แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เผยเยี่ยนที่แพร่ออกไป
แม้เขาจะขุดหลุมหลอกกู้ฉ่าง แต่พอกู้ฉ่างกระโดดลงไปแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจต่อ
ความจริงเรื่องนี้เป็นฝีมือของกู้ซีที่ปล่อยข่าว
เพราะบิดาโลภเอาสินเดิมของมารดา นางถูกผู้อาวุโสในสกุลวิจารณ์มาตั้งแต่เล็ก นางทนรับมาเกินพอแล้ว
ครั้งนี้ เพราะเรื่องสินเดิมของนาง บิดานางยังคิดเล่นลูกไม้อีก
นางเลิกคาดหวังจากบิดาตั้งนานแล้ว ตนจึงไม่ได้ปวดใจอะไร แต่รอจนงานแต่งของพี่ชายกับสกุลอินกำหนดลงเรียบร้อย เพราะบิดานางโกรธแค้นที่พี่ชายหักหน้าเขา จึงคิดจะซ้อนแผนเอาคืน อาศัยเรื่องงานแต่งของพี่ชายกับสกุลอิน คิดโยกย้ายสินเดิมของสกุลอินมาเป็นหน้าเป็นตาให้นาง ภายหลังพอรู้เรื่องข้อตกลงระหว่างพี่ชายนางกับสกุลอิน คนก็แหกปากด่าทอมารดาที่ตายจากไปของพวกนางอย่างสาดเสียเทเสีย…
แม้ผลลัพธ์ของการกระทำนี้จะทำร้ายผู้อื่นพันส่วน ตัวเองก็บาดเจ็บไปแปดร้อยส่วน แต่นางกลับสะใจยิ่ง คิดว่าต่อให้มีผลร้ายตามมา นางก็ยินดีรับไว้ แต่เหอเซียงสาวใช้ข้างกายนางกลับกังวลอย่างมาก “ถ้าสกุลฝั่งสามี…”
กู้ซีเบะปาก เอ่ยว่า “เจ้าคิดว่าสกุลเผยเป็นเหมือนพวกเศรษฐีใหม่อย่างสกุลหลี่หรือ? สกุลเผยรักหน้าตาตนเองจะตาย ต่อให้ข้าต้องถูกถอนหมั้นเพราะไร้คุณธรรม สกุลอย่างพวกเขาก็ต้องปิดบังอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่มีทางให้คนนอกมาตำหนิข้าได้เด็ดขาด”
มีแต่คำลวงที่สมเหตุสมผลจึงจะตบตาวิญญูชนได้อย่างนั้นสินะ?
เหอเซียงอ้าปากค้างเบิกตาโต
กู้ซีเม้มปากหัวเราะ “ดังนั้น จะแต่งกับใคร ก็เบิกตากว้างมองดูให้ดี”
เหอเซียงก้มหน้าไม่พูดจา
—–
อวี้ถังทางนี้ กว่าจะส่งสองคุณหนูสกุลเผยให้กลับไปได้ช่างยากลำบาก ทั้งยังต้องตรวจบัญชีอีกสองเล่ม ก็ถึงเวลาจุดโคมพอดี
ซวงเถาเห็นแล้วรู้สึกปวดใจ นางกับชิงหยวนจึงไปตุ๋นน้ำแกงไก่ใส่โสมเตรียมไว้ให้
อวี้ถังดื่มน้ำแกงหมดแล้ว คุณหนูใหญ่สกุลหยางกับคุณหนูรองสกุลเผยก็มาหา ทั้งยังนำขนมจากเมืองหลวงมาฝากนางด้วย อวี้ถังจึงเชิญพวกนางให้ดื่มน้ำแกงด้วยกัน สองคนรู้สึกประหลาดใจมาก ต่างเอ่ยปฏิเสธอย่างรักษาน้ำใจ อวี้ถังถึงเพิ่งรู้ว่า ที่แท้วันพรุ่งนี้พวกคุณหนูใหญ่สกุลหยางจะไปเดินเล่นที่อารามดับทุกข์ซึ่งห่างไปไม่ไกลนัก และมาชวนนางให้ไปด้วยกัน
นางมองสมุดบัญชีสูงลิ่วที่กองอยู่บนโต๊ะหนังสือด้วยท่าทางลำบากใจ ได้แต่บอกปัดอย่างอ้อมค้อม
สองคนไม่ได้คะยั้นคะยอต่อ ชวนอวี้ถังคุยเรื่องธูปหอมของอารามดับทุกข์ไม่กี่คำถึงขอตัวจากไป
อวี้ถังรู้สึกว่าคนทั้งสองไม่ได้มาเพียงแค่ชวนนางไปเดินเล่นที่อารามดับทุกข์แน่ ไม่อย่างนั้นช่วงบ่ายที่คุณหนูสี่กับคุณหนูห้าสกุลเผยมาหานาง ก็คงต้องชักชวนนางไปแล้ว
นางหันไปถามชิงหยวนว่า “จะรู้ได้หรือไม่ว่าพวกนางมาทำอะไรกันแน่?”
