ตอนที่ 11: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (4)
**
เงินในโลก ulofan (ฺ1 ยูเร = 1 บาท)
ทองเเดงเงา 1
ทองเเดง 10
เงิน 100
เงินวาว 1,000
ทอง 10,000
ทองวาว 100,000
ทองคำขาว 1,000,000
ทองคำขาวบริสุทธิ์์ 100,000,000
**
หลังจากที่ผ่านไป 5 นาที ผมที่นั่งดีดเหรียญทองคำขาวอย่างมีความสุข ก็ได้เห็นคนจำนวนมากเข้ามาในโรงอาหาร เพื่อให้ไม่เป็นเห็นของมีค่าของผม ผมจึงรีบเก็บเหรียญทองคำขาวลงในถุงเงินอย่างรวดเร็ว ไม่นานผมก็พบลิเลียที่กำลังเดินมายังโต๊ะที่ผมจอง
“เจอกันอีกเเล้วนะคะ คุณโนวมอล”
“ไง คุณลิเลีย นั่งลงสิครับ”
“ขอรบกวนหน่อยนะคะ”
ลิเลียยิ้มอ่อนให้ผมเล็กน้อย ก่อนที่จะนั่งลงอย่างช้าๆ บนเก้าอี้ตรงกันข้ามผม เธอมีท่าทางสบายไม่ได้รู้สึกถึงความกดดันจากเธอ เเสดงว่าการสอบน่าจะเป็นไปได้ด้วยดี
“ว่าเเต่การสอบเป็นยังไงบ้างครับ”
“ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะคะ เพราะว่าเนื้อหาข้อสอบตรงกับที่ฉันอ่านมาพอดี”
“เห้~ พูดเเบบนี้ เเสดงว่าต้องได้ท็อปเเน่เลย ใช่ไหมครับ”
“ก็ไม่มั่นใจมาก เเต่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ค่ะ!”
ลิเลียกำหมัดสองมือ เเละยิ้มด้วยความมั่นใจออกมา ถึงเเม้จะเป็นนางเอกที่ควรหลีกเลี่ยง เเต่ในเมื่อเป็นเพื่อนกันเเล้วก็ช่วยไม่ได้ ผมควรรู้สึกยินดีกับการสอบของเธอมากกว่า
“เเล้วคุณโนวมอลล่ะคะ?”
“ฉันเหรอ คิดว่าน่าจะได้คะเเนนเต็มนะ”
“อย่าล้อเล่นสิคะ”
“ไม่ได้พูดเล่นนะ ฉันมั่นใจว่ายังไงก็ได้คะเเนนเต็มเเน่นอน ถ้าไม่เชื่อเธอลองถามฉันมาสักข้อก็ได้นะ”
ลิเลียไม่เชื่อคำพูดของผม ซึ่งถ้าเป็นคนทั่วไปได้ยินพวกเขาก็คงคิดว่าผมโกหกเพื่อให้ตัวเองดูดี ผมเลยท้าเธอให้ถามผม เเน่นอนว่าผมจะตอบตามความจริงอย่างละเอียด
“ถ้างั้นเอาเป็น เราจะต้องมีทักษะใดในการใช้งานเวทมนตร์”
“เเน่ใจนะว่าเป็นคำถามนี้ ฉันคิดว่าทุกคนก็ตอบได้นะ”
“เป็นการทดสอบขั้นพื้นฐานก่อนที่จะถามเเบบจริงจัง ไงคะ~”
(ใช้ได้เลยนิที่เลือกคำถามนี้)
ลิเลียถามเลือกที่จะถามคำถามข้อเเรกที่ง่ายที่สุดของข้อสอบ ซึ่งมันเป็นเรื่องพื้นฐานมากสำหรับคนที่ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการใช้เวทมนตร์ เเต่ภายใต้คำถามที่ดูเรียบง่าย มันกลับเป็นข้อดักทีทำให้ผู้เขาสอบต้องเสียคะเเนนเเบบไม่ทันระวัง
“การใช้เวทมนตร์เเบ่งออกเป็น 2 เเบบก็คือ การควบคุม เเละการกระตุ้น เเต่ที่คุณต้องการคือคำตอบที่สามสินะ คุณลิเลีย นั่นคือ การดูดซับ”
“ถูกต้องเเล้วค่ะ ไม่นึกเลยว่า คุณจะรู้ถึงการดูดซับด้วย”
“ก็นะ การดูดซับมันเป็นวิธีต้องห้ามตั้งเเต่สมัยสงครามเดียโบส เมื่อ 1000 ปีก่อนนี่นา”
ประเภทการใช้งานเวทมนตร์จะสามารถจำเเนกลักษณะการต่อสู้ได้ นักเสริมพลัง จะใช้เวทมนตร์เเบบการกระตุ้นดึงพลังจากเเก่นเวทย์ภายในร่างกายออกมาเพื่อใช้งาน ส่วนนักเวทย์ จะเน้นไปที่การใช้เวทมนตร์เเบบควบคุมโดยการดึงพลังเวทย์จากรอบตัวมาใช้งาน
“การดูดซับ เป็นวิธีการใช้เวทมนตร์ที่ดูดกลืนพลังเวทย์มายกระดับร่างกายของผู้ใช้ให้ไปอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งทำให้มีพลังกายที่เเข็งเเกร่งไม่เเพ้ผู้ใช้เวทคนอื่น เเต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม การดูดซับนั้นถูกจัดอยู่ใน วิถีเดรัชฉาน”
“หรือก็คือเป็นวิธีต้องห้ามที่ทำให้ผู้คนกลายเป็นสัตว์ประหลาดไร้ความคิด…”
“ดูเหมือนคุณลิเลียจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีนะ”
“ก็มันเป็นประวัติศาสตร์ที่น่าเศร้านี่คะ”
เเม้ว่าจะมองไม่เห็นว่าลิเลียเศร้าจริงไหม เเต่พอฟังจากน้ำเสียงที่ต่ำลงของเธอ ผมก็รับรู้ถึงความจริงใจจากน้ำเสียงของเธอได้
“ในอดีตเมื่อ 1000 ปีก่อน ได้มีราชาองค์หนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา นามของเขาคือ เดียโบส เดียโบสได้จุติลงมาบนพื้นโลกอย่างมิทราบสาเหตุ สิ่งที่เรารับรู้ได้จากเขาคือ เจตจำนงของเขาที่ต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ทุกสิ่งมีชีวิตให้หมดสิ้น เขาจึงเลือกที่จะใช้พลังในการคืนชีพ เเละสร้างบริวารขึ้นมา ซึ่งการโจมตีที่ไม่เเบ่งเเยกของเขาทำให้หลายขั้วอำนาจที่ซ่อนอยู่ต้องขึ้นมาต่อกรกับเขาเพื่อมีชีวิตรอด ซึ่งมีอยู่สองขั้วอำนาจที่ประทุขึ้น เเละต่อสู้กับเดียโบสจนเกิดเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ ลอร์ดเอเวอร์เรส เเละเจ้าสำนักพิภพกังวาน มาสเตอร์ ชิซู บุคคลเเรกที่สร้างเเนวคิดการใช้เวทมนตร์เเบบดูดซับขึ้นมา”
“ซึ่งจุดประสงค์ของมาสเตอร์ ชิซู คือการสอนให้คนธรรมดาที่ไม่ถูกรับเลือกเลยโดยเวทมนตร์ให้สามารถใช้งานเวทมนตร์ได้ เเต่ก็มีผู้ประสงค์ไม่ดีที่คิดจะใช้การดูดซับในทางที่ผิด ลูกศิษย์ของสำนักพิภพกังวานได้ทรยศอาจารย์ เเละหลบหนีไปตั้งสำนักมารขึ้นมา ถ่ายทอดวิชาให้ผู้คนที่หิวกระหายในเวทมนตร์ให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ไร้สติ จนสร้างความเสียหายทั่วทุกอาณาจักร จนต้องดำเนินการกวาดล้างอย่างลับๆ ภายใต้สงครามที่มีเดียโบสเป็นฉนวน”
“ใช่เเล้วค่ะ ถึงเเม้ว่าการดูดซับจะไม่ใช่วีธีที่ผิด เเต่ก็ถูกลงความเห็นจากหลายอาณาจักรให้ปิดเป็นความลับ เเละห้ามเผยเเพร่ไม่ว่าจะเป็นจากสื่อใดๆ ก็ตาม เเต่ยังไงก็ตามก็ยังมีหนังสือที่เก่าเเก่ยังคงหลงเหลือ เเละเล่าถึงประวัติศาสตร์นั้นอยู่ ซึ่งเเน่นอนว่าหลังจากสำนักมารถือกำเนิดขึ้น มาสเตอร์ ชิซูก็ได้ละทิ้งสำนัก เเละหายตัวไป จนทำให้ลูกศิษย์คนต่างๆ ต้องเเยกย้าย เเละไปตั้งสำนักของตนในที่ลับตาผู้คน เเละหาผู้สือทอดวิชาเรื่อยมา”
“วิชาที่ถูกปกปิด เพียงเเค่ดูดกลืนเวทมนตร์โดยรอบมาสร้างเป็นพลังที่เเข็งเเกร่ง เเต่ก็เเลกมากับการที่ผู้ใช้มีโอกาสเสียการควบคุม เเละโดนเวทมนตร์กลืนกินเเทน กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่โหยหาเเต่ความเเข็งเเกร่ง หรือก็คือวิถีเดรัชฉานนั่นเอง”
ลิเลียมองผมโดยไม่พูดอะไร ปากของเธอไม่ขยับสักพัก ก่อนที่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เเละเปล่งเสียงถามผมด้วยความสงสัย
“น่าตกใจอยู่นะคะ ที่คุณโนวมอลรู้เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดเลย”
“ฉันก็เเค่อ่านหนังสือผ่านตามาเยอะน่ะ”
(ถึงความจริง จะเป็นข้อมูลภายในเกมก็เถอะ)
สำหรับผมข้อมูลที่มีประโยชน์ไว้ใช้สำหรับการจบเกมเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องจดจำ ในการเดินทางของตัวเอกจะต้องพกพาสหายที่เเข็งเเกร่งเพื่อให้ผ่านภารกิจอยู่เเล้ว ตัวละครที่มีความสามารถดูดซับพลังเวทย์มักเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการยืนเเนวหน้าของปาร์ตี้
“ว่าเเต่เธอคุณลิเลียล่ะ น่าเเปลกใจเหมือนกันที่คุณรู้เรื่องนี้เท่าผม”
“ฉันก็เเค่มีอาจารย์ที่ดีเองค่ะ”
“สุดยอดไปเลยนะครับ ผมนี่อิจฉาเลย”
“ทำไมเหรอคะ?”
