ฉันยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาลู่จือสิงก็เดินไปแล้ว
เวลานี้ฉันเข้าไปยุ่งได้ไม่มาก ก่อนหน้านี้คุณปู่ก็ยังดีอยู่ ทำไมจู่ๆถึงเกิดเรื่องได้
ลู่จือสิงขับรถออกไปด้วยความเร็วมาก ฉันหันไปมองเขา และอดไม่ได้ที่จะเอื่อมมือไปจับเขา "ลู่จือสิง ท่านจะไม่เป็นอะไร"
เขาไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่มองไปด้านหน้า เส้นเลือดบนหน้าเขาก็ตึงขึ้นทำให้อึดอัด
เมื่อไปถึงโรงพยาบาลคุณลุงคุณป้าของลู่จือสิงก็ไปถึงแล้ว ลู่เว่ยกั๋วและจงฮุ่ยหรานก็อยู่ที่นั่นด้วย
มีคนจำนวนมากยืนอยู่ตรงทางเดินยาว
ฉันมองไปที่ลู่จือสิง เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง มือของเขากำแน่นจนเห็นเส้นเลือดสีน้ำเงิน
ฉันเม้มริมฝีปาก และเอื่อมมือไปจับมือเขาไว้
เขาหันมามองฉันแวบหนึ่ง และพลิกมือมาจับมือฉัน
ฉันหันมองเขา และเรียกชื่อเขาอย่างระมัดระวัง "ลู่จือสิง"
เวลานี้เขาถึงได้ขยับตัว ตอนนี้ลู่เว่ยกั่วก็ได้ถามอาการกับคุณหมอแล้ว แต่สีหน้าของคุณหมอไม่ค่อยดีนัก เขาแกะแมสออกและส่ายหน้า "ขอโทษด้วยครับ พวกเราพยายามเต็มที่แล้ว ร่างกายคุณท่านลู่ถึงขีดจำกัดแล้ว คืนนี้คุณท่านลู่ตื่นขึ้นมา ทุกคนก็รีบดูใจท่านเถอะ"
คำพูดของหมอทำให้ฉันแข็งไปทั้งตัว ฉันไม่คิดว่าคุณปู่ที่ฉันเพิ่งจะเล่นหมากรุกกับท่านไปเมื่อไม่กี่วันก่อนจะต้องมาเป็นแบบนี้
มือของฉันรู้สึกปวด เพราะลู่จือสิงกำมือฉันไว้แน่น ฉันปวดจนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ฉันมองเขาแต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร "ลู่จือสิง"
เขาไม่พูดอะไรเลย เขาปล่อยมือฉันและหันตัวเดินออกไป
ฉันอึ้งอยู่ครู่หนึ่่ง แล้วก็รีบตามเขาไป
ลู่จือสิงขายาว เดินก็เร็ว ขาสั้นๆของฉันเกือบจะตามเขาไม่ทัน
"ลู่จือสิง คุณปู่ท่าน………"
เขาหยิบบุหรี่ออกมาจากกระเป๋า สีหน้าขรึม ฉันเห็นแล้วได้แต่รู้สึกปวดใจ
ลมหนาวยามค่ำคืนพัดผ่านมา ลู่จือสิงยังคงไม่พูดอะไรสักคำ
ไม่รู้ว่าพวกเรายืนอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว จนกระทั้งเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ลู่จือสิงดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาถึงได้ขยับตัว แล้วรับโทรศัพท์
และตัดสายภายในไม่กี่วินาที "คุณปู่ฟื้นแล้ว
ฉันพยักหน้า อดไม่ได้ที่จะปวดใจ "พวกเราเข้าไปหาคุณปู่เป็นคนสุดท้ายเถอะ"
"อืม"
เขาตอบฉันอย่างเคร่งขรึม พร้อมกับดับบุหรี่ในมือแล้วเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาล
ฉันเดินตามหลังเขาไป เมื่อกลับเข้าไปเสียงร้องไห้อันหดหู่ก็ดังก้อง
เมื่อฉันและลู่จือสิงปรากฏตัวพวกเขาก็หันมองพวกเราแวบหนึ่ง จงฮุ่ยหรานมองมาที่ลู่จือสิงและพูดว่า "จือสิง คุณเข้าไปเถอะ คุณปู่อยากเจอคุณ"
ความหมายที่เธอพูดมันชัดเจนมาก
ฉันปล่อยมือ ลู่จือสิงจึงหันกลับมามองฉันและขมวดคิ้ว
ฉันถอยหลังมาก้าวหนึ่ง "คุณเข้าไปเถอะ"
"ยังไม่เข้าไปอีกเหรอ?"