ชิงหยวนยิ้มกริ่มแล้วรับคำ ไม่นานก็สืบข่าวกลับมาได้ “พรุ่งนี้คุณหนูใหญ่สกุลหยางมีนัดดูตัวที่อารามดับทุกข์ เกรงว่าที่อยากเชิญคุณหนูไปด้วย เพราะต้องการให้มีคนมากหน่อย จะได้ไม่เป็นจุดสนใจมากนักเจ้าค่ะ”
อวี้ถังถามอย่างสนอกสนใจว่าคุณหนูใหญ่สกุลหยางจะแต่งให้กับสกุลใด
ไม่เสียแรงที่ชิงหยวนเป็นสาวใช้ในเรือนเผยเยี่ยน รู้ว่าเดินหนึ่งก้าวต้องมองไกลไปสองก้าว นางสืบเรื่องที่คาดเดาว่าอวี้ถังจะถามมาจนปรุโปร่ง เช่นนี้เมื่ออวี้ถังถามถึง นางจะได้ตอบกลับอย่างไม่ติดขัด
นี่อาจเป็นข้อแตกต่างระหว่างสาวใช้ทั่วไปกับสาวใช้ชั้นสูงก็เป็นได้
“สกุลเหยียนเจ้าค่ะ ได้ยินว่าเป็นซิ่วไฉ สกุลค่อนข้างร่ำรวยอยู่” ชิงหยวนเล่าต่อว่า “เขาเป็นญาติของท่านแม่เฒ่าสกุลอี้ที่ห่างกันเกินห้ารุ่นอีกเจ้าค่ะ เพราะสอบติดซิ่วไฉ คงคิดสร้างตัวบนเส้นทางขุนนาง จึงพยายามเข้าหาท่านผู้เฒ่าสกุลอี้ อยากสนิทสนมกับฝั่งมารดาของท่านแม่เฒ่าสกุลอี้เข้าไว้ ครั้งนี้ที่สกุลหยางยอมตกลงเกี่ยวดองกับสกุลเหยียนก็เพราะเห็นแก่หน้าท่านผู้เฒ่าสกุลอี้ สกุลหยางจึงฝากฝังการดูตัวครั้งนี้ให้ท่านแม่เฒ่าดูแล ท่านแม่เฒ่าสกุลอี้ไม่ชอบเป็นแม่สื่อแม่ชัก พอได้ยินว่าท่านแม่เฒ่าของพวกเรามา จึงโยนให้ท่านแม่เฒ่าของพวกเราอีกที ถึงได้มีการดูตัวที่อารามดับทุกข์ขึ้นเจ้าค่ะ”
อวี้ถังฟังแล้วก็พยักหน้าตาม
ชิงหยวยเอ่ยเตือนอวี้ถังด้วยรอยยิ้มบางๆ ว่า “หากพรุ่งนี้ทุกอย่างราบรื่น คุณหนูใหญ่สกุลหยางก็จะเดินทางกลับเมืองหลวงในอีกสองวัน ท่านจะฝากอะไรไปให้คุณหนูสวีไหมเจ้าคะ?”
