ตอนที่ 8: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (2)
“เห้อ คิดว่าจะไม่รอดเเล้วเรา…”
ลิเลียกำมือเเนบหน้าอก เเละถอนหายใจยาวออกมา เเม้ว่าเเว่นของเธอจะทึบจนไม่เห็นสีหน้าที่ชัดเจนของเธอ เเต่เธอฟังจากดทนเสียงสิ้นหวังของเธอก็พอเข้าใจได้
“ฮ่าๆๆ คุณลิเลียจะขี้กลัวไปเเล้ว”
“คุณโนวมอลไม่กลัวสิถึงจะน่าเเปลก อีกฝ่ายเป็นถึงองค์ชายเลยนะคะ ถ้าเราพูดจาเกินเลยไป มีหวังโดนตัดคอเเน่เลยค่ะ…”
(เป็นตัวเอกที่ดูอ่อนเเอจังนะ)
เเม้ว่าลิเลียจะตั้งใจตอบโต้ผมโดยปั้นหน้าสบาย เเต่มือของเธอก็สั่นอยู่เล็กน้อย ผมเริ่มมีความคิดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมเป็นนางเอกของเรื่องจริงเหรอ
(ทั้งๆ ที่ในเกมออกจะมุดทะลุเเท้ๆ)
คาเเรคเตอร์ของลิเลียในตัวเกมค่อนข้างดุดันซึ่งเเตกต่างจากคนที่อยู่ตรงหน้าผม ในเกมเมื่อผู้เล่นสวมบทเป็นลิเลียจะมีการตอบโต้ตัวละครเอกที่หลากหลายขึ้นอยู่กับตัวเลือกของผู้เล่น เเต่ทางเลือกที่ตัวเกมให้มาส่วนใหญ่มักจะเเสดงให้ถึงความคิดบริสุทธิ์ในการเเสดงออกของตัวเองมากกว่า
(หรือว่าเราจะเผลอไปเปลี่ยนเส้นทางของเรื่อง เพราะถ้าจำไม่ผิด เหตุการณ์ที่เจอองค์ชาย จะมีสองทางเลือกคือ ตอบโต้ กับอยู่นิ่งเฉย)
ถ้าเราเลือกที่จะตอบโต้ก็จะมีตัวละครเอกอีกคนมาช่วยสนับสนุนเรา เเต่ถ้าเราเลือกที่จะอยู่นิ่ง เราก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งกับกลุ่มของเจ้าชาย เเละนำไปสู่ความขัดเเย้งกับนางร้าย
(เเต่ในกรณีนี้มันผิดไป เพราะมีตัวเเปรที่ไม่คาดคิดอย่างเราเข้ามาเเทรกเเซงเนื้อเรื่อง ทำให้การตัดสินใจของตัวเอกมาถูกปิดลง เเละกลายเป็นตัวเราที่ดำเนินเนื้อเรื่องเเทน)
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของลิเลียกับพระเอกมีความเป็นไปได้ที่จะไม่ริเริ่ม จากที่ตัวเอกต้องเป็นคนปฎิวัติระบอบขุนนางทำให้หน้าที่นั้นถูกส่งต่อให้เราเเทน
(สรุปคือตอนนี้เราไม่ต่างจากเเพะรับบาปสินะ…)
“คุณโนวมอล ไหวไหมคะ? สีหน้าดูเคร่งเครียดจัง”
ลิเลียทักผมในขณะที่กำลังประเมินสถานการณ์อยู่ เเม้จะมองไม่เห็นดวงตา เเต่ก็ขยับของคิ้ว เเละเสียงที่ต่ำลงเเสดงให้เห็นถึงความเป็นหวงจากใจจริง
“ไม่มีอะไรหรอก เเค่กำลังคิดว่าเย็นนี้กินอะไรดี?”
