หึ! เกมจีบหนุ่ม? เเล้วทำไมตัวประกอบอย่างฉันจะเด่นไม่ได้ล่ะ! - ตอนที่ 12: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (5)
- Home
- หึ! เกมจีบหนุ่ม? เเล้วทำไมตัวประกอบอย่างฉันจะเด่นไม่ได้ล่ะ!
- ตอนที่ 12: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (5)
“องค์ชายครับ จะให้กระผมทำยังไงดี ให้จัดการเขาเลยดีไหมครับ”
วาเซ่จับที่ถือดาบคู่ เเละมองไปยังชายคนหนึ่งที่เขาเกลียด เพียงเเค่องค์ชายให้คำสั่งเขา เขาก็พร้อมที่จะเข้าพุ่งตรงไปเด็กหัวชายคนนั้นทันที
“ชั้นอนุญาติให้นายไปจัดการเขาได้ เเต่วิลเลี่ยมต้องไปสนับสนุนนายด้วย”
“ถ้าทำอย่างงั้น ใครจะคอยปกป้องท่านล่ะครับ กระผมไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้!”
“ขอถามเหตุผล”
“ถึงเเม้ไอ้คนไร้สมองนั้นจะเล็งท่าน เเต่การที่คนที่ต้องการหมายหัวท่าน ไม่ได้มีเเค่เขาคนเดียวเเน่นอนครับ”
วิลเลี่ยมชายหลุ่มรูปหล่อที่มีมักผมทรงหางม้าสีเขียวอ่อน ยืนกรานปฎิเสธความคิดเห็นขององค์ชาย องค์ชายที่เห็นว่าวิลเลี่ยมไม่ยอมละทิ้งความภักดี จึงยิ้มอ่อน เเละตบไหล่เขาเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงชั้น พกวนายคิดว่าฉันไม่มีเเผนรับมือเหรอ?”
“Secred flame barrier (ม่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์) ”
มือขวาของมัสเเตงเกิดเเสงสว่างสีทองอันทรงพลังขึ้นมา เขาปัดดาบลงพื้นจากนั้นก็ถ่ายพลังเวทย์อันมหาศาลลงไปในพื้นดิน เปลวเพลิงสีทองประทุออกมาจากพื้นดินไกลตัวเขา 5 เมตร กลายเป็นม่านวงกลมใสที่ห่อล้อมเขาไว้เป็นอาณาเขตหนึ่ง
“ใครก็ตามที่ก้าวผ่านม่านเพลิงศักด์สิทธิ์นี้ โดยที่ฉันไม่อนุญาติ จะถูกเพลิงศักด์ศิทธิเผาไหม้จนมรณะ ดังนั้นไม่ต้องไม่ห่วงฉัน เเละไปสั่งสอนคนโง่นั่นให้รู้จักความต่างชั้นเถอะ”
“ตามประสงค์องค์ชาย ข้าจะทำให้ดีที่สุด!”
วาเซ่ เเละวิลเลี่ยมคุกเข่าน้อมรับคำสั่งองค์ชาย เเละกระโจนออกไปนอกม่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน ในระหว่างนั้นมัสเเตงก็รวมรวบพลังเวทย์ไว้ในมือขวาสร้างอสูรวิหคเพลิงสีทองจิ๋วขึ้นมา
“ส่วนเเกไปจัดการพวกอ่อนเเอให้ตกรอบก่อน ไอ้คนอวดดีนั่นจะมาถึงตัวชั้นที”
กิ้ว!
วิหคเพลิงตอบสนองต่อเจ้านาย เเละโบยบินขึ้นฟ้า มันเฝ้ามองหาเหยื่อที่กำลังอ่อนเเอ เเละฉวยโอกาสโจมตีที่เผลอ เก็บพวกเขาไปทีละคน
“4 5 ไม่ใช่ 10 คนเเล้ว องค์ชายมิลมิเลี่ยน กำลังใช้สัตว์รับใช้ วิหคเพลิงศักดิ์สิทธิ์กวาดล้างผู้เข้าสอบตกรอบอย่างไม่หยุดเลยค่า เเบบนี้ไม่นานการสอบกลุ่ม A ต้องจบลงในไม่ช้าเเน่นอน!”