อวี้ถังไม่คิดว่าคุณหนูใหญ่สกุลหยางกับคุณหนูสวีจะสนิทกันเพียงนี้
ชิงหยวนกลับหัวเราะ “คุณหนูใหญ่สกุลหยางกับคุณหนูสวีนับได้แค่รู้จักกันเท่านั้น ทว่า ต่อไปสกุลหยางก็ถือเป็นญาติจากการเกี่ยวดองของสกุลเผยเช่นกัน การช่วยเหลือกันระหว่างเครือญาติเช่นนี้ ข้าคิดว่าคุณหนูใหญ่สกุลหยางจะต้องยินดีอย่างมากแน่เจ้าค่ะ”
อวี้ถังรู้สึกคิดถึงคุณหนูสวีขึ้นมา นางจึงปรึกษากับชิงหยวนอย่างตื่นเต้นว่าจะส่งอะไรไปให้คุณหนูสวีดี
คุณหนูใหญ่สกุลหยางกับคุณหนูรองสกุลเผยออกจากเรือนพักของอวี้ถัง อดจะหันกลับไปมองประตูหรูอี้สีแดงสดมิได้ ก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “ไม่คิดว่าแม่ครัวของเรือนคุณหนูอวี้จะมีฝีมือเพียงนี้ น้ำแกงไก่ถ้วยนั้นทั้งเข้มข้นและหอมน่ากิน จนข้าแทบจะกัดลิ้นตัวเองแล้ว ทั้งผลไม้ที่ยกเข้ามายังจัดแต่งเป็นรูปสี่ชั่งเหมยเซา รสชาติก็หวานหอม นี่เป็นฝีมือของคนที่คุณหนูอวี้พามาด้วย หรือว่าเป็นคนของสกุลเจ้ากัน”
เรือนของเผยเยี่ยนกว้างใหญ่มาก เรือนพักสำหรับแขกหลายๆ หลังล้วนมีห้องครัวเล็กเป็นของตัวเอง
เรือนของคุณหนูใหญ่สกุลหยางก็มีครัวเล็กเช่นกัน แต่ถ้าต้องการแม่ครัวต้องไปแจ้งกับผู้ดูแลสกุลเผย หากทำเช่นนั้น ก็คงต้องมีเรื่องให้จัดการเพิ่มขึ้นอีก นางแค่มาพักเพียงไม่กี่วัน แม้สกุลหยางจะไม่ขาดแคลนเงินทองตรงนี้ แต่นางไม่อยากเป็นจุดสนใจก็เท่านั้น
คุณหนูรองสกุลเผยสังเกตเห็นแล้วเช่นกัน เพียงแต่นางกับอวี้ถังรู้จักกันเพียงผิวเผิน จึงไม่ค่อยรู้เรื่องของอวี้ถังมากนัก ทั้งคุณหนูใหญ่สกุลหยางยังเป็นน้องสาวต่างแม่ของคุณชายหยาง ความสัมพันธ์มิใคร่จะดีเท่าไร นางกลัวว่าหากทำดีกับคุณหนูใหญ่สกุลหยางมากเกินไปจะทำให้คุณชายหยางไม่สบอารมณ์ได้ จึงตอบคำถามอย่างขอไปทีว่า “น่าจะเป็นคนที่นางพามากระมัง? ฝีมือเช่นนี้ ต่อให้อยู่ในจวนข้า ก็คงรับใช้แค่นายหญิงไม่กี่คน เรือนข้ายังไม่มีคนฝีมือเช่นนี้เลย”
คุณหนูใหญ่สกุลหยางไม่ค่อยอยากเชื่อนัก
ในเมื่อนางมาเป็นแขกของสกุลเผย ก็ย่อมเตรียมตัวมาก่อนบ้าง
เรื่องของอวี้ถังนางก็สืบมาแล้ว
สกุลอวี้มิใช่สกุลที่จะมีกำลังทรัพย์ถึงเพียงนั้น
วันถัดมา คุณหนูใหญ่สกุลหยางที่เดินเล่นอยู่ในอารามดับทุกข์ก็ยกเรื่องนี้มาพูดอีกครั้ง ทั้งยังชวนคุณหนูสกุลเผยอีกหลายคนมาร่วมด้วย “พวกเรากลับไปขอน้ำแกงไก่จากเรือนคุณหนูอวี้มากินดีหรือไม่?”