“คิกๆ ถ้าอยากกินอะไร บอกได้นะคะ”
ผมใช้ประโยชน์จากสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดเปลี่ยนหัวข้อเป็นอาหารเย็นเเทน ลิเลียที่ได้ยินดังนั้นจึงหลุดขำเล็กน้อย ผมที่ได้ยินเสียงขำของเธอก็เเอบดีใจเล็กน้อย
(ไร้เดียงสาจังนะ)
ลิเลียเป็นตัวละครหลักที่มีความมุ่งมั่นในการเรียนอย่างเเรงกล้า ถึงเเม้ภายนอกเธอจะดูเป็นซุ่มซ่ามไปหน่อยในเกม เเต่ความตั้งใจ เเละไม่ยอมเเพ้ของเธอ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมชื่นชอบในตัวละครนี้เมื่อกัน ตอนนี้ผมควรจะให้เธอเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตไปทีละน้อยดีกว่า
“ฉันน่ะไม่กลัวหรอก ถึงจะมีอะไรเกิดขึ้น หรือเธอเป็นผู้เสียหาย ฉันก็จะรับผิดชอบเอง”
“พูดเท่เชียว เเล้วคุณโนวมอลจะรับผิดชอบยังไงเหรอคะ?”
“นั่นสิ เอาไว้ถึงเวลานั้น คงต้องทุ่มสุดตัวเเหละ”
ถึงเเม้จะไม่เห็นใบหน้าที่ชัดเจน เเต่รอยยิ้มกรุบกริบของเธอก็เเสดงออกให้เห็นถึงความโล่งใจของเธอ ถึงเเม้ว่าคำพูดของผมจะเป็นคำพูดลอยๆ เเต่ผมก็ตั้งใจจะทำจริง
{ประกาศ อีก 5 นาที การสอบภาคทฤษฎีจะเริ่มต้นขึ้น รบกวนผู้เข้าสอบทุกท่าน ตรวจสอบหมายเลขที่นั่ง เเละหมายเลขห้องสอบผ่านทางผ่านเเหวนระบุตัวตนด้วยค่ะ}
หลังจากที่เสียงประกาศจบลง เเหวนที่สวมอยู่บนนิ้วชี้ของผมก็ส่งเเสง หมายเลขห้องสอบ เเละที่นั่งถูกฉายผ่านเเหวนจนเห็นเป็นตัวเลขสีชมพูที่เห็นได้ชัด
“หมายเลข 40 ห้องสอบ A1”
“ของฉันหมายเลข 1 ห้องสอบ A2”
“เเสดงว่าสอบคงละห้องสินะ”
“คงต้องเเยกกันเเล้วสินะคะ”
วงเเหวนระบุตัวตนไม่ได้ปกปิดว่าใครได้หมายเลขอะไร ลิเลียเเสดงหมายเลขของเธอให้เห็นผ่านนิ้วชี้ ห้องสอบเลขไม่เหมือนกัน บ่งบอกว่าพวกเราต้องเเยกกันในไม่ช้า
“คงเป็นอย่างนั้น ถ้างั้นไว้เจอกันที่สอบภาคปฎิบัตินะ”
“โชคดีนะคะ เเล้วเจอกัน~~”
“อ่า”
ลิเลียลุกออกจากเก้าอี้ เเละยิ้มให้ผมเล็กน้อยก่อนที่จะโค้งตัวเเล้วเกินจากไป ผมโบกมือให้เธอ เเล้วบิดขี้เกียจสักเล็กน้อยก่อนที่จะเดินออกไปจากโรงอาหาร
[หืม เหล่าหนุ่มสาวในวัยเล่าเรียนนี่กระตื่นรือร้นเสียจริง ทั้งที่โรงอาหารข้าว่ามีคนเเออัดเเลว ระหว่างเดินเข้าห้องสอบนี่ยิ่งกว่าอีก]
(หายไปนานเลยนะเเก)
[อะไรกันพออยู่คนเดียว เเล้วไม่มีข้าเลยเหงาเหรอ โอ๋ๆ ไม่ร้องน้า~]
(เเค่อยากจะบอกว่า พอไม่มีเเกเเล้ว รู้สึกลดความน่ารำคาญในชีวิตออกไปครึ่งหนึ่งเลย)
[เห้ย! ข้าเเค่อยากให้เเกได้คุยกับเพื่อนใหม่บ้าง เลยไม่เข้าเเทรกเเซงเท่านั้น อีกอย่างการประชันฝีปากระหว่างเเก กับเจ้าชาย นี่ทำเอาข้าสนุกจนไม่อยากขัดเลย]
(ถ้าเเกตอบดีๆ ไม่กวนประสาท ฉันก็ไม่ปากพล่อยใส่เเกหรอก)
[ชิ ทำตัวเป็นเด็กไปได้ ทั้งที่ผ่านอะไรมาเยอะเเท้ๆ]
(ได้ยินนะ)
[ด-ดุ ดะ ดู เหมือนข้าจะใช้โทรจิตมากไปจนควบคุมความเสถียรไม่ได้ ขอตัวไปพักจิบชาก่อนนะ ไอ้หนู!]
