“ต่อไปเธอใส่กางเกงแบบนี้ก็ดีนะ!”
เมื่อได้ยินที่ลู่จือสิงพูด สีหน้าของฉันก็ตึงขึ้น "ลู่จือสิง คุณล้อฉันเล่นหรือเปล่า?"
มีผู้หญิงคนไหนไม่รักสวยรักงามบ้าง พวกเราภูมิใจที่ได้ดูแลตัวเอง แม้การใส่กางเกงสแล็คจะไม่ใช่เรื่องแย่ แต่ออกจะเกินไปหน่อยถ้าจะให้ใส่ทุกวัน!
แต่เห็นได้ชัดว่าลู่จือสิงไม่ได้ล้อเล่น "มองฉันอย่างนี้คิดว่าฉันล้อเล่นหรือไง?"
เขาพูดเมื่อเดินออกไปแล้ว "เธอไปสายแน่ถ้ายังไม่ยอมออกมา!"
ฉันกัดฟันแน่น พอเขาขู่แบบนี้ฉันจึงต้องยอมปล่อยไปก่อน
ตอนแรกฉันคิดว่าลู่จือสิงแค่พูดไปอย่างนั้นเองที่ว่าจะให้ฉันใส่กางเกงตลอด ไม่คิดว่าเขาจะสั่งให้หลี่จื้อซื้อกางเกงไซส์เล็กให้ฉันกว่าหลายสิบตัวจริงๆ
หลี่จื้อทำหน้าแปลกๆ เหมือนพยายามกลั้นยิ้มขณะยื่นถุงส่งให้ฉัน "เลขาซู ประธานลู่ขอให้ผมเอามาให้คุณ"
เมื่อมองหลี่จื้อฉันก็รู้สึกว่าท่าทางของเขาดูแปลกๆ แต่คิดไม่ออกว่าเมื่อเช้าเกิดอะไรขึ้น "คืออะไรเหรอ?"
"คุณดูก็รู้เองละครับ"
หลี่จื้อยิ้มออกมานิดๆ ก่อนจะจากไป ฉันมองแผ่นหลังของเขาอย่างงุนงง ไม่คิดสักนิดว่าเมื่อเปิดดูในถุงแล้วจะเจอกางเกงสแล็คกับเสื้อเชิ้ตใหม่เอี่ยมเต็มไปหมด
พอเห็นแบบนี้ร่างกายฉันก็แทบระเบิด ฉันยัดเสื้อผ้าใส่ถุงแล้ววิ่งออกจากห้องน้ำ ตรงเข้าไปในห้องทำงานของลู่จือสิงพร้อมกับถุงใบนั้น "ลู่จือสิง คุณบ้าหรือเปล่า?!"
ลู่จือสิงที่กำลังอ่านเอกสารเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฉัน "มีใครให้เธอกินระเบิดมาหรือไงถึงดูโกรธขนาดนี้?"
คำพูดของเขาทำให้ฉันยิ่งโกรธมากกว่าเดิม "ใครให้ฉันกินระเบิดงั้นหรือ? คุณดูเอาเองเถอะว่าใครเป็นคนทำ!"
พูดจบฉันก็หยิบเสื้อและกางเกงทั้งหมดในถุงออกมาให้เขาดู
เขาหยิบมันขึ้นมาดู "คุณภาพไม่ดีหรือ? ก็ดีนี่นา ฉันสั่งให้หลี่จื้อซื้อแบบมียี่ห้อมาให้"
"คุณภาพดีบ้านคุณสิ!" ฉันอยากทำให้เขาโกรธบ้างจึงคว้ากางเกงแล้วปาใส่เขา "คุณบ้าเหรอถึงซื้อมามากมายขนาดนี้? แล้วก็นะ ฤดูร้อนแบบนี้ใครเขาใส่เสื้อแขนยาวกัน!"
สีหน้าของลู่จือสิงเยือกเย็นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินที่ฉันพูด "ในสำนักงานมีเครื่องปรับอากาศ เวลาใส่เสื้อแขนสั้นเธอไม่หนาวหรือไง?"
"แล้วตอนฉันอยู่ข้างนอกล่ะ?"
"เธออยู่ข้างนอกนานแค่ไหนเชียว?"