คุณหนูสี่ได้ยินก็ตบมือร้องว่าประเสริฐ แล้วหันไปถามคุณหนูห้าอย่างฉงนว่า “ทำไมท่านย่าต้องให้พี่อวี้ช่วยนางตรวจสอบบัญชีด้วย? ทำเอาพี่อวี้ไม่มีเวลามาเล่นกับพวกเราเลย”
คุณหนูห้าเดาไปมั่วซั่วว่า “คงเพราะพี่อวี้เก่งคำนวณกระมัง สกุลนางมิใช่มีกิจการค้าขายหรือ? คนที่ค้าขายมักจะคำนวณเก่งนี่นา”
คุณหนูสี่ได้ฟังก็พยักหน้าตาม
คุณหนูสามที่ฟังอยู่หัวเราะไม่ออก ลากมือคุณหนูสี่กับคุณหนูห้ามาจับไว้ “พวกเจ้าอย่าพูดจาส่งเดช วันนี้อากาศร้อนเหลือเกิน พวกเราไปนั่งพักที่ศาลาเหมันต์ด้านหน้าดีกว่า”
คุณหนูสี่กับคุณหนูห้าถูกดึงความสนใจไปเรื่องอื่น หัวเราะเฮฮาแล้ววิ่งจากไป
คุณหนูใหญ่สกุลหยางทำหน้าครุ่นคิด
ดวงอาทิตย์วันนี้ช่างร้อนแรงมากจริงๆ
อวี้ถังนั่งอยู่ในห้อง ชิงหยวนเรียกเด็กรับใช้สองคนมาคอยพัดให้นางโดยเฉพาะ นางดีดลูกคิดครู่เดียวเหงื่อก็ซึมเต็มหลังแล้ว รู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก
นางจึงดีดตัวลุกขึ้น แล้วผลักหน้าต่างออกเพื่อรับลม
เผยเยี่ยนเดินเข้ามาพอดี
เขาสวมต้าวผาวเนื้อดีสีขาว ทั่วร่างมีเพียงปิ่นหยกไม้ไผ่ปักอยู่ ดวงหน้าไม่มีเหงื่อ เห็นแล้วรู้สึกเจริญตายิ่ง
พอเดินเข้ามาใกล้ ก็ยิ่งได้กลิ่นหอมไม่รู้ชื่อลอยมาบางๆ ให้ความรู้สึกสะอาดสะอ้านยิ่ง
ไฉนจึงมีคนที่เนื้อตัวสะอาดเช่นนี้?
อวี้ถังได้แต่คิดอย่างริษยา จากนั้นก็เห็นเผยเยี่ยนยกตะกร้าไม้ไผ่ในมือขึ้น “อยากไปตกปลาด้วยกันหรือไม่?”
“ฮะ!” อวี้ถังเบิกตาโต
สองวันก่อนท่านแม่เฒ่าสกุลเผยเพิ่งบอกพวกนางไม่ให้เข้าใกล้แม่น้ำ กลัวว่าไม่รู้ความตื้นลึกแล้วพลัดตกลงไป
เผยเยี่ยนกระซิบข้างหูนางอย่างหลอกล่อว่า “ไม่ต้องกลัว ข้าว่ายน้ำเป็น!”
น้ำเสียงแหบต่ำนั่น คล้ายว่ากำลังล่อลวงหัวใจของนางอยู่
เป็นพักใหญ่กว่าอวี้ถังจะได้สติและรู้ว่าเผยเยี่ยนพูดอะไร นางตอบอย่างลังเลใจว่า “ไปได้หรือ?”
“ทำไมจะไปไม่ได้เล่า?” เผยเยี่ยนส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้นาง “บัญชีพวกนี้เจ้าดูไปเกินครึ่งแล้วนี่”
อวี้ถังมองอาทิตย์ดวงโตด้านนอก จากนั้นก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ รีบเอ่ยว่า “ยังไม่ทันถึงวันตวนอู่ก็อบอ้าวขนาดนี้ หน้าร้อนปีนี้คงร้อนกว่าปกติแน่ แล้วจะเกิดภัยแล้งไหมเจ้าคะ?”
ช่วงเวลานี้เมื่อชาติก่อน นางเพิ่งจะแต่งเข้าสกุลหลี่ จู่ๆ คนสกุลหลินก็พลิกหน้าใส่นาง บอกว่านางไม่เหมาะสมอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ละวันนางต้องคอยแต่รับมือคนสกุลหลี่ น้อยนักที่จะสนใจสถานการณ์ภายนอก นางจำได้รางๆ ว่าเกิดภัยแล้งครั้งใหญ่ คนมากมายหลบหนีมาที่หลินอัน
เผยเยี่ยนมีที่ดินมาก ไม่แน่อาจมีที่นาบางแห่งได้รับความเสียหาย
เผยเยี่ยนได้ฟังก็หัวเราะ “คิดไม่ถึงว่าเจ้าอ่านสภาพอากาศเป็นด้วย ไม่เลวนี่ ปีนี้ดาวม่วงเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก ธาตุไฟ ทิศตะวันตกควรระวังภัยไว้ ข้าจะย้ำให้คนดูแลแต่ละที่คอยเฝ้าระวังให้ดี”
อวี้ถังฟังไม่เข้าใจสักคำ จึงเอ่ยอย่างกระดากว่า “ข้าก็แค่ถามออกไปเล่นๆ เท่านั้น”
“แสดงว่าสัญชาตญาณของเจ้าแม่นยำมาก” เผยเยี่ยนชมนางต่อไม่หยุด แล้วยัดตะกร้าไม้ไผ่ใส่มือนาง “ถือไว้ อีกเดี๋ยวจะคอยดูฝีมือเจ้า”
ตอนเด็กๆ อวี้ถังเคยตามอวี้เหวินออกไปและมองดูคนอื่นตกปลาจากที่ไกลๆ เพียงไม่กี่ครั้ง นอกนั้นก็เคยเห็นในภาพวาด นางมองตะกร้าไผ่ใหม่เอี่ยมที่ยังได้กลิ่นไม้ไผ่อยู่จางๆ จากนั้นก็กอดมันไว้ในอก “ทำไมต้องคอยดูข้าล่ะ? พวกเราจะใช้ตะกร้านี้จับปลาหรือเจ้าคะ? แต่ข้าจับไม่เป็นนะ!”
