ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่334 ปี ใหม่
“เจ้ามีแผนอะไรหรือไม่?” อวี้ถังถามเผยเยี่ยน
ไม่อย่างนั้นเหตุใดจึงส่งหลินซื่อไปที่อารามดับทุกข์ในยามที่คนอื่นรับมือไม่ถูก?
เผยเยี่ยนไม่คิดจะปิดบังอวี้ถัง เขาเอ่ยว่า “ข้าอยากให้หลี่จวิ้นรับช่วงต่อเรื่องของมารดา
เขา”
อวี้ถังไม่เข้าใจ
เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “หากหลินซื่ออยู่ในความดูแลของบ้านหลักสกุลหลี่ ก็พอพูดได้อยู่ว่า
เป็นสิ่งที่สกุลหลี่ควรทํา แต่ยามนี้หลินซื่ออยู่ที่อารามดับทุกข์ หลี่จวิ้นที่เป็นลูกชาย หากปล่อย
ให้หลินซื่อพักที่อารามดับทุกข์ คนอื่นจะติฉินนินทาเขาอย่างไร? เขาจําต้องรับหลินซื่อไปดูแล
ข้างกาย แม้ว่าเขาจะไม่มีวิธีรับหลินซื่อมา แต่เขาก็ควรต้องกลับมาสักเที่ยว ตั้งหลุมศพให้หลี่ต
วน จัดการที่พักภายหลังให้หลินซื่อ สําหรับหลี่จวิ้นแล้ว ทั้งหมดนี้นับว่าเป็นความรับผิดชอบที่
ไม่น้อยเลย ข้าว่าบางทีเขาอาจจะไม่สามารถดูแลหลินซื่อด้วยตัวเอง วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ไหว้วาน
บ้านหลักสกุลหลินให้ช่วยดูแลนาง แต่บ้านหลักและบ้านของพวกเขาแยกสายสกุลกันแล้ว
หลังจากหลี่ตวนจากไป คนมากมายก็พูดว่านี่เป็นผลกรรมของหลี่อี้ คนของบ้านหลักสกุลหลี่ใช่
ว่าจะยอมแบกรับภาระของหลี่จวิ้นเสมอไป แม้หลี่จวิ้นจะฝากฝังบ้านหลักสกุลหลี่ให้ดูแลหลิน
ซื่อ บ้านหลักสกุลหลี่ก็ไม่อาจทุ่มเทเอาใจใส่หลินซื่อขนาดนั้นอยู่ดี”
เช่นนี้ก็นับเป็นการล้างแค้นให้เว่ยเสี่ยวซาน อวี้ถังคงจะมีความสุขอย่างยิ่งกระมัง?
ระหว่างคิ้วของอวี้ถังกลับปรากฏความผิดหวังขึ้นมา
ไม่จบไม่สิ้นกันเสียที?
หวังว่าความแค้นเคืองของพวกเขาจะสามารถหยุดไว้เพียงเท่านี้!
อวี้ถังเอ่ยอย่างทอดถอนหายใจอยู่บ้าง “เกิดเป็นคนอย่าทําเรื่องชั่วจะดีกว่า ทําเรื่องชั่ว
แล้ว แม้ช่วงเวลาสั้นๆ จะไม่ย้อนคืนมาหาตัวเอง ก็อาจจะย้อนไปหาคนอื่นข้างกายเช่นกัน”
2659
เผยเยี่ยนนับถือลัทธิเต๋า ดังนั้นจึงเชื่อเพียงเรื่องชาตินี้ แต่ว่าการกระทําของคนรุ่นก่อน
สามารถส่งผลกระทบกับคนรุ่นหลัง หลี่อี้นับว่านําภัยร้ายมาสู่คนในเรือนจริงๆ สิ่งที่สําคัญที่สุด
คือ อวี้ถังกลับไม่ได้ดีใจเพราะเรื่องนี้
เขาครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยเคร่งขรึมว่า “ทางสกุลเว่ย ควรจะบอกกล่าวเสียหน่อยหรือไม่?