“ถึงเจ้านั่นจะไม่อ่อนเเอ เเต่ก็ใช่ว่าจะมีปัญญาผ่านการสอบทฤษฎี คงจะมีเเต่พละกำลังเเบบคริสโตเฟอร์ ถ้าเราไม่ถูกทำให้ตกรอบก่อน 50 คน ยังไงเเผนของเจ้านั้นก็ไม่สำเร็จ”
มัสเเตงหัวเราะเบาๆ ก่อนที่เขาจะถอดเสสื้อคลุมวางบนพื้นสนามที่เต็มไปด้วยฝุ่น เเละนั่งลงไปเชยชมภาพการต่อสู้อันอลเวงของหลายฝ่าย
(ตอนนี้เจ้าโง่นั่นก็ถูกเป็นเป้าสายตาจากพวกขุนนางที่ต้องการประจบเราอยู่เเล้ว ดังนั้นรอให้มันเหนื่อย เเล้วค่อยเด็ดหัวทีหลังก็ไม่สาย)
—
“พวกเเกจะเข้ามาอะไรนักหนา! หาเรื่องตกรอบหรือไงฟะ!”
เเรกๆ ผมก็ประกาศไปเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้พวกเขาหลีกทางไป เะเต่มันกลายเป็นการใส่น้ำมันให้พวกบ้าเร่งเครื่องมาโจมตีผมรอบทุกทิศทางซะงั้น
“เเค่การกที่เเกไม่ให้เกียรติพวกเรา มันก็เป็นความผิดเเล้ว ไอ้สามั–!”
“หนวกหูโว้ย! ไอ้เอ็งก็ตกรอบไปเลยละกัน!”
ผมที่เห็นขุนนางคนหนึ่งกำลังง้างดาบเตรียมฟันผม ผมก็เขาไปซัดหน้าด้วยกำหมัดซ้ายเต็มคางจนลอยขึ้นฟ้า ซึ่งครั้งนี้ก็เผลอชกไปตามอารมณ์อีกเเล้ว
“พวกเอ็งหลีกทางไปสิวะ เเม่งเอ้ย! มันจะน็อกเอาท์ครบ 20 คนเเล้วนี่!”
“พูดมากอะไรของเเกวะ ตายซะเถอะ!”
ผมรับรู้ได้ถึงใครบางคนที่กำลังโจมตีผมจากด้านหลัง ผมจึงรีบเปลี่ยหมุนเปลี่ยนดาบไปด้านหลัง เเละเเทงเข้าที่ท้องของเขาก่อนที่คมดาบจะถึงตัวผม
“อ๊าก!!!”
ความเป็นจริงท้องของเขาคงจะต้องเป็นรูไปเเล้ว เเต่ด้วยพลังคุ้มครองของเเพวนระบุตัวตน เหมือนรับรู้ถึงอันตรายที่จะส่งทบกระทบต่อการเสียชีวิตของผู้สวมใส่ จึงได้สร้างเวทย์ป้องกันคลุมร่างกายรับการโจมตีของผมได้ เเต่มันก็ได้เเตกสลายไปทันทีที่ใช้งานจนถึงขีดสุด
“เทคนิคการหมุนดาบที่รวดเร็วนั่น น่าทึ่งมากเลยค่ะ คุณมีความเห็นอะไรบ้างไหมคะ ศาตราจารย์ โรจิค”
“จากที่ชั้นสังเกตการเคลื่อนไหว เเละทักษะการต่อสู้ของเอลเดล ค่อนข้างมีความยืดหยุ่นพแสมควร ไม่ว่าจะเป็นวิชาดาบ เเละศิลปะการต่อสู้ ล้วนมีการฝึกมาอย่างดี เพียงเเต่มันอาจจะยังไม่ดีพอ”
“ทำไมศาตราจารย์ถึงพูดอย่างงั้นคะ จากที่ชั้นดูมา ก็ยังไม่มีใครสร้างบาดเเผลให้เขาได้เลย อีกทั้งยังโดนครั้งเดียวจอดอีก”
“นั่นก็เพราะพวกเขาไม่ใช่คนที่จบจากสำนักใหญ่ต่างหาก”
ฮารเต้ยืนฟังศาตราจารย์โรจิคที่กำลังมองไปยังสนามด้วยความตรึงเครียด ไม่นานก็มีชายผมสีเเดงคนหนึ่งกำลังวิ่งตรงมาไปหาโนวมอลด้วยความเร็วสูง
“ยะหู้ว ได้เจอกันสักทีนะ ไอ้สามัญชน!”