นางไม่อยากทำเลย
รูปตะกร้าไม้ไผ่ที่อยู่บนภาพวาดนั้น ล้วนแต่ต้องยืนเท้าเปล่าอยู่กลางลำธารเล็กๆ
แต่ภาพวาดกับความจริงนั้นต่างกัน
ลำธารน้อยในภาพช่างใสสะอาด แต่ลำธารในชีวิตจริงมีต้นหญ้า ปลาน้อยและแมลงต่างๆ ที่นางไม่รู้จักเต็มไปหมด ซึ่งนางก็กลัวสิ่งมีชีวิตพวกนี้ตั้งแต่เล็กๆ แล้ว
เผยเยี่ยนเห็นสีหน้านางที่เขียนชัดเจนว่า ‘ข้าไม่เอาด้วย’ ก็รู้สึกสนุกยิ่งกว่าเก่า เขาหัวเราะเสียงดังลั่น ไม่รู้ว่าเสกงอบไม้ไผ่สานจากไหนมาวางบนศีรษะให้นาง พลางกล่าวว่า “ข้ารับผิดชอบตกปลา เจ้ารับผิดชอบถือปลา ดูว่าจะถือกลับไปได้มากแค่ไหน!”
แต่นางไม่อยากถือปลานี่
ปลาทั้งเหม็นคาวทั้งเหนียวเมือก
เขามิใช่คนพิถีพิถันเรื่องความสะอาดรึ? ทำไมตอนนี้ไม่เรื่องมากแล้ว?
อวี้ถังยืนหลบด้านหลังเผยเยี่ยนด้วยความกลัดกลุ้ม พยายามเค้นสมองเพื่อหาวิธีหนีไปจากตรงนี้
พวกนางเดินเลียบแนวต้นไม้เขียวชอุ่มไปเรื่อยๆ จนมาถึงศาลาเหมันต์หลังน้อยข้างแม่น้ำ อวี้ถังก็ยังคิดหาทางหนีไม่ออก เผยเยี่ยนได้แต่แอบหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอยู่ในใจ
เมื่อก่อนเขาเห็นว่าอวี้ถังเป็นคนน่าสนใจ ไม่เสแสร้งวางท่าเหมือนกับเด็กสาวคนอื่นๆ แต่พอได้รู้จักกับนางจริงๆ กลับพบว่านางน่าสนใจมากกว่าที่เขาคิดเสียอีก
นางโมโหแต่ไม่กล้าเปิดปาก พองลมจนแก้มป่องทั้งสองข้าง ทว่าดวงตากลับกลิ้งหลุกหลิกไม่หยุด น่าขันเสียจนทำให้เขาหัวเราะไปอีกครึ่งปีได้
“ตรงนี้ก็แล้วกัน!” เขาแสร้งวางท่าจริงจัง เอ่ยอย่างสบายๆ ว่า “ตรงนี้มีแมลงเยอะ จะต้องมีปลาชุกชุมแน่!”
จากนั้นเขาก็เห็นอวี้ถังถลึงตาใส่เขาทีหนึ่ง มือก็ลูบแขนตัวเองไปมาเหมือนกลัวๆ
น่าสนุกเกินไปแล้ว!
เผยเยี่ยนสั่งอาหมิงที่ติดตามมาด้วยว่า “เอาไส้เดือนออกมา เกี่ยวไว้กับตะขอเบ็ดตกปลาเลย”
——————————————————-
MANGA DISCUSSION