แม้จะกล่าวว่าหลี่ตวนตายอย่างไม่คาดฝัน แต่อย่างไรก็นับว่าชดใช้ให้กับคุณชายรองสกุลเว่ย
…”
อวี้ถังไม่ปิดบังเขา เล่าเรื่องที่ตัวเองรู้สึกสับสนไปเซ่นไหว้เว่ยเสี่ยวซานให้เผยเยี่ยนฟัง
เอ่ยว่า “คนสกุลเว่ยก็ไม่ได้ทราบความเป็นมาของเรื่องแน่ชัดเท่าใด บางเรื่อง พวกเรารู้กันเองก็
เพียงพอแล้ว”
เผยเยี่ยนรู้สึกดีขึ้นจากความจริงใจของอวี้ถัง ทั้งประโยคที่เอ่ยว่า ‘พวกเรา’ ขึ้นมาทันที
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี เย็นวันนี้พวกเราไปกินข้าวกับท่านแม่ดีหรือไม่? ข้าได้
ยินว่าคนสกุลเฉียนส่งไข่มุกจํานวนหนึ่งเข้ามาให้ท่านแม่ พวกเราไปฝากท้องที่นั่นเถิด”
สกุลเผยไม่ได้ขาดแคลนของพวกนี้ เผยเยี่ยนทําเช่นนี้ ก็เพียงแค่สร้างโอกาสให้อวี้ถังได้
คลุกคลีกับท่านแม่เฒ่ามากกว่าเดิมเท่านั้น
อวี้ถังรับนํ้าใจของเขา นอกจากจะไปหาท่านแม่เฒ่าเพื่อชื่นชมสกุลเฉียนแล้ว ยังถือ
โอกาสพูดคุยกับท่านแม่เฒ่าเรื่องฝีมือของหมอสื่อ
ท่านแม่เฒ่าเห็นอวี้ถังชอบหมอสื่อไม่น้อย ตัดสินใจว่ารอเข้าฤดูใบไม้ผลิปีหน้า จะเชิญ
หมอสื่อเข้ามาในจวน คอยนวดให้คนแก่อย่างพวกเขาที่ไม่ค่อยขยับเขยื้อนอะไร
อวี้ถังก็ได้หน้าตามไปด้วย
เผยเยี่ยนย่อมเห็นด้วยอย่างยิ่ง
ทั้งสองคนกินข้าวเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่าอย่างเบิกบานใจ ก่อนพวกเด็กๆ จะเริ่มเข้ามา
น้อมทักทายท่านแม่เฒ่า เห็นเผยเยี่ยนและอวี้ถังอยู่ที่นี่ พวกเด็กๆ ก็เริ่มเอ่ยเจื้อยแจ้วถึงเทศกาล
2660
โคมไฟขึ้นมา ในนั้นมีคุณหนูห้าที่กระตือรือร้นมากที่สุด เอ่ยว่า “อาสาม ท่านแม่ข้าบอกว่า พวก
เราจะเดินทางหลังวันที่สิบห้า รอพวกเราไปซานตง ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อใด บางทีนี่
อาจจะเป็นเทศกาลโคมไฟครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้ฉลองในสกุลตลอดช่วงหลายปีนี้ ท่านอนุญาต
ได้หรือไม่? เทศกาลโคมไฟในปีนี้พวกเราจัดงานเทศกาลโคมไฟกันเถิด”
คําพูดนี้เผยเยี่ยนชอบฟัง
ปีนี้เป็นปีแรกที่อวี้ถังแต่งเข้ามา ต้องเฉลิมฉลองดีๆ เสียหน่อยแล้ว
เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะให้ผู้ดูแลไปถามใต้เท้าอูก่อนว่ามีแผนอย่างไร?”
ในเมื่อจะจัด ก็ต้องจัดให้ยิ่งใหญ่หน่อย
สกุลเผยช่วยเหลือทางด้านทุนทรัพย์ในการจัดเทศกาลโคมไฟครั้งนี้ก็เพียงพอแล้ว
ปีนี้ใต้เท้าอูเพิ่งรับตําแหน่ง
เขาคงจะชอบใจเช่นกัน
เผยเยี่ยนลอบวางแผนในใจ
คุณหนูห้ากระโดดขึ้นอย่างดีใจ กอดแขนของอวี้ถัง เอ่ยอย่างเด็กๆ อยู่บ้าง “ยังคงเป็น
เพราะความดีของอาสะใภ้สาม หลังจากอาสะใภ้สามแต่งเข้ามา อาสามล้วนพูดง่ายไปหมด
ภายหลังต้องขอให้อาสะใภ้สามช่วยพวกเราพูดเสียหน่อยแล้ว”
อวี้ถังขวยเขินอย่างยิ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เกี่ยวอันใดกับข้า? เห็นได้ชัดว่าเจ้าขอร้องอา
สามเอง!”