“ก็เเบบต้องไปศึกษาในที่ต่างๆ มันลำบากมากเลยครับ”
“ต้องเป็นการผจญภัยที่เเสนวิเศษมากเลยสินะคะ”
“ถึงจะเหนื่อย เเต่ก็คุ้มค่ากับการเสียเวลาครับ”
(หึ ชักไม่เหมือนอย่างที่คิดเเล้วสิ ผู้หญิงคนนี้พยายามปกปิดตัวตนเหมือนเราสินะ)
เเม้ว่าภายนอกจะดูไร้เดียงสา เเต่จากที่ผมคุยกับเธอได้สักพัก นางเอกคนนี้ไม่ธรรมดาเลย นอกจากจะเลือกคำถามดัก ยังมีชั้นเชิงในการรักษาความลับด้วย ลิเลียมองมาที่ผมสักพักก่อนเธอจะยิ้มอ่อนด้วยความน่าขนลุก
“ไม่ต้องถ่อมตัวก็ได้ค่ะ ถึงฉัันจะไม่รู้ว่าคุณซ่อนอะไรอยู่ เเต่คุณคงรู้ความลับของฉันสินะคะ”
(!)
“พูดอะไรน่ะครับ คุณลิเลีย”
“ฉันสังเกตคุณมานานเเล้ว ทั้งร่างกายที่เเข็งทื่อ น้ำเสียงที่ฝืนธรรมชาติเป็นบางครั้งคราว เเละที่สำคัญรอยยิ้มนั้นเช่นกัน เวลาคุณกำลังคิดว่าอีกฝ่ายเดินตามเกมของคุณ คุณมักจะยิ้มเเบบเข้าเล่ห์ออกมาเสมอ”
(นึกว่าเป็นเเค่นางเอกที่จับทางง่าย เเต่เหมือนจะมีเขี้ยวเเอบเเฝงอยู่สินะ)
“วิเคราะห์ได้ละเอียดเเบบนี้ ฉันก็ไม่มีข้อเเก้ตัวสิ”
“เป็นเเค่การสังเกตคร่าวๆ เองค่ะ”
ผมพอรู้ตัวว่าตัวเองมักมีนิสัยชอบยิ้มเวลาตัวเองได้ชนะใครสักคนจนหลายคนไม่ชอบขี้หน้า เเต่การที่โดนมองออก เเละประกาศออกมารชัดเจนเเบบนี้ เธอต้องการอะไรกันเเน่ ทั้งที่ถ้าเงียบไว้ เเละหลอกใช้ความเข้าใจผิดของอีกฝ่าย เธอสามารถหาผลประโยชน์ในอนาคตได้อย่างง่ายดาย
“เเล้วต้องการอะไรล่ะ ถ้ามองออกเเล้วว่าฉันไม่คนที่น่าเชื่อใจ เธอควรที่จะหลีกเลี่ยงการเข้าหาฉันสิ”
“คือว่า…พอมีคนขอเป็นเพื่อนคนเเรกในเมืองหลวงเเล้ว มันก็เเบบ…คิดว่าถ้าปฎิเสธไป คงเป็นการเสียมารยาทค่ะ อีกอย่าง…”
“อะไร?”
ลิเลียก้มหน้าลม เเละกุมมือทั้งสองวางบนหน้าตัก น้ำเสียงของเธอค่อนข้างสั่นเเสดงถึงความลังเลเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะเว้นช่วง เเล้วสูดลมหายใจเรียกสติ
“ฉันคิดว่า คุณโนวมอลไม่ใช่คนไม่ดีหรอกค่ะ เพราะฉะนั้นน่าจะเชื่อใจได้ระดับหนึ่งค่ะ!”
“ระดับหนึ่งเเต่ก็ไม่ได้เต็มที่ สรุปเธอจะเอายังไงกันเเน่นะ”
“เอ…เออ…เเบบว่า…”
“ช่างมันเถอะ เธอจะไม่เชื่อใจฉันก็ได้นะ เพราะฉันเองก็ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น”
“เเต่ที่บอกว่าจะรับผิดชอบนี่ คงไม่ผิดสัญญาใช่ไหมคะ”
“ถึงจะเป็นคนดูไม่น่าเชืิ่อถือ เเต่ฉันพูดจริงทำจริงนะ”
“คิก บอกว่าไม่ใช่คนดี เเต่ยอมรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำเนี่ย ย้อนเเย้งในตัวเองจังนะคะ”
“นั่นสิ เเค่คิดว่า มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยเท่านั้นเอง”
ลิเลียเอามือปิดปาก เเละเเอบขำเล็กน้อย ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมปล่อยมุกตลกอะไรออกมา หรือว่าเธอเป็นคนที่บอบบางต่อมุกฝืดของผม
“ถ้างั้นเราลองมาพูดกันเเบบไม่เป็นทางการดีไหมคะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ฉันก็เเค่อยากจะคุยกับเพื่อนเเบบไม่ใส่หน้ากากเข้าหากันเองค่ะ”
“ถ้าเธอว่าเเบบนั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก เเต่ไอ้ที่ใส่หน้ากากนี่ เธอเจอเเต่คนประเภทนั้นเหรอ?”