เขาทำให้ฉันเถียงไม่ออก แต่เมื่อนึกถึงสไตล์เสื้อผ้าเหล่านั้นก็อดโมโหไม่ได้ "แต่คุณก็ไม่ควร…"
"ไม่ควรอะไร? แบบเชยๆ น่ะหรือ?" เขาพูดเยาะๆ "เธอลองไปเปลี่ยนแล้วออกมาดูเองสิว่ามันน่าเกลียดหรือเปล่า!"
"คุณ…!"
ฉันรู้ว่าผู้ชายทื่อๆ อย่างเขาไม่ค่อยรู้จักวิธีพูดดีๆ ฉันจึงไม่พูดอะไรอีกแล้วเลือกชุดมาชุดหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปเปลี่ยน
ฉันเห็นแล้วรู้สึกว่าคอเสื้อมันสูงเกินไป แต่ไม่คิดว่าเมื่อใส่แล้วมันจะสูงกว่าที่คิด
เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จฉันจึงเดินออกไป "คุณดูเอาเองเถอะ!"
ลู่จือสิงกอดอกมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ฉันยังพูดไม่ทันจบเขาก็ดึงฉันเข้าไปในอ้อมแขน แล้วพูดที่ข้างหูของฉันว่า "มีปัญหาตรงไหน ตรงนี้หรือ? หือ?”
ฉันหน้าแดงเมื่อลมหายใจของเขากระทบลงที่ใบหู รีบผลักเขาออกอย่างรวดเร็ว "ฉันจริงจังนะ!"
"ฉันก็จริงจังเหมือนกัน!" เขาพูด แล้วทันใดนั้นก็กัดลงมาที่คอของฉัน ขณะที่มือก็บีบสะโพกของฉันไปด้วย "ฉันจริงจังนะ ใส่แค่ชุดแบบนี้เถอะ!"
พูดจบเขาก็ปล่อยมือและปล่อยฉันให้เป็นอิสระจากอ้อมกอดของเขา
ฉันถูกเขาแหย่จนใบหน้าแดงก่ำและร้อนผะผ่าว ขณะที่ฉันกำลังยกขาขึ้นเตะเขา จู่ๆ หลี่จื่อก็ผลักประตูเข้ามา "ประธานลู่…"
เท้าของฉันหยุดกลางอากาศและเกิดทรงตัวไม่อยู่เพราะรองเท้าส้นสูงที่ใส่มา ขณะที่ฉันกำลังจะล้ม ลู่จือสิงก็เอื้อมมือมาดึงฉันไว้จนฉันเซล้มลงไปในอ้อมกอดของเขา
พอเห็นหลี่จื้อผลักประตูออกไปและปิดประตูลง ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยดีเอาซะเลย
“ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว ออกไปทำงานดีกว่า!”
ตั้งแต่โตมาจนป่านนี้ฉันยังไม่เคยเสียหน้าขนาดมาก่อน
“เธอเขินหรือซูยุ่น?”
ฉันถลึงตาใส่เขานิดหนึ่ง หยิบเสื้อผ้าใส่ถุงแล้วหิ้วออกไป
"รอเดี๋ยว!"
ทันทีที่เดินมาถึงประตู ลู่จือสิงก็เอ่ยรั้งฉันไว้
ฉันหันกลับไปมองเขาอย่างงุนงง "มีอะไรอีกหรือคะประธานลู่?"
ถ้าไม่ใช่เพราะคนคนนี้เอาแต่ล้อเล่น ฉันคงไม่ต้องขายหน้าต่อหน้าหลี่จื้อแบบนี้
ดวงตาของเป็นประกายขณะก้าวเข้ามาใกล้
ฉันไม่รู้ว่าลู่จือสิงคิดจะทำอะไรแต่รู้สึกว่าอยากวิ่งหนีไป ทว่าเขาเคลื่อนที่เร็วกว่าและยื่นมือมาคว้าฉันไว้ "เธอจะวิ่งหนีทำไม?"
ฉันเถียงข้างๆ คูๆ "ใครว่าฉันวิ่งหนี?"
ลู่จือสิงก้มลงมองฉันแล้วอมยิ้ม "ซูยุ่น เธอคงไม่คิดว่าฉันจะ…"
เขายังไม่ทันพูดจบ ฉันก็ผลักเขาออก "คุณกำลังพูดถึงอะไร!"