(ด่าเสร็จ หนีเร็วเชียวนะเเก!)
การเชื่อมต่อจากกริมตัดขาดทันที ผมเกาหัวด้วยความหงุดหงิด เเละเดินตรงไปตามทางเพื่อไปยังห้องสอบ ตอนนี้เขาคงหนีไปพักดื่มชาสบายๆ เเล้ว
“เห้อ ใครกันเเน่ที่เป็นเด็ก”
—
“หืม คนสอบก็เยอะใช่เล่นเเหะ?”
ผมเดินเข้าห้องสอบ A1 เเละชำเลืองมองบรรยากาศโดยรอบ มีผู้เข้าสอบมากกว่า 40 คนในห้องจากการประมาณผ่านสายตาคร่าวๆ สนามสอบภาคทฤษฎีจะใช้โต๊ะยาวร่วมกัน เเละมีช่องเว้นว่างไม่ห่างกันมาก มันเเทบจะสามารถเหลือบมองคำตอบของคนข้างๆ ได้สบายเลย
“ผู้เข้าสอบทุกท่านกรุณารีบเข้าประจำที่นั่งสอบด้วย 1 – 10 เเถวเเรก 11 – 20 เเถวสอง 21 – 30 เเถวสาม เเละ 31 – 40 เเถวสี่ ถ้าไปไม่ถูก ให้เดินตามรูปศรที่ปรากฎบนเเหวนระบุตัวตน จะพบที่นั่งสอบเอง”
(เราอยู่เเถวสุดท้ายสินะ)
ผมเดินผ่านช่องกลางตรงไปยังที่นั่งเเถวสุดท้าย เเหวนระบุตัวตนนั้นเอื้ออำนวยต่อการหาหมายเลขที่นั่งสอบมาก ต้องขอบคุณมันที่ทำให้ผมรู้ว่าที่นั่งหมายเลข 40 อยู่ตรงซ้ายสุดของห้องสอบ
(อยากรู้จังเเหะ ว่าเขามีวิธีเเก้การโกงข้อสอบยังไง)
ผมนั่งประจำที่นั่งหมายเลข 40 เเล้วพลางสังเกตมองกระดาษข้อสอบหลายสิบหน้า ปากกาด้ามหนึ่ง เเละเก้าอี้หมายเลขที่ 39 ซึ่งห่างกันไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ ผมชักอยากรู้จริงในโลกที่ใช้เวทมนตร์จะมีการรับมือการโกงข้อสอบยังไง
“ขออนุญาตินะคะ รบกวนช่วยขยับไปด้านข้างอีกได้ไหม”
“อ่า ได้ครับ”
ผมหันไปตามสัญชาตญาณ ทันใดนั้นผมก็ได้เจอกับหญิงสาวผมสีขาวผู้มีนัยตาสีฟ้า เธอมาในชุดไปรเวทสีดำอันหรูหรา ที่คาดผมดอกกุหลาบสีดำของเธอเป็นสิ่งที่ทำให้ผมละสายตาไม่ได้ ดวงตาสีฟ้าเหมือนน้ำทะเลอันสงบนิ่งจ้องมองผมด้วยความเยือกเย็น โดยที่ใบหน้าไม่ได้เเสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ
(สอบห้องเดียวกันกับเชอร์เบชเฉย)
“รอสักเเปป เดวผมจะขยับให้”
“ขอบใจ”
ผมลุกขึ้น เเละขยับเก้าอี้ไปด้านข้างทันที เชอร์เบชพูดด้วยเสียงโทนเดียว เเละนั่งลงบนเก้าอี้ข้างผมโดยไม่เเสดงอาการใดๆ บรรยากาศนั้นเงียบสงบไม่มีฝ่ายใดทักกัน
(อึดอัดจังเเหะ)
ผมเหล่ตาไปมองเชอร์เบชโดยไม่ให้เธอจับสังเกต เธอนั้นไม่ได้เเสดงอาการอะไรออกมาหลังจากที่เหตุการณ์ทะเลาะกับเจ้าชาย เธอใช้นิ้วสีขาวนวลของเธอบรรจงเปิดข้อสอบทีละเเผ่นตรวจสอบความสมบูรณ์ของข้อสอบ
{ขณะนี้ถึงเวลาสอบเเล้ว รบกวนผู้ควบคุมการสอบ ชี้เเจงรายละเอียด เเละเริ่มการสอบด้วย ขอบคุณค่ะ}
“ผู้เข้าสอบทุกท่าน ขณะนี้กำลังจะเริ่มอธิกายกฎการสอบ รบกวนตั้งใจฟัง เเละปฎิบัติตามกฎด้วยครับ”
ผู้เข้าสอบสอบชายหนุ่มรูปหล่อทำสีหน้าเคร่งครึง เขาวางมือลงบนคริสตัลสีฟ้าบนโต๊ะ เเละฉายภาพออกมาตรงกระดานสีดำ