“จะว่าถูกก็ไม่ผิด เพียงเเต่ฉันเเค่รู้สึกอึดอัดเท่านั้นเอง”
(หรือว่าที่เธอใส่เเว่นตา คงเป็นเพราะคนเหล่านั้น)
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าหน้าตาตัวเอกในโลกนี้เป็นยังไง เพราะในเกมเราสามารถเลือกที่จะเเต่งตัวละครของเราได้ เเว่นตาสีขาวทึกนั้นทำให้ผมไม่รู้เลยว่าเธอมีหน้าตาที่งดงามหรือเปล่า
“จะไม่ถามหรอกนะว่าเธออยากปิดบังตัวตนเพราะอะไร เเต่ถ้าอยากได้เพื่อนที่ยุ่งยากนิดหน่อย เป็นฉันก็ได้นะ”
“ได้เหรอคะ?”
“จะถามซ้ำทำไมล่ะ เอ้า นี่มาทำความรู้จักใหม่เถอะ”
ผมที่ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงยื่นมือออกไปอีกครั้ง ลิเลียที่เห็นดังนั้นจึงประหลาดใจ ผมที่่เห็นดังนั้นจึงต้องเป็นคนเริ่มทำการรู้จักใหม่เเทน
“เธอบอกไม่ต้องถ่อมตัวสินะ ฉันชื่อเอลเดล นอล หรือชื่อเล่น โนวมอล ยินดีที่ได้เป็นเพื่อนกันนะ ลิเลีย”
“ค-ค่ะ ฉัน มิธ ลิเลีย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ คุณนอล”
“บอกให้ฉันไม่ถ่อมตัว เเต่เธอดันขึ้นต้นชื่อฉันด้วยสรรพนามซะงั้น เรียกเเค่โนวมอลก็พอ”
“เเต่ชื่อจริงของคุณคือ นอล ไม่ใช่เหรอคะ?”
“ในฐานะเพื่อนกัน เธอต้องเรียกฉันว่า โนวมอลสิ ฉันชอบให้คนเรียกชื่อเล่นมากกว่านะ”
“อืม ถึงไม่ค่อยเข้าใจ เเต่จะพยายามดูนะคะ คุณโนวมอล”
“…”
“อ่า ขอโทษค่ะ ฉันยังไม่ชินกับการพูดไม่เป็นทางการเท่าไหร่นัก”
“อยากเรียกว่าอะไรก็ตามสบายเลย ฉันไม่ได้ใส่ใจหรอก”
เเม้ลิเลียจะยังไม่ค้นชินกับการเรียกชื่อจริง (โลกก่อน) ของผม เเต่ผมก็ไม่ได้ที่จะบังคับเธอ เเต่ในใจลึกๆ ผมก็อยากให้คนอื่นเรียกผมว่าโนวมอลมากกว่าชื่อจริงในโลกใบนี้
{อีก 10 นาที จะเริ่มการสอบขอให้นักเรียนทุกคนไปเคลื่อนตัวไปที่สนามสอบอย่างรวดเร็ว}
“จะเริ่มสอบเเล้ว รีบไปกันเถอะ”
“นั่นสิคะ รีบไปกันเถอะค่ะ”
ผม เเละลิเลียต่างลุกกันออกจากที่นั่ง เเล้วเดินไปพร้อมกันต่อเเถวฝูงชนมากมายที่เคลื่อนตัว มันค่อนข้างเเออัด เพราะมีผู้คนหลายร้อยในโรงอาหารกำลังเดินออกพร้อมกัน
“คนเยอะจังเลยนะคะ”
“ก็สมกับเป็นสถาบันเเอสทาเรียดี ยังไงก็เป็นที่หมายตาของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จอยู่เเล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นคุณโนวมอล อยากจะทำอะไรหลังจบการศึกษางั้นเหรอคะ?”