คุณหนูห้าเอ่ยว่า “ข้าขอร้องก็ไม่มีประโยชน์ ยามที่ท่านไม่ได้แต่งเข้ามา อาสามไม่รู้ว่า
ปฏิเสธข้ามาตั้งเท่าใดแล้ว มีเพียงคําตอบครั้งนี้ที่ดูพอใจ”
ทุกคนต่างนึกถึงชื่อเสียงด้าน ‘พูดคุยด้วยยาก’ ของเผยเยี่ยน พากันหัวเราะขึ้นมา
2661
ท่านแม่เฒ่าแก่แล้ว ชอบให้ในเรือนคึกคัก กลัวว่าเผยเยี่ยนจะไม่ใส่ใจเรื่องนี้ วันถัดมา
ยังให้เฉินต้าเหนียงไปเร่งเร้าเผยเยี่ยน ถามเผยเยี่ยนว่าส่งใครมาจัดการเรื่องนี้
คาดไม่ถึงว่าเฉินต้าเหนียงจะกลับมารายงานท่านแม่เฒ่าว่า “ผู้ช่วยของใต้เท้าจางผู้
เฒ่ามาเจ้าค่ะ นายท่านสามกําลังต้อนรับท่านผู้นั้นอยู่ ข้าไม่กล้ารบกวนจึงกลับมาก่อน แต่บอก
กับอาหมิงไปแล้ว หากนายท่านสามว่าง เขาจะบอกให้ นายท่านสามย่อมไม่ลืมเรื่องนี้เจ้าค่ะ”
ท่านแม่เฒ่ากลับขมวดคิ้วขึ้นมา เคาะโต๊ะชาด้านข้างเบาๆ เงียบไปพักใหญ่
เฉินต้าเหนียงประสานมือก้มหน้าอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าเปล่งเสียง จู่ๆ ท่านแม่เฒ่าก็ถาม
ขึ้นมา “นายหญิงสามกําลังทําอะไร?”
ไม่กี่วันก่อนอวี้ถังกลับสกุลมารดา ตามหลักแล้วเวลานี้ควรอยู่ในเรือน
เฉินต้าเหนียงกลับเอ่ยว่า “นายหญิงสามไปอารามดับทุกข์เจ้าค่ะ”
ท่านแม่เฒ่าชะงักไปเล็กน้อย
เฉินต้าเหนียงเอ่ยว่า “อารามดับทุกข์ส่งจดหมายเข้ามา กล่าวว่าการขายธูปเทียนในปี
นี้ดีอย่างยิ่ง นี่ไม่ใช่สิ้นปีแล้วหรือเจ้าคะ? พวกเขาสรุปบัญชี จึงเชิญนายหญิงสามไปดูบัญชี
นายหญิงสามคิดว่าเป็นเรื่องดี ปรึกษากับนายหญิงรอง ก่อนจะพาคุณหนูทั้งสามไปด้วย ยังยืม
นายบัญชีคนหนึ่งของนายท่านสามไปด้วย คงจะไปตรวจสอบบัญชีทางนั้นเจ้าค่ะ”
นี่นับเป็นท่าทีที่ควรมี
ท่านแม่เฒ่าผงกศีรษะ ก่อนจะยืนขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เอ่ยกับเฉินต้าเหนียง “ไป พวก
เราไปดูทางนายท่านสามกัน”
เฉินต้าเหนียงคุ้นชินกับการตัดสินใจฉับพลันของท่านแม่เฒ่าเช่นนี้แล้ว ออกคําสั่งลงไป
อย่างเรียบนิ่ง ก่อนจะแบกเกี้ยวเข้ามา ไปที่สวนเป็นเพื่อนท่านแม่เฒ่า
เผยเยี่ยนตกใจกับการมาของมารดาไม่น้อย
2662
มารดาของเขาเป็นคนที่ไม่ชอบสอดมือยุ่งเรื่องนอกเรือน
เขาส่งผู้ช่วยของจางอิงออกไป รีบเข้าไปต้อนรับมารดา
ท่านแม่เฒ่าไม่อ้อมค้อมกับเผยเยี่ยน เอ่ยตามตรงว่า “สกุลจางมาหาเจ้าทําไม? เจ้ามี
แผนอย่างไร?”