"เธอก็รู้อยู่ว่าฉันกำลังพูดถึงอะไร ฉันไม่เคยสังเกตมาก่อนเลยว่าความต้องการของเธอจะแรงกล้าขนาดนี้!”
ฉันแทบกระอัก "ลู่จือสิง คุณมันหลงตัวเอง! จริงๆ แล้วเป็นคุณเองนั่นแหละ คุณ…"
ฉันพูดอะไรไม่ออก แล้วทันใดนั้นเขาก็ยื่นมืออ้อมไปทางด้านหลังของฉัน ฉันคิดว่าเขาจะกอดฉันอีกจึงยกมือขึ้นเพื่อผลักเขาโดยไม่รู้ตัว "คุณทำอะไรน่ะ…"
"ป้ายราคา"
ลู่จือสิงแกว่งป้ายราคาที่เขาดึงออกตรงหน้าฉัน ฉันอายมาก "ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปละนะ"
“ซูยุ่น เธอคิดว่าเราสองคนลงมือกันเลยดีไหม”
ฉันเตรียมเปิดประตู ร่างกายเกร็งขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเขา จากนั้นจึงเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปทันที
พอเห็นหลี่จื้อฉันก็หัวเราะไม่ออก
ในตอนเย็นลู่จือสิงต้องไปร่วมงานเลี้ยงทางธุรกิจ ในฐานะผู้ติดตาม พอห้าโมงกว่าๆ ฉันจึงรีบไปแต่งตัว
ลู่จือสิงเลือกชุดออกงานให้ฉัน มันเป็นชุดเดรสสีขาวแขนยาวเปิดไหล่ข้างเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันสวมชุดแบบนี้จึงรู้สึกเขินๆเล็กน้อย
“สวยดี”
ลู่จือสิงเดินเข้ามาขณะที่ฉันกำลังยืนอยู่หน้ากระจก
"ประชุมเสร็จแล้วหรือ?"
เขากวาดสายตามองฉัน ดวงตาสีเข้มของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม "เสร็จแล้ว" เขาพูดและหยุดไปนิดหนึ่ง จากก็เดินมาหยุดอยู่ข้างหลังฉัน โน้มก้มศีรษะลงมาแล้วเอ่ยว่า "ฉันไม่ควรเลือกเดรสตัวนี้เลย"
ฉันมองตัวเองในกระจกก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ "ทำไมล่ะ เดรสตัวนี้มีอะไรผิดปกติหรือ?"
เขาทำเสียงฮึอย่างเยือกเย็น "ก็เพราะไม่มีอะไรผิดปกตินะสิ"
ฉันรู้สึกขัน ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี "ลู่จือสิง คุณหยุดทำตัวเป็นเด็กๆ ได้แล้ว?!"
เขาหัวเราะในลำคอนิดหนึ่ง "ไปกันเถอะ"
ฉันเอื้อมมือไปคล้องแขนเขาไว้แล้วเดินออกไปพร้อมกัน
แขกในค่ำคืนนี้มีแต่นักธุรกิจ ในฐานะภรรยาของลู่จือสิง รอยยิ้มของฉันดูฝืนๆ เล็กน้อย
หลังจากประธานหลินแห่งบริษัทฟู่เจี้ยนผละไปแล้ว ลู่จือสิงก็ปล่อยฉัน "เธอไปพักหาอะไรกินก่อนเถอะ"
ฉันพยักหน้า "แล้วคุณล่ะ? หิวหรือเปล่า พักสักนิดก่อนไหม"
ลู่จือสิงสั่นศีรษะปฏิเสธ ฉันจึงต้องไปเองคนเดียว
แม้ว่าลู่จือสิงจะพาฉันไปกินข้าวเย็นก่อนมาที่นี่แล้ว แต่หลังจากยืนมานานกว่าครึ่งชั่วโมงฉันก็หิวขึ้นมาอีก จึงหยิบจานแล้วมองหาของกินทันที
“ซูยุ่น”
ขณะที่ฉันกำลังกัดเค้กอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของชวี่ชิงหนานดังขึ้น จึงอดแปลกใจไม่ได้ "คุณชวี่่?"
MANGA DISCUSSION