คำพูดของจ้าวชิงหรานยิ่งทำให้ความโกรธในใจของฉันคุกรุ่น แต่เมื่อคิดได้ว่าที่นี่คือที่ทำงาน ฉันจึงข่มความรู้สึกเอาไว้ “ลู่จือสิงกำลังประชุมอยู่ ถ้าพวกคุณมีเรื่องที่ต้องคุยกัน รบกวนรอสักครู่ค่ะ”
ฉันวางสีหน้าเรียบเฉยและพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการขณะพาจ้าวชิงหรานไปยังที่สำหรับนั่งรอ
“ไม่นึกว่าเธอจะมาทำงานที่เฟิงเหิงนะซูยุ่น จือสิงบอกว่าคุณไม่เต็มใจมาทำงานที่นี่ไม่ใช่หรือ”
ฉันไม่คิดว่าลู่จือสิงจะเล่าเรื่องนี้ให้จ้าวชิงหรานฟัง ตอนแรกฉันว่าจะไปนำน้ำมาเสิร์ฟให้เธอสักแก้ว แต่พอได้ยินแบบนี้ฉันจึงเดินกลับไปนั่งในของตัวเองโดยไม่แสดงท่าทีใดๆ
ผ่านไปราวสิบนาที อยู่ๆ จ้าวชิงหรานก็พูดขึ้นมา “ซูยุ่น ที่เฟิงเหิงต้อนรับแขกอย่างนี้เหรอ? ฉันนั่งอยู่ตรงนี้สิบกว่านาทีแล้ว ยังไม่เห็นมีน้ำมาให้ฉันสักแก้ว”
เธอมองฉันและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อย่างจงใจกลั่นแกล้ง
ฉันเหลือบมองเธอนิดหนึ่ง ไม่อยากสร้างปัญหาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงาน จึงลุกไปหยิบน้ำมาให้เธอหนึ่งแก้ว “นี่ค่ะคุณจ้าว”
“อ๊ะ…”
"เกิดอะไรขึ้น?"
ฉันยังไม่ทันทำอะไรก็ได้ยินเสียงของลู่จือสิงดังขึ้นและในวินาทีถัดมาก็ถูกเขาดึงตัวออกไป
“ฉัน…”
“คุณซู ฉันมาหาจือสิงเพราะมีธุระต้องคุย คุณไม่เห็นต้องทำกับฉันแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าเลย”
จ้าวชิงหรานเทน้ำลงบนกระโปรงของตัวเองแล้วใส่ร้ายฉัน ต่อให้ฉันโง่แค่ไหนก็ดูออกว่าเธอพยายามทำให้ฉันกับลู่จือสิงแตกคอกัน
ตอนนี้ความจริงเป็นอย่างไรไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือลู่จือสิงคิดอย่างไรมากกว่า
ฉันหันไปมองลู่จือสิงโดยอัตโนมัติ เขาขมวดคิ้วหันมามองฉันนิดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นจึงหันไปมองจ้าวชิงหราน “คุณจ้าว เข้ามานี่หน่อย”
พูดจบเขาก็ปล่อยฉันแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน
ฉันมองแผ่นหลังเขาทั้งสองคนที่เคียงคู่กันไปอย่างเลื่อนลอย กระโปรงที่เปียกน้ำทำให้ฉันรู้สึกหนาว แต่ ณ ตอนนี้ไม่มีอะไรหนาวไปกว่าหัวใจของฉันอีกแล้ว
“คุณหญิงลู่…”
หลี่จื้อที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยเรียก เขามองฉันราวกับว่าอยากจะช่วยแก้ตัวแทนลู่จือสิง ฉันยกมือขึ้นขัดจังหวะไม่ให้เขาพูดสิ่งที่ตั้งใจ “เลขาหลี่ ฉันรู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ขอกลับบ้านไปพักก่อนนะ”
“คุณนายลู่…” หลี่จื้อยื่นมือมาขวางฉันไว้ “ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ประธานลู่ทำ แต่กับบางอย่าง ความเป็นจริงอาจไม่ใช่อย่างที่เห็นก็ได้ ถ้าคุณหนีไปแบบนี้ มีแต่จะทำให้ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งของพวกคุณสองคนยิ่งฝังลึกมากขึ้น”
คำพูดของหลี่จื้อทำให้ฉันสับสน ฉันรู้ว่าตัวเองไม่ควรวิ่งหนีปัญหาอย่างนี้ แต่ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากจริงๆ เมื่อนึกถึงท่าทีของลู่จือสิงเมื่อครู่นี้ ฉันทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าสามีของฉันจะเชื่อใจผู้หญิงอื่นมากกว่าฉัน
ไม่… นั่นไม่ใช้ผู้หญิงอื่น แต่นั่นคือรักแรกของเขา
“หลี่จื้อ ขอฉันอยู่เงียบๆ คนเดียวนะ”
หลี่จื้อยังคงไม่ยอมให้ฉันไปไหน ฉันรู้สึกขุ่นเคืองจึงกระทืบเท้าอย่างหัวเสียแล้วเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง “หลี่จื้อ!”