“ไม่รู้สิ ตอนนี้เเค่คิดว่า จะใช้เงินทุนจากนักเรียนยศเพชร กินอาหารเเพงๆ เเละนอนเล่นไปวันๆ อย่างราชาน่ะ”
“นักเรียนยศเพชรไม่ใช่ว่าจะได้มาง่ายๆ นี่คะ อย่างน้อยก็ต้องสร้างผลงานเป็นท็อปสิบของการสอบเข้า ถึงจะพิจารณาไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็อันดับหนึ่งมันล็อคให้ฉันเเล้วนี่นา ทำไมฉันจะต้องไปคิดมากล่ะ”
“มั่นใจจังเลยนะคะ ถ้าเป็นฉันขอให้สอบผ่านได้คะเเนนดีๆ ก็พอเเล้ว”
“อย่าประเมินตัวเองต่ำสิ จากสายตาฉันเเล้ว ยังไงเธอก็ไม่ด้อยไปกว่าใครหรอก เพลอๆ เธอนี่เเหละ ผู้ท้าชิงอันดับหนึ่งตัวเต็งในการสอบนี้ ตอนนี้ฉันกำลังคิดอยู่เลยนะว่า จะรับมือกับเธอยังไงดี”
“ไม่ไหวหรอกค่ะ ฉันไม่ได้มีความสามารถมากมายที่จะคว้าที่หนึ่งได้เลย”
(ถึงเธอจะบอกไม่มี เเต่ไอ้พรที่เธอมีมันโคตรโกงจนฉันยังกลัว)
ทุกคนที่เล่น ulofan ต่างรู้ดีว่าผู้พัฒนาให้พลังผู้เล่นมากเเค่ไหน ตัวละครเอกนั่นมีสกิลสุดขี้โกงที่ให้มานั่นคือ เจตจำนงเเห่งผู้กล้าเวเรีย ซึ่งจะคอยชี้นำตัวเองให้มีความสามารถทัดเทียมกับอดีตผู้กล้าที่เเข็งเเกร่งที่สุด อัสลาน เวเรีย ผู้ที่ทำให้จอมมารต้องพ่ายเเพ้ เเละถูกจำศีล
“เธอนี่ก็ล้อเล่นเป็นเหมือนกันนะ”
“ฉันไม่ได้ล้อเล่นนะคะ!”
“เเต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันก็ได้ที่หนึ่งอยู่เเล้ว”
“ทำไมฉันเริ่มมีความคิดที่ว่าตัวเองชักอยากเป็นที่หนึ่งเเล้ว”
ลิเลียโกรธที่ผมไม่เชื่อเธอ เเต่จะให้ผมบอกว่าเธอจะไม่ได้ที่หนึ่งได้ไงล่ะ เพราะตามเนื้อเรื่องเกม เธอก็ถูกบังคับให้ได้ที่หนึ่ง เเถมยังมีความสามารของผู้กล้าที่ไร้เทียมทานอีก คิดดยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เธอจะไม่ได้ที่หนึ่ง ถ้าไม่นับว่ามีผมที่เเข็งเเกร่งกว่ามากอ่ะนะ
—
หลังจากที่เดินมาได้สักพัก ผม เเละลิเลียก็มาถึงสนามสอบที่คล้ายโคลอสเซียมขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ตึกสอบ มันทำมาจากวัสดุที่ทนทาน เเละเสริมความเเข็งเเกร่งด้วยเวทมนตร์ พวกเราเข้าไปข้างในกับกลุ่มผู้เข้าสอบ เเล้วพบกับผู้คุมที่ยืนอยู่กลางสนาม เมื่อมองออกไปรอบๆ ก็พบกับผู้คนมากมายที่ชำเลืองสายตามองลงมาพร้อมเสียงร้องก้องกังวานจนเเยกไม่ออกว่ามีเสียงใครบ้าง
“ขอต้อนรับผู้เข้าสอบทุกท่านเข้าสู่สนามประลองอันมีเกียรติของสถาบันเเอสทาเรีย เดอะ อารีน่า!”
“อารีน่า อารีน่า อารีน่า!”
“เห็นผู้ชมที่น่ารัก เเละผู้เข้าสอบอันมีเกียรติมาเยือนเเล้ว ถ้าดิฉันไม่เเนะนำตัวก็คงจะเสียมารยาทเเน่เลย”
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถือถือไมค์นั่งอยู่ตรงบริเวณผู้ชมกำลังส่งเสียงหนักเเน่น เเละชูนิ้วชี้ขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับเสียงประสานของผู้ชม นี่มันไม่ต่างกับการเเข่งขันฟุตบอลในลีคชื่อดังเลย
“ดิฉัน ตัวเเทนจากสภานักเรียนรุ่นที่ 68 ฝ่ายเลขานุการ ฮาล ดีฟ ฮารเต้ จะทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายการสอบภาคปฎิบัติ ครั้งที่ 69 เองค่ะ!”
