ห้วงเวลาบุปผาผลิบาน - บทที่ 276 ชัดขึ้นเล็กน้อย
เผยเยี่ยนไม่มีความคิดจะสนใจว่าอินเฮ่าทำอะไรไปบ้าง อย่างไรเขาก็ออกคำสั่งไปแล้ว ผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมทำตามคำพูดของเขา ส่วนอินเฮ่าจะทำอย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องของอินเฮ่า ยามนี้เขานั่งในห้องโถงของเรือนอวี้ถัง ดื่มชาทั้งพูดคุยเรื่องงานแต่งระหว่างสกุลกู้และสกุลอินกับอวี้ถังไปพลาง
“เจ้าคงรู้แล้วกระมัง?” ขณะที่เขาพูด ก็ยกฝาถ้วยชา เป่าใบชาที่ลอยบนผิวน้ำออกเบาๆ “พรุ่งนี้สกุลกู้คงจะส่งคนมาหารือเรื่องแต่งงานกับสกุลอิน น่าขันที่กู้เจาหยางยังเตรียมจะส่งของหมั้นที่สกุลพวกเรา ข้าได้พูดกับพี่รองอินแล้ว ข้าออกเงินหรือมอบคนให้ล้วนได้ทั้งนั้น แต่มาส่งของหมั้นที่สกุลพวกเราย่อมไม่ได้ จะให้บรรพบุรุษของสกุลพวกเราคิดอย่างไรกัน? ข้าว่าพี่รองอินยุ่งจนเลอะเลือนไปหมด กระทั่งความเหมาะสมกลับแยกแยะได้ไม่ชัดเจนเสียแล้ว”
อวี้ถังนั่งฟังด้วยรอยยิ้มอยู่ตรงนั้น ไม่ต่อบทสนทนาแต่อย่างใด
นางรู้สึกเหมือนว่าเผยเยี่ยนจะดีใจกับเรื่องนี้อยู่เลือนราง
นี่เป็นการหมั้นหมายของกู้ฉ่าง เขาดีใจอะไรกัน?
นางคิดไม่ตกอยู่บ้าง ทั้งไม่อาจเข้าใจความคิดของเผยเยี่ยน จึงเงียบอย่างรู้แล้วรู้รอดไป
เผยเยี่ยนกลัดกลุ้มอยู่บ้าง
เมื่อก่อนล้วนเป็นอวี้ถังพูดให้เขาฟัง เขาก็แค่พูดผิดไปประโยคเดียว ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เคยขอโทษแล้ว นางกลับเฉยเมยกับเขาอยู่เรื่อยมา อารมณ์แง่งอนเช่นนี้ก็เกินไปอยู่บ้างกระมัง?
แต่ว่ารอนางกลับมาหลินอัน เห็นของขวัญเต็มห้อง ก็คงไม่โกรธเคืองแล้วกระมัง?
นึกมาถึงตรงนี้ เผยเยี่ยนก็ทำตัวกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยว่า “สองวันมานี้รอบตัวเจ้ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่?”
อวี้ถังสั่นศีรษะ
เผยเยี่ยนพึมพำกับตัวเองอย่างฉงนใจอยู่บ้าง “ไม่ควรจะเป็นเช่นนี้สิ! หลังจากข้าไล่เผิงสืออีออกจากหลินอัน ภายนอกเขาไม่ได้พูดอันใด แต่กลับโมโหอย่างยิ่ง ยัง ‘พลั้งมือ’ ตีเด็กรับใช้ข้างกายตายไปคนหนึ่ง หลี่ตวนยังอยู่ในเมืองหลวงไม่มีความเคลื่อนไหวอันใด…ตกลงสองคนนี้รู้จักกันเมื่อใด? ทั้งมาสมคบคิดกันได้อย่างไร?”