“สำหรับการเข้าสอบนั้น ทุกท่านสามารถไว้วางใจได้ว่า จะไม่มีการโกงเกิดขึ้นอย่างเเน่นอน กระดาษข้อสอบที่ทุกท่านได้นั้นเเบ่งออกเป็น 3 ชุดซึ่งมีการเรียบเรียงข้อที่เเตกต่างกัน”
“ปากกาที่ทุกท่านใช้จะต้องเป็นของทางที่สถาบันเเอสทาเรียจับเตรียมเท่านั้น หากใครที่ทำการโกงการสอบ เเหวนระบุตัวตนจะเปลี่ยนจากสีขาวเป็นเเดงโดยทันที เมื่อนั้นผู้ผฝ่าฝืนจะต้องได้รับบทลงโทษโดยไม่มีข้อยกเว้น”
(ใช้เวทมนตร์ในการตรวจจับงั้นเหรอ น่าสนใจดีเเหะ)
“ผู้เข้าสอบทุกท่านจะต้องทำข้อสอบให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น ระยะเวลาในการสอบคือ 1 ชั่วโมงเท่านั้น หลังจาก 1 ชั่วโมงเป็นต้นไป ถ้าเห็นผู้ใดยังไม่หยุดวางปากกาจะทำการถอนชื่อทันที”
ก็ยังดีกว่าใช้สายตาจับสังเกต การที่มีเเหวนระบุตัวตน เเละเวทมนตร์ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการเเทรกเเซง คงเป็นเรื่องที่ยุ่งยากสำหรับพวกที่พยายามจะโกงเเน่นอน
“อธิบายข้อบังคับเรียบร้อยเเล้ว ถ้าพร้อมเเล้ว เริ่มลงมือทำข้อสอบได้!”
หลังจากที่สิ้นสุดการชี้เเจง ผมก็ลงมือเปิดกระดาษ เเละทำข้อสอบโดยทันที ผมไม่ได้เริ่มจากการไล่ทำทะข้อ เนื่องจากที่เจอเชอร์เบชโดยที่ไม่ทันตั้งตัว จึงเสียเวลาตรวจดูเนื้อหาในข้อสอบก่อน
(มีวิชาคำนวณ ประวัติศาสตร์ เเละทฤษฏีเวทมนต์ ตามที่คาดการณ์ไม่ผิด)
เป็นไปตามที่คาดเดา ในโลกของดาบ เเละเวทมนตร์ที่ยังไม่มีการศึกษาในเเขนงต่างๆ มากมาย สิ่งที่สำคัญก็ต้องเป็นความรู้ในการเอาชีวิตรอด ความรู้จากบรรพบุรุษ เเละเวทมนตร์ที่ใช้เป็นเครื่องมือในการต่อสู้
(เเต่ก็ไม่ได้ยากมากสำหรับเรา น่าจะใช้เวลาไม่นานก็เสร็จเเล้ว)
สำหรับผมการสอบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่น่าเเปลกใจหรืออะไร วิชาคำนวณคือการเเค่บวกลบคูณหารหาจำนวน ประวัติศาสตร์ เเละทฤษฎีเวทมนตร์ก็สามารถอ่านได้จากหนังสือได้ ตั้งเเต่ที่มาโลกนี้ผมก็อ่านหนังสือเตรียมสอบตั้งใจที่จะเพิ่มคะเเนนชดเชยเเทนสอบปฏิบัติอยู่เเล้ว ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาอะไรกับการสอบครั้งนี้เลย
“ห้าว~”
(ง่วงจังเเหะ สงสัยกินข้าวเทียงเยอะไปมั้ง ชักอยากหาที่นอนเเล้วสิ)
หลังจากลงมือเขียนคำสอบลงไปเรื่อยๆ ผมก็เริ่มรู้สึกอยากนอนอยากบอกไม่ถูก บางที่อาจจะเป็นข้อสอบที่น่าเบื่อบวกกับอาหารเทียงที่กินเต็มอิ่มกระมัง
(โต๊ะก็เป็นที่นอนคลาสสิกอยู่หรอก เเต่จะในงอหลังนอนมันก็ไม่สบายเเหะ ถ้างั้นไปนอนในโรงอาหารดีกว่า)
ผมวางปากกา เเละบิดขี้เกียจเล็กน้อย ถึงจะยังง่วงนอนเเต่ผมก็ต้องเเน่ใจกับคำตอบจึงทำการตรวจสักพัก ก่อนที่จะยกมือขึ้นสูง
“มีอะไรหมายเลข 40”
“ผมทำข้อสอบเสร็จเเล้ว ขอตัวนะครับ”
“ได้ ห้ะ! ว่าไงนะ!”