ผู้หญิงคนนั้นมีผมยาวสีดำเงา ดวงตาของเธอมีสีเหลืองเปล่งประกาย รูปร่างหน้าตาจัดอยู่ในมาตรฐานของไอดอลที่ใครต่างชื่นชอบ น้ำเสียงของเธอนั้นสดใส เเละร่าเริง ไม่ว่าใครฟังต่างก็ต้องเคลิ้มตาม เธอชูไมค์ตรงไปข้างหน้า สักพักก็ปรากฏเเสงสว่างผ่านไมค์ฉายภาพหนึ่งขึ้นมา
“เรามาเริ่มตั้งเเต่อธิบายกฎกันดีกว่าค่ะ สำหรับธรรมเนียมการสอบภาคปฎิบัติของสถาบันเเอสทาเรียนั้น เราจะมีชื่อทางการคือ King of survivor (ราชาเเห่งผู้อยู่รอด) สำหรับเงื่อนไขในการได้คะเเนนก็ง่ายๆ ใครที่สามารถยืนอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายได้ คนนั้นก็จะได้คะเเนนสูงสุดนั่นเอง”
(เป็นการสอบที่ไม่ปราณีใครเลยจริงๆ)
เป็นไปตามที่คิดไว้ สมกับเป็นสถาบันที่เป็นหน้าตาของอาณาจักร การสอบต้องยากเค้นในระดับหฤโหดอยู่เเล้ว การสอบนี้คือการเฟ้นหาคนที่เเข็งเเกร่งที่สุดเพียงเท่านั้น
“เเต่เพื่อให้เป็นกลาง เเละเกิดความเท่าเทียมเเก่ผู้เข้าสอบอื่น เราจะมีข้อบังคับอยู่ว่า หนึ่ง ผู้เข้าเเข่งขันทุกคนต้องใช้อุปกรณ์ตามที่ทางเราจัดเตรียมให้เท่านั้น เพื่อเเสดงให้เห็นถึงศักยภาพสูงสุดของผู้เข้าสอบ”
“สอง ในมือของพวกท่านจะมีเเหวนระบุตัวตนอยู่ สิ่งที่จะมีความสามารถในการตรวจจับสถานะของผู้ถือครอง ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บจนเกิดหมดสติ เเหวนจะระเบิดออกเพื่อรักษาผู้ใส่อัตโนมัติ เเต่ถึงกระนั้นผู้เข้าสอบก็ถือว่าพ่ายเเพ้เป็นที่เรียบร้อย”
“เเละสาม ข้อสุดท้าย ในกรณีที่ผ่าฝืนกฎข้อใด ข้อหนึ่ง กรรมการผู้คุมสอบที่อยู่ในสนามทั้งสองท่านจะเป็นคนลงมือจัดการทันที ดังนั้นขอรบกวนผู้เข้าสอบทุกท่านให้ความร่วมมือด้วย”
จากที่ผมฟังข้อบังคับมาก็ดูเหมือนที่นี่จะให้ความใส่ใจเรื่องความปลอดภัยของผู้เข้าสอบระดับหนึ่ง เเต่ที่น่าเเปลกใจคือไม่นึกว่าเเหวนระบุตัวตนที่กินเงินไปหมื่อนยูเร จะมีประโยชน์มากมายขนาดนี้
“สิ้นสุดการอธิบายข้อบังคับเเล้ว ต่อไปคือ การเเบ่งกลุ่มผู้เข้าสอบ การสอบนั้นจะเเบ่งออกเป็นสี่รอบ รอบละ 100 คน โดยจะมีสี่กลุ่มคือ A B C D รวมทั้ง 400 คน ซึ่งผู้มีสิทธิได้รับคะเเนนสอบจะต้องเป็นคนที่เหลือรอด 40 คนเเรกเพียงเท่านั้น เพราะฉะนั้นการสอบนี้เราจะคัดเเค่ 160 คนสำหรับคนสำหรับการผ่านการสอบภาคปฎิบัติ”
“สิ้นสุดการชี้เเจงเเล้ว โปรดตัวดูกลุ่มเข้าสอบของท่านได้เลย!”
ผมรับรู้ได้ถึงเเหวนระบุตัวตนในมือขวาที่ร้อนขึ้น พอหันลงไปมองก็พบกับตัวอักษรปรากฎขึ้นมา ผมนั้นได้กลุ่ม A ซึ่งเป็นกลุ่มเเรกนั่นเอง
“ฉันได้ A เธอล่ะ”
“ฉันได้ D ค่ะ เป็นกลุ่มสุดท้ายเลย”
“ดีเเล้วที่ฉันไม่ได้เจอเธอ ฉันไม่ค่อยอยากที่จะปะมือกับเพื่อนสักเท่าไหร่ด้วยสิ”
“เหมือนกันค่ะ”
ผมกับลิเลียมองดูเเหวนของต่างฝ่าย เห็นได้ชัดเลยว่าผม เเละเธอนั้นอยู่คนละกลุ่ม หมายความว่าเราจะไม่ได้สู้กันนั่นเอง นับเป็นเรื่องโชคดีเพราะถ้าผมสู้กับเธอคงจะเหนื่อยนิดหน่อยเเน่นอน
“ต่อไปนี้จะเป็นรายชื่อของผู้เข้าสอบในเเต่ละคุณให้ผู้ชมได้ดูค่ะ”
(โอ้ นั่นมัน…)
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองภาพฉายซึ่งมีรายชื่อนับร้อยเรียงอยู่ ภายในนั้นมีชื่อของผมที่อยู่กล่มเเรก เเต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะสิ่งที่ผมสนใจคือ คนหนึ่งที่ผมเล็งมองมานานเเล้วต่างหาก
“สำหรับกลุ่ม A เราก็มีสิ่งเร้าใจให้ผู้ชมได้ดูเสียเเล้ว ดาวเด่นของกลุ่มก็คือเจ้าชายมิลมิเลี่ยนของพวกเรานั่นเอง!”
(ยอดเยี่ยม!)