วาเซ่กระโดดขึ้นเหนือหัวโนวมอล เเละกำลังจะใช้สองดาบฟาดฟันจากบนอากาศ โนวมอลไหวตัวทันจึงยกดาบฟันสวนเขาจนกระเด็นกลับไป เเต่มันก็ต้องเเลกกับดาบของเขาที่พังอีกเล่ม
“อะไรกันที่เเท้ก็เเมลงเม่านี่เอง”
“ใครเป็นเเมลงเม่ากันกันหะ! ไอ้สามัญชน!”
วาเซ่จ้องผมด้วยสายตาที่เคียดเเค้นยิ่งกว่าเดิม เขาพุ่งเข้าโจมตีผมอีกครั้งโดยไม่ให้พัก ผมที่ไร้อาวุธจึงต้องหลบการโจมตีของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“หลบเก่งจริงนะเเก! เเต่จะทำได้อีกสักเเค่ไหนเชียว!”
ดาบของวาเซ่รวดเร็วขึ้นจนยากที่จะหลบ ผมพลาดท่า เเละโดนคมดาบเฉียดหน้าจนเกิดบาดเเผลขึ้นมา ซึ่งถ้าทำต่อไปคงจะเกิดบาดเเผลเพิ่มผมจึงตั้งหลักที่จะสวนกลับ
“พูดมาก!”
(ต้องทำลายอาวุธก่อน)
“เทคนิคทลายเกราะ ศรไร้คม!”
พรนักรบจะเก่งกาจเมื่อได้จับอาวุธไม่ต่างจากนักดาบที่ไม่ได้ถือดาบ ถ้าเราทำลายอาวุธได้ละก็พลังของเขาจะลดลงอย่างมาก ผมเเบมือตั้งศอกให้มั่นคงในเเนวนอน โจมตีใส่วาเซ่ที่อยู่ด้านหน้าโดยไม่ให้ตั้งตัว
“อะไรกัน คิดว่าชั้นจะยอมให้เเกทำลายอาวุธอย่างงั้นเหรอ!”
(บ้าเอ้ย เวทย์เสริมความคงทน!)
วาเซ่ตั้งดาบไคว้กันเป็นกากบาทป้องกันการโจมตีของผมได้ เเต่ที่สำคัญผมพลาดที่จะทำลายอาวุธของเขา ไม่นึกเลยว่าเขาจะสามารถใช้เวทมนตร์ในการเพิ่มความทนทานของอาวุธได้
“ก็ฉลาดเหมือนกันนิ ที่ไปเรียนเวทย์เสริมความทนทานกลบจุดอ่อนตัวเอง”
“มีเเต่พวกโง่เท่านั้นเเหละ ที่มัวเเต่เมาละเลอไม่พัฒนาตัวเอง!”
วาเซ่เพิ่มเเรงลงไป เเละผลักการโจมตีของผมออก ผมกระเด็นไปสักเล็กน้อย เมื่อมองตรงไปก็พบวาเซ่ที่กำลังบรรจุพลังถ่ายทอดลงดาบคู่
“เพิ่มความคงทน ลดน้ำหนักวัตถุ เพิ่มความคม เเละจิตศาตราวุธ!”
ดาบคู่ของวาเซ่ได้รับพลังเวทย์ของเขาจนเปลี่ยนสีเป็นสีเเดง ออร่าของดขาเปลี่ยนเป็นคนละคน ผมสัมผัสได้ถึงความดุร้ายเหมือนสัตว์ป่าที่ออกมาจากตัวของเขา
“ชั้นจะบดขี้เเกเอง!”
วาเซ่พุ่งเข้าโจมตีผมอีกครั้ง เเต่ครั้งนี้กลับเร็วกว่าเดิม มันว่องไว เเละไม่มีช่องพักจนผมต้องตั้งสมาธิพยายามหลบอย่างต่อเนื่อง เพียงรอยสะกิดนิดเดียวก็ทำให้เสื้อของผมเกิดรอยขาด
“ว่าไง! ว่าไง! ว่าไง! มีดีเเค่นี้เองเหรอวะ! ไอ้ปากพล่อยๆ นั่นเงียบหายไปไหนเเล้ววะ!”