เผยเยี่ยนก็ไม่คิดปิดบังมารดา เอ่ยว่า “อาจารย์อยากให้ข้าเข้าเมืองหลวงเพื่อช่วยเหลือ
พี่โจว ถือโอกาสช่วยพี่รองสกุลจางด้วย พ้นปีใหม่แล้ว อาจารย์วางแผนจะหาวิธีเลื่อนตําแหน่ง
ให้พี่รองเป็นรองเจ้ากรมโยธาธิการ”
ขุนนางขั้นสี่และขั้นสามแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ก้าวเข้าไปนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
โดยเฉพาะคนอย่างนายท่านรองสกุลจางที่อาศัยบารมีของบรรพบุรุษเช่นนี้
ท่านแม่เฒ่าขมวดคิ้วแน่น เอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าวางแผนจะไปเมืองหลวง?”
“ไม่ได้วางแผนอะไร” เผยเยี่ยนเอ่ยว่า “ท่านวางใจเถิด ข้ารับปากท่านพ่อแล้ว”
คําสัญญาของเขาไม่เพียงทําให้คิ้วของท่านแม่เฒ่าคลายลง แววตายังมีความเศร้าโศก
ปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย นางนิ่งเงียบอยู่เนิ่นนาน อยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็หยุดไป ท้ายที่สุด
จึงไม่ได้พูดอันใด นําเฉินต้าเหนียงจากไป
เผยเยี่ยนทอดมองแผ่นหลังของมารดา ตกอยู่ในภวังค์พักใหญ่
ผู้ช่วยของจางอิงนั้นฉลองปีใหม่ที่หลินอัน…ยามนี้ แม้เขาจะคิดเร่งกลับไปก็อับจน
หนทาง เรือหยุดเดินแล้ว โรงเตี๊ยมก็พักกิจการเช่นกัน
วันที่สองเผยเยี่ยนกลับสกุลมารดาเป็นเพื่อนอวี้ถังอย่างที่ตั้งใจไว้ วันที่สามก็ไป
หาทางอวี้ป๋ อ
2663
หวังซื่อต้อนรับอวี้ถังเข้าเรือนด้วยใบหน้าเปี่ยมความสุข จากนั้นนางและเฉินซื่อก็ไป
หาเซียงซื่อ สาวใช้เพิ่งจะนําชาขึ้นโต๊ะให้นาง นางก็เล่าให้สองแม่ลูกอวี้ถังฟังอย่างอดไม่ไหวอยู่
บ้าง “เรือนของพวกเรามีสมาชิกเพิ่มอีกแล้ว!”
ก็หมายความว่า เซียงซื่อตั้งท้องอีกแล้ว
อวี้ถังและมารดาคาดไม่ถึงอยู่บ้าง แต่ยังคงอวยพรให้หวังซื่ออย่างดีใจ
หวังซื่อเอ่ยทั้งถอนหายใจ “ข้าก็คาดไม่ถึงว่าจะเร็วถึงขนาดนี้ แต่นี่นับเป็นเรื่องดี”
จากนั้นก็ถามอวี้ถัง “เจ้าล่ะ? มีข่าวคราวอะไรบ้าง?”
อวี้ถังสั่นศีรษะอย่างเขินอาย
สีหน้าของเฉินซื่อหม่นหมองเล็กน้อย
หวังซื่อละลํ่าละลักเอ่ยว่า “เรื่องนี้ไม่รีบ อย่างไรอาถังก็อายุยังน้อย รอสักปีสองปีก็ไม่
สาย เจ้าดูพี่สะใภ้ใหญ่เจ้า ยามที่ออกเรือนก็เกือบยี่สิบแล้ว ตั้งครรภ์กําเนิดบุตรย่อมเป็นเรื่องที่
สมควร เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงไม่จําเป็นต้องแต่งงานเร็วถึงเพียงนั้น”
“ใช่แล้ว!” คําพูดนี้ปลอบประโลมเฉินซื่อ สีหน้านางจึงเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา พยักหน้า
ระรัว
อวี้ถังเขินอายที่จะพูด
เผยเยี่ยนดูเหมือนไม่รีบแม้แต่น้อย ยังพูดอะไรว่า “ไม่มีลูกก็ดีแล้ว พวกเราใช้ชีวิตอย่าง
สบายๆ ไปก่อน” หากถึงช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิจะพานางไปเที่ยวเขาไท่ซาน กล่าวว่าเขาไท่ซาน
เป็นสถานที่บูชาฟ้าดินของฮ่องเต้ พูดประมาณว่าหากชั่วชีวิตนี้ไม่ได้ไปย่อมไม่คุ้มค่า
ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง?