ผมไม่อาจหุบยิ้มเมื่อได้เห็นหน้าของเจ้าชายบนภาพฉายที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับผม มือทั้งสองกำเเน่นด้วยความตื่นเต้น ไม่รู้ทำไมผมชักอยากที่จะเริ่มสอบเร็วๆ เเล้วสิ
“เเต่ทว่า กล่ม B ก็ไม่น้อยหน้าเหมือนกัน เพราะมีลูกสาวของสองดยุคอันเลื่องชื่อไม่ว่าจะเป็น คุณหนูเเคสโตเวีย หรือคุณหนูโรซาเรส”
“กลุ่ม C ก็น่าสนใจเช่นกัน เพราะมีถึงตัวเต็งอย่าง คริสโตเฟอร์ เซอร์ไฮด์ บุตรชายของหัวหน้าอัศวิน”
“เเละสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือ กล่ม D บุตรสาวของจอมปราญช์เมอร์ลิน ฮาเรอร่า วี วาเร็ตจิต้า ผู้ได้นับการขนานนามว่า เพชรเเห่งมนตรา…”
ผมยืนฟังที่เลขานุการนักเรียนสาธยายไปทั่วถึงความน่าทึ่งของพวกชนชั้นสูง ซึ่งก็อยากที่จะตอบโต้กลับไปเหมือนกัน เพราะคนที่ควรจับตามองไม่ใช่ ลูกสาวของเมอร์ลินขี้เหล้านั่นหรอก เเต่ควรเป็นลิเลียต่างหาก เพราะเธอคือผู้สืบทอดผู้กล้าเเห่งความหวัง อัสลาน เรเวีย
“ถ้าผู้เข้าสอบตรวจเช็กเรียบร้อยเเล้ว ขอความกรุณากลุ่มที่เหลือนอกจากลุ่ม A ไปยังทางประตูตะวันออกด้วยค่ะ ส่วนกลุ่ม A จะมียุทธาอุปกรณ์อยู่ทางประตูตะวันออก กรุณาไปเตรียมตัว เเละหยิบอาวุธให้เรียบร้อยด้วยค่ะ”
“งั้นฉันไปก่อนนะ”
“โชคดีนะคะ คุณโนวมอล”
ผมโบกมือจากลาลิเลียก่อนที่จะหันหลังไปประตูตะวันออก เมื่อเดินเข้าไปก็พกกับอาวุธมากมายที่ใส่ตะกร้า หรือเเขวนไว้บนผนังให้เลือกใช้ เรียกได้ว่าเป็นคลังสมบัติของเเท้
“เยอะเป็นบ้าเลยเเหะ เอาชิ้นไหนดีนะ นี่ก็ดี อันนั้นก็ว้าว…”
ผมไล่จับอาวุธทุกชิ้นไป เเละตรวจสอบคุณภาพของมันไปอย่างช้าๆ เริ่มจากดาบยาว มีดสั้น ขวาน หอก เเละอื่นๆ จนคนที่อยู่รอบตัว เขาถยอยออกกันไปหมดเเล้ว
“ช่างมันขนไปหมดเลยละกัน!”
ผมที่อยากจะใช้ทุกชิ้นก็เลยไม่สนว่ามันจะเกะกะหรือไม่ก็เลยหยิบทั้งตะกร้าด้วยสองมือ เเละเดินตรงออกไปยังสนาม เพราะในเมื่อมีของฟรีมาให้ใช้เเล้ว จะเลือกถนอมสักชิ้นก็เสียดาย
“โอ้ดูนั่นสิคะ คุณผู้ชม ชายไร้ชื่อ เอลเดล นอลได้ออกมาเเล้วค่ะ ว่าเเต่ทำไมเขาถึงขนอาวุธมามากมายนะ ฉันหาคำตอบไม่ได้จริงๆ ค่ะ!”
(รู้กระทั่งชื่อด้วยเหรอนี่ ไอ้เเหวนนี่มันจะอเนกประสงค์ไปเเล้ว)
ชื่อ เเละหน้าของผมปรากฏบนหน้าจออย่างไม่เต็มใจ ผมที่เห็นดังนั้นจึงวางตระกร้าอาวุธบนสนาม เเล้วมองไปยังเเหวน ที่ส่องเเสงสว่าง ผมเริ่มคิดเเล้ว่า เเหวนนี้มันน่าพิศวงเกินไปเเล้ว
“เเต่ไม่ว่ายังไงก็ตามผู้เข้ากลุ่ม A ก็ครบเรียบร้อยเเล้ว ถ้างั้นเรามาเริ่มการสอบภาคปฎิบัติกลุ่่ม A กันเถอะค่ะ ถ้าทุกท่านพร้อมเเล้ว มานับถอยหลังพร้อมกันเถอะ เอ้า!
” “1! 2! 3!”
“เริ่มการสอบได้!!!!”
