เผยเยี่ยนคล้ายถูกสายฟ้าฟาด
พักใหญ่จึงเอ่ยเสียงตะกุกตะกักออกมาว่า “ไม่ ไม่หรอกกระมัง?”
เถาชิงวิเคราะห์ให้เขาฟังอย่างละเอียด “เจ้าบอกว่าไม่ทันระวังจึงล่วงเกินคุณหนูอวี้เข้า เจ้ากับคุณหนูอวี้แยกกันไปด้วยความผิดใจ ตามหลักแล้ว หากว่าคุณหนูอวี้อภัยให้เจ้า นั่นย่อมเป็นเพราะนางไร้ความรู้สึกต่อเจ้า เจ้าช่วยดูแลกิจการของสกุลนาง ไม่ว่าอย่างไรนางก็สมควรจะขอบคุณเจ้า ข้าพูดไม่ผิดกระมัง?”
“ไม่ผิด!” เผยเยี่ยนจ้องเขม็งไปที่เถาชิง
เถาชิงเปล่งเสียงต่อไปว่า “ถ้าคุณหนูอวี้ไม่ให้อภัยเจ้า นางก็ต้องวางท่าทีเคารพเหินห่าง เจ้าพูดอะไร ทำอะไร นางก็จะทำเหมือนมองไม่เห็นเสียอย่างนั้น…”
ตอนนี้อวี้ถังก็ทำเหมือนเขาไร้ตัวตนอยู่!
เผยเยี่ยนตื่นตะลึง
เถาชิงรู้ว่าเขาเข้าใจชัดแล้ว ถึงเอ่ยว่า “เรากลับมาพูดถึงตัวเจ้าบ้าง แต่ไรเจ้าก็เป็นคนเด็ดขาด ร้ายมาร้ายกลับ ดีมาดีตอบ แต่ทำไมพอเป็นเรื่องของคุณหนูอวี้เจ้ากลับเลอะเลือนเช่นนี้? ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องดีงามเรื่องหนึ่ง เจ้ากลับไม่ยอมพูดออกไป แล้วยังโยนทั้งหมดใส่คุณหนูอวี้อีก คุณหนูอวี้มิใช่ซู่จี๋ซื่อหรือว่าที่ปรึกษาของเจ้า ทั้งไม่ใช่สหายในราชสำนักด้วย นางไม่คุ้นเคยวิธีการของพวกเจ้า แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่าจุดประสงค์จริงๆ ของเจ้าคืออะไรแน่?”
เผยเยี่ยนฟังแล้วก็กระเด้งตัวลุกทันที เขาประสานมือไปทางเถาชิง “พี่ชาย ข้าขอตัวก่อน พรุ่งนี้บ่ายพวกเราไปพบกันที่วัดหลิงอิ่น” ขณะที่พูด ก็สาวเท้าเตรียมพุ่งออกไปทันที
เถาชิงคว้าตัวเผยเยี่ยนไว้ทัน “ในเมื่อเจ้าเห็นข้าเป็นพี่ชาย คนบ้านเดียวกันไม่พูดจาเกรงใจ เจ้าสารภาพกับข้ามาตามตรง เรื่องของอาอันใช่ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่? เจ้ารู้จักนิสัยข้าดี ข้ารู้จักพอและยินดีในสิ่งที่ได้ เจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าจะลำบากใจ”
“หามิได้ๆ” เผยเยี่ยนในเวลานี้คิดแต่จะกลับไปเร็วๆ
เขาให้ชิงหยวนกล่อมอวี้ถังให้ไปวัดหลิงอิ่นวันพรุ่งนี้ แต่หากอวี้ถังยังโกรธเขาอยู่ เขาให้นางไปทางตะวันออก นางต้องดันทุรังจะไปทางตะวันตกแน่
เรื่องนี้มิอาจชักช้า
เขาต้องรีบแก้ไขความเข้าใจผิดของอวี้ถังโดยเร็ว
มิฉะนั้นเขามิใช่ยกย่องเจียงเฉาอย่างเปล่าประโยชน์หรือ?