อวี้ถังก้มหน้า เอ่ยเสียงแผ่ว “บางทีข้าอาจจำผิด! ยามนี้ข้านึกถึงฝันนั้น มักรู้สึกว่าเหลวไหลอย่างยิ่ง คนเฒ่าคนแก่ก็เคยบอกไว้ ตอนกลางวันนึกถึงเรื่องอะไร ตอนกลางคืนก็จะฝันถึงเรื่องนั้น บางทีอาจเป็นเพราะข้าตกใจเผิงสืออีจนคิดจินตนาการฟุ้งซ่านไปเอง”
ยามนี้ อย่างไรเผยเยี่ยนก็ไม่เชื่อแล้ว เขาเอ่ยว่า “หากเป็นจินตนาการ ก็เก่งเกินไปแล้ว”
เวลานี้อวี้ถังจึงค่อยรู้อย่างลึกซึ้งว่าคนเราไม่ควรพูดโกหกพร่ำเพื่อจริงๆ ไม่อย่างนั้นเมื่อเจ้าเดินบนเส้นทางนี้ยิ่งเดินก็จะยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆ ท้ายที่สุดก็จะหาทางไปไม่ได้
นางทำได้เพียงเอ่ยว่า “มีแต่เป็นโจรพันวัน ไม่มีทางป้องกันโจรได้พันวัน บางเรื่อง ยังคงต้องปล่อยไปตามชะตากรรม!”
เผยเยี่ยนมองอวี้ถังอย่างไม่พอใจไปที
สาวน้อยผู้นี้ เป็นอะไรไป? หลายวันมานี้พบนางก็มักจะเผยท่าทีอ่อนแอเซื่องซึม คำพูดที่กล่าวออกมาก็ดูเศร้าสร้อย
ดูท่าเถาชิงจะพูดมีเหตุผล เดิมทีนางก็ไม่ได้รับรู้ถึงการขอโทษของเขา
อย่างไรก็ควรชัดเจนกว่านี้หน่อย
เผยเยี่ยนอดให้กำลังใจตัวเองไม่ได้
ยังดีที่เขาหัวไว ส่งคนตามอวี้ถังไป ไม่ว่านางถูกใจของสิ่งใดก็ให้ซื้อส่งกลับมาหลินอัน
นางเห็นของพวกนั้นก็คงทราบถึงความตั้งใจของเขา
ไม่แน่ว่าอาจจะดีใจขึ้นมา วิ่งมาขอบคุณเขาก็เป็นได้
เผยเยี่ยนครุ่นคิด ในสมองปรากฏท่าทีดีอกดีใจของอวี้ถัง ทั่วใบหน้าเผยความยินดีที่พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง
เขาตัดสินใจให้อภัยอวี้ถังอย่างใจกว้าง ทั้งยังเอ่ยให้กำลังใจนาง “เจ้าพูดมีเหตุผล แต่หากพวกเรารู้อย่างชัดเจนว่าใครเป็นโจรแล้วยังปล่อยไป ก็จะง่ายต่อโจรพวกนั้นเกินไป เจ้าวางใจเถิด สองคนนี้ ข้าย่อมจะจัดการพวกเขา เจ้าสนใจเพียงทำตามที่ข้าจัดการก็พอ รับรองว่าเจ้าจะปลอดภัย ไม่มีเรื่องอะไรทั้งนั้น”
เรื่องนี้อวี้ถังเชื่อ
แต่นางกลับรับรู้ถึงอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของเผยเยี่ยน ทั้งไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น กระวนกระวายในใจอยู่บ้าง ทำได้เพียงเอ่ยว่า “มีท่านคอยปกป้อง ข้าย่อมไม่เป็นอะไร”
เผยเยี่ยนขานรับว่า ‘อืม’ อย่างพอใจ คิดว่าตัวเองควรคุยเรื่องงานแต่งของกู้ฉ่างกับอวี้ถังต่อ ทั้งกังวลอยู่บ้างว่าตัวเองพูดซุบซิบลับหลังคนอื่นจะไม่ค่อยดีเท่าใด
แต่เมื่อก่อนเขาเคยกังวลกับความชอบของใครตั้งแต่เมื่อใดกัน?
จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ลังเลไปพักใหญ่ ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจพูดเรื่องของกู้ฉ่างอย่างอ้อมๆ
“สถานการณ์ของกู้ฉ่างในยามนี้ยังคงลำบากไม่น้อย แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลอิน มีผลดีกับเส้นทางขุนนางของเขา” เขาเอ่ยด้วยยิ้มบาง “แต่ว่า ก่อนหน้านี้อาจารย์ของเขาอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับเขามาโดยตลอด เขากลับคลุมเครือ ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ล้วนไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับสกุลซุน อย่างไรสกุลซุนก็แต่งลูกสาว ต้องสงวนท่าทีไว้บ้าง รวมทั้งซุนเกาผู้นี้ก็หัวแข็งมั่นใจในตัวเองอยู่บ้าง คิดว่าสถานการณ์เช่นนี้สกุลกู้ย่อมไม่อาจแต่งลูกสาวสกุลอื่นเข้ามาได้ ไม่อย่างนั้นสกุลกู้ก็คงไปเจรจาแต่งงานนานแล้ว ทั้งอาจจะเกี่ยวข้องกับบิดาผู้ไม่เอาถ่านคนนั้นของกู้ฉ่าง คาดไม่ถึงว่าวิธีของซุนเกากลับเตือนสติกู้ฉ่าง ครั้งนี้กู้ฉ่างหมั้นหมายกับสกุลอิน จึงแอบอ้างชื่อของผู้ใหญ่ ยืมเรื่อง ‘คำสั่งของพ่อแม่ไม่อาจฝ่าฝืน’ มาเป็นข้ออ้าง ครั้งนี้ซุนเกาต้องกล้ำกลืนฝืนทน เกรงว่าจะแตกหักกับกู้ฉ่างล่วงหน้าเสียแล้ว”
“อินเฮ่ายังตั้งใจมาหาข้าเพราะเรื่องนี้โดยเฉพาะ ถามข้าว่ามีวิธีช่วยเหลือกู้ฉ่างหรือไม่”
“ข้าคิดว่าอย่างไรพวกเราสองสกุลก็เป็นญาติที่เกี่ยวดองทางการแต่งงาน จึงเสนอความคิดให้อินเฮ่า โทสะของซุนเกาไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ทั้งก่อนหน้านี้กู้ฉ่างไม่ได้ปฏิเสธสกุลซุนอย่างชัดเจน ในเมืองหลวงจึงได้มีข่าวลือแพร่ออกมา หากยามนี้กู้ฉ่างไม่ทนรับความไม่เป็นธรรมเสียหน่อย ถึงกระทั่งไม่รับความอัปยศอดสู คนอื่นคงไม่เห็นใจกู้ฉ่าง เช่นนั้นชื่อเสียงที่ว่าเนรคุณก็จะติดตัวกู้ฉ่างไปตลอด”
“มีเพียงต้องให้ทุกคนเห็นความเผด็จการของซุนเถา ทุกคนจึงจะสามารถเข้าใจความระทมทุกข์ของกู้ฉ่างได้!”
อวี้ถังรู้สึกว่านางไม่เข้าใจเรื่องเช่นนี้
ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเผยเยี่ยนจึงบอกเรื่องพวกนี้กับนาง ทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมกู้ฉ่างต้องนำงานแต่งของตัวเองมาเป็นเครื่องมือหาประโยชน์ ยิ่งไม่เข้าใจว่าพวกเขาแสวงหาชื่อเสียงลาภยศเช่นนี้มีความหมายอันใด
นางเพียงแต่สงสารคุณหนูซุน
ไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะต้องแต่งงานกับคนแบบใด? สามีจะจงรักภักดีต่อนางหรือไม่?
อวี้ถังทำได้พยักหน้า
เผยเยี่ยนลอบจิปาก
ไฉนคุณหนูผู้นี้จึงง้อยากจริงๆ
เขาลอบถอนหายใจ ยามนี้นึกถึงคุณหนูสวีขึ้นมาอยู่บ้าง…หากคุณหนูสวีอยู่ที่นี่ ก็คงยังมีคนคอยส่งต่อบทสนทนา คุณหนูตัวน้อยก็คงไม่ห่อเหี่ยวเช่นนี้
แต่ว่าสกุลอินและสกุลกู้ใกล้จะหมั้นหมายกันแล้ว คนที่ยุ่งที่สุดก็ควรจะเป็นนายหญิงสามสกุลหยาง คุณหนูสวีเป็นว่าที่สะใภ้ของสกุลอิน ทั้งสกุลสวียังเกี่ยวดองกับสกุลอิน นายหญิงสามสกุลหยางไม่คุ้นเคยสถานที่ คาดว่าคงจะดึงคุณหนูสวีมาเป็นลูกมือ เป็นไปได้ว่าคุณหนูสวีคงไม่มีเวลามาสนใจคุณหนูตัวน้อยของเขา
ความคิดวาบผ่านไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเผยเยี่ยนแข็งทื่อเล็กน้อย
คุณหนูตัวน้อย…เอ่อ…ของเขา
เป็นเช่นนี้ไม่ผิดกระมัง?