(ถึงจะเร็วเเต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหลบไม่ได้ เเต่ไอ้การโจมตีนี่สิปัญหา)
ถึงเเม้ว่าเขาจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเเต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าวัดเรื่องความเร็วผมมั่นใจว่าต่อให้ผมไม่เอาจริง ก็ไม่มีทางเเพ้เขา เเต่ปัญหาคือผมโจมตีเขาไม่ได้เลย
(ขอทดลองหน่อยสิ)
“อะไร อะไร ไม่มีทางโจมตีเข้าหรอกโว้ย!”
“เเน่ใจเหรอ!”
ผมหยิบมีดสั้นในเอวซ้ายด้วยมือซ้าย เเละฟาดฟันเเนวนอนใส่เขาจากด้านข้าง วาเซ่ที่รับรู้จึงยกดาบซ้ายขึ้นมากัน ผมไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวจึงหยิบมีดในเอวขวาตั้งใจจะเเทงอกของเขา เเต่เขาก็ยกดาบมากันไว้ได้อีกเเล้ว
“เปล่าประโยชน์!”
วาเซ่ใช้เเรงกายของเขาผลักผมให้ออกไป มีดทั้งสองของผมหลุดออกจากมือทันที วาเซ่ฉวยโอกาสนั้นพุ่งเข้ามาหวังที่จะฟันผม เเต่ผมก็สวนเขากลับไปด้วย ศรไร้คม
“นึกว่าจะฆ่าเเกได้เเล้วเชียว ตายยากใช่เล่นนะเเก”
(ก็เห็นว่าในเกมไอ้หมอนี่มันเคารพเจ้าชายมากก็เหอะ เเต่ไม่นึกว่ามันจะเป็นคนบ้าเเบบนี้ด้วยนะนี่)
“จะทนได้สักกี่น้ำกัน ไอ้สามัญชน!”
“ก็จนกว่าเเกจะเหนื่อยเเหละ!”
(เเต่เพราะบ้าเเบบเเกเเหละ ถึงได้คาดเดาง่าย)
วาเซ่พุ่งโจมตีใส่ผมโดยไม่เว้นช่วงพักอีกเช่นเดิม ผมที่ไม่มีทางเลือกจึงต้องหลบต่อไป เเต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เเย่ เพราะผมยังมีเเรงเหลือเฟือในการสู้กับเขา
“สมกับเป็นศิษย์เอกจากสำนักใหญ่ระบำผีเสื้อ มีการโจมตีที่พริ้วไหว ทั้งการรุก เเละรับ ทำให้ศัตรูยากที่จะต่อกร เเต่มีเงื่อนไขคือผู้ที่จะถูกรับเลือกจะต้องมีทักษะการใช้งานดาบคู่เสียก่อน ซึ่งบนโลกใบนี้มีเพียง 3 พรเท่านั้นจะบรรลุเงื่อนไขนี้ได้คือ พรอาวุธสองมือ พรนักรบ เเละพรเซียนดาบ”
“เเต่ว่าเท่าที่ชั้นเคยดูการต่อสู้ของสำนักระบำผีเสื้อ ชั้นยังไม่เคยเห็นใครที่โจมตีได้คล่องเเคล่ว เเละไร้ที่ติเหมือนลอส วาเซ่เลย”
“ต้องขอบคุณพรนักรบที่ช่วยความเข้าใจในการใช้อาวุธทุกประเภท ทำให้วาเซ่สามารถเรียนรู้ได้ไว จนสามารถได้รับการรับรองว่าเป็นมือหนึ่งของสำนักระบำผีเสื้อโดยไม่มีข้อกังหาตั้งเเต่อายุ 16 ปี”
“เเต่ชั้นเคยได้ยินว่านักรบก็มีจุดอ่อนเดียวกับนักดาบคือ ถ้าไร้ซึ่งอาวุธก็ไร้ความหมาย เเต่ดูเหมือนเขาจะเเตกต่างจากนักรบคนอื่นนะคะ เเต่เท่าที่ฟังมาดูเหมือนคุณจะสนิทกับเขาเป็นพิเศษนะคะ”
“เเน่นอนว่าเป็นฉันเองที่สอนเขาเกี่ยวกับเวทย์เสริมพลัง วาเซ่น่ะสามารถใช้ได้ทั้งการเพิ่มความคงทน ลดเพิ่มน้ำหนักวัตถุเพิ่มความคม เเละจิตศาตราวุธอีก ทำให้เมื่อใดที่เขาได้จับอาวุธก็คือ ยอดศึกเเห่งสงครามนั่นเอง”
“ถ้างั้น เอลเดล นอล ม้ามืดของเราคงจะงานหนักเเล้วคะ! นอกจากเป็นศิษย์เอกเเห่งสำนักระบำผีเสื้อ ยังใช้เวทมนตร์สเริเสริมพลังได้อีก เเบบนี้ก็ไร้ทางต่อกรสิคะ!”