สมองของเผยเยี่ยนแล่นปราด น้ำเสียงร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด “พี่ชาย พวกเราเรียกท่านมา ก็เพราะต้องการจะถามว่าสกุลท่านยินดีออกเงินเท่าไรเพื่อสะสางปัญหา? หากพวกท่านคิดว่าไม่คุ้มค่า มันก็คือวิธีที่ไม่สมควร หากพวกท่านคิดว่ามันคุ้มค่า มันก็จะเป็นวิธีที่เหมาะสม ข้ากับพี่รองอินไม่อาจตัดสินใจแทนสกุลท่านได้”
เถาชิงได้ยินว่าเรื่องของเถาอันยังพอเป็นไปได้ ความคาดหวังในใจก็เพิ่มขึ้นมาเต็มเปี่ยม เขาเอ่ยด้วยเสียงเต็มกำลังว่า “พวกเราสกุลเถาย่อมทุ่มสุดตัวเพื่อสนับสนุนพวกเจ้า ต้องรู้ไว้ด้วยว่า เรื่องที่สามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ นั่นก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไร กลัวว่าหาเงินมาได้แต่ไม่มีที่ให้ใช้น่ะสิ”
เผยเยี่ยนฟังเข้าใจแล้ว
สกุลเถาจะใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อช่วยเถาอันชิงตำแหน่งผู้ตรวจการเจียงซีมาให้ได้
เถาชิงกังวลว่าเผยเยี่ยนจะเจอความยุ่งยาก ตัดสินใจมัดเผยเยี่ยนไว้บนรถม้าของตนเองด้วย “พวกเจ้าไม่เห็นอาอันเป็นคนนอก ข้าเองก็ไม่คิดว่าพวกเจ้าเป็นคนอื่น เรื่องในเจียงหนาน ถือว่าเป็นเรื่องของข้าส่วนหนึ่ง เงินสองแสนตำลึงนั่น อย่างมากสกุลเถาจะออกทั้งหมดเองก็ได้”
หน้าใหญ่ใจโตไม่เลว
เผยเยี่ยนหัวเราะ “พี่ชายวางใจได้ ในใจข้ารู้ขอบเขตดี ท่านพักผ่อนให้สบายเถอะ ข้าขอตัวก่อน” พูดจบ เขาก็ช่วยเถาชิงปิดประตู ก่อนหายวับไปกับความมืดยามราตรี
รอจนเถาชิงไล่ตามหลังออกมา เผยเยี่ยนก็ไม่เหลือแม้แต่เงาแล้ว
เถาชิงส่ายหน้าไปมา ยืนนิ่งอยู่กลางลมเย็นต้นหน้าร้อน ครุ่นคิดเงียบๆ เป็นพักใหญ่ก่อนจะเข้าห้องไป
ตอนที่เผยเยี่ยนกลับไปถึงเรือนก็เลยยามห้าย[1]มาแล้ว เขาอยากจะไปพบอวี้ถังเสียตอนนี้ ทว่าได้แต่มองท้องฟ้ามืดมิดแล้วถอนหายใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น อินเฮ่าก็มาซักไซ้เอาความกับเขาว่า “พี่ใหญ่สกุลเถาให้พวกเราไปพบเขาเมื่อวานเย็น เป็นเจ้าที่บอกว่าอย่าทำตัวโดดเด่น ให้นัดพบวันนี้ที่วัดหลิงอิ่น แล้วทำไมเมื่อวานเจ้าต้องวิ่งไปหาพี่ใหญ่สกุลเถาคนเดียว? เจ้าตอบข้ามาตามจริง เมื่อวานเจ้ากับพี่ใหญ่สกุลเถาคุยเรื่องอะไรกัน? ทำไมถึงกีดกันข้าให้ออกห่าง? เจ้ามีแผนอะไรกันแน่? การร่วมมือกันสำคัญที่ความจริงใจ เจ้าทำเช่นนี้ ไร้ซึ่งความจริงใจโดยสิ้นเชิง”