เสียงของพิธีกรดังลั่นเป็นการเริ่มสัญญาณการต่อสู้บนสังเวียนของผู้อยู่รอด ผมที่ได้ยินกังนั้นจึงหยิบดาบยาวในตระกร้าขึ้นมาเตรียมพร้อม
“หึ นายเองสินะ ที่ขัดอารมณ์องค์ชาย ไอ้สามัญชน”
(ก็รู้ตัวหรอกนะ ออร่าอยากระทืบคน มันเซ้นท์ดี เเต่ก็ไม่นึกว่ามันจะมาเร็วเเบบนี้เเหะ)
ผมหันข้างไปก็พบกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่มีหน้าตาหล่อเหลากว่าผมกำลังจ้องมองผมด้วยท่าทีเหยียดหยาม เขาสะพายดาบไว้บนบ่าด้วยท่าทีสบาย ผมสีดำยาวผิดตาของเขาไปข้างหนึ่ง เเสดงให้เห็นความเป็นหนุ่มฮอตที่ใครต่างชื่นชอบ
“ไม่รู้หรอกนะว่า นายมีสมองรึเปล่า เเต่คนที่กล้าสามห้าวต่อเชื้อพระวงศ์ เป็นฉันก็ทนอยู่เฉยไม่ได้เหมือนกัน ถ้ากำจัดนายออกจากสนาม องค์ชายคงจะตบรางวัลให้อย่างดี”
“ดูนั่นสิคะ คุณผู้ชม บุตรชายเเห่งขุนนางที่ดิน อัลเบริก เอริก เริ่มเคลื่อนไหวเเล้ว เป้าหมายของเขาคือ เอลเดล นอลด้วย เขาจะรอดไหมนะ หรือจะจบการสอบเพียงเท่านี้!”
“สำหรับนาย ฉันคงให้ตัวเลือกเเค่ ตกรอบ ล่ะนะ”
ผมถอนหายใจเล็กน้อย ในเวลานี้เเม้เเต่พิธีกรก็ไม่ให้ความเป็นกลางเลย เธอตัดสินผมจากข้อมูล เเละชื่อเสียง จนไอ้คนที่อยู่ตรงหน้ามันก็ยิ่งได้ใจไปใหญ่
“พูดมากน่า อยากสู้มาก ก็รีบเข้ามาเหอะ”
“นายจะพูดเเบบนี้ได้เเค่ตอนนี้เท่านั้นล่ะ ลาก่อน ทะลวงชีพ!”
เอริกนำดาบออกจากไหล่ เเละบิดตัวอย่างรวดเร็ว มือขวาที่จับด้ามดาบได้ใช้เเรงอันมหาศาลพุ่งเเทงตรงมาทางผมด้วยความเร็วสูง ซึ่งผมก็ใช้เเรงที่มีฟาดดาบลงมาในเเนวตรงเเทน
เปร้ง!!!!!!!!
“ท-ทุกท่าน!”
ผมเห็นภาพช้าของดาบที่ปะทะกัน สิ่งที่เห็นไม่ใช่ดาบของใครที่กำลังเอื้ิอมไปถึงอีกฝ่าย เเต่มันเป็นเศษดาบที่เเตกกระจัดกระจายล่องลอยอยู่บนอากาศต่างหาก
“ไม่น่าเชื่อ! ดาบของทั้งสองเเตกพังไปเเล้ว!”
“เสียดายจัง อุส่าห์คิดว่าจะใช้ได้นานกว่านี้เเท้ๆ”
หลังจากที่ดาบของผมพังทลายไปด้วยน้ำมือของผม หมัดซ้ายของผมก็ชูขึ้นกำเเน่นจนได้ยินเสียง ภายในพริบตามันก็ถูกปลดปล่อยซัดเข้าที่หน้าของเขาจนเละไม่เหลือเค้าโครงความหล่อ
“เเต่เอาเป็นว่าฉันยังมีสำรองใช้เเล้วกัน”
หมัดของผมชกร่างของคนที่เหม็นขี้หน้าซัดปลิวพาคนที่อยู่ระหว่างทาง ลอยกระเเทกไปตามเขาจนสุดผนังอารีน่า ผมได้เห็นชายสามคนนอนสงบข้างกายเอริก
“บ้าไปเเล้ว! เอลเดล นอล ชายปริศนาไร้ชื่อได้ทำการเปิดสนาม ทำการน็อคเอาท์ ผู้เข้าสอบไป 4 คนเรียบร้อยค่า! หรือว่าเขาจะเป็นม้ามืดเเห่งกลุ่ม A กันเเน่!”
“ให้ตายสิ เป้าหมายฉันคือ เจ้าชายคนเดียว ถ้าพวกเเกไม่อยากตกรอบ ก็อย่ามาขวางทางสิวะ!”
ผมตะโกนด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่จะหยิบดาบเล่มใหม่ขึ้นมาใช้ ผมมองไปที่เจ้าชายที่ยืนมองผมด้วยสายตาเย็นชา ซึ่งก็มีคนระหว่างทางไปอยู่บ้าง ผมจึงต้องออกเเรงจัดการขวากหนามเสียก่อน
—
Chapters
Comments
- ตอนที่ 13: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (6) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 12: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (5) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 11: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (4) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 10: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (3) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 9: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (2.5) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 8: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (2) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 7: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (1.5) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 6: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (1) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 5: การเริ่มต้นที่เป็นไปได้ไม่ค่อยดี (4) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 4: การเริ่มต้นที่เป็นไปได้ไม่ค่อยดี (3) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 3: การเริ่มต้นที่เป็นไปได้ไม่ค่อยดี (2) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่ 2: Route two: สถาบันศึกษาเเอสทาเรีย (3) มกราคม 6, 2022
- ตอนที่1: การเริ่มต้นที่เป็นไปได้ไม่ค่อยดี (1) มกราคม 6, 2022
MANGA DISCUSSION