กรรมการคุมสอบมองผมด้วยสีหน้าตกใจ ผมไม่ได้เเสดงการตอบโต้อะไร ผมเดินลุกขึ้น เเละเดินลงผ่านช่องกลาง โดยมีสายตาที่ล้อมรอบมองผมด้วยความประหลาดใจ
“นายพึ่งสอบเเค่ 3 นาที เเน่ใจกับคำสอบเเล้วหรือ!?”
“ถ้าทำถูกหมดทุกข้อเเล้ว ผมก็ไม่อยากเสียเวลานั่งรอหรอกครับ”
“อะ-อ่า เข้าใจเเล้ว ขอให้โชคดี…”
ผมโค้งหัวทำความเคารพต่อกรรมการคุมสอบก่อนที่จะเดินออกจากห้องสอบ A1 อย่างรวดเร็ว ผมได้ยินเสียงนินทาของคนอื่นในห้องมากมาย เเต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ตอนนี้ผมอยากจะหาที่นอนสบายๆ ในโรงอาหารมากกว่า
(ไปนอนรอลิเลียที่โต๊ะเดิมดีกว่า)
—
ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารของสถาบันเเอสทาเรีย ตอนนี้มันเงียบมากไร้ซึ่งวี่เเววของคน เป็นบรรยากาศอันเหมาะเจาะสำหรับการนอนกลางวัน
“มีเวลาเหลืออีก 50 นาที นอนสัก 30 นาทีหน่อยเเล้วกัน”
ผมนอนบนโต๊ะด้วยไม่สนใจอะไร เนื่องจากที่มันมีความกว้าง เเละยาวเหมาะสมที่จะเป็นเตียงสอบ ถึงเเม้จะไม่นิ่มสบายเหมือนเตียง เเต่ก็ยังดีกว่านอนบนพื้นหรือต้นไม้
(ถึงเเม้ภายนอกจะดูไม่ดี เเต่ยังไงซะ ก็คงไม่มีใครบ้าออกจากห้องสอบเเบบเราหรอก)
ตามมารยาทคงไม่มีใครออกห้องสอบมาดื้อๆ เเบบผม ซึ่งปรกติเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เเต่เพราะในกฎไม่การระบุว่า ห้ามออกห้องสอบก่อนกำหนด ผมจึงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผิด อีกอย่างข้อที่ผมทำไปมันก็ไม่ใช่ว่า จะทำเสร็จได้เร็วเเบบผม เนื่องจากผมสามารถอ่านโจทย์ เเละเขียนได้รวดเร็วด้วยเเหละ ที่ทำให้ผมใช้เวลาข้อสอบเร็วกว่าคนอื่นอย่างมาก
สักพักสายตาของผมก็อ่อนล้า เเละลงสู่ภวังค์ ผมรับรู้ถึงความมืดที่กำลังกลืนกินผม เเต่ทว่ามันก็เป็นเเค่สีดำจอมปลอม ไม่นานผมก็ตื่นขึ้นมาบนโตีะสีขาวที่มีจาน เเละถ้วยที่เต็มไปด้วยน้ำชาสีใสตรงหน้า
“เห้อ อยากนอนกลางวันก็ไม่ได้สินะ”
“เเกยังดิ้นรนหาทางนอนอีกเหรอ ทั้งทีข้าก็เคยบอกเเล้วว่าเเกน่ะ นอนเเบบปรกติไม่ได้หรอก”
“อย่าพูดกับโนวมอลเเบบนั้นสิกริม เขาก็พยายามอยู่นะ ถึงจะไม่ประสบผลสำเร็จก็เถอะ”