เผยเยี่ยนเพิ่งจะส่งคนไปสืบแผนเดินทางของอวี้ถัง ทางนั้นยังไม่มีข่าวส่งกลับมา คนกำลังร้อนใจ แต่กลับถูกอินเฮ่ารบเร้าไม่หยุด เขาไม่พอใจขึ้นมา จึงตอกกลับอย่างฉุนเฉียวว่า “เหตุใดเจ้าพูดมากเช่นนี้? สกุลเถาย่อมยินดีให้พวกเราช่วยเถาอันชิงตำแหน่งขุนนางขั้นสามอยู่แล้ว ปัญหาคือวันนี้พวกเราจะโน้มน้าวหวังชีเป่าให้ช่วยออกหน้าได้อย่างไรต่างหาก”
อินเฮ่าเชื่อมั่นในนิสัยใจคอเผยเยี่ยน เขารู้สึกว่าเมื่อวานที่เผยเยี่ยนไปหาเถาชิง ย่อมมีเรื่องด่วนกะทันหันเป็นแน่ จึงไม่ทันเรียกเขาไปด้วย หรือบางทีอาจไม่จำเป็นต้องมีเขา แต่ยากนักที่เขาจะได้กุมจุดอ่อนเผยเยี่ยนสักครั้ง อดจะแกล้งแหย่เผยเยี่ยนไม่ได้ รังควานเขาไม่เลิกราด้วยการซักไซ้ว่าทำไมต้องไปหาเถาชิงตามลำพัง
เผยเยี่ยนหมกมุ่นอยู่กับเรื่องอวี้ถัง ไม่รู้นางจะยอมไปวัดหลิงอิ่นตามที่เขาต้องการหรือไม่ หาได้มีกะใจไปรับมือกับอินเฮ่า เขาแทบอยากจะอุดปากอินเฮ่าให้จบเรื่องเสียด้วยซ้ำ
สองคนกำลังทำสงครามน้ำลายกันอยู่ ชิงหยวนพลันเดินเข้ามา
เผยเยี่ยนทิ้งอินเฮ่าไว้ด้านนอก แล้วไปคุยกับชิงหยวนด้านในลาน
ชิงหยวนยิ้มพลางเอ่ยว่า “บ่าวสังเกตท้องฟ้าแล้ว พรุ่งนี้อาจมีฝนตก คุณหนูสวีกับคุณหนูอวี้จึงตัดสินใจจะไปวัดหลิงอิ่นวันนี้เจ้าค่ะ”
เผยเยี่ยนโล่งใจ พลันคิดว่าช่วงบ่ายจะต้องหาโอกาสไปคุยกับอวี้ถังให้ได้ ถ้าปล่อยให้นางเข้าใจผิดไปเรื่อยๆสุดท้ายคนสองคนอาจแก่ตายไปโดยไม่ได้เจอหน้ากันอีก
ทางด้านอวี้ถัง นางนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทางหนึ่งก็หยิบดอกไม้มาเทียบข้างจอนผม ทางหนึ่งก็คุยกับคุณหนูสวีที่นั่งอยู่บนตั่งยาวข้างๆ ว่า “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าพรุ่งนี้ฝนจะตก?”
คุณหนูสวีมือเท้าคางเลือกลูกกวาดในกล่องขนมที่วางอยู่บนเตียง ตอบอย่างใจลอยว่า “หญิงรับใช้ข้างกายข้าอ่านสภาพอากาศเป็นทุกคน! เมื่อวานนางมาเตือนข้า บอกว่ากลัวฝนจะตก ข้าคิดว่าฝนตกก็ตกไปสิ อย่างมากก็เดินเล่นวัดหลิงอิ่นตอนฝนตกแค่นั้น แต่ชิงหยวนบอกกลัวอากาศจะหนาว คิดว่าไปวันนี้เลยจะดีกว่า อีกอย่างเดี๋ยวเผยสยากวงก็จะไปด้วยอยู่แล้ว ข้าได้ยินจากอินหมิงหย่วนว่า เจ้าอาวาสวัดหลิงอิ่นก่อนออกบวชเป็นถึงซิ่วไฉ เก่งกาจด้านวรรณกรรมยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องวาดภาพ พวกเราก็อาศัยหน้าของเผยสยากวง อย่างน้อยก็เชิญเจ้าอาวาสทำพิธีให้ ไม่แน่อาจจะขอภาพวาดติดมือกลับมาสักหลายแผ่น อินหมิงหย่วนของข้านั้นชื่นชอบภาพวาดเป็นที่สุด”
อวี้ถังนับว่ามองออกแล้ว คุณหนูสวีอยากไปเพราะต้องการยืมชื่อของเผยเยี่ยนนี่เอง
สมควร!