ตอนนั้นเองอยู่ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักออก ฉันชะงักไปนิดหนึ่ง พอหันกลับไปมองก็เห็นจ้าวชิงหรานเดินออกมาจากในนั้น
ใบหน้าของเธอขาวซีดต่างจากสีหน้าลำพองใจเมื่อครู่นี้อย่างสิ้นเชิง เธอเดินผ่านไปโดยไม่เหลือบมองฉันสักนิด
ฉันขมวดคิ้วนิดหนึ่งก่อนจะฉวยโอกาสตอนที่หลี่จื้อกำลังงงงันรีบผละจากเขาแล้วตามจ้าวชิงหรานออกไป
แต่ก้าวไปเพียงไม่กี่ก้าวก็ถูกลู่จือสิงรั้งเอาไว้ “เธอจะไปไหน”
เขาก้มลงมองฉันด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมหน่อยๆ
ฉันสะบัดมือเขาออกอย่างแรงเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่สลัดไม่หลุด แล้วลู่จือสิงก็ดึงฉันเข้าไปในห้องทำงานทันที
ฉันตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา ก่อนจะเอ่ยเรียกหลี่จื้อโดยไม่รู้ตัว “เลขาหลี่ คุณ…”
หลี่จื้อรีบเบนสายตาไปทางอื่น ในวินาทีถัดมาลู่จือสิงก็ปิดประตูห้องทำงานทันที
“จะไปไหน”
น้ำเสียงที่เขาใช้ซักถามทำให้ฉันทั้งน้อยใจและอึดอัด ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วยิ้มเยาะ “ประธานลู่ยังสนใจด้วยเหรอว่าฉันจะไปไหน? ไม่ใช่ว่าเจอคนที่หมายปองแล้วนึกอยากรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ หรอกหรือ? ฉันจะไปไหนแล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ!”
ลู่จือสิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นหลังจากฟังฉันพูดจบ “ซูยุ่น เธอเคยเชื่อใจฉันสักนิดไหม?”
“แล้วคุณล่ะ เชื่อใจฉันหรือเปล่า”
ฉันอดไม่ได้ที่จะเถียงกลับ
เขาชะงักไปเล็กน้อย “ฉันเริ่มเรียนรู้ที่จะเชื่อใจเธอแล้ว!”
ฉันยิ้มเยาะ “งั้นคงต้องขอบคุณประธานลู่จริงๆ ที่เริ่มเรียนรู้บ้างแล้ว แต่ว่าตอนนี้ฉันไม่ต้องการมันแล้ว ฉันรู้สึกไม่สบาย อยากกลับบ้าน!”