ผู้คนรอบๆ ที่เห็นความเก่งกาจของวาเซ่ต่างก็ตะโกนเท่ใจไปให้เขา โดยไม่เห็นโนวมอลที่กำลังตั้งใจหลบ ราวกับว่าพวกเขาคาดการณ์เเล้ว่า ยังไงเขาก็ไม่มีวันชนะ
“คงต้องพอเเค่นี้เเล้วล่ะ”
โนวมอลเลิกที่จะหลบ เเละใช้ ศรไร้คม สวนวาเซ่ไปอีกครั้ง เเต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม วาเซ่ยังรับการโจมตีที่เผลอของโนวมอลได้อย่างสบายๆ
“นั่นสิ ชั้นชักเบื่อหน้าเเกเเล้ว คงต้องจากลากันตรงนี้ล่ะ ไอ้สามัญชน!”
วาเซ่กระโดดห่างออกจากโนวมอล จากนั้นเขาก็พุ่งตรงไปหาเขาด้วยความเร็วสูง เเขนของเขาตวัดดาบด้วยความเร็วสูงในชนิดที่ว่าเเม้เเต่กรรมการก็ไม่อาจมองทัน
“ระบำผีเสื้อส่งวิญญาณ!”
วาเซ่ถีบเท้า เเละตวัดดาบต่อเนื่องโจมตีใส่โนวมอล การโจมตีของเขามาจากรอบทิศทาง เพราะมีการเคลื่อนย้ายตัวเองรอบตัวศัตรู เสมือนผีเสื้อพริ้วไหวที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะบินเข้าหาตอนไหน
“เเกจะหลบเก่งไปไหนวะ!”
อย่างไรก็ตามโนวมอลก็ยังนิ่งเฉย เเละหลบการโจมตีของวาเซ่ได้ตามปรกติ อีกครั้งเขาก็เเบมือเตรียมที่จะสวนการโจมตีกลับวาเซ่อีกครั้ง โนวมอลก้าวเท้าเข้ามาย่นระยะห่างกับเขาเพื่อที่จะให้เขาหลบไม่พ้น
“เเต่ถึงยังไงเเกก็ยังโจมตีเเบบเดิมอยู่ดี ไอ้โง่เอ้ย!”
วาเซ่คาดเดาการโจมตีของโนวมอลได้ เขายกดาบขึ้นมาป้องกันเหมือนเดิม ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่คิด ศรไร้คม ของเขากำลังพุ่งตรงมายังดาบคู่ของเขาเหมือนทุกๆ ครั้ง
“เทคนิคทลายเกราะ ศร-”
วาเซ่ประหลาดใจเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะการโจมตีที่เปลี่ยนไปของโนวมอล เเต่ไม่รู้ทำไมเขากลับยิ้มออกมาในสถานการณ์ที่วาเซ่กำลังได้เปรียบ ไม่นานเขาก็เห็นถึงความผิดปรกติ จากที่มันจะต้องเป็นฝ่ามือเเต่กลับห่อตัวดลายเป็นกำปั้นก่อนที่จะสัมผัสตัวดาบ
“ลวงตา”
เปร้ง!
ทุกคนต่างไม่เชื่อสายตา ดาบที่เสริมด้วยเวทมนตร์มากมาย ถูกหมัดของโนวมอลชกจนเเตกสลาย ไม่เพียงเท่านั้นหน้าของวาเซ๋ยังโดนกำปั้นของเขาซัดเต็มหน้าอย่างรุนเเรง
“ก่อนจะด่าคนอื่น ควรดูตัวเองก่อนนะ ไอ้โง่!”
—
Namgoz: ว่าจะเขียนให้จบ เเต่เอาเป็นค่อยมาต่อพรุ่งนี้ละกัน