"ซูยุ่น!"
ทันทีที่ฉันออกมาจากลิฟต์ หยางหมิงหมิงก็ได้เรียกฉัน "ฉันคิดว่าเธอจะไม่ไปกับฉันเสียแล้ว!"
ฉันอดยิ้มไม่ได้ "ได้ยังไงล่ะ ไม่ใช่ว่าฉันตอบตกลงไปแล้วหรือ?"
เธอพยักหน้า สีหน้าของเธอไม่สบายใจ
ฉันรู้ว่าเธอกังวลเรื่องอะไรฉันจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง "กินข้าวหรือยัง?"
อย่างที่ฉันคาดไว้หยางหมิงหมิงส่ายหน้า "ไม่ ฉันกินไม่ลง"
"ผลของเรื่องได้ถูกกำหนดไว้แล้วไม่ช้าก็เร็วไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ ไม่งั้นถ้าเธอหิวและเวียนหัวเป็นลมไป ฉันอุ้มเธอไม่ไหวหรอกนะ!"
ฉันพยายามพูดให้ติดตลก แต่เห็นได้ชัดว่าการตอบรับนั้นไม่ดีเลย หยางหมิงหมิงไม่มีท่าทีหัวเราะออกมา
เมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้ ฉันจึงทำได้เพียงถอนหายใจ "โอเค ไปกินข้าวกันเถอะ ฉันรู้สึกว่าแถวนี้ใกล้ๆมีร้ายก๋วยเตี๋ยวอยู่นะ อีกไม่นาน เรากินเสร็จก็จะไปโรงพยาบาลกัน ตอนนี้เธอต้องไปหยิบหมายเลขก่อน"
"อืมใช่ ฉันควรไปหยิบหมายเลข!"
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ เธอก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นมาเล็กน้อย
ในขณะที่กินก๋วยเตี๋ยว หยางหมิงหมิงไม่มีท่าทีอยากอาหารเลย ก๋วยเตี๋ยวชามใหญ่ เธอกินไปเพียงสองสามคำเท่านั้น
ฉันมองเธอและไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
ตอนที่ฉันอยู่ในรถฉันอยากจะผ่อนคลายอารมณ์ของเธอ แต่เธอกลับเอาแต่มองด้านนอกหน้าต่างนั้น ดูเหมือนว่าเธอไม่อยากคุยกับฉันเลย ฉันจึงไม่กล่าวอะไร
ระหว่างทาง บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบมาก
แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันทำงาน แต่คนจำนวนไม่น้อยก็เดินทางมายังแผนกสูติ – นรีเวช
หมายเลขที่หยางหมิงหมิงได้รับต้องรอคิวเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมง ระหว่างรอหยางหมิงหมิงไม่สามารถนั่งนิ่งๆได้เลย เธอเดินวนวนมาอย่างกระวนกระวาย
ฉันกล่าวกับเธออยู่หลายครั้ง เธอมองมาที่ฉันและทำท่าทีเหมือนกับจะร้องไห้ สุดท้ายแล้วฉันก็ไม่กล้าพูดอะไร ทำได้แค่ปล่อยเธอไป
ในช่วงเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นหลายครั้งและเธอก็ไม่ได้รับสายจนกระทั่งสายได้วางไป
ฉันเห็นเธอในท่าทางนี้ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นสายของใคร แต่มันเป็นการตัดสินใจของหยางหมิงหมิงเองและฉันก็ไม่ควรพูดอะไรออกไป
ถึงคราวของเธอ โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นอีกครั้ง หยางหมิงหมิงมองมาที่ฉัน "ซูยุ่น แฟนของฉันมา เขาอยู่ด้านนอกโรงพยาบาล ฉันไม่อยากเจอเขา"
ฉันรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย "แต่ ถ้าหากว่าเขาเข้ามา ฉันเองก็คงห้ามเขาไม่อยู่และฉันก็ไม่เคยเห็นแฟนของเธอ"