ผมนั่งอยู่บนโต๊ะน้ำชาเเห่งหนึ่ง รอบตัวเต็มไปด้วยสวนดอกไม้นานาพันธ์ที่ตกกเเต่งอย่างสวยงาม ตรงหน้าผมมีเเขกสองคนที่คุ้นเคย คนหนึ่งคือ กริมที่อยู่ในรูปก่อนสไลม์สีเเดงมีดวงตาสีเหลืองเชิงเยาะเย้ย กับอีกคนคือหญิงสาวที่ใส่หมวกสีขาว เเละชุดหรูหรา ผมสีฟ้าใสของเธอพริ้วไหวไปตามอากาศ ริมฝีปากอมชมพูดื่มชาอย่างนุมนวล มีเพียงสิ่งเดียวที่ขัดการภาพลักษณ์อันสวยงามของเธอ นั้นคือผ้าสีขาวดำที่ปกปิดดวงตาของเธอไว้
“วิตตอเรีย เธอช่วยให้กำลังใจเเบบดีๆ ได้ไหม เพราะเเบบนี้ไง ถึงบอกว่าอยู่กับกริมบ่อย”
“เห้ย เเกเห็นข้าเป็นคนยังไงฟะ!”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าเเกสักหน่อย เเค่ปากหมาของเเก มันเเฟร่เชื้อได้อ่ะดิ”
“หึ ทำเป็นพูด เเกก็ปากหมาพอๆ กับข้านั่นเเหละ ไอ้หนู”
“พี่กริมพูดว่าอะไรนะครับ กระผมยังก้อยปัญญาไปจนไม่สามารถเข้าใจอะไรได้เลย ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่เป็นเด็กไม่ดีของพี่กริม”
“อี๋! ทุเรศวะ อย่าพูดให้ข้าได้ยินอีกนะ เห็นหน้าน่าเกลียดของเเกเเล้ว ข้าอยากอ้วก!”
“คิกๆ ทั้งสองยังน่ารักไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“วิตตอเรีย ถ้าอย่าไปชมกริมสิ เเล้วมันจะเหลิง!”
“ข้าไม่อยากโดนเรียกว่าน่ารัก สำหรับนักรบ คำว่าเท่ยังดีกว่าเยอะ”
วิตตอเรียยิ้มสนุก เเละมองกริม น่าตลกที่ถึงเเม้ทั้งสองจะดูเหมือนจะลุกขึ้นมาสู้กัน เเต่พวกเขาก็กลับยืนตรงจิบชา เเละปะทะคารมกันผ่านสายตาเเทน
“เเต่กริมไม่ได้พูดผิดเลยนะ โนวมอล ถึงเเม้ว่านายอยากจะพักผ่อน เเต่ร่างกายของนาย มันต้องการเเบบนั้นจริงๆ เหรอ”
“นั่นสินะ”
ผมจ้องไปที่มือของผม ฝ่ามือที่อยากกระด้างไม่มีร่องรอยของการทะลุทนอม เเละภายใต้เสื้อเเขนยาวนี้มันก็คือ บาดเเผลอันน่ารังเกียจ เเละน่ากลัว
“ตราบใดที่ฉันยังไม่รูสึกว่าปลอดภัย การที่จะนอนเเบบคนปรกติคงเป็นไปไม่ได้สินะ…”
“เเกก็ควรปรับตัวได้เเล้วนะ ถึงเเม้ว่าเเกจะพยายามนอนเเบบคนทั่วไป ร่างกายของเเกก็จะอยู่ในสภาพตื่นตระหนกอยู่เสมอ การที่เเกฝันเเบบเดิมอยู่ตลอด มันก็คือกลไลที่คอยบังคับเเกไม่ให้หลุดออกจากสภาวะไร้การป้องกัน”
“เมื่อไหร่ที่ฉันจะได้นอนเเบบไม่ฝันถึงอะไรเลยบ้างนะ…”
โนวมอลจ้องมือของเขากำจนเเน่น เเละถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง กริมที่ไม่รู้จะพูดอะไรจึงดื่มชาต่อ วิตตอเรียที่เห็นดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะวางถ้วยชาลงบนจานรองอย่างนุ่ลนวล
“ไม่รู้สิ บางทีนายอาจจะต้องหาคนที่เชื่อใจสักคนละมั้ง อย่างเช่น ลองหาเพื่อนหน่อยเป็นยังไง?”
