพํานักในเรือนเช่นนี้หรอกกระมัง? เมื่อครู่ข้าเห็นแล้ว ยาม
ที่จือเค่อนั้นเปิดประตูเรือน ยังแยกกุญแจออกมาวางเพียงลําพัง สถานที่แห่งนี้ย่อมเป็นที่
ต้อนรับเฉพาะแขกผู้มีเกียรติเท่านั้น”
อาหลันไม่คิดเช่นนั้น เอ่ยว่า “สนใจเรื่องนั้นไปทําไมกัน? ข้าตามนายหญิงสามเข้ามา ก็
คิดว่าสามารถคุยโวได้ชั่วชีวิตแล้ว”
อาซิ่งไม่ได้พูดอะไร
นางก็วางแผนจะอยู่ที่สกุลเผยไปชั่วชีวิตเช่นกัน
2750
นางเอ่ยกับอาหลันว่า “ข้าจะไปช่วยพี่ชิงหยวนจัดเก็บข้าวของ เจ้าจะไปด้วยกัน
หรือไม่?”
พวกนางมีโอกาสเรียนรู้กฎระเบียบกับชิงหยวนอยู่พักหนึ่ง แต่ชิงหยวนเห็นว่าพวกนาง
เป็นสาวใช้สินเดิมของอวี้ถัง จึงเกรงใจพวกนางอยู่บ้าง อาหลันมองความเกรงใจนี้เป็นการถูก
ดูแลใส่ใจ อาซิ่งรู้สึกว่าหากตัวเองจะรั้งอยู่ต่อ ไม่อาจจะเห็นความเกรงใจของคนอื่นเป็นจริงเป็น
จังได้ ปกติเมื่อมีเวลาว่างก็มักจะเข้าไปหาชิงหยวน ชิงหยวนชื่นชอบนางไม่น้อยเช่นกัน
อาหลันไม่ได้คิดมากมาย เอ่ยทันทีว่า “แน่นอน พวกเราไปด้วยกันเถิด”
ของบางอย่าง ชื่นชม ริษยาในใจก็เพียงพอแล้ว เรื่องที่ควรจะทํายังต้องทําต่อ
เพียงแต่พวกนางคาดไม่ถึงว่าพอออกจากประตูมา จะพบเข้ากับเผยเยี่ยนและใต้เท้า
อิน
นายท่านสามไม่ใช่กล่าวว่าไปเขาเฟิ่ งหวงหรอกรึ?
เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนแปลกหน้าอีกสองคนที่มากับพวกนายท่านสามเป็นใครกัน?
อาซิ่งวิ่งไปแจ้งข่าวให้อวี้ถังและสวีเซวียนอย่างหัวไวทันที
อวี้ถังและสวีเซวียนต่างก็ตกตะลึง รีบหยัดกายออกจากห้องโถงโดยมีสาวใช้ช่วย
ประคอง
คนแปลกหน้าที่พวกอาซิ่งไม่รู้จักนั้น คนหนึ่งคือโจวจื่อจิน อีกคนอวี้ถังก็ยังไม่รู้จริงๆ ว่า
เป็นใคร
อายุประมาณสามสิบกว่าปี สูงพอๆ กับเผยเยี่ยน ใบหน้านับว่าได้สัดส่วน ภายนอก
กลับดูเคร่งขรึมอย่างยิ่ง ให้ความรู้สึกเหมือนถูกกดทับด้วยผาสูงใหญ่ พาให้คนที่มองแวบแรก
รู้สึกว่าคนผู้นี้ไม่ธรรมดา
สวีเซวียนเอ่ยอย่างตกใจ“เฟ่ ยจื้อเหวิน! เขามาทําอะไร?”
2751
อวี้ถังก็ตกใจตาม
คนผู้นี้คือเฟ่ ยจื้อเหวินที่เผยเยี่ยนพูดถึงอย่างนั้นรึ?
อวี้ถังอดมองพินิจเขาอีกหลายทีไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือรูปร่างล้วนโดดเด่นอย่างมาก เหตุใดฮูหยินเฟ่ ยจึง…
นางไม่อาจเข้าใจได้
ทว่ากลับรับรู้ถึงสายตาคมกริบที่จ้องมองนาง
นางหันกลับไปมองทันที ก่อนจะพบเผยเยี่ยนที่ปรากฏสีหน้าไม่พอใจ
อวี้ถังรีบเบนความสนใจไปไว้ที่เผยเยี่ยนทั้งหมด ส่งยิ้มหวานให้กับเขา
เผยเยี่ยนเห็นได้ชัดว่าสีหน้าราวกับมีหมอกปกคลุม แนะนํานางให้เฟ่ ยจื้อเหวินรู้จัก “นี่
คือภรรยาข้า!”
เฟ่ ยจื้อเหวินส่งยิ้มให้อวี้ถังอย่างเป็นมิตร
รอยยิ้มนั้น แม้จะราบเรียบ กลับให้ความรู้สึกสว่างไสวอย่างยิ่ง พาให้คนมีความ
ประทับใจที่ดีต่อเขาขึ้นไม่น้อย
ฮูหยินเฟ่ ย…สมองละลายเข้าไปในนํ้าแล้วกระมัง?
อวี้ถังคาดเดา ก่อนจะรีบเก็บสีหน้าคํานับให้แก่เฟ่ ยจื้อเหวิน ไปยืนอยู่ข้างเผยเยี่ยน
ฉวยโอกาสที่สวีเซวียน เฟ่ ยจื้อเหวินและโจวจื่อจินคํานับให้กัน ถามเขาเสียงเบา “พวกเจ้ามาวัด
ถานเจ้อได้อย่างไร?”