เป็นคนที่เขาอยากปกป้องมาโดยตลอด
แต่พูดว่าเป็นคุณหนูตัวน้อยของเขา…ดูเหมือนจะน่ากระอักกระอ่วน…ทั้งไม่เหมาะสมอยู่บ้าง
เผยเยี่ยนกระแอมไอเบาๆ อย่างไม่เป็นตัวเองอยู่บ้าง กดเรื่องที่เขารู้สึกว่าเหลวไหลไว้เบื้องลึกในใจ รีบเอ่ยถึงคุณหนูสวีแทน “หลายวันนี้นางคงยุ่งอย่างยิ่ง หากเจ้ารู้สึกเบื่อหน่าย ข้าจะให้ชิงหยวนพาเจ้าไปพักที่คฤหาสน์ทางเขาเฟิ่งหวงเป็นอย่างไร? ที่นั่นห่างไกลจากความวุ่นวาย มีป่าไม้ละลานตา ภูเขาเขียวขจี เหมาะเป็นที่พักในหน้าร้อน…”
อวี้ถังหลบหลีกอีกครั้ง ทั้งรับรู้ถึงความปรารถนาดีของเผยเยี่ยน
แต่นางเข้ามาเป็นเพื่อนคุณหนูสวี จะทิ้งคุณหนูสวีไว้คนเดียวไปเที่ยวเล่นที่คฤหาสน์บนเขาเฟิ่งหวงของเขา เพราะคุณหนูสวียุ่งเกินไปได้อย่างไร?
นางอดมองเผยเยี่ยนไปทีไม่ได้ “คุณหนูสวีเคยพูดเรื่องนี้กับข้าแล้ว นางชวนข้าไปช่วยนายหญิงสามสกุลหยางด้วยกัน”
คำพูดเดิมของคุณหนูสวีคือโอกาสนี้หายาก หากรู้ว่าสกุลอย่างสกุลอินและสกุลกู้จัดการเรื่องมงคลกันอย่างไร ภายหลังหากอวี้ถังพบเรื่องมงคลของคนในครอบครัว นางก็จะรู้แล้วว่าควรทำอย่างไร
ภายหลังอวี้ถังต้องเป็นผู้ดูแลสกุล จัดการเรื่องปฏิสัมพันธ์กับผู้คน ความสามารถในการจัดการงานมงคลหรืองานไว้ทุกข์ล้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่พิจารณาได้ว่าเจ้าเหมาะสมหรือไม่
เผยเยี่ยนได้ฟังก็คัดค้าน
เขาเอ่ยว่า “หากพวกเขาไม่มีคน เหตุใดไม่มายืมคนจากข้า? กลับลากเจ้าไปทำเรื่องลำบาก?”
เขาไม่เสียดายคนแม้แต่น้อย ถือสิทธิ์อันใดมาสั่งคนอื่นทำตามใจ
เผยเยี่ยนคิดเช่นนี้ ในใจก็คล้ายมีน้ำมันราดในกองเพลิง เผาลุกไหม้ไปทั่ว ปล่อยควันลอยโขมงอย่างห้ามไม่อยู่
“ไม่ต้องไป!” เขาเอ่ยเสียงแข็ง “ข้าว่านางบงการอินหมิงหย่วนจนติดเป็นนิสัย ลากใครมาใช้ก็คิดว่าเป็นเรื่องที่สมควร อีกเดี๋ยวเจ้าก็ไปบอกกับนาง ไม่สิ ให้ชิงหยวนไป บอกว่าช่วงนี้อากาศร้อนขึ้นเรื่อยๆ เรื่องของพวกเขา เจ้าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว อีกเดี๋ยวเจ้าจะไปพักที่เขาเฟิ่งหวงระยะหนึ่ง รอพวกเขาทางนี้เสร็จธุระแล้วจะย้ายกลับมาอีกที!”