“เพื่อนเหรอ? เเบบนั้นมันจะช่วยได้เรอะ อยู่กับพวกเธอก็ยังเป็นเหมือนเดิม…”
“พวกเราไม่ใช่เพื่อนนายอย่างสมบูรณ์หรอก นายเเค่ต้องการช่วยคนสำคัญ เเละจะต้องมาเเบกรับความเห็นเเก่ตัวของพวเราต่างหาก ลองหาเพื่อนดูสิ โนวมอล คนที่พร้อมที่จะเปิดใจรับฟังนาย เเละอยากที่จะให้กำลังใจนาย”
วิตตอเรียยิ้มให้กับโนวมอลอย่างอ่อนโยน โนวมอลนั้นไม่ได้เเสดงสีหน้าดีใจกับเธอ เขานั่งจ้องมองชาในถ้วย เเละพึมพำอย่างไร้จุดหมาย
“โนวมอลอาจจะขัดเวลาพักผ่อนของเเก เเต่ดูเหมือนคู่อริเเกจะมาเเล้วนะ”
ผมรับรู้ได้ถึงสายตาของใครสักคนที่จ้องมองมายังผม เสียงของรองเท้าส้นสูงที่กระทบพื้น มันดังเข้ามาในสวนดอกไม้จนได้ยินเสียงชัดเจน
“เสียงเดินเเบบนี้ คงเป็นสาวผมสีขาวที่นายรู้จักสินะ โนวมอล”
“เจ้าจะตัดหน้าข้าไม่ได้นะ วิตติเรีย ข้ากำลังจะฉายภาพให้ไอ้หนูดูเลย!”
“ขอโทษนะ พอได้ยินเป็นเสียงของผู้หญิง ฉันก็ไม่อยากที่จะปล่อยเฉยน่ะ”
วิตตอเรียดื่มชาต่อไปเลยไม่สนใจกริมที่โมโหเพราะโดนตัดหน้า ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเย็นหลังเเปลกๆ เเต่ถ้าเป็นไปตามที่วิตตอเรียบอก คนที่มีผมขาว เเละน่าจะมีความเเค้นกับผมคงเป็นเชอร์เบชไม่ผิดเเน่
“ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าเธอจะมาคุยเรื่องอะไร เเต่ฉันชักได้กลิ่นความสนุกเเล้วสิ”
เมื่อรับรู้ว่าเป็นเชอร์เบชเเทนที่ผมจะหวาดกลัว ผมกลับตื่นเต้นจนหุบยิ้มไม่ได้ รอยยิ้มอันเเสนน่าเกลียดปรากฏออกมาโดยไม่ตั้งใจ มันจะต้องมีอะไรสนุกๆ เกิดขึ้นอย่างเเน่นอน
“ยิ้มเเบบนี้ไง ไอ้หนูนี่ ถึงไม่มีคนอยากเป็นเพื่อน เห็นด้วยไหม วิตตอเรีย”
“ไม่อยากที่จะซ้ำเติม เเต่ฉันเห็นด้วยกับนายนะ กริม”
—
Chapters
Comments
- ตอนที่ 13: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (6) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 12: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (5) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 11: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (4) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 10: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (3) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 9: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (2.5) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 8: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (2) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 7: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (1.5) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 6: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (1) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 5: การเริ่มต้นที่เป็นไปได้ไม่ค่อยดี (4) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 4: การเริ่มต้นที่เป็นไปได้ไม่ค่อยดี (3) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 3: การเริ่มต้นที่เป็นไปได้ไม่ค่อยดี (2) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 2: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (3) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่1: การเริ่มต้นที่เป็นไปได้ไม่ค่อยดี (1) มกราคม 6, 2022
MANGA DISCUSSION