เผยเยี่ยนเอ่ยเอื่อยเฉื่อยอย่างไม่ใส่ใจนัก “ทุกคนเปลี่ยนใจในตอนหลัง คิดว่ามาวัดถาน
เจ้อเป็นความคิดที่ดีไม่น้อยเช่นกัน”
ไม่ใช่เพราะพวกนางมาวัดถานเจ้อหรอกรึ?
2752
อวี้ถังแย้มยิ้ม
ทางด้านสวีเซวียนได้ทักทายโจวจื่อจินและเฟ่ ยจื้อเหวินเป็นพิธีแล้ว ยามที่อวี้ถังมองไป
ก็เห็นเฟ่ ยจื้อเหวินกําลังพูดคุยกับสวีเซวียน “พริบตาเดียวเจ้าก็เป็นแม่คนเสียแล้ว การเดินทาง
คงลําบากไม่น้อย เจ้าไม่เป็นไรกระมัง?”
นํ้าเสียงของเขาลุ่มลึกอยู่บ้าง ฟังแล้วกลับรับรู้ถึงความอบอุ่น พาให้คนรู้สึกว่าแม้เขาจะ
เคร่งขรึม แต่ก็เป็นคนที่อ่อนโยน
อวี้ถังอดมองเฟ่ ยจื้อเหวินอีกหลายทีไม่ได้
เฟ่ ยจื้อเหวินรับรู้ถึงสายตาของนาง ไม่เพียงส่งยิ้มให้นาง ยังผงกศีรษะให้
เผยเยี่ยนแค่นหัวเราะอยู่ด้านข้าง
เผยสยากวงผู้นี้!
อวี้ถังล้วนไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี ทําได้เพียงปล่อยแขนเสื้อลง ลอบจับมือเผยเยี่ยน
อย่างเงียบเชียบ
ยามนี้เผยเยี่ยนไม่ส่งเสียงอันใดแล้ว กระซิบข้างหูอวี้ถังว่า “อีกเดี๋ยวเจ้าและข้าไปพัก
ด้วยกัน”
อวี้ถังยังไม่ทันดึงสติกลับมา ก็ได้ยินโจวจื่อจินหัวเราะลั่นขึ้นมาก่อน ชี้ไปที่อินหมิง
หย่วนและเผยเยี่ยน “เจ้าหนุ่มสองคนนี้ ข้าว่าใช้ข้ออ้างเที่ยวเล่นมาอยู่เป็นเพื่อนภรรยามากกว่า
พี่เฟ่ ย พวกเราอย่าสนใจพวกเขาเลย พวกเราไปดื่มชากับเจ้าอาวาสดีกว่า!”
เฟ่ ยจื้อเหวินเผยยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา เอ่ยคล้อยตามโจวจื่อ
จินว่า “ได้! หากข้าจําไม่ผิด ควรเป็นพวกเขามาหาพวกเรา ไม่ใช่พวกเรามาหาพวกเขากระมัง?”
อินหมิงหย่วนไม่ได้หน้าหนาเหมือนเผยเยี่ยน เอ่ยอย่างกระดากอายว่า “ข้ามาเป็น
เพื่อนแขกเท่านั้น มาเป็นเพื่อนแขก!” ขณะที่พูด ยังมองไปทางเผยเยี่ยน
2753
เผยเยี่ยนเอ่ยทันทีว่า “วันนี้ข้านัดเพียงพี่โจวกระมัง?”
โจวจื่อจินชะงักไป ชี้ไปที่เฟ่ ยจื้อเหวินโดยพลัน “ไอหยา เจ้าจะทําอย่างไรดีล่ะ? ข้านั้น
ถูกเชิญมา หมิงหย่วนบังเอิญพบระหว่างทาง มีเพียงเจ้า ตามมาเสียเปล่าแล้ว”
เฟ่ ยจื้อเหวินหัวเราะ กลับเงยหน้ามองอวี้ถังแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว
อวี้ถังไม่รู้จะทําอย่างไรดี
เผยเยี่ยนเอ่ยออกมาว่า “ใช้เวลาไปไม่น้อยแล้ว พักผ่อนกันก่อนเถิด? เย็นนี้พวกเรากิน
ข้าวด้วยกัน”
โจวจื่อจินยังคงมีนิสัยเหมือนเมื่อก่อน กลัวว่าใต้หล้าแห่งนี้จะไม่มีเรื่องยุ่ง เอ่ยว่า “ก่อน
หน้านี้ข้ายังคิดว่าพวกเราสี่คนอยู่ด้วยกัน จึงจองแค่เรือนเดียว ยามนี้มีเพียงข้าและพี่เฟ่ ย ข้าว่า
อย่าได้เปลืองค่านํ้ามันตะเกียงวัดเลย ข้าและพี่เฟ่ ยจะยอมรับความไม่เป็ นธรรม นอน
เบียดเสียดกับพวกเจ้าด้วยก็แล้วกัน”
อินหมิงหย่วนรู้ว่าเผยเยี่ยนและโจวจื่อจินออกมานั้นมีจุดประสงค์อื่น จึงมองไปทางเผย
เยี่ยน
เผยเยี่ยนกลับไม่รับบทสนทนา แค่นหัวเราะสองครั้ง เอ่ยว่า “ค่าตะเกียงนํ้ามันนั้นพูด
ราวกับว่าเจ้าเป็นคนบริจาค ไม่อย่างนั้น ค่าใช้จ่ายที่มาวัดถานเจ้อครั้งนี้ก็ให้เจ้าจัดการแล้ว
กัน?”