อวี้ถังจะรับปากได้อย่างไร
นางเห็นเผยเยี่ยนโมโหจนใบหน้าตึงเขม็ง แทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง รู้ว่าเขามีโทสะอย่างยิ่ง แต่นางก็คิดไม่ตกว่าเหตุใดเขาจึงโกรธถึงขนาดนี้ ทั้งคุณหนูสวีก็ปรารถนาดีต่อนาง นางอยากเห็นว่าสกุลใหญ่ส่งของหมั้นกันอย่างไร เหตุใดต้องส่งของหมั้นเช่นนี้ ภายหลังนางก็จะสามารถลองรับช่วงต่อจัดการเรื่องยิบย่อยพวกนี้ในเรือนได้
นางคิดดีแล้ว จะใช้วันเกิดครบปีของหลานชายในการฝึกฝน
ยังคิดแล้วว่าจะโน้มน้าวผู้ใหญ่ในสกุลอย่างไร
จู่ๆ เผยเยี่ยนกลับวิ่งออกมาขวาง
ทั้งยังขวางอย่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
อวี้ถังยังคิดว่า หากเผยเยี่ยนแค่ไม่พอใจคุณหนูสวี นางก็ควรจะช่วยไกล่เกลี่ยเสียหน่อย
ด้วยเหตุนี้นางจึงเอ่ยอย่างไม่เข้าใจอยู่บ้าง “คุณหนูสวีก็ปรารถนาดี ท่านโกรธถึงขนาดนี้ทำไมกัน?”
ชั่วขณะนั้นเผยเยี่ยนก็พูดไม่ออก
เหตุใดเขาจึงโกรธถึงขนาดนี้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นมองนางด้วยภาพลักษณ์ที่ดีหรอกรึ?
เหตุใดเขาถึงไม่อยากให้คนอื่นมองนางด้วยภาพลักษณ์ที่ดี?
เป็นเพราะเขาไม่เคยปฏิบัติเช่นนี้กับนางมาก่อน?
เขาก็ไม่เคยปฏิบัติกับหลานสาวตัวเองอย่างนี้เช่นกัน
แต่เขาก็ไม่เคยโมโหเป็นฟืนเป็นไฟเพราะหลานสาวไม่ได้รับความเป็นธรรมอันใด
ใจของเผยเยี่ยนเริ่มเต้นกระหน่ำขึ้นมา
เขารู้สึกว่าท่าทีของตัวเองที่มีต่ออวี้ถังแตกต่างจากคนอื่นอย่างยิ่ง
ผ่อนปรนที่นางแอบอ้างบารมี ผ่อนปรนที่นางพูดจาเหลวไหล ผ่อนปรนที่นางแยกเขี้ยวยิงฟัน…แม้จะเป็นเช่นนี้ เขายังกลัวว่านางจะถูกคนอื่นรังแก
เห็นนางไล่ตามภาพวาดจากหลู่ซิ่นสุดกำลัง นางเป็นคนที่ถูกรังแกแต่ไม่เอาคืนอย่างนั้นรึ?
เขากลับกลัวว่านางจะถูกกู้ซีรังแก!
ชั่วพริบตานั้นเขาก็จิตใจสับสนวุ่นวาย ในสมองมีแต่เสียงวิ้งๆ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ทั่วทั้งร่างล้วนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น สีหน้าดำคล้ำราวกับก้นหม้อ
อวี้ถังเห็นก็กระสับกระส่ายอยู่บ้าง
นางคงไม่ทำเรื่องล่วงเกินเขาอีกแล้วกระมัง?
เผยเยี่ยนผู้นี้รับมือยากจริงๆ เจ้าไม่อาจรู้ได้ว่าจะไปกระทุ้งโดนจุดปวดของเขาเมื่อใด ยามใดที่จะทำให้เขาหัวเราะได้
ไม่รู้ว่าพวกคุณหนูสวีจะกลับเมืองหลวงเมื่อใด
นางคิดถึงบ้านอยู่บ้าง
อยากกลับไปเร็วๆ แล้ว