คนอย่างเขา ต้องถูกคนหลอกใช้เล่นอุบายหลายๆ ครั้งถึงจะสาสม
หากเป็นเมื่อก่อน อวี้ถังคงทะนุถนอมเผยเยี่ยนแม้กระทั่งขนเส้นเล็กๆ แต่วันนี้ นางกับคุณหนูสวีตัดสินใจว่าจะแอบอ้างบารมีของเผยเยี่ยนเสียเลย
นางคิดถึงครั้งที่สองของการพบหน้า ท่าทางลมออกหูของเผยเยี่ยนตอนที่พบว่านางหลอกแอบอ้างชื่อเสียงของสกุลเผยเพื่อจัดการปัญหา
นางจะให้เขาได้ลิ้มรสชาตินั้นอีกครั้ง
อวี้ถังถึงขนาดแอบสะใจอยู่ลึกๆ เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดี! พวกเราวันนี้จะไปเที่ยวเล่นให้ทั่ววัดหลิงอิ่นเลย ข้าได้ยินว่าวัดหย่งฝูก็ตั้งอยู่ข้างๆ วัดหลิงอิ่น พวกเราไปเดินเที่ยวที่วัดหย่งฝูด้วยดีหรือไม่!”
“ประเสริฐยิ่ง!” คุณหนูสวีตื่นเต้นดีใจ สองคนหารือกันเรื่องแผนเดินทางไปวัดหลิงอิ่น แล้วพาพวกชิงหยวนและอาฝูขึ้นเกี้ยวไปวัดหลิงอิ่นด้วย
วัดหลิงอิ่นทางนั้นได้รับข่าวตั้งแต่แรกแล้ว ลูกน้องของผู้ดูแลสี่ได้ล่วงหน้ามาแจ้งแก่พระผู้ดูแลให้ทราบก่อนพวกนางจะมาถึง เก็บกวาดห้องเซียงฝางสำหรับพักผ่อน แล้วไปรอพวกนางที่เนินเขาด้านล่าง
สองคนปีนลงมาจากเกี้ยวเมื่อถึงหน้าประตูวัด พระผู้ดูแลออกมารับหน้า ก่อนจะพาพวกนางผ่านประตูข้างเดินเข้าวัดไป
หลังจากจุดธูปไหว้พระที่พระอุโบสถ บริจารเงินค่าตะเกียงน้ำมันธูปเทียนแล้ว อวี้ถังกับคุณหนูสวีก็ได้ไปพบเจ้าอาวาสที่ห้องสงบใจโดยมีพระผู้ดูแลคอยจัดการ
เจ้าอาวาสจัดแจงทำพิธีให้พวกนางด้วยตนเอง ทว่าผู้ที่นำพิธีกลับเป็นพระอาจารย์ขั้นสูงท่านหนึ่งที่เจ้าอาวาสแนะนำให้ ทั้งยังเอ่ยอย่างถ่อมตนว่า “อาตมาอายุมากแล้ว เรี่ยวแรงจำกัด ช่วงบ่ายยังมีแขกมาเยี่ยมเยียน ต้องละเลยโยมทั้งสองแล้ว!”
อวี้ถังกับคุณหนูสวีมองเจ้าอาวาสที่เคราขาวโพลนทว่าปฏิบัติต่อนางด้วยมารยาทเกรงอกเกรงใจ พวกนางก็รีบคารวะกลับอย่างนอบน้อม เอ่ยไม่หยุดปากว่า “มิกล้า”
คุณหนูสวีละล้าละลังว่าจะเอ่ยปากขอภาพวาดจากท่านเจ้าอาวาสดีหรือไม่
อวี้ถังตอนนี้กลัวอย่างเดียวว่าเผยเยี่ยนจะไม่ได้เจอเรื่องยุ่งยาก จึงออกความเห็นแก่คุณหนูสวีว่า “ไปขอให้นายท่านสามช่วยสิ ชิงหยวนมิใช่บอกว่าเขาสนิทกับเจ้าอาวาสรึ? เรื่องแค่นี้ทำให้ไม่ได้หรือไร?”