ทันใดนั้นเธอก็ก้มศีรษะลงและหยิบกล่องออกมาจากกระเป๋า "เขามาเพื่อจะเอาสิ่งนี้ เธอช่วยฉันเอาไปให้เขาหน่อย บอกเขาว่าฉันไม่อยากเจอเขา"
"ไม่ใช่ ฉันไม่เคยเจอแฟนของเธอมาก่อน"
"เธอออกไปพร้อมกระเป๋าของฉันแล้วเขาจะรู้ว่าเธอคือใคร"
ฉันอยากจะกล่าวอะไรเพิ่มเติมแต่หมอก็ได้เรียกคิวของเธอแล้ว
หยางหมิงหมิงยัดกระเป๋าและกล่องใส่มือของฉัน "เธอช่วยบอกเขาว่า หลายปีที่ผ่านมานี้ ฉันไม่ได้ติดหนี้อะไรเขาแล้ว"
ขณะที่กล่าวเธอก็ได้ลงทะเบียนและเดินเข้าไปด้านใน
ฉันจ้องมองแผ่นหลังของเธอและไม่รู้ว่ามีอะไรผิดปกติถึงได้รู้สึกเศร้าเล็กน้อย
ตามที่หยางหมิงหมิงบอกกับฉัน ฉันต้องเอากระเป๋าของหยางหมิงหมิงไปที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล โทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นครั้งหนึ่ง ฉันเห็นว่ารายชื่อนั้นเป็นอักษาภาษาอังกฤษเพียงตัวเดียว ฉันเดาว่าเป็นแฟนเก่าของหยางหมิงหมิงฉันจึงรับโทรศัพท์
อีกฝ่ายได้ยินเสียงของฉันราวกับว่ามันไม่ถูกต้อง เขาจึงถามว่าฉันคือใคร ฉันอธิบายตัวตนของฉันแล้วเขาก็ถามฉันว่าฉันอยู่ที่ไหน
น้ำเสียงของอีกฝ่ายรุนแรงมากเมื่อฉันได้ยินฉันก็รู้สึกขุ่นเคืองในใจ
ฉันระงับอารมณ์ของตัวเองและเดินออกไปนอกโรงพยาบาล
ภายในเวลาไม่ถึงห้านาที ฉันเห็นชายคนหนึ่งสวมเสื้อสเวตเตอร์เดินเข้ามา เขาเหลือบมองฉัน "หยางหมิงหมิงให้เธอเอาของมาให้ฉัน?"
ฉันยื่นกล่องให้เขาอย่างเย็นชาและบอกตามคำพูดของหยางหมิงหมิง "หยางหมิงหมิงให้ฉันบอกคุณว่า หลายปีที่ผ่านมาแล้ว เธอไม่ได้เป็นหนี้อะไรคุณแล้ว"
ชายคนนั้นมองมาที่ฉันด้วยใบหน้าแปลกๆ เขาเอื้อมมือมารับกล่องและพูดอย่างเย็นชา "ให้เธอสบายใจได้เลย หลังจากนี้ฉันจะไม่ไปวุ่นวายกับเธออีก"
หลังจากพูดจบแล้วชายคนนั้นก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ฉันมองแผ่นหลังของเขา ไม่รู้ว่าทำไมฉันอยากจะบอกว่าหยางหมิงหมิงท้อง แต่สุดท้ายฉันก็ไม่ได้พูดอะไร
นี่คือเรื่องของหยางหมิงหมิง เนื่องจากหยางหมิงหมิงไม่พูดฉันจึงไม่มีสิทธิ์พูดอะไร
เมื่อฉันกลับไป หยางหมิงหมิงก็ยังคงไม่ออกมา หลังจากรอไม่กี่นาทีหยางหมิงหมิงก็ออกมา
เธอมองมาที่ฉันเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าไป "เขาพูดอะไรหรือเปล่า?"
ฉันมองไปที่เธอและรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย คำพูดของผู้ชายคนนั้นเจ็บปวดมากจนแม้แต่คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างฉันยังรู้สึกเจ็บปวด
"ไม่เป็นอะไร เธอพูดเถอะ เขาคนนั้นไม่เคยพูดอะไรดีๆออกมาจากปากเขาหรอก"
หลังจากฉันครุ่นคิด ฉันตัดสินใจบอกเธอว่า "เขาบอกให้เธอสบายใจได้ หลังจากนี้เขาจะไม่มาเจอกับเธออีก"
หยางหมิงหมิงยิ้มอย่างขมขื่น: "จริงเหรอ?"