ลู่เวยกั่วพูด ในที่สุดลู่จือสิงก็ไม่ได้รอฉันอีก เขารีบเดินเข้าไปทันที
ฉันรู้ว่าแต่ไหนแต่ไรฉันก็ไม่ได้เป็นคนตระกูลลู่ แต่เมื่อก่อนไม่ได้รับรู้อย่างลึกซึ้งขนาดนี้ แต่วันนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลลู่เลย
เมื่อรอให้เรื่องของคุณปู่จบลง เรื่องระหว่างฉันกับลู่จือสิงก็คงจบลงแล้ว
ลู่จือสิงอยู่ในนั้นไม่นานเขาก็ออกมาแล้ว เมื่อเขาออกมาก็มองตรงมาที่ฉัน "ซูยุ่น คุณปู่อยากพบคุณ"
ฉันตกใจ ยังไม่ทันได้สติ ลู่จือสิงก็พูดขึ้นอีกครั้ง "คุณปู่อยากเจอคุณ"
ถึงตอนนี้ฉันถึงได้รู้ว่าลู่จือสิงหมายความว่าอะไร ญาติๆของลูจือสิงก็ถอนหายใจด้วยความประหลาดใจ ไม่นานทุกคนก็เปลี่ยนเป็นกระซิบคุยกัน
ฉันพยักหน้า และผลักประตูเดินเข้าไป
เมื่อเห็นคุณปู่ น้ำตาของฉันก็ไหลออกมา
ฉันถูกคุณยายเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ฉันจึงรู้สึกดีกับผู้ใหญ่เป็นพิเศษ ระยะเวลาที่ได้รู้จักคุณปู่ไม่นานนัก แต่ฉันรู้ว่าท่านเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี
ไม่กี่วันที่ผ่านมาคุณปู่ยังสามารถพูดคุยและหัวเราะกับฉันได้ แต่วันนี้กลับต้องมานอนบนเตียงผู้ป่วยแล้วยังใส่เครื่องช่วยหายใจอีก
"เด็กดื้อ"
เมื่อได้ยินคุณปู่เรียกฉัน ฉันก็รีบไปจับมือท่านทันที "คุณปู่ ฉันอยู่นี่ค่ะ"
"ปู่…….ปู่ชอบ…..ชอบเธอมากนะ เธอ…เธอต้อง…..ต้องอยู่…..กับลู่…ลู่จือสิงนะ"
คนแก่ ที่ใกล้จะหมดเวลาชีวิตแล้ว แต่กลับยังห่วงลูกหลาน ฉันอยากจะกลั้นน้ำตาไว้ แต่กลั้นไว้ไม่อยู่ ฉันได้แต่มองคุณปู่ผ่านม่านน้ำตา "คุณปู่ ฉันก็ชอบคุณปู่มากๆค่ะ"
"นิ……นิสัยของลู่จือสิง ไม่….ไม่ค่อยดี เธอ…..เธอต้อง…………………………………."
"ตู้ดดดดดดดดดดด…………………………………………"
มือของคุณปู่ตกลงพื้น ฉันตะลึงอยู่อย่างนั้น เมื่อได้สติก็รีบจับมือคุณปู่และเรียกให้ท่านตื่อน "คุณปู่"
เเต่ท่านก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกแล้ว มีคนวิ่งเข้ามา ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงแตกตื่น
ฉันถูกผลักไปมา จนสุดท้ายอ้อมกอดที่อบอุ่นก็โอบกอดฉันเอาไว้ ฉันถึงได้รู้สึกปลอดภัย
ลู่จือสิงไม่ได้เดินไปอยู่ด้านหน้า แต่เขาโอบฉันไว้และไปอยู่นอกวงล้อม มองดูผู้คนที่ร้องไห้ระงมอยู่รอบ ๆ เตียงของคุณปู่ มีเพียงเส้นเลือดบนหน้าผากเท่านั้นที่เผยให้เห็นอารมณ์ของเขา
คุณหมอเดินเข้ามาตรวจเป็นครั้งสุดท้าย ผลวินิจฉัยสุดท้ายคือคุณปู่จากไปแล้ว
ฉันรู้สึกเหมื่อนกับว่าได้ย้อนกลับไปในคืนที่คุณยายจากไป เรื่องการเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องยอมรับ
คุณลุงคุณป้าของลู่จือสิงรวมถึงลู่เว่ยกั่วกำลังปรึกษากันเกี่ยวกับเรื่องของคุณปู่ และลู่จือสิงก็ได้ยินด้วย เขาดึงฉันออกไปจากห้องด้วยใบหน้าที่ครึม
ช่วงฤดูหนาวในเมื่องเอหนาวจับใจ ฉันและลู่จือสิงยืนอยู่ด้านนอกโดยไม่พูดอะไร และไม่รู้ว่าควรพูดอะไรด้วย
"น่าตลกดีใช่ไหม"
จู่ๆลู่จือสิงก็พูดขึ้นมา ฉันอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาว่าเขาพูดอะไรจึงเงยหน้าขึ้นมองเขาและพูดว่า "ไม่เลย"
เขากัดริมฝีปาก แต่ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม "นี่มันแค่เริ่มต้น ซูยุ่น"
ฉันไม่เข้าใจเลยว่าลู่จือสิงหมายความว่าอะไร เพียงแต่เขาที่เป็นแบบนี้ทำให้ฉันยิ่งปวดใจมาก
ฉันอดไม่ได้ที่จะกอดเขาไว้แน่น "คุณปู่เพียงแค่อยากให้คุณมีความสุขนะ ลู่จือสิง"
คุณปู่ยังพูดไม่จบ แต่สำหรับผู้ใหญ่แล้ว ก็หวังเพียงจะให้ลูกหลานมีความสุข
เขาไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่ซบลงมาที่ไหล่ฉัน "ซูยุ่น"
"อืม ฉันอยู่ตรงนี้"
หลายวันหลังจากนั้น ในที่สุดฉันก็เข้าใจสิ่งที่ลู่จือสิงพูด เรื่องเหล่านั้นเดิมทีฉันคิดว่ามีเพียงแค่ในละคร ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงของฉัน
MANGA DISCUSSION