คุณหนูสวีได้ฟังก็ได้สติขึ้นมาทันที
สองคนกินอาหารเจที่วัดหลิงอิ่น กำชับเณรน้อยที่คอยดูแลว่า หากเผยเยี่ยนมาถึงแล้วให้แจ้งพวกนางทันที จากนั้นสองคนก็นอนหลับในห้องเซียงฝางไปด้วยใจที่ไร้กังวล
ตอนที่ตื่นขึ้นมาช่วงบ่าย ได้ยินว่าเผยเยี่ยนกับอินเฮ่ามาถึงวัดหลิงอิ่นแล้ว และไม่ได้ไปพบท่านเจ้าอาวาส คนไม่รู้ไปเดินเล่นอยู่ตรงไหน
อวี้ถังจึงหารือกับคุณหนูสวีว่าต้องตามหาเผยเยี่ยนให้เจอถึงจะถูก
ชิงหยวนเสนอตัวไปตามหาคนให้อย่างฮึกเหิม
อวี้ถังกับคุณหนูสวีรออยู่ประมาณหนึ่งก้านธูปก็ยังไม่เห็นเผยเยี่ยนมาเสียที ชิงหยวนก็ไปแล้วไปลับเช่นเดียวกัน
สองคนรอแล้วรออีกจนร้อนใจ ก่อนชวนกันไปเดินเล่นชมดอกไม้ที่ลานเรือน
ใครจะคิดว่าพอก้าวขาจากห้องเซียงฝาง ก็ปะหน้ากับกู้ฉ่างพอดี
“คุณหนูอวี้ ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอท่านที่นี่?” สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
อวี้ถังก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ย่อกายคารวะกู้ฉ่างด้วยรอยยิ้ม “คิดไม่ถึงว่าท่านก็มาวัดหลิงอิ่นด้วย บังเอิญเสียจริง!”
“นั่นน่ะสิ!” กู้ฉ่างหัวเราะ รู้สึกว่าเมื่ออยู่ใต้แสงอาทิตย์เช่นนี้ ลูกตาขาวดำที่งดงามของอวี้ถังช่างกระจ่างเหมือนน้ำใส เทียบกับตอนที่อยู่ใต้แสงจันทร์แล้วนับว่าเป็นความงามคนละแบบ
รอยยิ้มของเขาแข็งค้างไปเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว “คุณหนูอวี้มาทำอะไรที่วัดหลิงอิ่นหรือ? ข้าเป็นคนหังโจว มาไหว้พระที่วัดหลิงอิ่นตั้งแต่เล็กๆ ตอนที่สอบได้จิ้นซื่อปีนั้น ยังมาทำบุญที่วัดเป็นพิเศษด้วย หากคุณหนูอวี้ต้องการสิ่งใด สามารถมาหาข้าได้เลย”
“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ!” อวี้ถังตอบกลับอย่างเกรงใจ สองคนปราศรัยตามมารยาทอีกหลายประโยค
คุณหนูสวีที่ถูกลืมทิ้งไว้ด้านข้างมองซ้ายทีขวาที นัยน์ตาทอประกายเย็นเยียบ จ้องกู้ฉ่างที่ยืนอยู่ตรงนั้นและพยายามหาเรื่องชวนคุย นางจึงกระแอมเสียงหนักไปสองที
กู้ฉ่างเพิ่งจะรู้ตัวว่าตนเสียมารยาท จึงหัวเราะแล้วหันมาทักทายคุณหนูสวีด้วย
คุณหนูสวีตอบความด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ก่อนจะลากมืออวี้ถังเดินจากไป
กู้ฉ่างคิดว่าตนช่างมีวาสนากับอวี้ถังเหลือเกิน เขายืนมองแผ่นหลังของพวกนางอยู่ที่เก่า ลังเลว่าจะหาโอกาส ‘บังเอิญ’ พบอวี้ถังอีกดีหรือไม่ ส่วนคุณหนูสวีกลับลากอวี้ถังมาใกล้แล้วกระซิบข้างหูว่า “กู้เจาหยางเป็นไปได้มากว่าจะแต่งกับบุตรสาวใต้เท้าซุนซึ่งเป็นอาจารย์เขา พวกเราอย่าไปสนใจเขาเลย”
“ข้ารู้หรอกน่า!” อวี้ถังแค่ชื่นชมที่เขารักใคร่กู้ซี ถึงได้มองเขาด้วยสายตาที่สูงขึ้นหน่อย นางได้ยินดังนั้นยังหัวเราะบอกว่า “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินคนอื่นพูดมา”
คุณหนูสวีไม่ได้ติดใจ คิดว่าเรื่องบางอย่างอวี้ถังรู้แล้วก็ดี หากนางพูดมากไป จะคล้ายระแวงนิสัยใจคอของอวี้ถังได้ นางจึงเปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นว่า “พวกเราจะรอเผยสยากวงอย่างเดียวแบบนี้ก็ไม่ได้! หรือไม่ พวกเราไปเที่ยววัดหย่งฝูก่อน? พอกลับมาจากวัดหย่งฝูแล้วค่อยไปหาเผยสยากวงก็ได้?”
———————————————————–
[1]ยามห้าย คือเวลาประมาณ 21:00 - 22:59 น.
MANGA DISCUSSION