ฉันพยายามง้างมือของเขาออกขณะที่พูด แต่แทนที่จะปล่อยฉัน เขากลับยิ่งออกแรงจับข้อมือของฉันแน่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าต้องการจะหักมันอย่างไรอย่างนั้น
ฉันโกรธจนทนไม่ไหวจึงกัดเข้าไปที่หลังมือของเขา พอกัดแล้ว น้ำตาของฉันก็พลันไหลออกมาเองอย่างห้ามไม่อยู่ “ลู่จือสิง คุณหยุดหลอกลวงได้แล้ว”
เขาชะงักไปเมื่อเห็นว่าฉันร้องไห้ แม้ว่าสีหน้าจะยังเคร่งขรึมแต่ทว่าไม่มีความเย็นชาหลงเหลืออยู่แล้ว “ซูยุ่น เธอมั่นใจในตัวเองบ้างไหม”
เขาถอนหายใจขณะเช็ดน้ำตาให้ฉัน
ฉันหัวเราะเยาะ “ฉันมั่นใจเต็มที่มาตลอด แต่ฉันไม่เคยถือดีเลย”
“นั่นเธอจะไปไหน?”
สายตาของเขาจ้องแน่วแน่มาที่ฉันจนฉันต้องเบือนหน้าหนี “ฉันรู้สึกไม่สบาย”
“ไม่สบายตรงไหน? หือ?” เขาทำเสียงขึ้นจมูก ทันใดนั้นก็โน้มศีรษะลงมาขบที่ติ่งหูพร้อมกับวางมือลงตรงหน้าอกข้างซ้ายของฉัน “ตรงนี้หรือเปล่า หึงมากไปจนไม่สบายใช่หรือเปล่า”
ฉันทั้งอับอายและไม่พอใจเมื่อเขาพูดแทงใจดำ จึงยกมือขึ้นผลักเขา “อย่ามาแตะฉัน ฉันจะลากลับบ้าน!”
ลู่จือสิงตรงเข้ามาโอบฉันไว้ “กลับบ้านทำไม ฉันอยู่ที่ไหน บ้านของเธอก็อยู่ที่นั่น!” เขาเอ่ยพลางอุ้มฉันขึ้นมาในทันที
ฉันไม่คิดว่าลู่จือสิงจะพูดจาด้วยคำหวานๆ เป็นด้วย จึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ แล้วเขาก็อุ้มฉันเข้าไปในห้องนั่งเล่น
ฉันเริ่มรู้สึกตัวอีกทีเมื่อเขาวางฉันลงบนเตียง “คุณทำอะไรน่ะ”
เขาเลิกคิ้ว “เธอกำลังคิดอะไรอยู่ซูยุ่น”
เขาจงใจกดเสียงต่ำลง เห็นได้ชัดว่าเป็นการพูดธรรมดา แต่แววตากับน้ำเสียงหยอกเย้าของเขานั้นทำให้ฉันอายจนหน้าแดง
ฉันปั้นหน้าเย็นชา “อยากกลับบ้าน”
“เฮอะ”
เขาหัวเราะเยาะ ก่อนจะก้าวเดินออกไปแล้วปิดประตูตามหลัง
ฉันลุกขึ้นวิ่งไปที่ประตูแล้วพยายามเปิดมันออก แต่ปรากฏว่าลู่จือสิงล็อกมันจากอีกด้านหนึ่ง!
ฉันตัวสั่นด้วยความโกรธพลางยกมือขึ้นตบประตู “ลู่จือสิง คุณขังฉันไว้ทำไม ฉันจะออกไป!”
ไม่มีใครตอบ… และยังไม่มีใครตอบกลับเหมือนเดิมหลังจากฉันส่งเสียงเรียกไปอีกครั้ง
ตอนที่จ้าวชิงหรานจงใจเทน้ำที่ฉันกำลังยกไปให้ น้ำส่วนใหญ่หกลงมาที่ตัวฉัน ตอนนี้กระโปรงของฉันเปียกชื้นจนทำให้รู้สึกอึดอัดมาก
ฉันไม่รู้ว่าลู่จือสิงขังฉันไว้ที่นี่ทำไม ฉันทนไม่ไหวจึงตัดสินใจถอดกระโปรงออกแล้วใช้ไดร์เป่าผมเป่าให้แห้ง ทว่าในตอนนั้นอยู่ๆ ประตูก็เปิดออกมาอย่างกะทันหัน…
MANGA DISCUSSION