เห็นเธอเป็นแบบนี้ ภายในใจฉันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ฉันไม่รู้จะปลอบเธออย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเธออาจจะตั้งท้องกับผู้ชายคนนั้นอีก
ในระหว่างรอผล หยางหมิงหมิงเงียบมากกว่าปกติเป็นเท่าตัว เธอไม่พูดอะไรเลย ตรงกันข้ามกับฉัน ฉันอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นยืนและเดินไปรอบๆ
เมื่อผลออกมา หยางหมิงหมิงสงบกว่าที่ฉันคิดไว้ หลังจากดูผลการตรวจอยู่ชั่วขณะ เธอก็เอื้อมมือมากอดฉัน "ซูยุ่น ขอบคุณ"
เธอเป็นแบบนี้ฉันกลัวว่าเธอจะหยุดคิดเรื่องนี้ไม่ได้ฉันรีบปลอบประโลมเธอ "หมิงหมิง มันไม่เป็นอะไรเลย เธอ—"
เธอยิ้มและปล่อยมือออกไป "เธอกลับบ้านเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว"
เห็นเธอเป็นแบบนี้ฉันจะกล้าปล่อยให้เธออยู่คนเดียวได้อย่างไร
แต่หยางหมิงหมิงยังคงหนักแน่น "ซูยุ่น ฉันอยากอยู่คนเดียว"
ท้ายที่สุด เธอและฉันไม่ได้รู้จักกันมากพอที่จะช่วยเธอในเรื่องของการตัดสินใจ เมื่อเห็นเธอยืนยันคำตอบอย่างเฉียบขาดฉันจึงต้องยอม "งั้นเธอก็รีบกลับบ้าน มีอะไรโทรหาฉันได้เสมอ" สถานการณ์ของเธอ ฉันกังวลมากว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
เธอพยักหน้า เราทั้งสองคนออกจากโรงพยาบาล ฉันมองดูหยางหมิงหมิงขึ้นแท็กซี่จากนั้นก็เดินทางกลับบ้าน
สิ่งที่เกิดขึ้นกับหยางหมิงหมิงทำให้ฉันจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อนั่งรถเมล์ฉันก็ไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว กว่าจะได้สติก็พบว่าตัวเองนั่งเลยจุดหมายมาแล้วถึงสามสถานี
จากเรื่องราวนั้น เดิมทีฉันตั้งใจจะกลับถึงบ้านในช่วงเวลาหกโมงเย็น แต่สุดท้ายเมื่อถึงเขตชุมชนก็เป็นเวลาหนึ่งทุ่มไปแล้ว
ฉันโทรไปหาลู่จือสิง จะถามเขาว่ากลับบ้านแล้วหรือยัง เขาก็โทรเข้ามาพอดีพร้อมกับถาม "อยู่ที่ไหน?"
น้ำเสียงของเขานั้นไม่ดีนัก ฉันเดินเข้าไปในลิฟต์จากนั้นก็ตอบเขาไปพร้อมกับกดปุ่ม "อยู่ในลิฟต์ ทำไมเหรอ?"
“อืม คุณกลับมาก่อน มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณ”
ฉันคิดถึงจะถามเขาว่ามีเรื่องอะไร แต่ลู่จือสิงก็ไม่เปิดโอกาสให้กับฉัน เขาได้วางสายไปเสียก่อนแล้ว
ท่าทางเขาดูลึกลับซ่อนเงื่อนมาก ฉันไม่รู้ว่ามันคือเรื่องอะไร ในเวลาเพียงไม่กี่สิบวินาที ฉันก็รู้สึกประหม่าตลอดทาง
เมื่อฉันกลับถึงบ้าน ฉันคิดว่าลู่จือสิงนั้นจะอยู่ที่บ้านฉันจึงกดกริ่งประตู
ฉันรออยู่ชั่วครู่และไม่ได้รอให้ลู่จือสิงมาเปิดประตู สุดท้ายฉันต้องหากุญแจเพื่อเปิดประตู
ทันทีที่ผลักประตู ฉันก็ตื่นตะลึงเมื่อเห็นทุกอย่างตรงหน้า ฉันยกมือขึ้นเพื่อปิดปากของตัวเองด้วยความไม่เชื่อ "ทำไม…"
MANGA DISCUSSION