อวี้ถังลอบพึมพําในใจ ด้านเผยเยี่ยนถูกอวี้ป๋ อ อวี้เหวินและนายท่านอู๋ที่ถูกอวี้ป๋ อเชิญ
มาต้อนรับลูกเขยใหม่กรอกสุราไหใหญ่ ระหว่างทางกลับนอกจากจะเบียดอยู่ในเกี้ยวกับอวี้ถัง
2664
หลังจากกลับไปแล้วยังมือไม้ไม่อยู่นิ่งดึงอวี้ถังไม่ให้นางไปทํานํ้าแกงสร่างเมาให้เขา จําต้อง
ให้อวี้ถังอยู่เป็นเพื่อนเขา ปลีกตัวไปนิดเดียวก็ไม่ได้ ราวกับเด็กน้อยคนหนึ่ง
อวี้ถังเอ็นดูอย่างยิ่ง แทบไม่สนใจสายตาที่หยอกล้อของพวกชิงหยวน อยู่เป็นเพื่อนเขา
ตลอด คลุกตัวอยู่ในห้องเกือบค่อนวัน กระทั่งท่านแม่เฒ่าล้วนยังตกใจไปด้วย
นางหัวเราะไม่หยุด
เฉินต้าเหนียงกังวลอยู่บ้าง เอ่ยว่า “ท่านจะไปดูเสียหน่อยหรือไม่เจ้าคะ?”
ท่านแม่เฒ่าร้อง ‘เหอะ’ ออกมา เอ่ยว่า “ข้าไม่ยุ่งเรื่องพวกเขาหรอก! เขาอยากอวดเก่ง
ต่อหน้าพ่อตาและพี่เขยย่อมไม่กลัวขายหน้า ยังนับว่าเขาหัวไว รู้ว่าไม่อาจขายหน้าที่สกุลอวี้ได้
นี่จึงกลับมาร้องโวยวายที่นี่”
เฉินต้าเหนียงทําได้เพียงหัวเราะไปกับนาง
อย่างไรท่านแม่เฒ่าก็รักและเอ็นดูลูกชาย ให้คนส่งโสมเข้าไป กล่าวว่าเพื่อเพิ่มกําลังให้
เผยเยี่ยน
เผยเยี่ยนใบหน้าดําคลํ้าเป็นก้นหม้อ ฉวยโอกาสนี้เล่นลูกไม้ต่อหน้าอวี้ถัง “ชั่วชีวิตนี้ข้า
เมาสุราทั้งสองครั้งล้วนเป็นเพราะพ่อตา เจ้าต้องชดใช้ให้ข้า!”
อวี้ถังตกตะลึง เอ่ยว่า “เจ้าเคยดื่มอีกครั้งหนึ่งเมื่อใดกัน?”
เผยเยี่ยนเอ่ยอย่างฉะฉาน “ก็ครั้งก่อนที่พ่อตาเรียกข้าเข้าไปถามว่า ข้าจะแต่งเจ้าจริงๆ
ใช่หรือไม่ คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะลืมแล้ว”
เขาทําท่าประหนึ่งตกใจและผิดหวังอย่างยิ่ง เอ่ยว่า “อาถัง ที่แท้เรื่องของข้า เดิมทีก็ไม่
เคยอยู่ในใจเจ้า เจ้าต้องทําความดีชดใช้ความผิด ข้าปวดหัว วันนี้คิดจะนอนอยู่บนเตียงทั้งวัน
เจ้าต้องอยู่เป็นเพื่อนข้า อ่านหนังสือให้ข้าฟัง”
สรุปแล้วก็คือต้องการให้นางอยู่เบื้องหน้าเขา
2665
อวี้ถังไม่เคยเห็นใครที่ติดคนเท่าเผยเยี่ยนมาก่อน
แม้จะเป็นเด็กน้อยก็ยากที่จะเป็นแบบเขา
แต่นางกลับชอบที่เผยเยี่ยนติดนางเช่นนี้อย่างแปลกประหลาด
ดูเหมือนว่านางสําคัญอย่างยิ่ง ขาดนางไม่ได้
ผลปรากฏว่าก่อนจะถึงวันที่สิบ อวี้ถังนั้นราวกับเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งของเผยเยี่ยน
ถูกเขาพกไปนั่นไปนี่
อวี้ถังสงสัยว่าเดิมทีเขาก็ไม่ได้เมา แต่คิดจะใช้ประโยชน์ในการเมาครั้งนี้ พานาง
ติดตามเขาไปข้างกายมากกว่า